หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 87 อย่าให้คนอื่นเห็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงเดินออกมาจากห้องคุณนายเหลิ่ง เขาหันมามองประตูที่คุณนายเหลิ่งปิดแน่น แล้วค่อยๆขมวดคิ้ว เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง

เหลิ่งเซ่าถิงเดินกลับมาที่ห้อง ก็เห็นเจี่ยนอี๋นั่วนอนอยู่บนเตียง วินาทีที่เหลิ่งเซ่าถิงเห็นเจี่ยนอี๋นั่วก็คิ้วก็หายขมวด เขาเดินมาที่ข้างเตียง ตอนที่เหลิ่งเซ่าถิงเดินมาที่ข้างเตียง เจี่ยนอี๋นั่วก็ลืมตาขึ้นมา มองเห็นเหลิ่งเซ่าถิงเจี่ยนอี๋นั่วก็ยิ้มออกมา:“เดิมทีอยากให้คุณเดินเข้ามาใกล้กว่านี้อีกหน่อย แล้วค่อยแกล้งให้คุณตกใจ แต่คุณเดินช้าจนฉันอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา”

เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือไปลูบศีรษะเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ ยิ้มแล้วถาม:“ให้คุณรีบพักผ่อนไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันอยากรอคุณ” เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้ามองเหลิ่งเซ่าถิงแล้วพูด:“ฉันอยากนอนพร้อมคุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ ก็ยื่นมือไปทางเหลิ่งเซ่าถิง เอียงศีรษะแล้วพูด:“มา รีบกอดฉันเร็ว”

เหลิ่งเซ่ารีบโอบเจี่ยนอี๋นั่วเข้ามาในอ้อมกอด แล้วกอดเจี่ยนอี๋นั่วแน่น เขาถามเสียงขรึม:“เมื่อวานผมใจร้อนเกินไปหรือเปล่า? ไม่มีกำลังพอที่จะปกป้องคุณ จนต้องลากคุณเข้ามาในสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงนี้”

เจี่ยนอี๋นั่วตบเบาๆที่หลังเหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มแล้วพูด:“ก่อนคุณจะไปคุณก็พูดเสียใจที่ไม่ได้คบกับฉันให้เร็วกว่านี้ ตอนนี้ทำไมถึงพูดแบบนี้อีกล่ะ? ฉันกลัวมากนะ แต่ถึงแม้ว่าจะกลัว ฉันก็ยังอยากจะคบกับคุณ หรือว่าคุณนายเหลิ่งเขาพูดอะไรเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาลูบที่ศีรษะเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ ยิ้มแล้วพูด:“เขาบอกว่าคุณดีมาก”

เจี่ยนอี๋นั่วนิ่งอึ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วเข้าไปใกล้ในอ้อมกอดของเหลิ่งเซ่าถิง:“อืม ฉันก็เดาไว้ว่าอย่างนี้ เพราะฉันเป็นคนที่เขาเลือกมาให้คุณเลยนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วเข้าไปใกล้ในอ้อมกอดเหลิ่งเซ่าถิง แล้วอยู่ในมุมที่เหลิ่งเซ่าถิงมองไม่เห็น ถึงจะค่อยๆหุบยิ้มลง เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงคือการปลอบใจเธอ เธอมาอยู่ในตระกูลเหลิ่งได้สักพักแล้ว โดยพื้นฐานเธอก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าคุณนายเหลิ่งเป็นคนแบบไหน

คุณนายเหลิ่งดูภายนอกนั้นอ่อนโยน แต่ในใจเย็นชา ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกเลยสักนิด อีกอย่างคุณนายเหลิ่งเป็นผู้ถืออำนาจในตระกูลเหลิ่งมานานมาก เขาอยากที่จะควบคุมและมีอิทธิพลเหนือทุกคนในตระกูลเหลิ่ง โดยเฉพาะเหลิ่งเซ่าถิง คนที่มีผลประโยชน์กับเขามากที่สุด คุณนายเหลิ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกก้าวของเขาเดินไปตามที่เธอวางไว้

คุณนายเหลิ่งจะต้องเลือกทางที่เธอคิดว่าถูกต้องให้เหลิ่งเซ่าถิงอย่างแน่นอน ถ้าเหลิ่งเซ่าถิงไม่เดินตามทางที่เธอวางไว้ล่ะก็ คุณนายเหลิ่งก็จะทำลายสิ่งที่มารบกวนเหลิ่งเซ่าถิง รวมถึงคนด้วย แต่ตอนนี้สิ่งที่รบกวนเหลิ่งเซ่าถิงมากที่สุดคือเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วถึงกับรู้สึกได้ว่าคุณนายเหลิ่งกำลังใช้สายตาแบบไหนจับตามองมายังเธอ คิดว่าจะลงมือขุดรากเธอทิ้งจากตรงไหนดี

ไม่เพียงแต่คุณนายเหลิ่ง แถมยังมีเหลิ่งเฉิงอวี่ สุยเฉิงจิ้ง แล้วก็เหลิ่งหมิงอันอีก แล้วไหนจะคนอื่นๆในตระกูลเหลิ่งอีก เจี่ยนอี๋นั่วถึงกับได้ยินเสียงพูดของพวกเขาในตอนนี้

“ผู้หญิงคนนั้น คิดไม่ถึงว่าจะคบกับเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว พวกเราสามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้ไหม?”

“เหลิ่งเซ่าถิงชอบคนแบบนั้นเนี่ยนะ รู้อย่างนี้ไปพูดคุยกับเจี่ยนอี๋นั่วผู้หญิงคนนั้นให้เร็วกว่านี้ดีกว่า บางทีสามารถพึ่งเธอเอาโครงการดีๆมาจากในมือเหลิ่งเซ่าถิงได้”

“ให้เขาไปสองแสนห้า จะสามารถทำให้เขาหลุดปากข่าวของเหลิ่งเซ่าถิงได้ไหม? เขาเข้าไปในตระกูลเหลิ่งแล้วมีลูกกับเหลิ่งเซ่าถิงก็เพราะเงินนี่ น่าจะใช้เงินดึงมาเป็นพวกได้ เรื่องที่สามารถใช้เงินจัดการได้ นับว่าไม่ใช่ปัญหา”

“คุณนายเหลิ่งก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน ถ้าเขาไม่มายืนฝั่งเดียวกับพวกเรา ก็เหลือทางเดียวคือตายแล้วล่ะ”

“เธอมีสิทธิ์อะไรมาแย่งทายาทที่ฉันอบรมสั่งสอนไป? นั่นคือหลานชายของฉันนะ!เธอมีสิทธิ์อะไรมาแย่งไป? อนาคตของเหลิ่งเซ่าถิง มีแค่ฉันที่จะตัดสินได้ เธอมีสิทธิ์อะไรมารบกวนเซ่าถิง? ทำให้เขาฝ่าฝืนความตั้งใจของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า!เหลิ่งเซ่าถิงทำได้แค่ต้องฟังคำสั่งฉัน เขาห้ามถูกความรู้สึกมากระทบ!ทายาทของตระกูลเหลิ่งแค่ต้องรักษาความสุขุมเยือกเย็นไว้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น!ไม่ว่าสิ่งไหนที่มีผลกระทบกับเขา ล้วนแต่ต้องถูกกำจัดทิ้ง!”

เจี่ยนอี๋นั่วรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเหน็บหนาวชั่วครู่ แล้วรีบลืมตาขึ้นมา เวลานี้ถึงจะพบว่าตัวเองได้หลับไป ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกไม่ดีมากๆ เธอคลำไปกอดเหลิ่งเซ่าถิงไว้ในความมืดมิด สะอึกสะอื้นเล็กน้อย แล้วปิดตาลงใหม่อีกครั้ง พิงไปที่อกของเหลิ่งเซ่าถิง

เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายใจของเจี่ยนอี๋นั่ว เขากอดเจี่ยนอี๋นั่วให้แน่นขึ้น ค่อยๆลูบไปที่แผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดเสียงขรึม:“ไม่ต้องกลัวนะ……”

ในความมืดมิด ตาของเหลิ่งเซ่าถิงก็ค่อยๆปิดลง ลูกตาสีดำเผยให้เห็นความเข้มแข็งในบรรยากาศที่มืดมิดนี้

เจี่ยนอี๋นั่วอยู่ในอ้อมกอดของเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว ถึงแม้ว่าจะนอนหลับค่อนข้างสนิท แต่พอตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ จิตใจของเธอยุ่งเหยิงไปหมด แต่สมองเธอกลับว่างเปล่า ไม่รู้ว่าควรจะจัดการจิตใจที่กลัดกลุ้มจากตรงไหนดี ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วลืมตาขึ้นมา เหลิ่งเซ่าถิงยังไม่ตื่น เหลิ่งเซ่าถิงหลับตาอยู่ คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะนอน แต่ก็ยังคงท่าทางกลุ้มใจไว้อยู่

เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าที่เหลิ่งเซ่าถิงกลุ้มใจแบบนี้เป็นเพราะเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะกลัวทุกอย่างในตระกูลเหลิ่ง แต่เหลิ่งเซ่าถิงเขาคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ในตระกูลเหลิ่ง เขาจะกลุ้มใจเพราะเรื่องของตระกูลเหลิ่งได้ยังไงล่ะ? ในเวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกขึ้นมาว่าตัวเองไม่มีประโยชน์เอาซะเลย เธอคบกับเหลิ่งเซ่าถิง เหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรเหลิ่งเซ่าถิงได้เลย ในทางกลับกันกลายเป็นภาระของเหลิ่งเซ่าถิง ก่อนหน้านี้ที่เจี่ยนอี๋นั่วเผชิญก็เป็นปัญหาแบบนี้เหมือนกัน แต่ดูแล้วก็ไม่เคยกลุ้มใจแบบนี้มาก่อน

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้น ลูบไปที่ระหว่างคิ้วของเหลิ่งเซ่าถิง พึ่งจะได้สัมผัสตรงระหว่างคิ้ว เหลิ่งเซ่าถิงก็ลืมตาขึ้นมา เขามองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วยิ้มออกมา หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปโอบเจี่ยนอี๋นั่วเข้ามาในอ้อมกอด

เจี่ยนอี๋นั่วรีบปกปิดความกลุ้มใจทุกอย่างไว้ทันที แล้วยิ้มกับเหลิ่งเซ่าถิง:“พวกเราตื่นไปวิ่งกันเถอะ ฉันอยากจะออกกำลังกายสักหน่อย”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มออกมาเบาๆ:“อืม คุณควรออกกำลังกายหน่อย แบบนี้คุณจะได้ไม่ต้องอ้างว่าร่างกายไม่ดี ขัดขวางผมให้เข้าใกล้คุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วหน้าแดงขึ้นมา แล้วพูด:“ฉัน……ฉันออกกำลังกายไม่ใช่เพราะเรื่องแบบนั้นสักหน่อย”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วถาม:“งั้นเพราะอะไรเหรอ? ยังมีเรื่องอะไรที่สามารถทำให้คุณไปออกกำลังกายได้อีก?”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปาก แล้วลังเลสักพัก ถึงจะพูดออกมา:“ฉันคิดว่า อนาคตถ้าเกิดเจอกับเรื่องอันตรายขึ้นมา ฉันสามารถวิ่งอยู่ด้านหลังคุณให้เร็วหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้คุณรับมือกับคนอื่นไปด้วย ต้องดูแลฉันไปด้วย ฉันอยากจะเป็นคนรักของคุณ ก่อนอื่นฉันก็ต้องปกป้องตัวเองให้ดีก่อน คุณจะได้ไม่ต้องกังวล ใช่ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงก้มตาลงมอง ยื่นมือออกไปแล้วยิ้มกับเจี่ยนอี๋นั่ว เขาลูบเบาๆที่แก้มของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วคลอเคลียที่ฝ่ามือของเหลิ่งเซ่าถิง หลังจากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็จูบเบาๆที่ริมฝีปากเจี่ยนอี๋นั่ว นี่เป็นจูบที่เบาที่สุด แต่ก็ทำให้ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เหลิ่งเซ่าถิงดึงมือของเจี่ยนอี๋นั่วมา ยิ้มแล้วพูด:“ได้สิ ไปกันเถอะ ผมจะพาไปคุณไปวิ่ง”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า รีบลุกไปเปลี่ยนชุดออกกำลังกาย ยังคงเป็นชุดออกกำลังกายเหมือนก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าสภาพร่างกายของเจี่ยนอี๋นั่วจะไม่เลว แต่ถ้าเทียบกับร่างกายของเหลิ่งเซ่าถิง มันแตกต่างกันมากจริงๆ หลังจากที่วิ่งไปไม่กี่รอบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ทำได้แค่นั่งพักข้างๆแล้วมองเหลิ่งเซ่าถิงวิ่ง

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าการออกกำลังกายถือว่ามีข้อดีอยู่มาก ก่อนหน้านี้เธอจิตใจวุ่นวาย แต่พอได้วิ่งไปไม่กี่รอบ จิตใจก็สงบลงขึ้นเยอะเลย อีกอย่างตอนที่สนามกีฬามีแค่เธอกับเหลิ่งเซ่าถิง ก็ยิ่งทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นไปอีก ถ้าต่อไปได้ออกกำลังกายให้ร่างกายดีกว่านี้ ได้วิ่งไปพร้อมกับเหลิ่งเซ่าถิงคงจะดีกว่านี้แน่ๆ

เจี่ยนอี๋นั่วรอให้เหลิ่งเซ่าถิงวิ่งมาข้างๆเธอ เธอก็รีบลุกขึ้น แล้วส่งผ้าขนหนูให้เหลิ่งเซ่าถิง:“เช็ดเหงื่อหน่อย”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณเป็นไงบ้าง?”

“ฉันรู้สึกว่าพรุ่งนี้ยังสามารถวิ่งเพิ่มได้อีกรอบ” เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า ใช้น้ำเสียงที่แข็งแรงพูด:“ฉันจะต้องทำได้”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วขยี้ศีรษะเจี่ยนอี๋นั่ว:“ถ้าคุณทำได้ ผมมีของขวัญให้คุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วกะพริบตา:“งั้นฉันทำตอนนี้เลย”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดแล้วมองไปรอบๆ ดึงเหลิ่งเซ่าถิงมาในมุมที่หลบเลี่ยงผู้คน ยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง:“ตรงนี้……”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มออกมา:“คุณ……ทำไมคุณเป็นผู้หญิงแบบนี้เนี่ย? รุกให้ผู้ชายจูบผู้หญิงก่อนอีกแล้วเหรอ?”

“ก็ฉันเป็นผู้หญิงแบบนี้ไง” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มอย่างภูมิใจ:“ตอนแรกไม่ใช่ว่าฉันบังคับคุณก่อนเหรอ? ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้ มันน่าแปลกใจตรงไหน มา จูบหน่อย”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ แล้วเข้าไปใกล้เหลิ่งเซ่าถิง เงยหน้าขึ้น เหลิ่งเซ่าถิงมองไปรอบๆ ไม่เห็นว่ามีใคร ก็ก้มหน้าจูบเบาๆไปที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“เสร็จแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วแบะปาก บ่นเสียงเบาๆ:“เหมือนทำผ่านๆไปอะ”

เหลิ่งเซ่าถิงรีบโอบเจี่ยนอี๋นั่วไว้ ออกแรงจูบไปที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นกอดเหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มแล้วจูบตอบเหลิ่งเซ่าถิง จู่ๆก็มีลมพัดมาระลอกหนึ่ง พัดจนใบไม้ของต้นไม้ข้างๆดังอยู่พักใหญ่ เจี่ยนอี๋นั่วผลักเหลิ่งเซ่าถิงออกอย่างร้อนรน มองไปยังทางที่มีเสียง

มองไปไม่มีคน เจี่ยนอี๋นั่วก็เลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วตบที่หน้าอก ยิ้มแล้วพูด:“ตกใจหมดเลย นึกว่ามีคนมา”

“ในเมื่อกลัวขนาดนี้ เมื่อกี้ก็ไม่ควรเริ่มนะ” เหลิ่งเซ่าถิงตบเบาๆที่ศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ต่อให้ถูกคนอื่นเห็นเข้าแล้วยังไง? ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเราเปิดเผยไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า พูดด้วยท่าทางจริงจัง:“ทางที่ดีอย่าให้คนอื่นเห็นจะดีกว่า ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นท่าทางตอนที่ฉันกับคุณอยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่า ที่แท้เหลิ่งเซ่าถิงก็จูบเก่งขนาดนี้เลย แบบนี้ก็จะมีผู้หญิงมาชอบคุณมากขึ้น ตอนที่คุณเป็นภูเขาน้ำแข็งยังมีผู้หญิงชอบคุณเยอะขนาดนั้น ถ้าให้ผู้หญิงคนอื่นเห็นเทคนิคการจูบระดับสูงของคุณล่ะก็ คงจะยิ่งก่อกวนคุณไม่หยุดเข้าไปอีก”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท