สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 389 เขาไม่ต้องการปล่อยคนไป

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ก็ไม่ได้พูดอะไร

ชวี่ยี่เห็นเช่นนั้น รู้ว่าของถูกยืนยันแล้ว ก็พูดร้องขอว่า : “ในเมื่อไม่มีปัญหาแล้ว ยังไม่รีบปล่อยท่านประธานของพวกกูอีก!”

เย่าซือจ้องมองหน้าเขา หัวเราะเบาๆ

ชวี่ยี่มองเห็นความผิดปกติ ก็เคร่งเครียดขึ้นมา

“มึงหมายความว่ายังไง?”

เขาพูดจบ ก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาโดยจิตใต้สำนึก

ใครจะรู้ เหตุการณ์นี้ไม่เกินความคาดหมายของเฟิงจิ่งเหยา นั่งนิ่งๆอยู่บนเก้าอี้

เป็นธรรมดาที่เย่าซือจะเห็น เลิกคิ้วเล็กน้อย ยิ้มพูดว่า : “หมายความว่าอะไรนะหรอ? แน่นอนกูกับประธานเฟิงเจอกันครั้งแรกก็เหมือนสนิทสนมกันมานาน อยากให้เขาอยู่คุยเล่นกันหน่อย”

พูดจบ คนโดยรอบที่ยืนอยู่ก็ทยอยลุกขึ้นมา กลุ่มชายร่างสูงใหญ่ด้านนอกประตูก็โผล่เข้ามา

เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าเขาไม่ต้องการปล่อยคนไป

“นี่มึงจะผิดสัญญาหรอ?”

ชวี่ยี่โกรธอย่างมาก

“กูจะเตือนมึงไว้เลยนะ ถ้ามึงกล้าทำท่านประธานของพวกกู……”

เดิมทีเขาอยากจะพูดข่มขู่ แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูเฟิงจิ่งเหยาตำหนิ

“ชวี่ยี่!”

สองคำสั้นๆ ก็สงบลงอย่างมาก

ไม่มีทางเลือก ชวี่ยี่ทำได้เพียงอดทนต่อความโกรธในใจและยืนอยู่ข้างๆดฟิงจิ่งเหยา

เย่าซือมองเขา และกวาดสายตาไปมองเฟิงจิ่งเหยา รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจฉายไปทั่วใบหน้า

“ดูเหมือนว่าประธานเฟิงจะเริ่มรู้สถานการณ์แล้ว”

เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเขาอย่าเย็นชา ขมวดคิ้วพูดว่า : “มึงคิดจะทำอะไร?”

เย่าซือได้ยิน ยกแก้วเหล้าข้างๆขึ้นมาพิจารณา โยกไปโยกมา

“กูคิดจะทำอะไร ประธานเฟิงน่าจะรู้ไม่ใช่หรอ? จะว่าไป ประธานเฟิงมีกลอุบายที่ดีจริงๆ ช่วงนี้กูสูญเสียไปไม่น้อยเลย”

เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตามอง ไม่พูดอะไร

เย่าซือจิบเหล้า ไม่ได้สนใจ พูดต่อว่า : “ประเทศXไม่ได้มีคำโบราณที่บอกว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่งหรอ? ประธานเฟิงทำให้กูดีใจแปลกใจขาดนี้ กูก็ควรให้ของขวัญอันล้ำค่าแก่ประธานเฟิงด้วย”

เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ ในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง

เขาขมวดคิ้วแน่น ในใจกระวนกระวายนิดๆ

เขาคิดว่าเย่าซือส่งคนไปจับกู้ฉางซินมา

ไม่ทันที่สีหน้าเขาจะเปลี่ยนไป ฉับพลันก็ได้ยินเสียงโวยวายที่นอกประตูโรงงาน

“พวกแกเป็นใคร? ปล่อยฉันนะ! รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? จับฉันมาจุดจบของพวกแกไม่ดีแน่!”

ก็เห็นมู่เฉาเกอถูกชายร่างใหญ่สองคนจับเข้ามา

เธอดิ้นรนไม่หยุด ดีดดิ้นไปมา พยายามหนีจากการถูกควบคุม

แต่พละกำลังของเธอไม่สามารถต้านทานชายร่างใหญ่เหล่านี้ได้

เวลานี้ มู่เฉาเกอเห็นสถานการณ์ของตนเองได้อย่างชัดเจน

เดิมทีที่เธอเห็นเฟิงจิ่งเหยาที่นั่งอยู่บนโซฟา ในแววตาประกายความตกตะลึง และใจฝ่อ

โดยเฉพาะเมื่อเห็นชายทางด้านซ้ายมือดื่มเหล้านั่งอย่างสบายใจ ยังจะมีอะไรที่มาเข้าใจอีกหรอ?

เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้เจตนาของชายคนนี้ที่จับเธอมา บีบบังคับเธอจนอกสั่นขวัญแขวน ตวาดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า : “แกเป็นใคร?”

เย่าซือเลิกคิ้ว จะไม่เข้าใจเจตนาของเธอที่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักได้อย่างไร

ผู้หญิงคนนี้ปากไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงตอนนี้ยังคิดว่าเขาจะช่วยเธอ

“คุณมู่ มาถึงขนาดนี้แล้วยังแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉันอีก ทำให้ฉันเสียใจจริงๆ”

เขายกยิ้มมุมปากนิดๆ คำพูดนี้ทำให้มู่เฉาเกอใจสั่น

เธอมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาโดยจิตใต้สำนึก ก็ชนเข้ากับสายตาของเฟิงจิ่งเหยาที่มองมาพอดี

ชั่วขณะ เธอเบนหน้าออกด้วยใจที่หวาดหวั่น

เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ สายตาที่ดำขลับก็เปลี่ยนเป็นลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สีหน้ายังคงไม่แสดงออกเหมือนเดิม แต่ชวี่ยี่ที่อยู่ข้างๆเขา แปลกใจเล็กน้อย

“คุณมู่รู้จักเขาด้วยหรอ?”

“ไม่รู้จัก!”

มู่เฉาเกอตอบกลับโดยไม่ต้องคิด

เย่าซือมองการแสดงออกของคนสองสามคนอยู่ในสายตา วางแก้วเหล้า แสดงเจตนาต่อลูกน้อง ให้พวกเขาปล่อยมู่เฉาเกอ

มู่เฉาเกอได้รับอิสระ ก็วิ่งไปยังเฟิงจิ่งเหยาด้วยจิตสำนึก

สำหรับการกระทำของเธอ เย่าซือก็ไม่ได้ขัดขวาง

หลังจากคนวิ่งไปถึงแล้ว ก็กล่าวอย่างแสร้งทำเป็นเสียใจว่า: “คุณมู่ทำไมปฏิเสธการรู้จักกับฉันแบบนี้ล่ะ ทำให้คนเสียใจจริงๆ หรือว่าคุณมู่จะลืมความร่วมมือของพวกเราไปแล้ว?”

มู่เฉาเกอฟังถึงคำพูดนี้ ก็ไม่เอ่ยถึงมันขึ้นมาโดยตรง

“คุณหมายความว่ายังไง?”

เธอจ้องมองเย่าซืออย่างเคร่งขรึม กล่าวถามอย่างไม่ได้ปฏิเสธแล้วก็ไม่ได้ยอมรับ

“นี่ฉันไม่ได้ทำสิ่งที่คุณปรารถนาหรอ คุณไม่ได้อยากอยู่ด้วยกันกับประธานเฟิงมาโดยตลอดหรอ?”

มู่เฉาเกอไม่คาดคิดว่าคนๆนี้จะพูดความคิดภายในใจของเขาออกมาโดยตรง สีหน้าก็หยุดชะงักไปฉับพลัน

ขณะเดียวกันก็มองไปยังเฟิงจิ่งเหยาอย่างใจฝ่อ

ใบหน้าของเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้แสดงออก มองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

“คุณพูดอะไร ฉันฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อย!”

เธอแสร้งเป็นโต้แย้งกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน: “คุณไม่ต้องเอาคำพูดไร้สาระมาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเรา!”

เย่าซือเห็นมู่เฉาเกอไม่ยอมรับมาโดยตลอด ก็ค่อยๆเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า

“ทำไม? ไม่ใช่คุณอยากจะร่วมมือกับฉัน หลังจากนั้นให้ฉันได้ตัวผู้ชายที่คุณรักหรอ?”

เขาคล้ายกับเอ่ยปากอย่างไม่สนใจ แต่ปริมาณข้อมูลในคำพูดนั้นค่อนข้างมาก

สีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชวี่ยี่ก็จ้องมองตาโต

“คุณมู่ คุณ……”

ชวี่ยี่มองมู่เฉาเกอ อยากจะซักถาม แต่คำพูดที่อยู่ในปากไม่รู้ว่าควรจะกล่าวถามยังไง

อีกทั้งเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะกล่าวถาม

มู่เฉาเกอเห็นความตกตะลึงในสายตาของเขา แล้วก็สีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเฟิงจิ่งเหยา สีหน้าก็ไม่น่าดูถึงขีดสุด

“ตกลงคุณต้องการทำอะไร? ฉีกสัญญาหรอ?”

เธอตวาดอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เย่าซือยิ้มเบาๆ: “ฉันจะฉีกสัญญาได้ยังไง ในเมื่อรับปากจะให้พวกคุณอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องให้อยู่ด้วยกันแน่นอน”

มู่เฉาเกอเห็นเช่นนี้ ก็กำหมัดแน่น

ตอนนี้เธอไม่กล้ามองไปยังเฟิงจิ่งเหยา ทำได้เพียวจ้องมองเย่าซืออย่างกล้ำกลืนความเจ็บแค้น

“ในเมื่อไม่ฉีกสัญญา แล้วตอนนี้คุณจะทำอะไรอีก?”

เย่าซือส่ายนิ้วมือ “ดูท่าคุณมู่ยังไม่เข้าใจความหมายของฉัน”

เขาพูดจบ ก็ยกหางตาเบาๆ ยิ้มแล้วกล่าวว่า: ถึงแม้ว่าฉันจะรับปากให้พวกคุณอยู่ด้วยกัน เพียงแต่ให้พวกคุณเป็นคู่รักเดนตายคู่หนึ่ง นี่ก็คือว่าไม่ผิดสัญญา ใช่ไหมล่ะ?”

มู่เฉาเกอฟังคำพูดนี้จบ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถูกหลอกลวงแล้ว

เธอโมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว สายตาจ้องมองเย่าซือเขม็ง

ยังไม่รอให้เธอตำหนิหนิด้วยความโกรธ ข้างหูก็ได้ยินเสียงกล่าวถามอย่างเยือกเย็น

“ฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นการออกแบบของพวกคุณใช่ไหม?”

มู่เฉาเกอเอียงหน้าไปมองอย่างตื่นตระหนก เห็นสายตาที่เยือกเย็นของเฟิงจิ่งเหยา

“จิ่งเหยา ไม่ใช่แบบนั้นนะ”

เธอปฏิเสธปากแข็งด้วยจิตสำนึก แต่สุดท้ายความมั่นใจบนใบหน้าก็ไม่เพียงพอ

เย่าซือมองคนทั้งสอง ก็ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ กล่าวอย่างทำให้สั่นคลอนว่า: “ดูท่าประธานเฟิงยังไม่เข้าใจผู้หญิงข้างๆคุณดีพอ ไม่เพียงแต่การออกแบบครั้งนี้นะ ก่อนหน้านี้ที่พวกคุณจะไปเขตเมือง แล้วยังครั้งที่แล้วที่อยู่ต่างประเทศอีก แต่ก็ต้องขอบคุณที่คุณมู่ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นฉันก็คงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้”

มู่เฉาเกอเห็นเขาพูดเรื่องทั้งหมดออกมา ก็จ้องมองด้วยความโกรธ

“หุบปาก!”

เธอตวาดเสียงดัง เย่าซือยักๆไหล่ แต่ไม่ได้หุบปากจริงๆ

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็พูดเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว ก็ไม่ถึงกับว่าทำให้ประธานเฟิงโง่เง่าแล้ว ตอนนี้พวกคุณก็สามารถกลับสู่ใต้ธรณีได้แล้ว”

มู่เฉาเกอฟังถึงคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

แม้แต่เฟิงจิ่งเหยาที่แสดงออกอย่างเฉยเมยกับสิ่งใดๆมาโดยตลอดร่างกายก็ยังขึงตึงขึ้นมา

“คุณหมายความว่ายังไง!”

ชวี่ยี่และมู่เฉาเกอส่งเสียงกล่าวถามพร้อมกัน

เย่าซือไม่ได้ตอบกลับ แต่ลูกน้องของเขาก็ให้คำตอบอย่างรวดเร็ว

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท