หลังจากกู้หงเซินออกไป ชวี่ยี่มองอยู่ข้างๆรู้สึกไม่ถูกต้องอย่างมาก
เขาแปลกใจ คนคนนี้ทำไมถึงหากู้ฉางซินเจอก่อนพวกเขา?
อีกทั้งยังไม่ใช่ว่าเขารักกู้ฉางซินมากหรือไง?
ตอนนี้คุณนายรองยังไม่ฟื้น เขาควรจะอยู่ที่นี่หรือเปล่านะ?
เขาอยากจะถามออกไป แต่เมื่อเหลือบมองท่านประธานเฝ้าคุณนายรองไม่ห่าง ความสงสัยที่ติดอยู่ที่ปากก็ถูกกลืนลงไป
เมื่อเขาคิดอีกเรื่องก็ไปรบกวนเรื่องก่อนหน้าทันที
“ท่านประธาน ได้รับข่าวมาแล้วครับว่าพวกมันหนีไปแถวภูเขา ทางด้านตำรวจช่วยพวกเราเต็มที่ เตรียมตัวเข้าไปล่าหัวพวกมันแล้วครับ”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแบบนั้น ใบหน้าตึงทันที
“ให้พวกเขาจับเอาไว้ ห้ามให้หนีไปได้เด็ดขาด!”
ชวี่ยี่พยักหน้าเข้าใจ พลัดสายตาไปมองเฟิงจิ่งเหยาที่จดจ้องกู้ฉางฉิง เขาใช้สายตาส่งสายตาให้มั่วหลีแล้วลากเธอออกจากห้องพักไป
จริงๆแล้วมั่วหลีไม่อยากจะออกไปด้วยอยู่แล้วนั้น ยิ่งไม่คิดอีก เธอออกแรงเยอะผิดปกติ นั่นทำให้เธอต่อต้านไม่ได้
“นายทำอะไร?”
มั่วหลีออกมาจากห้อง ถามออกไปอย่างอารมณ์เสีย สบัดมือชวี่ยี่อย่างแรง
ชวี่ยี่ปล่อยมือจากเธอ หัวเราะเบาๆ “มีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จริงๆหรือว่าว่าทำไมเธอถึงถูกท่านประธานดีดออกมา”
เขาพูดไป กวาดสายตาไปมองภาพที่ลึกซึ้งในห้องพักผู้ป่วย พูดด้วยความโกรธไปว่า “ไม่เห็นหรอว่าท่านประธานไม่ต้องการคนดูแลแล้ว? เข้าใจหน่อย”
พูดจบ เขาก็ไม่สนใจมั่วหลี หมุนตัวเดินออกไป ไปทำธุระที่เฟิงจิ่งเหยาสั่งมา
มั่วหลีมองแผ่นที่ห่างออกไปของเขา แล้วมองไปที่ห้องพักอีกครั้ง เฟิงจิ่งเหยาเช็ดตัวให้กู้ฉางฉิงอย่างอ่อนโยน ใบหน้าอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด
เธอไม่ใช่มีตาหามีแววไม่ แต่เธอตั้งใจทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ในเวลาเดียวกัน ณ โรงพยาบาลกู้ซือ
กู้ฉางซินเพิ่งจะตรวจร่างกายเสร็จ เมื่อเห็นกู้หงเซิน ฉายแววประหลาดใจ
“พ่อมาได้ยังไงคะ?”
กู้หงเซินโบกมือ พูดอย่างห่วงใย “พ่อไม่วางใจลูกเลยมาดูสักหน่อย”
กู้ฉางซินฟังแบบนั้น รู้สึกอบอุ่นในใจ แต่เมื่อคิดถึงกู้ฉางฉิงที่เป็นตายร้ายดียังไงไม่รู้ ก็อดถามไม่ได้ “พ่อ กู้ฉางฉิงเป็นยังไงบ้าง?”
“เธอพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ เฟิงจิ่งเหยาดูแลอยู่ ไม่ต้องกังวลหรอก”
กู้หงเซินตอบกลับง่ายๆ กู้ฉางซินได้ว่าเฟิงจิ่งเหยาอยู่ด้วย คิ้วขมวดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็คงเสร็จแล้วล่ะ”
เธอถอนหายใจเบาๆ
กู้หงเซินรู้ว่าเธอพูดถึงอะไร พยักหน้าเห็นด้วย “แน่นอน โชคดีที่เรื่องตอนนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไร”
พูดไป เขาก็เหมือนจะคิดอะไรออก ใบหน้าเอ็นดูยามมองไปที่กู้ฉางซิน
“ใช่สิ ลูกตรวจร่างกายเสร็จหรือยัง?หมอว่ายังไงบ้าง เด็กในท้องเป็นอะไรไหม?”
กู้ฉางซินได้ยินแบบนั้น ใบหน้าแขวนรอยยิ้มแห่งความเป็นแม่ “วางใจเถอะ เด็กไม่เป็นอะไร แค่แผลถลอกนิดหน่อย”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ดวงตาดำทมิฬ
ยิ่งเมื่อคิดถึงเทียนหู ไฟโทสะก็ยิ่งลุกโชน
เธอมองไปที่ชายชุดดำข้างๆ ถามเสียงเย็น “คนที่ลักพาตัวฉันครั้งนี้ พวกนายรู้แล้วยังว่ามันเป็นพวกไหน?”
ชายชุดดำมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่ต้องเดาเลยว่าเธอคิดอะไร
“คุณกู้ คุณชายบอกแล้วว่าเรื่องนี้คุณอย่ายื่นมือเข้ามายุ่ง ท่านจะจัดการเอง ให้คุณรีบกลับไป อย่าเที่ยวเล่นอยู่ในประเทศนานเกินไป”
กู้ฉางซินเม้มปาก สีหน้าอมทุกข์ไม่พอใจ
แต่เมื่อคิดถึงนิสัยของคนคนนั้น เขาพูดว่าจัดการได้ก็ต้องเก็บเก็บพวกนั้นได้
และด้วยเหตุนี้ เขาเก็บความไม่พอใจเอาไว้ พยักหน้ายอมรับคำพูดของชายชุดดำ
หลังจากนั้นสองวัน ลมข้างนอกพัดแรง
แต่ทว่าโรงพยาบาลกลับเงียบเหงา
กู้ฉางฉิงหลังจากการผ่าตัดก็หลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำให้เฟิงจิ่งเหยาที่ดูแลเธอมาตลอดกังวลไม่ตก
โชคดีที่ก่อนเขาจะหมดความอดทน ในที่สุดกู้ฉางฉิงก็ตื่นขึ้น
เธอ…..ยังมีชีวิตอยู่?
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ เปิดตามองเพดานอย่างนิ่งอึ้ง ราวกับได้ชีวิตใหม่
เธอดึงสติกลับมา อยากจะพลิกตัวกลับดึงแผลเข้าให้ เจ็บจนชา น้ำตารื้นขึ้นมา ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเฟิงจิ่งเหยานอนอยู่บนโซฟาข้างๆ
และในตอนนั้นเฟิงจิ่งเหยาก็ถูกเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอสะดุ้งตื่น
เขารีบเปิดตาขึ้น ภาพที่เขาเห็นทั้งดีใจทั้งเจ็บใจ
“ฉางซิน อย่าขยับ!”
เขาก้าวฉับไปที่เตียง ไปขวางกู้ฉางฉิงที่คิดจะลงจากเตียงด้วยความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็กดเรียกพยาบาล
“เธอจะทำอะไร?”
กู้ฉางฉิงมองเฟิงจิ่งเหยา นิ่งอึ้งไปทั้งตัว
“จิ่งเหยา…..”
เธอพูดด้วยความยากลำบาก ความน้อยใจพรั่งพรูออกมา
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินน้ำเสียงสะอึกสะอื้นของเธอ แล้วยังตาแดงๆนั่นอีก เจ็บจนหายใจแทบไม่ออก
“ฉันอยู่นี่ เธออยากทำอะไร?บอกฉันสิ ฉันจะช่วยเธอ”
เขาพูดไป ปัดผมที่กระจัดกระจายบนแก้มของกู้ฉางฉิงเบาๆ
กู้ฉางฉิงไม่พูดอะไร เพียงแค่จับมือเฟิงจิ่งเหยาแน่น
สองมือสวยสั่นระริก ราวกับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
เฟิงจิ่งเหยาคิดไปว่ากู้ฉางฉิงนึกถึงการลักพาตัวก่อนหน้าจึงปลอบเธอไม่หยุด
และเมื่อคุณหมอเข้ามา
เฟิงจิ่งเหยาเห็นแบบนั้นพูดปลอบกู้ฉางฉิงไปว่า
“ฉางซิน เดี๋ยวเรานอนลงก่อนให้หมอดูแผลสักหน่อยนะ”
กู้ฉางฉิงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ตัวเธอถูกเขากดเบาๆให้นอนลงบนเบาะ
กลับไม่รู้ว่า กู้ฉางฉิงล้มตัวลงนอนอีกรอบนั้น ยิ่งทำให้เธอคิดฉากที่ถูกผลักให้ออกไปรับมีดตอนนั้น
ตอนนั้นเธอก็ล้มตัวลงที่พื้นแบบนี้ เจ็บทั้งตัวจนไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร
มันเห็นชัดว่ากู้หงเซินและกู้ฉางซินที่อยู่ไม่ไกลนั้นไม่มีใครคิดจะช่วยเธอเลย
เธอคิดอย่างรันทด น้ำตาร่วงไหลอย่างควบคุมไม่ได้
ในสายตาพวกเขาชีวิตของเธอมันไม่มีค่าเลยหรือไง?
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ความคิดของเธอ เมื่อเห็นเธอน้ำตาไหลไม่หยุดและสั่นไปทั้งตัวนั้น ไม่สบายใจอย่างมาก รู้สึกเจ็บแทน
“ท่านประธานเฟิง อาการคุณนายรองค่อนข้างดีขึ้นแล้ว เพียงแต่อย่าให้แผลติดเชื้อ หลังจากนั้นพักผ่อนเยอะๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
หมอพูดสรุป เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเบาใจ
“รบกวนคุณหมอวะเยอะเลย”
เขาพูดขอบคุณเบาๆ หมอประหลาดใจเล็กน้อย แล้วก็กำชับสองสามประโยค ถึงจะพาพยาบาลออกไป
เมื่อพวกเขาออกไป เฟิงจิ่งเหยามองกู้ฉางฉิงที่ยังจมอยู่ในอารมณ์โศกเศร้า ยิ่งเพิ่มความทุกข์ใจอย่างมาก
เขายื่นมือออกไปกุมมือกู้ฉางฉิง พูดปลอบใจ “ฉางซิน ไม่เป็นไรแล้วนะ”
พอกู้ฉางฉิงได้ยินคำพูดเขา น้ำตาก็ยิ่งไหล
เฟิงจิ่งเหยามองไป เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ ราวถูกมือใหญ่ๆมาบีบหัวใจเอาไว้
“ฉันไม่ดีเอง ฉันสัญญากับเธอว่ามันจะไม่มีครั้งหน้าอีก”
เช็ดน้ำตาบนหน้ากู้ฉางฉิงไม่ทำให้กู้ฉางฉิงเจ็บ กอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
“ขอโทษที่ตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือที่สุดแล้วฉันกลับไม่ได้อยู่ข้างๆเธอ”
กู้ฉางฉิงฟังคำขอโทษของเขา ยิ่งรู้สึกอ่อนโยน ความอบอุ่นในอ้อมกอดนั้น ทำให้ความรู้สึกที่กักเก็บเอาไว้ก่อนหน้าระเบิดออกมา ร้องไห้อย่างหนัก
“จิ่งเหยา ฉันคิดว่าฉันจะตายไปแล้ว คิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว…..”