เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาลงแล้วมองเหลิ่งเซ่าถิง เธอยิ้มออกมา:“งั้นคุณจูบฉันหน่อยสิ ฉันจะเชื่อฟังคุณ จะไม่อิจฉาเขาอีกแล้ว”
บางทีการกลับมาที่ตระกูลเหลิ่ง ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงได้สวมความเย็นชาที่ห่อหุ้มเขาใหม่อีกครั้ง ตอนที่ได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดแบบนี้ มือของเหลิ่งเซ่าถิงกำไว้เบาๆ เขาเห้อออกมาจากริมฝีปากเล็กน้อย:“ทำไมถึงขอแบบนี้เนี่ย? คุณนี่มัน……”
เหลิ่งเซ่าถิงไม่ทันได้พูดจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็เขย่งเท้า จูบเบาๆไปที่ริมฝีปากของเหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มแล้วพูด:“งั้นฉันจูบคุณ”
เหลิ่งเซ่าถิงกระตุกมุมปาก เขาอดไม่ได้ที่จะก้มมองเจี่ยนอี๋นั่ว มองเจี่ยนอี๋นั่วที่ยิ้มเหมือนแมวที่แอบขโมยกิน หน้าตาดูภูมิใจ เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาโอบเอวของเจี่ยนอี๋นั่วไว้ ตั้งใจใช้เสียงที่แหบพร่าพูด:“คุณกวนแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่าขั้นต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?”
เจี่ยนอี๋นั่วมองเห็นสายตาของเหลิ่งเซ่าถิง ก็สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างตึงเครียด แล้วพูดเสียงเบา:“ฉัน……เหมือนว่าฉันจะรู้ แต่ร่างกายฉันไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างห้องนี้ของคุณมันเก็บเสียงไม่ค่อยดีนะ ถ้าเกิดถูกคนที่เดินผ่านมาได้ยินเข้า คงจะทำตัวไม่ถูก ถ้าฉันไม่เสียงดังอีกก็คงจะไม่ได้?”
“งั้นคุณจะกวนต่อ?” เหลิ่งเซ่าถิงบีบเข้าไปใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว ใกล้ไปที่ข้างหูเจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูด
เจี่ยนอี๋นั่วรีบถอยหลังหนึ่งก้าว ติดกับกำแพง แล้วตอบรับอย่างไร้เดียงสา:“ต่อไปฉันจะไม่กวนแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ เดิมทีบนใบหน้าที่มีแต่ความน่าสงสาร จู่ๆก็เผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย:“แต่ทั้งๆที่คุณอยากได้ กลับแข็งใจที่จะพูด‘ห้ามกวน’นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะอยากกวนคุณต่อ”
“ไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจดีจริงๆ” เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตา จูบบนริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย พูดเสียงเบาไปด้วย
เจี่ยนอี๋นั่วโอบไปที่คอของเหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มแล้วจูบตอบเหลิ่งเซ่าถิง ยอมรับตรงๆว่า:“แหะๆ บางทีฉันก็ร้ายมากจริงๆ ประธานเหลิ่งเสียใจซะแล้วเหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงจูบที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ พยักหน้า ยิ้มแล้วพูด:“เสียใจสิ เสียใจที่ไม่ได้คบกับคุณให้เร็วกว่านี้ จะได้เห็นคุณที่ใจร้ายแบบนี้เร็วหน่อย”
แต่ไหนแต่ไรมาเหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยคิดว่าถ้าเขาคบกับเจี่ยนอี๋นั่วแล้วจะเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตที่เขาวางไว้สำหรับในอนาคตเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากเมื่อวาน เหลิ่งเซ่าถิงคงกดความปรารถนานั่นที่มีต่อเจี่ยนอี๋นั่วไว้ในใจตัวเองตลอดไป แต่ผ่านไปแค่คืนเดียว สถานการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด เหลิ่งเซ่าถิงไม่สามารถจินตนาการได้ถ้าต่อไปไม่มีเจี่ยนอี๋นั่ว เขาจะมีชีวิตต่อยังไง?
การที่ได้สัมผัสถึงแสงอาทิตย์ คนที่รับรู้แล้วว่าความอบอุ่นมันเป็นยังไง จะถอยกลับไปเยือกเย็นในมุมมืดอีกได้อย่างไร?
ที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดเมื่อกี้ว่าเธออิจฉาหลิวจื่อซิงมาก เพราะหลิวจื่อซิงเคยอยู่ในชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิงก่อนหน้านี้ เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยอิจฉาที่ไหนกันล่ะ อิจฉาทุกคนที่เคยอยู่ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของเจี่ยนอี๋นั่ว เพียงแค่เพราะพวกเขาได้รู้จักเจี่ยนอี๋นั่วเร็วกว่าเหลิ่งเซ่าถิง
ที่เคยลังเลและระงับความรู้สึก สำหรับเหลิ่งเซ่าถิงในตอนนี้แล้ว ได้กลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่เขาไม่ได้กอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ให้เร็วกว่านี้
“คนอื่นเขาชอบผู้หญิงประเภทที่อ่อนโยนจิตใจดี คิดไม่ถึงว่าประธานเหลิ่งจะชอบผู้หญิงแบบฉันที่ใจร้ายขนาดนี้ ประธานเหลิ่งมีรสนิยมพิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูด
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า:“เพราะแบบนี้จะได้ไม่มีใครมาแย่งคุณไปจากผมไงล่ะ”
“หา?” เจี่ยนอี๋นั่วตกใจเบิกตากว้าง:“ประธานเหลิ่งยังกลัวที่จะแย่งแพ้คนอื่น?”
เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆหุบยิ้มลง แล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง:“กลัวสิ”
เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างไม่คาดคิด ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง ความหมายที่ว่ากลัวจะแย่งแพ้คนอื่น มันมีความหมายแอบแฝงว่าจะสูญเสียเธอไปหรือเปล่า นี่เป็นเพราะเหลิ่งเซ่าถิงไม่มีความรู้สึกว่าปลอดภัย?
เหลิ่งเซ่าถิงที่อยู่สูงขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะกังวลเรื่องแบบนี้เพราะเธอ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนภูมิใจมากแค่ไหนกันเนี่ย?
แต่ตอนนี้ความรู้สึกภูมิใจสักนิดเจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่มี รู้สึกแต่เจ็บปวดใจเพราะเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วก้มตาลง กอดเหลิ่งเซ่าไว้แน่น พูดอย่างจริงจัง:“ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งฉันไป เพราะไม่ว่าใครก็แย่งไม่ได้หรอก!ฉันจะอยู่กับคุณ ฉันจะเป็นขนมเคลือบน้ำตาล ติดไว้กับร่างกายคุณ คุณจะแกะก็แกะไม่ออกหรอก”
เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นลูบศีรษะเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วยิ้มออกมา ก้มหน้าลงแล้วจูบที่ต้นคอของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ เวลานี้จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก มีคนรับใช้อยู่ด้านนอกพูดด้วยความเคารพ:“คุณชายใหญ่ คุณนายเหลิ่งเรียกหาค่ะ”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า ตอบเสียงเย็นชา:“รู้แล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็ปล่อยมือของเจี่ยนอี๋นั่วที่จับไว้:“ผมไปดูก่อนนะ คุณพักผ่อนก่อนเถอะ”
เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นมาจับมือของเหลิ่งเซ่าถิงเอาไว้ ขมวดคิ้วแล้วพูด:“คุณ……”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดแค่คำเดียว ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ เหลิ่งเซ่าถิงรู้จักคุณนายเหลิ่งดีกว่าเธอ เจี่ยนอี๋นั่วอยากจะพูดคำพูดเชิงเตือน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง เหลิ่งเซ่าถิงตบที่หลังมือของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ ยิ้มแล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณวางใจเถอะ ผมรู้ว่าควรจะเผชิญหน้ายังไง”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ มองเหลิ่งเซ่าถิงเดินออกจากห้อง เธอยังคงขมวดคิ้วอยู่ มองประตูห้องด้วยความไม่สบายใจ
ขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงเดินมาถึงห้องของคุณนายเหลิ่ง คุณนายเหลิ่งกำลังจับปากกาเขียนหนังสืออยู่ เหลิ่งเซ่าถิงเดินตรงไปยังด้านหน้าคุณนายเหลิ่ง พูดเสียงเบา:“คุณย่า เรียกหาผมเหรอครับ?”
คุณนายเหลิ่งวางปากกาลง ถามเสียงเย็นชา:“แกคบกับเจี่ยนอี๋นั่วแล้ว?”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า:“ใช่ครับ ตอนแรกคุณย่าพูดไว้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าผมจะชอบเขาแน่?”
คุณนายเหลิ่งเฮอะเสียงไม่พอใจออกมา:“ฉันพูดว่าแกจะชอบเขาแน่ คือให้ชอบในแบบที่ให้เขาเป็นแม่ของลูกแกในอนาคต ให้ชอบเป็นภรรยาในนาม ไม่ใช่ให้ไปชอบในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง!แกดูสิแกทำอะไรลงไป? ออกไปข้างนอกกับเขาทั้งคืน กลัวว่าทุกคนเขาจะไม่รู้หรือไงว่าพวกแกคบกัน กลัวว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้เหรอว่าแกมีจุดอ่อนแบบนี้ ผู้หญิงอย่างเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ต่อที่ตระกูลไม่ได้อีกแล้ว ต้องรีบปลดความสัมพันธ์กับแกออกซะ ให้เขาออกจากตระกูลเหลิ่ง!”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วพูด:“เจี่ยนอี๋นั่วเป็นคนที่คุณย่าหามา ตอนแรกไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากผม ให้ผมกับเขาอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ผมขอบคุณคุณย่ามากครับ ที่ทำให้ผมได้เจอกับเขา แต่ผมคงไม่ฟังคำสั่งของคุณย่าที่ให้เขาออกห่างจากผมนะครับ คุณย่าไม่อยากให้แต่งงานกับคนที่ผมชอบ บอกว่าจะกลายเป็นจุดอ่อนของผม เมื่อก่อนผมคิดว่าทำแบบนั้นคือถูก แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว คนที่เหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีจุดอ่อนไม่สามารถมีชีวิตต่อได้ มันไม่มีคุณค่าเลยสักนิด”
คุณนายเหลิ่งจ้องเหลิ่งเซ่าถิง:“แกรู้ไหมว่าในอนาคตแกจะอันตรายมากแค่ไหน? เขาจะทำให้แกตัดสินใจผิดพลาดในหลายๆเรื่อง ทำให้แกมองไม่เห็นว่าเป้าหมายของแกคืออะไร?”
“อันตราย?” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงเย็นชา:“ถ้าการที่ผมชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วมันอันตรายมาก งั้นก็แสดงว่าผมอยู่ในช่วงอันตรายอยู่ตลอด คุณย่าคิดว่าผมไม่มีคนที่สนใจ แล้วผมจะไม่ถูกอย่างอื่นบังคับข่มขู่เหรอครับ?”
คุณนายเหลิ่งสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พูดเสียงขรึม:“ไม่เพียงแค่นั้น แกชอบเขา แกก็จะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างของตัวแกเองต่อหน้าเขา ถ้าวันหนึ่งเขาหักหลังแก แกคงต้องเสียหายย่อยยับ!พวกเราคนตระกูลเหลิ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ต่างก็ต้องป้องกันหัวใจ ตอนนี้การกระทำของแก ได้ป้องกันหัวใจจากเขาบ้างหรือเปล่า? ไม่งั้นก็ให้เขาซ่อนตัวซะ แล้วไปปล่อยที่ต่างประเทศ อย่าได้สัมผัสถึงสิทธิสำคัญในตระกูลเหลิ่ง หลังจากนั้นแกค่อยแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ฉันช่วยแกเลือก……”
“ผมจะไม่เลือกผู้หญิงคนอื่น” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงขรึม:“และเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมถูกซ่อนไว้ง่ายๆ”
คุณนายเหลิ่งออกแรงตบโต๊ะ:“เหลิ่งเซ่าถิง แกไม่เห็นย่าในสายตาเลยหรือไง? อย่าได้คิดว่าตอนนี้แกเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของฉัน ฉันสามารถให้เจี่ยนอี๋นั่วมีลูกให้แกได้ ฉันก็สามารถหาวิธีให้ผู้หญิงคนอื่นมีลูกให้แกได้เหมือนกัน ตอนนี้วิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมาก แกไม่จำเป็นต้องให้ความร่วมมือเลยก็ยังได้ หาทายาทตระกูลเหลิ่งแบบนี้เอาแล้วกัน”
เหลิ่งเซ่าถิงมองไปทางคุณนายเหลิ่ง แล้วยิ้มออกมา:“คุณย่าจะจัดการยังไงก็ได้ แต่ผมแนะนำให้คุณย่าพิจารณาถึงต้นทุนเวลาในการเลี้ยงดูอบรมทายาทคนใหม่ด้วยนะครับ อีกอย่างถ้าพวกเราเกิดขัดแย้งกันขึ้นมา มีความเป็นไปได้ว่าอารองจะถือโอกาสนี้เข้ามาก้าวก่าย”
คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้ว จ้องเหลิ่งเซ่าถิง:“ในเมื่อแกรู้ ทำไมแกยังไม่ฟังคำสั่งของฉัน?”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงขรึม:“เพราะผมไม่ใช่ของเล่นในมือของคุณย่าไงครับ”
คุณนายเหลิ่งส่งเสียงไม่พอใจออกมา หรี่ตามองเหลิ่งเซ่าถิง:“แกจะเสียใจกับการตัดสินใจของแกในตอนนี้!รักผู้หญิงคนหนึ่ง? รอให้ถึงตอนที่แกถูกผู้หญิงคนนี้หักหลังทำร้าย แกก็จะรู้เองว่าการตัดสินใจของฉันคือถูกต้อง!”
“ผมก็เชื่อเหมือนกันครับว่าการตัดสินใจของผมคือถูก” เหลิ่งเซ่าถิงมองคุณนายเหลิ่ง แล้วถามเสียงเย็นชา:“คุณย่าบอกว่าพวกเราคนตระกูลเหลิ่งต้องป้องกันหัวใจ คุณย่าป้องกันหัวใจกับผมหรือเปล่าครับ?”
คุณนายเหลิ่งหรี่ตา ค่อยๆเอนไปด้านหลัง เหมือนกับเก็บอาการเมื่อครู่ที่ดุด่าบังคับไป เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน:“ฉันจะไปมีการป้องกันหัวใจกับแกได้ยังไงล่ะ? เมื่อกี้ต่างก็เป็นคำพูดจากความโกรธทั้งนั้น ตอนนี้แกเป็นสายเลือดคนเดียวของฉันเลยนะ”
“ผมก็ไม่ได้ป้องกันหัวใจกับคุณย่าเหมือนกันครับ” เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วพูด:“ดูแล้วแบบนี้ พวกเราคนตระกูลเหลิ่งไม่จำเป็นต้องป้องกันแบบนั้นทุกคน เหมือนผมกับคุณย่า ในเมื่อสามารถเชื่อใจกันและกันได้ งั้นอี๋นั่วก็สามารถคบหากับผมได้ดีเหมือนกันครับ”
คุณนายเหลิ่งยิ้มเบาๆ:“ใช่แล้วล่ะ ความสัมพันธ์พวกเราย่าหลานเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เอาเถอะ ฉันจะเก็บไปคิดแล้วกันเรื่องที่จะจัดการเจี่ยนอี๋นั่วยังไง แกไปพักผ่อนเถอะ ฉันก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
“งั้นคุณย่าก็พักผ่อนนะครับ” เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ ก็หมุนร่างเดินออกไปจากห้องคุณนายเหลิ่ง
คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของเหลิ่งเซ่าถิง พูดเสียงเย็นชา:“ตระกูลตอนนี้มีฉันเป็นคนออกคำสั่ง ไม่ว่าใครก็ห้ามท้าทายอำนาจของฉัน รวมถึงแกด้วย!”
คุณนายเหลิ่งพูด แล้วหันหน้าไปมองกระถางต้นไม้ที่วางอยู่ข้างโต๊ะ เธอยื่นมือไปดึงดอกไม้ที่อยู่บนก้านลงมา:“ดอกไม้ที่ฉันปลูกจนโต จะให้แกโตตามใจชอบได้ยังไง? ทุกใบที่แกโตมา ทุกดอกที่ออก ล้วนแต่โตมาตามความตั้งใจของฉัน!”