หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 59 เรียกชื่อของผม

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เหลิ่งหมิงอันได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว ก็นั่งยองลงข้างๆเธอ ยื่นมืออกไปพยายามที่จะเช็ดน้ำตาให้เจี่ยนอี๋นั่ว แต่เธอก็สะบัดหน้าออก เลี่ยงมือของเหลิ่งหมิงอัน เจี่ยนอี๋นั่วเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วเดินไปข้างถนน จับราวที่ยื่นลงไป ค่อยๆเดินลงไปตามเนินเขาในความมืดมิด

ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วโมโห ในสมองเธอไม่มีความคิดอื่นใด สิ่งเดี๋ยวที่เธอคิดคือรีบหามือถือให้พบ แล้วโทรเรียกคนให้มารับเธอ หลังจากนั้นก็โทรหาพ่อของตัวเอง แล้วต่อไปแม้แต่สักประโยคก็จะไม่พูดกับเหลิ่งหมิงอันอีก

เจี่ยนอี๋นั่วเดินลงเนินเขาไปด้วย ร้องไห้เช็ดน้ำตาไปด้วย วันนี้เธอได้เจอกับเป๋าฮุ่ยเอ๋อร์ พบว่าเธอมีชีวิตจนถึงตอนนี้นั้นได้ผ่านของดีมาไม่น้อย เดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่ตัดสินใจว่าหลังจากที่กลับไป จะต้องไปหาหมอดูเช็คดวงให้ได้ เพื่อให้ข้างกายเธอมีคนบ้าประเภทฉู่หมิงเซวียนหรือไม่ก็เหลิ่งหมิงอันลดน้อยลงบ้าง!

ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกำลังนั่งวางแผนในใจนั้น ไม่คิดว่าเหลิ่งหมิงอันก็จับราวแล้วเดินลงมาล่างเนินเขาเหมือนกัน มาที่ข้างๆเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูด:“นี่ คุณโกรธจริงๆเหรอ? งั้นผมขอโทษคุณ แล้วช่วยคุณหาดีไหม?”

ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากเจอเหลิ่งหมิงอันเลยสักนิด รีบหันหน้าออก ไม่พูดไม่จาแล้วเดินลงไปล่างเนินเขาคนเดียว เหลิ่งหมิงอันยื่นมือไปรั้งบนไหล่เจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“อย่าโกรธไปเลยนะ ผมก็ขอโทษคุณแล้วไง”

“ใครต้องการคำขอโทษของคุณกัน? ฉันแค่อยากให้คุณอยู่ห่างจากฉันไกลๆหน่อย!” เจี่ยนอี๋นั่วพูด แล้วใช้แรงผลักเหลิ่งหมิงอันออกไป

เดิมทีเนินเขาก็ชันอยู่แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็อยู่ในช่วงโกรธ ทำให้แรงเธอเยอะขึ้นไปอีก เหลิ่งหมิงอันถูกเจี่ยนอี๋นั่วผลักจนร่างเซ เท้าเขาก็ไม่ได้ยืนให้มั่นคง ไม่ได้คิดว่าจะกลิ้งจากข้างๆเจี่ยนอี๋นั่วลงไปล่างเนินเขา เจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าเหลิ่งหมิงอันกลิ้งลงเนินเขาไป ก็นิ่งอึ้ง แล้วรีบวิ่งตามลงไป

ในตอนที่เจี่ยนอี๋นั่วมาอยู่ข้างๆเหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งหมิงอันได้นอนนิ่งอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีแสงหริบหรี่ เจี่ยนอี๋นั่วมองเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าเหลิ่งหมิงอันเป็นยังไงบ้าง เธอรีบดึงแขนของเหลิ่งหมิงอัน ใช้แรงดึงสักพัก:“เหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งหมิงอันคุณเป็นอะไรไป?”

แต่เหลิ่งหมิงอันไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เจี่ยนอี๋นั่วก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมา เจี่ยนอี๋นั่วดูว่าเหลิ่งหมิงอันยังหายใจอยู่หรือเปล่าอย่างระมัดระวัง พบว่าลมหายใจของเหลิ่งหมิงอันนั้นไม่หายใจแล้ว จู่ๆเจี่ยนอี๋นั่วก็สมองขาวโพลน ถ้าเกิดเหลิ่งหมิงอันเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ งั้นเธอจะเอาอะไรมาชดใช้ชีวิต? ตระกูลเหลิ่งจะปล่อยเธอไปง่ายๆเหรอ?

ไม่ได้ เหลิ่งหมิงอันตายไม่ได้!

ในที่สุดเจี่ยนอี๋นั่วก็ตระหนักได้ว่าพละกำลังของเหลิ่งหมิงอันนั้นมีอยู่มากแค่ไหน เธอผลักเหลิ่งหมิงอันไม่ขยับด้วยซ้ำ แต่เจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงผลักเหลิ่งหมิงอันไปด้วย พยายามที่จะหลีกเลี่ยงจูบของเหลิ่งหมิงอันไปด้วย ตะโกนด้วยความตื่นตระหนก:“เหลิ่งหมิงอัน คุณอย่าทำอะไรบ้าๆนะ”

เหมือนกับว่าเหลิ่งหมิงอันจะไม่ได้ยิน มือข้างหนึ่งกดไปที่ศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วเพิ่มความร้อนแรงของจูบ เหลิ่งหมิงอันกดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ใต้ร่าง ไม่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะผลักจะตียังไง เขาก็ไม่มีวี่แววว่าจะถอยไปด้านหลังเลย

“เหลิ่งหมินอัน ตอนนี้ฉันเป็นพี่สะใภ้ของคุณนะ!” เจี่ยนอี๋นั่วพยายามหลีกเลี่ยงจูบของเหลิ่งหมิงอันไปด้วย ตะโกนเสียงดังไปด้วย

จู่ๆเหลิ่งหมิงอันก็หยุดลง แต่ปากของเขายังคงคาอยู่บนริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาค่อยๆหรี่ตาทั้งคู่ลง จ้องเจี่ยนอี๋นั่ว

“แล้วยังไง?” เหลิ่งหมิงอันยิ้มอย่างอันธพาลออกมา:“คุณเข้ามาในอ้อมกอดผมเองนะ”

“เหลิ่งหมิงอัน ถ้าคุณแตะต้องฉัน……” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแล้วพูด

ไม่รอให้เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เหลิ่งหมิงอันก็พูดเสียงแหบพร่าข้างๆหูเจี่ยนอี๋นั่ว:“ทำไม? ถ้าผมแตะต้องคุณ คุณจะไปตายเหรอ?”

“คุณยังไม่มีค่าพอให้ฉันทำแบบนั้น!”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเย็นชา:“ฉันจะฆ่าคุณ แล้วฉันก็จะไม่แจ้งความ ฉันจะหาทุกวิธีเพื่อฆ่าคุณ คุณชอบผู้หญิงที่ทำตามอำเภอใจไม่ใช่เหรอ? ฉันก็จะตัดอวัยวะสืบพันธุ์ของคุณก่อน แล้วค่อยๆหั่นเนื้อของคุณทีละนิด!”

เหลิ่งหมิงอันนิ่งอึ้งไป แล้วหลังจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา:“เป็นวิธีเฉพาะของคุณจริงๆ ผมประเมินคุณต่ำไป”

เจี่ยนอี๋นั่วดิ้นอยู่สักพัก:“คุณรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

“อย่าดิ้น” เหลิ่งหมิงอันใช้แรงกอดรัดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ เสียงก็แหบพร่ามากขึ้น:“คุณอย่าดิ้นสิ ผมไม่ใช่คนที่มีความอดทนนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วที่ถูกเหลิ่งหมิงอันเดาความคิด จู่ๆร่างกายก็แข็งทื่อ แล้วเม้มปากไม่ได้พูดอะไร

“นิสัยก็ไม่เหมือนคนทั่วไป”

เหลิ่งหมิงอันมองลง แล้วจูบเบาๆบนริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว:“มากับผมเถอะ เหลิ่งเซ่าถิงไม่มีทางแต่งงานกับคุณหรอก เขาไม่ยุ่งของของผู้หญิง เขาไม่แคร์ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ที่คุณชอบเขา เขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบรับด้วยซ้ำ บางทีต่อให้มีปฏิกิริยา เขาก็จะผลักคุณออก พี่ชายที่ตายไปของเขาเป็นฝันร้ายของเขาตลอดชีวิต ในจิตใต้สำนึกของเขานั้นพยายามที่จะเป็นเหมือนพี่ชายของเขา คนที่เย็นชาสติปัญญาเฉลียวฉลาดแบบนั้น เขาไม่มีทางให้ตัวเองขาดสติอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางอนุญาตให้ตัวเองไปชอบใครก็ตาม ตอนที่เขาพบว่าอาจจะเปลี่ยนใจกับคุณ สิ่งแรกที่เขาทำคือการผลักคุณออกอย่างแน่นอน”

เจี่ยนอี๋นั่วยกศีรษะขึ้น ถือโอกาสตอนที่เหลิ่งหมิงอันกำลังพูด ยื่นมือออกไปเงียบๆ ควานหาหินที่อยู่ข้างๆ แต่ตอนที่มือของเธอพึ่งจะได้สัมผัสกับหิน จู่ๆเหลิ่งหมิงอันก็ยื่นมือมากดมือของเจี่ยนอี๋นั่วไว้

“เมื่อกี้ผมพึ่งพูดไปว่าผมไม่ได้เป็นคนที่มีความอดทนนะ ไม่ใช่แค่นิ้วมือ ผมอาจจะทนไม่ไหวทำอะไรคุณขึ้นมาก็ได้”

เหลิ่งหมิงอันเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูดเสียงเบาข้างๆหู:“อีกอย่างผมอาจจะทนไม่ไหวแล้วจัดการคุณซะ ตอนแรกเริ่มผมรู้สึกได้ถึงความอันตรายของคุณ แต่การข่มขู่ของคุณเมื่อกี้ได้เตือนผมขึ้นมา ผมสามารถทำอะไรคุณที่นี่แล้วฆ่าคุณซะ หลังจากนั้นก็ฝังศพ ที่นี่เป็นป่าชานเมืองรกร้าง คงไม่มีใครสังเกตเห็นศพของคุณ ต่อให้สังเกตเห็น ก็คงต้องรอประมาณอีกหลายปีเลย ฝั่งหวังเหมี่ยนผมข่มขู่หลอกล่อก็พอแล้ว เขาคงพูดตามที่ผมพูด ส่วนฉู่หมิงเซวียน เขาก็คงหวังให้คุณตายเหมือนกันล่ะมั้ง หลังจากนั้นสาเหตุการตายของคุณก็จะเปลี่ยนเป็นหลังจากที่ตัวเองขับรถออกจากตระกูลหวัง ก็ได้เจอกับคนร้าย หลังจากที่ถูกปล้นเขาก็ฆ่าคุณ ผมไม่ต้องถูกรับโทษด้วยซ้ำ ต่อให้ผมไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ ตระกูลเหลิ่งคงไม่ถูกปรับด้วยข้อหาฆ่าคนหรอก”

ร่างกายของเจี่ยนอี๋นั่วเริ่มสั่นเทา เธอจ้องเหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งหมิงอันในตอนนี้ไม่ใช่คุณชายเลินเล่อจากตระกูลร่ำรวยอีกแล้ว บรรยากาศจากร่างเขา ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เหลิ่งหมิงอันพูดเขาสามารถทำได้ และเหลิ่งหมิงอันในตอนนี้ที่ใช้น้ำเสียงที่สงบพูดเรื่องโหดเหี้ยมน่ากลัวแบบนี้ คงจะเป็นเหลิ่งหมิงอันตัวจริงสินะ?

เจี่ยนอี๋นั่วพยายามใช้น้ำเสียงที่สงบถาม:“คุณต้องการอะไร? อย่าฆ่าฉันเลยนะ เมื่อกี้ที่ฉันพูดเป็นเพราะโมโห ฉันไม่แก้แค้นอะไรคุณหรอก ฉันยังต้องเลี้ยงดูพ่อ ฉันไม่มีอำนาจอะไรทั้งสิ้น ถ้าเกิดฉันฆ่าคุณขึ้นมา ตระกูลเหลิ่งไม่มีทางปล่อยฉันแน่”

“แต่ผมอยากจะฆ่าคุณจริงๆนะ” เหลิ่งหมิงอันยื่นมือมาลูบแก้มของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ หรี่ตาแล้วหัวเราะเสียงเบา:“ไม่ได้ล้อเล่นกับคุณนะ ตอนนี้ผมอยากจะฆ่าคุณจริงๆ…”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้น เป็นฝ่ายจูบบนริมฝีปากของเหลิ่งหมิงอัน จู่ๆเหลิ่งหมิงอันก็นิ่งอึ้งไป หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆถอยออกมา เธอขมวดคิ้ว เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะไปมีค่าอะไร? ร่างกายเธอจะไปมีค่าอะไร? ขนาดตั้งครรภ์ลูกของเหลิ่งเซ่าถิงเธอยังใช้ร่างกายนี้ทำเพื่อเงินเลย เธอจะไปมีอะไรให้น่านับถืออีก? ถ้าเหลิ่งหมิงอันอยากได้ก็ให้เขาไปเถอะ

เจี่ยนอี๋นั่วกลัวตาย เธอไม่อยากตายอยู่ที่นี่ เธอสามารถรู้สึกได้ว่าเหลิ่งหมิงอันไม่ได้พูดล้อเล่น เขาสามารถฆ่าเธอได้จริงๆ หลังจากที่เธอตาย พ่อเธอจะทำยังไงล่ะ? จะมีใครแก้แค้นฉู่หมิงเซวียนให้? เจี่ยนอี๋นั่วไม่มีทางให้ตัวเองมาตายง่ายๆที่นี่อย่างแน่นอน!ชีวิตสำคัญกว่าเรื่องอื่นเสมอ

ในเมื่อคิดแบบนี้ เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัวแล้วก้มหน้าลง ผ่านไปนานพอสมควร เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้รอให้เหลิ่งหมิงอันสั่งให้เธอทำอะไร เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่เหลิ่งหมิงอัน แล้วประสานกับสายตาของเหลิ่งหมิงอันที่ทั้งโหดเหี้ยมทั้งสว่างอย่างกับสุนัขป่า เหลิ่งหมิงอันเวลานี้ลุคภายนอกของเขาหลุดพ้นจากคุณชายตระกูลร่ำรวยไปหมดแล้ว เผยให้เห็นจิตวิญญาณดังเช่นสุนัขป่า

“เรียกชื่อของผม” เหลิ่งหมิงอันพูดเสียงเบา

“เหลิ่งหมิงอัน……” เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเบา หลังจากที่พูดจบก็เว้นวรรคเล็กน้อย มองใบหน้าของเหลิ่งหมิงอัน พูดเสียงเบา:“หมิงอัน……”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท