หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 31 ไม่เอาไหนเลยจริงๆ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วเดินออกจากห้องและไม่มีที่ไป ก็เดินถึงสวนดอกไม้ นั่งหลบในมุมแถวๆนั้น ทันใดนั้นเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกไม่มีที่จะอยู่ คฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลเหลิ่ง ในคฤหาสน์มีห้องเยอะมาก เจี่ยนอี๋นั่วกลับหาไม่เจอมุมที่ตัวเองอยู่คนเดียวได้ เธออยากกลับบ้านมากและอยากอยู่ในห้องของตัวเอง และอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาไม่กี่วันที่ทำให้เธอไม่ต้องพบเจอหน้าของเหลิ่งเซ่าถิง ก็ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเธอแล้ว

แต่ว่าเมื่อเจี่ยนอี๋นั่วก้มมองไปที่ท้องน้อยของตัวเอง สภาพของเธอในตอนนี้สามารถกลับบ้านของตัวเองได้เหรอ อย่างน้อยควรรอให้เธอคลอดลูกก่อนถึงจะกลับบ้านได้ เจี่ยนอี๋นั่วไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าตัวเองปรากฏตัวต่อหน้าเฮ่อเยี่ยนหงและคนอื่นๆจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเจอกับคำพูดดูถูกเยาะเย้ยขนาดไหน

เธอพบเจอกับคำพูดดูถูกเยาะเย้ยมามากเพียงพอแล้ว เกินขอบเขตที่เธอจะรับได้แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วกลัวว่าจากการที่ถูกดูถูกและเยาะเย้ยครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนั้น มันจะครอบงำจิตใจของเธอทั้งหมด และเธออาจจะคุมสติของตัวเองไม่อยู่ อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้

เจี่ยนอี๋นั่วสงบสติอารมณ์ของตัวเอง จึงกลับถึงห้องของเหลิ่งเซ่าถิง พอเดินกลับถึงในห้องพบว่าด้านข้างเตียงใหญ่มีเตียงเล็กๆหนึ่งเตียง เจี่ยนอี๋นั่วมองหน้าเหลิ่งเซ่าถิง เผอิญว่าเหลิ่งเซ่าถิงก็กำลังมองหน้าเธออยู่ เจี๋ยนอี๋นั่วจ้องมองไปทางเตียงเล็กๆพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“เตียงนี้สำหรับฉันใช่ไหมคะ”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “เตียงนี้ไม่สูง ถึงเธอจะตกจากเตียงก็คงไม่เป็นอะไร”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดไปด้วยพร้อมกับมองสำรวจเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วกลับไม่มองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เหลิ่งเซ่าถิงถึงกับขมวดคิ้วและหันกลับไปมองที่โน๊ตบุ๊ค

“อืม ฉันจะพักผ่อนแล้ว” เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงเล็กๆเตียงนั้น

เจี่ยนอี๋นั่วแสดงท่าทางปกติ ปกปิดความรู้สึกอึดอัดใจไว้ข้างใน ทำเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ในห้องกลับมาเงียบสงบดั่งเดิม เงียบสงบจนเหลิ่งเซ่าถิงได้ยินเสียงลมหายใจของเจี่ยนอี๋นั่วจากระยะไกล

ณ เวลานี้ เจี๋ยนอี๋นั่วได้นอนหันข้าง เพราะว่ากำลังตั้งครรภ์และอายุครรภ์ก็มากแล้ว เธอไม่ได้เหมือนผู้หญิงทั่วไปแล้ว แต่เธอกลับอ่อนโยนมากขึ้นเพราะว่ามีก้อนเนื้ออยู่ในท้อง เดิมเธอมีหน้าตาที่จิ้มลิ้มตอนนี้กลับดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น ในเวลาที่เธอนอน ริมฝีปากของเธอจะทำท่าปากจู๋โดยที่เธอไม่รู้ตัว ริมฝีปากอวบอิ่มและอ่อนโยนเหมือนกับเด็กน้อย

เหลิ่งเซ่าถิงหน้าขมวดคิ้วมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่วซึ่งเธอก็ไม่รู้ตัว เหลิ่งเซ่าถิงทนไม่ไหวพร้อมบิดที่นิ้วของเธอเบาๆ ราวกับว่ากำลังลูบที่ริมฝีปากของเจี๋ยนอี๋นั่ว ทันใดนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็ตื่นจากความฝัน รีบหันหน้าไปทางอื่นและไม่มองเจี่ยนอี๋นั่วอีกเลย

ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วนอนหลับอยู่นั้น เหลิ่งเซ่าถิงยังคงจ้องมองเธออยู่ ตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้าห้องของเหลิ่งเซ่าถิง ความรู้สึกของเธอก็ถูกปิดกั้น ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกเหมือนท่อนไม้ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะไม่สามารถทำใจให้นอนห้องเดียวกันกับเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างแน่นอน

เจี่ยนอี๋นั่วจะตื่นเฉพาะเวลาที่กินข้าวหรือเวลาที่ต้องตรวจร่างกายเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหลือเธอก็จะนอนที่เตียงเล็กๆนั้นโดยที่ไม่อยากลืมตาด้วยซ้ำ เวลาผ่านไปจนค่ำ เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงเปลี่ยนชุดนอน ระหว่างที่เอนตัวลงนอนบนเตียง เจี่ยนอี๋นั่วนอนอยู่บนเตียงเล็กๆเตียงนั้น ยังคงปิดตานอนหลับอยู่เหมือนเดิม

ในที่สุดก็สามารถนอนบนเตียงคนเดียวได้โดยที่ไม่ต้องกังวลกับผู้หญิงโง่ๆที่อยู่ๆตกจากเตียงแล้วแท้ง ทำให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดหนึ่งศพสองชีวิต เหลิ่งเซ่าถิงคิดว่าเขาคงนอนหลับได้ทันที แต่ว่าเมื่อเขาหลับตาลงก็ไม่สามารถนอนหลับได้

ฝ่ามือของเขาเย็นยะเยือกและดูเหมือนสัมผัสที่อบอุ่นจะขาดหายไป หน้าอกของเขาว่างเปล่า ดูเหมือนว่าควรจะมีบางอย่างวางอยู่บนหน้าอกของเขา และเขาก็สูดลมหายใจอุ่นๆ ออกมาเบา ๆ

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วกลิ้งไปมาสองสามครั้ง และในที่สุดก็ลืมตาขึ้นจ้องมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว ดูเหมือนว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะหลับแล้วจริงๆ ลมหายใจของเธอเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และเธอจะพูดพึมพำพึมพำอย่างคลุมเครือในความฝัน ทันใดนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็โกรธมาก เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันผิดตรงไหน

แต่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกว่า คนที่ควรนอนหลับสบายควรจะเป็นเขามากกว่า คนที่นอนไม่หลับควรจะเป็นเจี่ยนอี๋นั่วซะมากกว่า ดูเหมือนว่าเรื่องราวกลับพลิกผันไปหมด ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเขาที่ถูกปฏิเสธ และเจี่ยนอี๋นั่วต่างหากที่เป็นฝ่ายชนะ เหลิ่งเซ่าถิงเกลียดท่าทางไม่รู้สึกรู้สาแบบนี้ของเจี่ยนอี๋นั่วเอามากๆ

เหลิ่งเซ่าถิงลุกขึ้นแล้วนั่งข้างเตียง เขาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วนานสักพัก ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างๆเจี่ยนอี๋นั่ว

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงเอื้อมมือไปวางที่หน้าท้องส่วนล่างของเจี่ยนอี๋นั่ว และรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ของเจี่ยนอี๋นั่วเล็กน้อย เหลิ่งเซ่าถิงหายใจออกเบาๆด้วยความโล่งอก และอารมณ์ของเขาดูเหมือนจะไม่หงุดหงิดอีกต่อไป

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วตื่นขึ้นมากับการหาวมันเป็นเช้าวันใหม่แล้ว ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นเหลิ่งเซ่าถิงกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ ห้องเปลี่ยนชุดประตูไม่ได้ปิดไว้ เป็นเหตุทำให้เจี่ยนอี๋นั่วสามารถมองเห็นด้านหลังของเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงสวมใส่ชุดสูทสีเงิน

ใช่ว่าใครๆก็สามารถสวมใส่ชุดสูทสีเงินนี้ได้ ผู้ชายบางคนสวมใส่สูทสีเงินทำให้ดูไม่สง่า แต่ว่าเมื่อสวมใส่อยู่บนตัวของเหลิ่งเซ่าถิงกลับดูเหมาะสมมาก สีเงินหรูหราเข้ากับเหลิ่งเซ่าถิงมากๆ และสีเสื้อก็ไม่มืดทึบเท่าสีดำ แต่กลับทำให้เหลิ่งเซ่าถิงดูอ่อนโยนมากขึ้น

แม้ว่าเมื่อวานพี่งจะถูกเหลิ่งเซ่าถิงปฏิเสธด้วยท่าทีที่ไม่แยแส เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งเซ่าถิง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่พบเจอผู้ชายมา ยังไม่มีผู้ชายคนไหนที่ใส่สูทเหมาะสมและดูดีขนาดนี้ ถึงแม้ผู้ชายบางคนใส่แล้วดูดีแต่ก็ไม่มีใครเทียบกับเหลิ่งเซ่าถิงได้สักคน ก็เหมือนกับฉู่หมิงเซวียนที่เป็นผู้ชายที่ดูดีแต่ไม่มีความมั่นใจเท่าเหลิ่งเซ่าถิง มีเพียงเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้นที่ใสสูทดูแล้วสง่างามที่สุด

เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว เดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วต้องการหันหน้าหนี แต่คิดได้ว่าถ้าเธอหันหน้าหนีก็ยิ่งจะทำให้หล่อนดูรู้สึกผิดมากขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่หันหน้าหนี เธอถามเหลิ่งเซ่าถิงว่า: “งานเลี้ยงจัดขึ้นในวันนี้เหรอคะ”

เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว พร้อมพูดว่า: “ทำไมเหรอ คุณก็อยากไปด้วยเหรอ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วสักครู่ หลังจากนั้นใช้มือจับท้องตัวเองพร้อมกับพยักหน้า:“คุณคงไม่อยากไปพร้อมกับฉันหรอก ฉันก็ไม่ได้อยากไป ฉันจะรออยู่ตรงนี้และดูแลลูกในครรภ์ของฉัน”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า:“ทางเลือกของคุณถูกต้องแล้ว คุณไม่เหมาะกับงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในคฤหาสน์แห่งนั้น และคนรับใช้ในบ้านจะให้ไปช่วยงานบางส่วน ฉันอาจจะกลับมาดึกหน่อย คุณดูแลตัวเองดีดีนะ……”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบเขาก็หยุดทันทีพร้อมขมวดคิ้วและหยุดพูด ราวกับว่าเขากำลังซ่อนอะไรไว้อยู่และรีบหยิบเนคไทออกจากห้องแต่งตัวพร้อมผูกไทให้กับตัวเอง

เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ประโยคสุดท้ายที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดแฝงไว้ด้วยความหมายอะไร เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหลิ่งเซ่าถิงปฏิเสธเธอขนาดนั้น เธอก็จะพยายามที่ไม่รักเหลิ่งเซ่าถิงอีกต่อไป และจะไม่สนใจว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะสนใจหรือชอบเธอหรือไม่

ตอนนี้สำหรับเจี่ยนอี๋นั่วแล้ว เธอรู้ว่าสักวันเหลิ่งเซ่าถิงต้องออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลเหลิ่งแน่นอน ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งใจพร้อมกับรอยยิ้มที่ผ่อนคลายบนใบหน้า ในขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงผูกเน็กไทไปด้วยพร้อมมองเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วยนั้น เขามองหน้าเจี่ยนอี๋นั่วหลังจากที่เขาพูดว่าเขาอาจจะกลับมาช้ามาก ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ เหลิ่งเซ่าถิงก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าบึ้งขมวดคิ้ว เขาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

ด้วยอารมณ์ที่หดหู่ ใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิงก็สุขุมลงไม่กี่นาที เมื่อเขาเดินออกจากห้องไป ทันใดนั้นหน้าตาของเขาก็ดูน่ากลัวเอามากๆ

แต่ว่าในขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงออกจากห้องไป ในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมาได้ เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้อยู่ในห้องนี้แม้แต่อากาศในห้องก็น่าดมมากขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วครุ่นคิดไปด้วยพลางยิ้มขณะลูบท้องไปด้วย ไม่รู้จริงๆว่าเธอจะชอบคนที่อารมณ์ร้ายอย่างเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่ารูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาภายนอกของเขาเท่านั้นเองหรือ?

“หลงใหลแค่รูปลักษณ์ภายนอกจนหัวปักหัวปำ ช่างไม่เอาไหนเลยจริงๆ……”เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มพร้อมด่าตัวเอง รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความขมขื่น

เนื่องจากมีการเตรียมงานเลี้ยงและจัดงานเลี้ยงเร็ว คนรับใช้กว่าครึ่งหนึ่งในบ้านไปช่วยงาน แม้แต่คุณนายเหลิ่งก็เดินทางไปแต่เช้า ก่อนออกเดินทาง คุณนายเหลิ่งได้จับมือของเจี่ยนอี๋นั่ว พูดว่า: “ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สถานที่ที่เราจัดงานเลี้ยงก็ไม่ได้ไกลห่างจากคฤหาสน์ของเรามากนัก บางทีเธออาจจะมองเห็นการแสดงดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นในงานเลี้ยง”

“ฉันทราบค่ะ……”เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มพร้อมก้มหัวลงมองคุณนายเหลิ่งเดินจากไปก็ย้อนกลับคฤหาสน์เหลิ่งอีกครั้ง

ถึงแม้ว่ามีการคัดเลือกคนรับใช้ไปครึ่งหนึ่ง เนื่องจากคฤหาสน์เหลิ่งนั้นใหญ่โตมาก แม้ว่าจะมีคนอยู่แต่ก็ดูกว้างมาก เจี่ยนอี๋นั่วนั้นดูเป็นตัวของตัวเองมาก หลังจากนั้นฟ้าก็มืดลง เจี่ยนอี๋นั่วได้ชงนมร้อนหนึ่งแก้วก็เดินไปถึงสวนดอกไม้ แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เธอชอบดูการแสดงดอกไม้ไฟมาก แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วจะรู้ดีว่าดอกไม้ไฟนั้นอยู่ได้ไม่นาน ไม่มีประโยชน์ที่จะชอบดอกไม้ไฟเลย หลังจากที่ชื่นชมความงดงามของมัน มีแต่จะทำให้เศร้าโศกและเหงา แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้

เธอยังคงถูกความงามของดอกไม้ไฟดึงดูด เมื่อเธอได้ยินว่าจะมีการจุดแสดงดอกไม้ไฟ เธอก็อดไม่ได้ที่ใช้สองมือกุมแก้วนมพร้อมกับนั่งรอบนเก้าอี้โยกนั้น

โดยทั่วไปนั้นงานเลี้ยงจะจัดขึ้นตอนเวลาสองทุ่ม ดอกไม้ไฟจะจุดขึ้นในเวลาสามทุ่มหรือประมาณสี่ทุ่ม เพราะว่าคุณนายเหลิ่งอายุมากแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงได้คำนึงถึงสุขภาพร่างกายของคุณนายเหลิ่ง ต้องจุดดอกไม้ไฟก่อนเวลาแน่นอน

เจี่ยนอี๋นั่วคาดการณ์เวลาที่จะแสดงดอกไม้ไฟ เวลาล่วงเลยไปจนถึงสามทุ่ม ทันใดนั้นบนฟ้ามีการแสดงดอกไม้ไฟขึ้นตามเวลาที่กำหนด ความงามของดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ที่แผ่กระจายสวยงามอยู่บนท้องฟ้า ส่องแสงสวยงามระยับบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว

เจี่ยนอี๋นั่วได้ชมความงามของดอกไม้ไฟพร้อมรอยยิ้มพูดว่า: “สุขสันต์วันเกิดนะ”

ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วจำไม่ได้ว่าเป็นวันเกิดของตัวเอง หลังจากที่คนในคฤหาสน์ออกไปกันหมดเธอถึงจำได้ว่าวันนี้วันเกิดของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอฉลองวันเกิดด้วยตัวเองแบบนี้ เมื่อก่อนคุณพ่อจะฉลองวันเกิดด้วยกันกับเธอเสมอ แต่ว่า ณ เวลานี้คนที่จะจำวันเกิดของเธอได้นั้น ได้นอนอยู่บนเตียงคนไข้แล้ว และไม่สามารถย้ำเตือนเธอได้อีก:อี๋นั่ว วันนี้เป็นวันเกิดของลูก กลับบ้านเช้าหน่อยนะ พ่อซื้อเค้กวันเกิดเตรียมไว้รอหนูที่บ้านแล้วนะ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท