หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 63 ฉันไม่มีสิทธิ์บอกรักเธอ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

วันถัดไปเจี่ยนอี๋นั่วรีบซื้อตั๋วเครื่องบิน บินกลับทันที หลังจากที่ไปเยี่ยมคุณพ่อเสร็จ ก็กลับคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งทันที เธอไปพบคุณนายเหลิ่งก่อน จากนั้นค่อยกลับไปที่ห้องเหลิ่งเซ่าถิง

เดิมทีเวลานี้เหลิ่งเซ่าถิงควรจะไปถึงบริษัทแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วกลับมาถึงคฤหาสน์อยากไปพบคุณนายเหลิ่งก่อน เพื่อดูท่าทีของคุณนายเหลิ่ง แล้วค่อยวางแผนอีกทีว่าจะเผชิญหน้ากับเหลิ่งเซ่าถิงยังไงดี เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่ควรที่จะพูดเรื่องราวความจริงที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเหลิ่งหมิงอัน ถ้าหากไม่พูดความจริง แล้วมันทำให้เหลิ่งเซ่าถิงเข้าใจผิดจริงๆล่ะ ถ้าจะเกลียดชังเธอไม่ว่าหรอก กลัวเพียงแต่จะสงสัยในตัวเธอและระงับการให้ความช่วยเหลือตระกูลเจี่ยนด้านการเงินเท่านั้น และถ้าหากเหลิ่งเซ่าถิงยังโกธรอยู่แล้วยังรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอาย อาจจะทิ้งเธอไปก็เป็นได้

เจี่ยนอี๋นั่วได้เดินเข้าห้องไปด้วยอาการที่มีความกังวลมากมายในใจ แต่หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วกลับถึงห้อง ทันทีที่เปิดประตูห้อง ก็เห็นเหลิ่งเซ่าถิงยืนอยู่ที่หน้าต่าง เจี่ยนอี๋นั่วคิดไม่ถึงเลยว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะอยู่ในห้องตลอด ในขณะนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ตกตะลึงทันที ต่อจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบก้มหัวลงทันที ได้แต่จ้องมองที่ปลายขาของตัวเองแล้วกลั้นลมหายใจด้วยอาการที่ตกใจ

ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันเพียงแค่หนึ่งวันหนึ่งคืน แต่ในครั้งนี้เจี่ยนอี๋นั่วได้เจอเหลิ่งเซ่าถิงอีกครั้ง กลับไม่หลงเหลือความรู้สึกเดิม แต่เหมือนมีเส้นบางๆกั้นอยู่ ความรู้สึกจากที่เคยรัก ตอนนี้กลับดูเหมือนเป็นเรื่องตลกที่ไร้สาระเอามากๆ เจี่ยนอี๋นั่วอยู่ตรงหน้าเหลิ่งเซ่าถิง ทันใดนั้นเธอมีความรู้สึกเหมือนเป็นคนต้อยต่ำ ก่อนหน้านี้เธอเคยโดนเหลิ่งเซ่าถิงดูถูก เธอคิดว่าทำไมเธอถึงต้องโดนดูถูกดูแคลนด้วย ทำไมเหลิ่งเซ่าถิงถึงรักเธอไม่ได้?เวลานี้เธอไม่มีความกล้าพอที่จะถามอะไรอีกแล้ว

ถึงแม้เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงจะมีความสัมพันธ์และการใช้ชีวิตคู่สมรสตามหนังสือสัญญาเท่านั้น และเจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าในความเป็นจริงแล้วเหลิ่งเซ่าถิงก็คบอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยแสดงอาการว่ามีใจให้เลย ทุกครั้งผู้หญิงคนอื่นจะเป็นคนที่เข้าหาก่อนเสมอ

อีกด้านนึงเจี่ยนอี๋นั่วแสดงอาการที่หลงรักเหลิ่งเซ่าถิง แต่อีกด้านนึงต้องถูกเหลิ่งหมิงอันบังคับและข่มขู่ เธอยอมให้เหลิ่งหมิงอันเข้าใกล้เธอยังไม่พอ ยังต้องเอาใจเหลิ่งหมิงอันด้วยการจูบเขา ต่อหน้าเหลิ่งเซ่าถิงเธอยังมีสิทธิ์อะไรที่จะไปบอกว่ารัก? แค่เงยหน้าเหลือบมองเหลิ่งเซ่าถิงสักนิดยังไม่กล้าเลย

เหลิ่งเซ่าถิงหันหลังมองเจี่ยนอี๋นั่ว แววตาของเขาดูห่างเหินในขณะที่จ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว ราวกับว่ากำลังจ้องมองกระถางดอกไม้และต้นไม้อยู่ เหลิ่งเซ่าถิงเพียงแค่เก็บซ่อนความรู้สึกลึกๆไว้ในใจ ค่อยๆกำมือแน่นและอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย

“ทันทีที่คุณลงจากเครื่อง ก็กลับตระกูลเหลิ่ง เกิดอะไรขึ้นกับคุณใช่ไหม? เหลิ่งหมิงอันก็อยู่เมืองที่คุณไป เขาจงใจตามคุณไปแน่นอน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหลิ่งเซ่าถิงถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เจี่ยนอี๋นั่วท่าทางคิ้วขมวด ก้มหัวลงสูดหายใจเข้าลึกๆตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เบา:”ใช่ค่ะ เกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ เมื่อคืน ฉัน……ฉันและเหลิ่งหมิงอัน”

เหลิ่งเซ่าถิงเห็นท่าทางลังเลของเจี่ยนอี๋นั่ว เขากำมัดแน่นขึ้น ลมหายใจเหมือนหยุดนิ่ง เขากัดฟันถามต่อ:

“เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับคุณและเขากันแน่?”

เจี่ยนอี๋นั่วก้มหัวลง มองไม่เห็นท่าทางของเหลิ่งเซ่าถิงด้วยซ้ำ เธอได้แต่เม้มริมฝีปากและคิดในใจ ควรจะบอกความจริงทุกอย่างกับเหลิ่งเซ่าถิงไม่ใช่เหรอ: “เมื่อคืนนี้ ฉันไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของหุ้นส่วน บังเอิญเจอกับเหลิ่งหมิงอัน หลังจากงานเลี้ยงเลิกราเขาหาเหตุผลส่งฉันกลับ ฉันก็เลยนั่งรถกลับกับเขา ระหว่างทางรถเกิดเสีย เวลานั้นโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น เขาแย่งโทรศัพท์จากมือของฉันแล้วโยนทิ้งลงภูเขา จากนั้นฉันทะเลาะกับเขา และไม่ทันระวังผลักเขาตกเหว เดิมทีเขาแกล้งตาย ฉันกลัวว่าเขาจะตายจริงๆ ถ้าเขาตาย ตระกูลเหลิ่งไม่ปล่อยฉันไว้แน่ ดังนั้นฉันเลยผายปอดเพื่อช่วยชีวิตเขา……”

“อะไรนะ ผายปอดเหรอ?” สีหน้าของเหลิ่งเซ่าถิงเปลี่ยนไปว่างเปล่าทันที ท่าทางคิ้วขมวดถามซ้ำอีกรอบด้วยน้ำเสียงเข้ม: “ผายปอดโดยใช้ปากเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่กล้าเงยหน้า ก้มหน้าอยู่และพยักหน้าตอบกลับเบาๆ อารมณ์ของเหลิ่งเซ่าถิงหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่และพี่ชายจากไป เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เมื่อมีเหตุการณ์อะไรมากระตุ้นทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้นั้น ถ้าไม่ทำลายมันทิ้งเขาก็จะเดินหนีมัน ในอดีตของเล่นที่เขาชอบโดนเขาเผาทำลายทิ้งด้วยมือของเขาเอง นิยายที่เขาชอบอ่านก็ถูกซ่อนไว้ในส่วนที่สูงที่สุดของชั้นวางหนังสือ เนื่องจากเขาเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเหลิ่ง จิตใจต้องแน่วแน่ไม่มีอะไรที่จะทำให้ปล่อยวางไม่ได้

เขายังคงอยู่ในอาการเงียบตลอด แม้ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำในครั้งนั้น เขายังสามารถใจเย็นได้เมื่อถูกวินิจฉัยออกมาว่าต้องเป็นเจ้าชายนิทรา และต้องนอนติดเตียงอยู่ราว ๆ หนึ่งปีเต็ม อุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยหรือมีคนจงใจทำให้มันเกิดขึ้นกันแน่

แต่ว่าในเวลานี้เหลิ่งเซ่าถิงเริ่มมีอารมณ์บางอย่างที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เขาอยากถามเจี่ยนอี๋นั่วด้วยอารมณ์ที่บ้าคลั่งว่าทำไมถึงไปกับเหลิ่งหมิงอัน? และเขาอยากจะเอาคืนและจัดการน้องชายลูกพี่ลูกน้องของเขาที่อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของๆเขา

“หลังจากนั้นล่ะ? คุณและเขา…..ต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก?”เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดถามด้วยน้ำเสียงเบา

ตอนนี้ในใจเจี่ยนอี๋นั่วสับสนวุ่นวายมาก เธอไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเหลิ่งเซ่าถิง และไม่ทันสังเกตเลยสักนิดว่าอาการของเหลิ่งเซ่าถิงร้อนรนขนาดไหน เจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนนี้ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขอบตาแดงก่ำ: “ฉันไม่สามารถต้านทานเขาได้……”

คำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วทำให้เหลิ่งเซ่าถิงถึงกับเดินเซถอยหลัง เขาคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว:”ผมเข้าใจแล้ว ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ”

เหลิ่งเซ่าถิงดูจากอาการของเจี่ยนอี๋นั่ว คิดว่าเจี่ยนอี๋นั่วถูกเหลิ่งหมิงอันบังคับขืนใจ เวลานี้ในหัวของเหลิ่งเซ่าถิงคิดเพียงอย่างเดียว ก็คือฆ่าเหลิ่งหมิงอันทิ้งซะ ไม่ ไม่เพียงแค่ฆ่าทิ้ง แค่นั้นมันยังไม่พอ เขาต้องคิดหาวิธีกำจัดเหลิ่งหมิงอันอย่างทรมานและตายทั้งเป็น

เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยรักใคร ดังนั้นอารมณ์โกธรของเขาแสดงมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะว่าเขารู้สึกต่อเจี่ยนอี๋นั่วพิเศษกว่าคนอื่นหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าเขาเคยเตือนเหลิ่งหมิงอันแล้ว เหลิ่งหมิงอันยังกล้ามาลองดีอีก ทำให้เส้นฟางเส้นสุดท้ายของเขาขาดลง

“แต่ แต่ว่าฉันก็เป็นคนเริ่มก่อนเอง” เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากให้เกิดเรื่องใหญ่โตขึ้น เหลิ่งเซ่าถิงกับเหลิ่งหมิงอันทะเลาะกัน ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร สุดท้ายคนที่ซวยที่สุดก็คงไม่พ้นคนกลางอย่างเธอ เธออยากออกมารับผิดชอบบางอย่าง อาจจะลดความขัดแย้งระหว่างเหลิ่งเซ่าถิงกับเหลิ่งหมิงอันก็เป็นได้

“เริ่มก่อน? เหลิ่งเซ่าถิงหยุดชะงัก เมื่อกี้เขายังมีอาการโมโหมาก แต่ตอนนี้อารมณ์โมโหนั้นหายไป ตอนนี้เขารู้สึกว่าอารมณ์ทั้งหมดถูกดึงออกไปจากร่างกายของเขา เขาใช้แววตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วเหมือนคนแปลกหน้า ผู้หญิงคนนี้คนที่เขาปฏิเสธรัก คนที่ร้องไห้เพราะเขาและร้องไห้ต่อหน้าเขาเมื่อหลายวันก่อน หลังจากผ่านไปแค่หนึ่งคืนกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายอีกคน? ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่?

ถ้าหากเป็นเพราะเหลิ่งหมิงอันบังคับเธอ ถ้าอย่างงั้นเหลิ่งเซ่าถิงต้องลงมือฆ่าเหลิ่งหมิงอันแน่นอน แต่ถ้าหากเจี่ยนอี๋นั่วเป็นคนเริ่มก่อน สำหรับเธอ เหลิ่งเซ่าถิงได้แต่ยืนอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ และไม่รู้จะลงโทษเจี่ยนอี๋นั่วยังไงดี? เขาไม่อยากฆ่าเธอและไม่อยากแก้แค้นเอาคืนเธอ แล้วก็ไม่อยากปล่อยเธอไปเช่นกัน

“ทำไมเธอต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน?”เหลิ่งเซ่าถิงยืนอึ้งอยู่สักพักหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้ถามคำถามแบบนี้ แต่เวลานี้เขารู้สึกคิดอะไรไม่ออกสับสนวุ่นวายไปหมด แค่อยากถามคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจ

ทำไมเจี่ยนอี๋นั่วต้องเป็นคนเริ่มก่อน? ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่รักเขามาตลอดไม่ใช่เหรอ?ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเปลี่ยนใจได้เร็วขนาดนี้?

เจี่ยนอี๋นั่วก้มหัวและกัดที่ริมฝีปาก พูดด้วยน้ำเสียงเบา: “ฉันถูกเขาจูบ ฉันอยากขัดขืนแต่เขาทับร่างของฉันไว้ ข่มขู่ฉันและเขาสามารถฆ่าฉันที่นั้นได้ จากนั้นคงจะไม่มีใครสนใจใยดีเรื่องนี้ ถ้าหากฉันตายก็ไม่มีใครรู้ ฉันยังตายไม่ได้ ฉันยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณพ่อของฉันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอกจากฉันแล้วไม่มีใครเหลียวแลท่าน ถ้าฉันตาย แล้วท่านจะอยู่อย่างไร? ฉันกลัวตาย ฉันกลัวตายมากจริงๆ”

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆหยุดชะงักสักครู่แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบา: “ฉันไม่สนหรอกนะว่าจุดจบชีวิตของฉันจะเป็นยังไง ฉันกลัวแค่ว่าหลังจากที่ฉันตาย คนเหล่านั้น คนที่ฉันรักจะไม่มีใครเหลียวแล ขอเพียงแค่มีใครสักคนนึงสามารถดูแลรับผิดชอบคุณพ่อของฉันได้ ฉันก็ไม่ได้กลัวความตายขนาดนั้น ดังนั้นฉันเลยเป็นคนเริ่มเอง ฉันจูบเขาไปหนึ่งที ในขณะนั้น ไม่ว่าเหลิ่งหมิงอันจะทำอะไรฉันก็ตาม ฉันก็จะไม่ขัดขืน แต่เขากลับบอกว่ามันน่าเบื่อหน่าย แล้วปล่อยฉันออกทันที เพียงแค่ให้ฉันพยุงเขาขึ้นเขา เขาบอกว่าเท้าของเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าฉันมารู้ทีหลังว่าเขาพูดโกหก จากนั้นเขาเอาโทรศัพท์ออกมา เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทิ้งโทรศัพท์ลงเขาหรอก เขาแค่หลอกฉันเท่านั้นเอง เหลิ่งหมิงอันเป็นคนหลอกลวง……เขายังทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าฉันเลี้ยงผู้ชายวัยละอ่อน !”

“สิ่งที่คุณบอกว่าคุณเป็นคนเริ่มก่อน เป็นเพราะคุณต้องประนีประนอมต่อหน้าเหลิ่งหมิงอันเมื่อถูกคุกคามเท่านั้นเอง?เหลิ่งหมิงจูบคุณแค่นั้นเองเหรอ?นอกเหนือจากนี้ยังทำอะไรคุณอีกไหม? ”เหลิ่งเซ่าถิงถามคำถามอย่างต่อเนื่อง

เจี่ยนอี๋นั่วสั่งน้ำมูกพร้อมพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็ส่ายหัวไปมาพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“เขายังสัมผัสฉัน……”

เจี่ยนอี๋นั่วยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นก็ถูกเหลิ่งเซ่าถิงสวมกอดไว้แน่น เจี่ยนอี๋นั่วมักจะถูกเหลิ่งเซ่าถิงกอดอยู่บ่อยๆ แต่ ณ เวลานั้นท่าทางที่สวมกอดเหลิ่งเซ่าถิงสวมกอดแค่เบาๆ แม้กระทั่งหลับใหลอยู่ในฝันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย และเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเวลาที่เหลิ่งเซ่าถิงสวมกอดเธออยู่นั้นราวกับว่ากำลังกอดหมอนอยู่เท่านั้นเอง

แต่การสวมกอดในครั้งนี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วเริ่มรู้สึกได้ถึง เหลิ่งเซ่าถิงมองเธอเป็นผู้หญิงคนนึงแล้วสินะ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เจี่ยนอี๋นั่วก็นึกถึงเรื่องราวคืนนั้น คืนที่อยู่ด้วยกันกับเหลิ่งหมิงอันกันสองต่อสอง ถึงแม้คืนนั้นจะไม่มีเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอและเหลิ่งหมิงอันก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอได้เตรียมใจแบบนั้นไว้แล้ว

เจี่ยนอี๋นั่วไม่เคยลังเลสองจิตสองใจขนาดนี้ เวลาที่เธอรักผู้ชายคนหนึ่ง ในสายตาและในหัวใจจะมีแค่ผู้ชายคนนั้นเท่านั้น ในใจของเจี่ยนอี๋นั่ว สิ่งที่เรียกว่าความรักควรเป็นเช่นนั้น ในสายตาและในหัวใจต้องมีผู้ชายคนนั้นเพียงคนเดียว ถึงเรียกว่านั่นคือความรัก

จริงๆแล้วเธอรักเหลิ่งเซ่าถิง แต่ยังยอมอยู่ในอ้อมกอดของเหลิ่งหมิงอัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถทนรับสภาพตัวเองแบบนี้ได้ สภาพของเธอแบบนี้ ไม่สมควรที่จะรักเหลิ่งเซ่าถิงอีกต่อไป

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถึง ณ จุดนี้ในใจก็รู้สึกหวิวๆ ก่อนหน้านี้เหลิ่งเซ่าถิงสวมกอดเธอแบบนี้ เธออาจจะเขินและหัวใจเต้นแรงเพราะตื่นเต้น แต่เวลานี้ในใจของเธอไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว เพราะว่าเธอไม่มีสิทธิ์เขินไม่มีสิทธิ์หัวใจเต้นแรง และไม่มีสิทธิ์เอยคำว่ารักต่อเหลิ่งเซ่าถิงอีก

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท