เฉินยู่ชิงมองสีหน้าที่เย็นชาของเธอ ในแววตาก็ไม่สบายใจ ไม่นานก็ถูกเขาเก็กดไว้ พูดวัตถุประสงค์ในการมาว่า
“ใช่ มีข่าวทางด้านเซนต์เดโบนั้น ดำเนินการตามแผนของเรา เราจะสามารถจัดการเฟิงซื่อกรุ๊ปได้ในไม่ช้า มีความสุขไหม?”
มู่เฉาเกอชำเลืองมองเขา ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอได้จากคิ้วที่ยืดออกของเธอ
แน่นอนว่าเฉินมู่ชิงมองออก สีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดอะไรกับมู่เฉาเกอ
ท้ายที่สุดเขาชื่นชอบผู้หญิงคนนี้ และก็รู้ใจของเธอ
เพียงแต่ตอนนี้เธอคิดถึงชายคนอื่นอยู่ แต่เวลาในการหมั้นที่เด็ดขาด ก็ไม่สามารถอนุญาติได้
……
ไม่กี่วันต่อมา เฟิงจิ่งเหยายังคงยุ่งมาก
กู้ฉางฉิงก็รู้ ส่งอาหารให้เฟิงจิ่งเหยาเป็นครั้งคราวเวลาเลิกงานแล้วไม่มีใครอยู่ในบริษัท
ถึงแม้คุณนายเฟิงจะต่อว่ากู้ฉางฉิงที่ทำให้ลูกชายเหนื่อยล้าแบบนี้ แต่เห็นว่าเธอยังรู้จักดูแล ก็เลยหาเรื่องทะเลาะไม่ได้
วันนี้ เฟิงจิ่งเหยากำลังจัดการเอกสารอยู่ที่ห้องทำงาน โทรศัพท์ข้างๆก็ดังขึ้น
“มั่วจุย เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่ รายชื่อผู้กระทำผิดเราส่งมอบให้ฝ่ายสืบสวนอาชญากรรมแล้ว ดูเหมือนว่าทางราชการจะดำเนินการแล้ว เมื่อไม่นานมานี้องค์กรหลายแห่งในต่างประเทศถูกตรวจพบ แกนนำก็ถูกจับไปไม่น้อย”
มั่วจุยรายงานข่าวช่วงนี้ เฟิงจิ่งเหยาฟังจบก็เคร่งขรึม
“คุณหมายความว่ามีผู้กระทำผิดที่หนีรอดไปได้ใช่ไหม?”
เขาคาดเดาเจตนาที่มั่วจุยโทรมา จึงถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ครับ หนีรอดไปได้ไม่น้อย คนเหล่านี้ต้องตามสืบอย่างแน่นอน ฉันกังวลว่าพวกเขาจะค้นพบคุณ แล้วระบายความเคียดแค้นกับคุณ”
เฟิงจิ่งเหยืยมวดคิ้ว : “ฉันรู้แล้ว ทางด้านนี้ฉันจะให้มั่วหลีระวังไว้ ทางด้านคุณนั้นจับตาดูองค์กรเหล่านั้นต่อไป มีความผิดปกติก็รายงานฉันโดยเร็วที่สุด”
มั่วจุยพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจ
พอดีกับที่เขาคิดจะวางสาย เฟิงยางเหยาก็ดูเหมือนจะคิดอะไรออก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ใช่สิ ภายใต้การนำของคุณนั้น ให้คนของฝ่ายสืบสวนอาชญากรรมระวังตระกูลมู่ไว้ด้วย”
มั่วจุยตอบรับแล้ววางสายไป
เฟิงจิ่งเหยาวางโทรศัพท์ลง ยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วที่ปวดเล็กน้อย
เขามีลางสังหรณ์ เพิ่มความกดดันให้ตระกูลมู่ การต่อสู้ความเป็นความตายของทั้งสองบริษัท จะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ
นอกจากตระกูลมู่จะหยุดลงเสียก่อน เพียงแต่เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ดูได้จากเรื่องราวหลายวันมานี้ เขาสามารถเดาความคิดของมู่เฉาเกอได้ หากไม่ได้ก็จะทำลายทิ้ง หรือก็ต้องการบีบให้เขาเข้าสู่ทางตัน แล้วไปขอร้องเธอ
น่าเสียดาย ที่สิ่งเหล่านี้มันเป็นไปไม่ได้
เขาคิดฟุ้งซ่านอยู่สักพัก ก็ก้มหน้าทำงานต่อ
ในเวลาเดียวกัน ที่กู้ซื่อกรุ๊ป
กู้ฉางฉิงเห็นการวิพากษ์วิจารณ์บนอินเตอร์เน็ต ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจกู้ฉางฉิง
คนไร้ประโยชน์ก็คือคนไร้ประโยชน์ เห็นได้ชัดว่ามีไพ่คู่ดีก็ถูกเธอตีเป็นไพ่เสีย
เคราะห์ดีที่ตำแหน่งของฉางซินไม่ได้รับผลกระทบ มิเช่นนั้นเขาจะไม่ปล่อยยัยเด็กนี่ไปง่ายๆอย่างแน่นอน
เขาบ่นอยู่ในใจ แล้วก็ให้ความสนใจไปที่บริษัทเซนต์เดโบแห่งนี้
ตอนนี้เป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างตระกูลมู่และตระกูลเฟิง ราคาหุ้นของบริษัทนี้เพิ่มขึ้นจาก 15 เป็น 20 หุ้นแล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ทำให้เขาตื่นเต้นมาก
เขามองออก การแข่งขันของทั้งสองบริษัทจะไม่จบลงในเวลาอันสั้น
ถ้าเขาซื้อหุ้นตัวนี้ สามารถสร้างผลกำไรได้มากมายจากมัน
คิดเสร็จ เขากวักมือเรียกให้เลขาเข้ามา : “จัดสรรเงินทุนเป็นสี่ระดับจากในบัญชีส่วนตัวของฉันเพื่อซื้อหุ้นตัวนี้”
เลขาพยักหน้า หันกลับไปทำ
แต่ในขณะที่เขากำลังดำเนินการ ทางด้านชวี่ยี่นั้นก็ได้รับข่าว
เขารีบรายงานเฟิงจิ่งเหยา
“ท่านประธาน ทางด้านตระกูลกู้ก็ซื้อหุ้นของเซนต์เดโบไปไม่น้อย พวกเราต้องเตือนหน่อยไหม?”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว ในสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
เรียกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ทำให้เขาแทบลืมผู้ชายคนนี้ไปเลย
เขาคิดๆแล้ว ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ไม่ต้องแล้ว สถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องรับประกันได้ว่าแผนการไม่มีทางพลาดเด็ดขาด”
ชวี่ยี่ลังเลใจ “แต่ให้คุณนายรองรู้หลังจากที่เรื่องราวเสร็จสิ้นลงแล้ว มันจะไม่ดีหรือเปล่าครับ?”
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาฟังออกถึงความปกป้องกู้ฉางฉิงของเขา ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย อมยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คาดไม่ถึงว่าให้ขนมคุณไปสองสามครั้งก็สามารถซื้อตัวคุณได้แล้ว”
ชวี่ยี่นิ่งอึ้งไป ไม่เข้าใจว่านี่ท่านประธานของตนเองหมายความว่าอะไร?
ปกติเห็นความรักความผูกพันธ์ของคนทั้งสองก็ดี ท่านประธานของเขาก็ไม่น่าจะมีเจตนาที่ทำเรื่องหลอกลวงใช่ไหม?
คุณนายรองก็เพียงแค่ปฏิบัติตามโรงพยาบาลของรุ่นพี่ก็เท่านั้น?
เขาคิดฟุ้งซ่านพลาง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจกู้ฉางฉิง และก็มีความคิดเห็นบางอย่างต่อเฟิงจิ่งเหยา
ถึงอย่างไรธรรมดาแล้วคุณนายรองดูแลท่านประธานของเขาอย่างไร เขาก็เห็นอยู่ในสายตา
เฟิงจิ่งเหยาก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเขา พอคิดอีกที ก็สามารถเดาได้ถึงว่าผู้ช่วยคนนี้ของเขาคิดถึงอะไร ก็เงียบไม่พูดจาไปทันที
“เก็บความเพ้อฝันในใจของคุณไปซะ กู้ฉางซินคือกู้ฉางซิน กู้หงเซินคือกู้หงเซิน กู้ฉางซินเข้ามาตระกูลเฟิงแล้ว ก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลกู้”
ชวี่ยี่เห็นความความคิดของตนเองถูกเฟิงจิ่งเหยามองออก ก็คลึงๆจมูกอย่างหน้าเหยเก
เฟิงจิ้งเหยาก็ไม่สนใจ กล่าวต่อไปว่า: “ส่วนกู้หงเซิน คนเห็นแก่ตัวแบบนี้ ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกเอาเปรียบ”
ชวี่ยี่พยักหน้า เข้าใจความหมายของท่านประธานของตนเองอย่างคร่าวๆ
และเรื่องเหล่านี้ กู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้
วันนี้ เธอได้รับโทรศัพท์ของบริษัท คือผู้จัดการใหญ่โทรเข้ามา ให้เธอไปที่บริษัท
เธอจัดการตนเองเล็กน้อย แล้วรีบไปยังบริษัท
ผ่านไปสิบกว่านาที เธอมาถึงบริษัท พอเข้าไปแผนกออกแบบ ก็พบบรรยากาศที่ผิดปกติในห้องทำงาน
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
เธอมองไปรอบๆแล้วกล่าวถาม
นักศึกษาฝึกงานและนักออกแบบที่มีความสามารถมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร พากันส่ายหน้าแล้วก้มหน้าเริ่มทำงาน
ชวี่ชิงหยุนเห็นเช่นนี้ ตำหนิคนเหล่านั่นว่าไม่กล้าไปพลาง กล่าวอย่างกลับตาลปัตรไปพลางว่า: “คนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังต่างกัน สปอนเซอร์หามาให้ถึงหน้าประตู”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ก็ขมวดคิ้วแน่น “นักออกแบบชวี่ คุณคุณหมายความว่ายังไง?”
“ไม่ได้มีความหมายอะไร ก็แค่รู้สึกว่าบางคนมีชื่อเสียงไม่ตรงกับความเป็นจริง”
ชวี่ชิงหยุนเบ้ปากเมินเฉย
กู้ฉางฉิงรู้สึกเพียงว่าคนๆนี้ยากแก่การเข้าใจ
เธอไม่วางแผนที่จะรับมือกับคนคนนี้ต่อไป ขณะที่เธอกำลังเตรียมจะถามมู่ฉิงคง เสียงที่เย็นชาของจี้อี้ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“กู้ฉางซิน มาแล้วไม่ไปห้องทำงานล่ะ มัวโอ้เอ้อยู่ข้างนอกทำไม? ไม่รู้หรอว่าเป็นเวลาเร่งด่วน?”
เธอพูดจบ สายตาที่มองกู้ฉางฉิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจและรังเกียจ แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจ
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ความงุนงงภายในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
เหมือนว่าช่วงนี้เธอไม่ได้ก่อนเรื่องวุ่นวาย ทำไมรู้สึกว่าคนในบริษัทดูไม่ลงรอยกับเธอไม่น้อย?
หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้?
เธอพาความสงสัยแบบนี้ ตามจี้อี้ไปยังห้องทำงานผู้จัดการใหญ่
“ผู้จัดการใหญ่ พวกเรามาแล้ว”
จี้อี้นำหน้าเคาะประตูแล้วเข้าไป
หลี่ม่านมองคนทั้งสองที่ตามกันเข้ามา วางงานที่อยู่ในมือ ทักทายแล้วให้พวกเธอนั่งลง
“ที่ให้พวกคุณเข้ามาครั้งนี้ มีโครงการออกแบบหนึ่งที่ต้องพูดกับพวกคุณสักหน่อย”
หลี่ม่านรอหลังจากพวกเขานั่งแล้ว ก็พูดถึงเจตนาที่เรียกพวกเขามา
“ทางบริษัทได้รับใบรายการหนึ่งมา ลูกค้าระบุว่าต้องการให้พวกคุณทั้งสองคนร่วมมือกันทำจนเสร็จสิ้น”