เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกเหลิ่งหมิงสัมผัสโดนเธอ เธอแค่คิ้วขมวดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พอหายเหนื่อยก็รีบพาเหลิ่งหมิงอันเดินขึ้นตามไหล่เขา เจี่ยนอี๋นั่วเป็นผู้หญิงที่มีแรงเยอะมากพอสมควร แต่ว่าการที่เจี่ยนอี๋นั่วจะแบกผู้ชายอย่างเหลิ่งหมิงอัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เหลิ่งหมิงอันยังดันจงใจพิงที่หลังของเจี่ยนอี๋นั่วซะงั้น ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องใช้แรงมากขึ้นถึงจะพยุงเหลิ่งหมิงอันถึงบนถนน เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งหมิงอันพิงข้างรถแล้วทรงตัวได้ เธอทรุดตัวลงกับพื้นทันทีและถอนหายใจลึกๆอยู่หลายครั้งจนค่อยยังชั่ว
“แรงของคุณหายไปไหนหมด”เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยน้ำเสียงเบา
เจี่ยนอี๋นั่วท่าทางคิ้วขมวดหันหน้าเหลือบมองเหลิ่งหมิงอัน เดิมทีอยากเถียงกลับ แต่เป็นเพราะเธอตัดสินใจจะไม่ทำเรื่องอะไรให้เหลิ่งหมิงอันโมโหอีก เจี่ยนอี๋นั่วเก็บความรู้สึกอัดอั้นตันใจไว้เอง พร้อมพยักหน้าตอบรับเหลิ่งหมิงอัน:“คุณพูดถูก”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เหลิ่งหมิงอันพยักหน้าตอบกลับ :“ไม่เป็นไร”แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
อยู่ลับหลังเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ ดูท่าหล่อนควรจะตามใจเหลิ่งเซ่าถิงเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วสงบสติอารมณ์เสร็จแล้วมองดูเวลาก็ผ่านไปสักพักใหญ่ๆแล้ว รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคุณพยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแลคุณพ่อตลอดนั้น แค่กดสายโทรออกไม่นานก็มีคนรับสายทันที
เจี่ยนอี๋นั่วรีบเอ่ยคำขอโทษ:“ขอโทษค่ะ โทรไปช้ากว่าเวลาที่นัดหมายไว้ คุณพ่อท่านหลับแล้วใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไร ก็ไม่เลยเวลาที่กำหนดเอาไว้เท่าไหร่”เสียงหัวเราะจากปลายสายพูดขึ้นว่า:“ฉันจะวิดิโอคอลให้คุณคุยกับคุณเจี่ยนเดี๋ยวนี้ ซึ่งมันก็แปลกดีนะโดยปกติช่วงเวลานี้คุณเจี่ยนจะเข้านอนแล้ว แต่ว่าวันนี้กลับไม่ยอมหลับเลย ราวกับว่ากำลังรอคุณอยู่”
เจี่ยนอี๋นั่วบีบโทรศัพท์ไว้ทันที กัดริมฝีปากพร้อมพยักหน้าพูดขึ้นว่า:“ดูเหมือนว่าคุณพ่อเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว รบกวนคุณให้ฉันได้พูดคุยกับคุณพ่อเร็วหน่อยเถอะ”
พยาบาลพิเศษรีบเชื่อมต่อวิดิโอคอล เจี่ยนอี๋นั่วเห็นคุณพ่อในโทรศัพท์รีบโบกไม้โบกมือทักทาย:“คุณพ่อคะ นี่อี๋นั่วนะคะ วันนี้คุณพ่อทานอะไรบ้างหรือยังคะ?วันนี้หนูไปเข้าร่วมงานเลี้ยงมาพบเจอเพื่อนสมัยมัธยมด้วยค่ะ หนูรู่ว่าคุณพ่อจะต้องเป็นห่วงหนูอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ หนูไม่เคยคาดคิดว่าวันหนึ่งหนูจะสามารถอยู่ร่วมกับพวกเขาได้ คุณพ่อยังจำได้ไหมคะ? เดิมทีคุณพ่อเห็นหนูโดนบูลลี่ก็จะทำเรื่องให้หนูย้ายโรงเรียน แต่เป็นเพราะว่าหนูมีนิสัยที่เอาแต่ใจ ยิ่งพวกเขาคิดจะบูลลี่หนูมากเท่าไหร่ หนูก็จะยิ่งไม่ยอมจากไปไหน จึงทำให้คุณพ่อท่านลำบากใจมานานมาก พอนึกย้อนไปในอดีต ตอนนั้นหนูยังไม่รู้จักโตเลยค่ะ ……”
เจี่ยนอี๋นั่วเล่าเรื่องให้คุณพ่อฟังอย่างละเอียด ฟังแล้วไม่ค่อยเป็นลำดับขั้นตอนในการเล่าเท่าไหร่ บางทีก็พูดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดในแต่ละวัน บางทีก็พูดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปแล้ว ในขณะที่พูดถึงเรื่องราวที่มีความสุขเจี่ยนอี๋นั่วก็จะหัวเราะออกมา และในขณะที่เล่าถึงเหตุการณ์ร้ายเจี่ยนอี๋นั่วก็จะรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
เจี่ยนอี๋นั่วก็เหมือนนักแสดงตัวละครเดียว ที่ต้องเผชิญหน้ากับเจี่ยนฉ่างยุ่นที่เรียกชื่อเธอซ้ำๆอยู่อย่างนั้น และเล่าเรื่องราวที่ผ่านไปอย่างละเอียด เล่าจนเจี่ยนฉางรุ่นหาวนอน เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูดขึ้นว่า:“คุณพ่อ คุณพ่อเหนื่อยแล้วก็นอนพักก่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้หนูอาจจะเดินทางกลับ ได้ยินว่าที่นี้มีผลไม้อบแห้งที่อร่อยมาก พรุ่งนี้หนูเอาไปให้คุณพ่อชิมดูนะคะ”
เจี่ยนฉางรุ่นมองเจี่ยนอี๋นั่วในวิดิโอคอล ยกมือขึ้นค่อยๆออกเสียงพูดว่า:“ดึกแล้ว……”
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเจี่ยนฉางรุ่นพูดประโยคใหม่ น้ำเสียงสั่นเครือแล้วก้มหน้าลงพร้อมเสียงฮึดฮัดพูดว่า:“หนูรู้คะว่าฟ้ามืดลงแล้ว โรงแรมของพวกเราทั้งหมดอยู่ในแถบชานเมือง อากาศดีมากๆเลยค่ะ……คุณพ่อคะ คุณพ่อเห็นเป็นสถานที่กว้างและไม่มีสิ่งกีดขวางใช่ไหมคะ นี่คือสภาพแวดล้อมที่มีให้บริการในโรงแรมระดับพรีเมียมเท่านั้น โรงแรมที่หนูเข้าพักมีความปลอดภัยสูงมากค่ะ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกนะคะ หลังจากที่หนูวิดิโอคอลกับคุณพ่อเสร็จแล้ว หนูก็จะเข้านอนแล้วค่ะ คุณพ่อโปรดวางใจเถอะค่ะ ……”
เจี่ยนฉางรุ่นค่อยๆพยักหน้า หลังจากที่พยักหน้าตอบรับ เจี่ยนฉางยุ่นก็เริ่มเรียกชื่อเจี่ยนอี๋นั่วอีกเช่นเดิมแล้วก็ทำท่าหาวนอน เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเจี่ยนฉางรุ่นพร้อมกล่าวราตรีสวัสดิ์ เวลานี้คุณพยาบาลพิเศษได้เอาโทรศัพท์คืนพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยรอยยิ้มว่า:“ดูจากสีหน้าเจี่ยนฉางรุ่นเหมือนง่วงมากแล้ว คุณก็รีบพักผ่อนเถอะค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพยักหน้าตอบกลับ:“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณช่วยดูแลคุณพ่อของฉันหน่อยแล้วกันนะคะ ท่านเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างแล้ว แล้วก็รบกวนคุณช่วยพูดและสนทนากับท่านบ่อยๆนะคะ”
คุณพยาบาลพิเศษยิ้มตอบกลับ:“คุณวางใจเถอะ ฉันจะดูแลอย่างเต็มที่”
เจี่ยนอี๋นั่วค่อยโล่งใจหน่อย หลังจากแชทกับคุณพ่อสิ้นสุดแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ได้ยินเสียงหัวเราะแทรกเข้ามา เธอรีบหันหน้าไปมองตามเสียงหัวเราะนั้นพบว่าเป็นเหลิ่งหมิ่งอัน เธอเบะปากแล้วเอาโทรศัพท์เก็บ จากนั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่ ฝีมือการพูดโกหกของเธอมันไม่ได้เรื่องเอาซะเลย พูดซ้ำๆว่าตัวเองพักอยู่ในโรงแรม แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ ”เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะ
เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดครุ่นคิดสักครู่แล้วค่อยตอบกลับ :“ขอบคุณที่คุณเตือนนะคะ ตอนนี้ฉันโทรหาคนมารับพวกเราก่อนดีกว่า ขาของเขาต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าอาการไม่หนักมากแค่ข้อเท้าแพลง แต่ว่าต้องได้รับการวินิจฉัยจากคุณหมอถึงรู้สาเหตุอาการที่แท้จริง”
“ดูเหมือนคุณจะเป็นห่วงเป็นใยผมเหลือเกิน?กลัวผมพิการเหรอ?”เหลิ่งหมิงอันหัวเราะเยาะเบาๆ
ตอนนี้เหลิ่งหมิงอันไม่หลงเหลือความอาฆาตแค้นแล้ว ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเหลิ่งหมิงอันนั้นมีคนอื่นอีกคนที่สวมรอยเป็นเขาอยู่ เจี่ยนอี๋นั่วไม่สามารถลืมภาพอาการหวาดกลัวของเหลิ่งหมิงอันที่ทำต่อหน้าเธอได้ น้ำเสียงเบาลงพยายามเลือกคำพูดที่ทำให้เหลิ่งหมิงอันสบายใจ:“ฉันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงๆนะ และฉันเป็นแค่นักแสดงตัวประกอบ ปัญหานี้มันยากเกินกว่าที่ฉันจะรับไหว”
“ ครับ ครับ……”เหลิ่งหมิงอันเอื้อมมือแตะที่ใต้คางเจี่ยนอี๋นั่วพูดว่า:“น่ารักจัง ถ้ารู้จะทำตัวน่ารักขนาดนี้แกล้งตั้งนานแล้ว ผมไม่น่าเสียแรงเสียเวลาขนาดนั้นเลย และการที่คุณทำท่าทางอ่อนน้อมแบบนี้ ก็น่ารักไปอีกแบบนะ น่ารักจริงๆ เวลาเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญยิ่งน่ารัก ตอนนี้ท่าทางที่แสดงออกมาว่ากลัวก็น่ารัก……”
ในขณะที่เหลิ่งหมิงอันพูดอยู่นั้น ก็หยุดพูดทันทีเหมือนมีอะไรมาขัดจังหวะในระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่ น้ำเสียงตอบกลับ:“ก็น่ารักเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วมองไปรอบๆบริเวณมีบรรยากาศที่เงียบสงัด รู้สึกหวาดกลัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาถาม:“นี่ คุณเป็นอะไร?พวกเรากลับไปอยู่ในรถกันเถอะ ตอนนี้เวลาค่ำมากแล้ว คุณก็บาดเจ็บ ถ้าหากพบเจอคนร้าย พวกเราจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย”
เหลิ่งหมิงอันหรี่ตามองไปทางเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมหัวเราะและพยักหน้าตอบรับ:“ได้สิ”
เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบขึ้นรถทันทีไปนั่งอยู่เบาะหลัง จากนั้นเหลิ่งหมิงอันก็ตามหลังเจี่ยนอี๋นั่วขึ้นรถไปอีกคน แล้วก็นั่งเบาะหลังเช่นกัน เจี่ยนอี๋นั่วชี้ไปทางด้านหน้า :“คุณ คุณควรจะหน้าด้านหน้ารถนะคะ?”
“ทำไมเหรอครับ?นั่งข้างหลังนี้ไม่ได้เหรอครับ?อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นแล้วด้วยพวกเราสามารถกอดกันเพื่อให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันก่อนที่คนอื่นจะมารับพวกเราได้นี่”เหลิ่งหมิงอันพูดจบก็หัวเราะพร้อมยื่นมือไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วรีบขยับถอยออกทันที เธอขมวดคิ้วจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน ในก็สุดก็ทนไม่ไหวพูดออกมาว่า :“คุณอย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะ?ฉันและเหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ไม่เคยจูบกัน ไม่เคยนอนด้วยกัน คุณอยากเอาชนะเขาเหรอคะ?ฉันเป็นผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการ ผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการ คุณมาใกล้ชิดฉันแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อมันก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลยว่าคุณอยู่เหนือกว่าเขา”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาจ้องมองที่คอของเจี่ยนอี๋นั่วเหมือนชีสขาวๆ แล้วเขาก็ขยับเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่วพูดขึ้นว่า:“เขาไม่เคยจูบคุณเหรอ?แล้วเขาเคยสัมผัสตัวคุณไหม?เคยเห็นเรือนร่างของคุณหรือเปล่า?”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบร้อนส่ายหัว:“ไม่เคย……”
เหลิ่งหมิงอันค่อยๆขยับเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา:“คุณโกหก เขาต้องเคยเห็นเรือนร่างของคุณใช่ไหม และเขายังเคยสัมผัสคุณ เคยอุ้มคุณ ในสิ่งที่เขาไม่เคยทำแต่ผมเคยทำมันแล้ว และในสิ่งที่เขาเคยทำ ผมก็จะทำมันเหมือนกัน”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบร้อนถอยออกห่าง พูดอย่างประหม่า:“นี่คุณ คุณจะทำอะไรคะ เรื่องมันจบไปตั้งนานแล้วนะคะ?”
เหลิ่งหมิงอันจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว ลมหายใจของเขาค่อยๆแรงขึ้น:“ผมคิดว่ามันจบแล้ว แต่ดูท่าแล้วมันยังไม่จบนะ เมื่อกี้คุณยังตรงเข้ามาให้ผมกอด?ตอนนี้คุณจะหลบผมทำไม?”
เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาแปบหนึ่งพอลืมตาขึ้นมาหันหน้าจ้องมองเหลิ่งหมิงอันพูดว่า:“ได้สิ งั้นฉันจะเป็นคนถอดเอง มันช่วยไม่ได้ที่ฉันเป็นคนกลัวตายและเป็นเพราะตัวฉันเองเข้าไปพัวพันกับชีวิตของพวกคุณ สมน้ำหน้าตัวเองที่ถูกคนย่ำยีและทำเหมือนฉันเป็นผู้หญิงหากิน สมน้ำหน้าตัวเองที่เป็นเหมือนของเล่นของพวกคุณสองพี่น้อง”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็เอามือไปถอดชุดคลุม ในขณะที่เธอกำลังจะถอดสายเสื้อทับออกก็ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาทันที หลังจากเธอเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาของตัวเองและกัดฟันแน่น แล้วถอดสายเสื้อทับอีกครั้ง ทันใดนั้นเหลิ่งหมิงอันก็จับมือเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมขมวดคิ้ว ถอนหายใจเฮือก:“ร้องไห้จะเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ ทำเหมือนผมเป็นคนพาลขนาดนั้น ใครบังคับให้คุณถอดเสื้อผ้าครับ?”
“เมื่อกี้นี้คุณพูดว่าเขาเคยทำเรื่องอะไรไว้ คุณก็จะทำมันเช่นกัน?”เจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้พร้อมเสียงสั่งขี้มูกฮึดฮัดพูดว่า
“เขาเคยเห็นเรือนร่างของคุณจริงๆใช่ไหม?”เหลิ่งหมิงอันยักคิ้วหลิ่วตามองเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมถาม
เจี่ยนอี๋นั่วสั่งขี้มูกฮึดฮัดหยุดร้องไห้ ทันใดนั้นเธอรู้สึกเหมือนตัวเองคิดไปไกลเอง เธอเอามือตบไปที่หน้าผากหนึ่งทีพร้อมพูดว่า:“คือว่า……ฉัน……เหลิ่งเซ่าถิงเขา ……”
“แต่เขาไม่เคยจูบคุณ”ทันใดนั้นเหลิ่งหมิงอันหรี่ตามองเจี่ยนอี๋นั่วพูดว่า:“ผมเคยจูบคุณหลายครั้งแล้ว ไม่เป็นไร คุณเคยทำอะไรกับเหลิ่งเซ่าถิงไว้บ้างพวกเราก็ค่อยๆทำละกัน เวลานี้ผมก็เคยกอดคุณและผมก็เคยสัมผัสคุณ แต่ว่ายังไม่เคยเรือนร่างของคุณและเขาไม่เคยจูบคุณ ถือว่าผมและเหลิ่งเซ่าถิงเสมอกันแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงเคยเห็นเรือนร่างของคุณ คุณยังรักเขาได้ งั้นผมก็จะทำให้คุณรักผมได้เช่นกัน เพื่อผมคุณยอมถอดเสื้อผ้าตัวเอง แสดงว่าผมเป็นฝ่ายชนะเขาแล้วสิ”
ชาตินี้คุณจะไม่มีวันได้เห็นอีก ฉันจะไม่ยอมถอดเสื้อผ้าให้คุณเห็นอีก
เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดจ้องมองเหลิ่งหมิงอันตะโกนอยู่ในใจ แต่ว่าอยู่ต่อหน้าเหลิ่งหมิงอัน เธอได้แต่เม้มปากและทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ เวลาผ่านไปไม่นานก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบา:“ตอนนี้ฉันสามารถโทรเรียกคนมารับพวกเราได้หรือยัง?”