เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก เธอยังคงจำได้ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กทุกครั้งที่ได้กลิ่นโรงพยาบาลเธอก็จะนึกถึงรสชาติของการถูกฉีดยา จากนั้นกลิ่นของโรงพยาบาลหมายถึงการจากไปของญาติและการชราของผู้สูงวัย
แต่ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วเพิ่งค้นพบว่ากลิ่นของห้องเก็บศพกลับแย่ลงไปอีก เธอแทบจะยืนไม่ไหว เธอมองไปที่ศพที่คลุมด้วยผ้าสีขาวและอดไม่ได้ที่คิดอยากจะวิ่งหนีออกไปในทันที
“คุณเจี่ยน โปรดยืนยันศพด้วย” น้ำเสียงที่เยือกเย็นนั้นกระตุ้นเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วก้าวเท้าไปด้านหลัง น้ำตาไหลรินลงอาบแก้ม เธอส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันกำลังคิดว่านี่มีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า ทำไมถึงพบศพไวขนาดนี้? พื้นที่ใหญ่ขนาดนั้น ยังมีสถานที่อีกมากมายที่ฉันไม่ได้มองหา บางทีพ่อของฉันอาจกำลังรอให้ฉันไปหาเขาตอนนี้ ฉันคิดว่ามันไร้สาระที่ฉันเสียเวลาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ ฉันควรจะไปตามหาพ่อ ไม่ใช่มาอยู่ที่นี่เพื่อยืนยันศพ พวกคุณนี่น่าขำ พวกคุณคุ้นเคยกับพ่อฉันเหรอ? ทำไมถึงบอกว่าเขาตายแล้ว มีคนมากมายที่หน้าตาคล้ายกัน พวกคุณอาจจำผิดคนก็ได้…”
“คุณเจี่ยน จากที่ตรวจDNAแล้ว…” เสียงที่ยังกล่าวไม่จบ
เจี่ยนอี๋นั่วก็ร้องไห้อย่างหนักหน่วงและขัดบทสนทนาของคนคนนั้น “ฉันไม่ฟังผลอะไรทั้งนั้น ตอนคุณกำลังหาคนน่ะมีข้อผิดพลาดตั้งมากมาย ตอนนี้DNAอะไร ทำไมถึงเทียบกันไวขนาดนี้?”
ชายคนนั้นมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วซึ่งกำลังเป็นเหมือนคนไร้วิญญาณ การแสดงออกบนใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยและเขาประกาศอย่างเย็นชา “ผลการชันสูตรไม่มีข้อผิดพลาดใดๆทั้งนั้น คุณเจี่ยนช่วยปรับสภาพอารมณ์ให้มั่นคงด้วยเพื่อที่จะได้รีบยืนยันศพ”
เจี่ยนอี๋นั่วมองไปยังชายคนนั้น เธอกัดริมฝีปากของเธอสุดแรง “ฉันไม่อยากเห็น…”
เจี่ยนอี๋นั่วนั้นดื้อดึงไม่ต้องการเปิดผ้าคลุมสีขาว เธอไม่อยากยอมรับว่าภายใต้ผ้าสีขาวคือพ่อของเธอ ตอนนี้เธอกลัวว่าเมื่อเธอยืนยันว่าศพคือพ่อของเธอ เธอก็จะไม่มีข้ออ้างในการหลอกตัวเอง เธอจะทำได้เพียงแค่ยอมรับความจริงว่าพ่อของเธอนั้นได้จากเธอไปแล้วจริงๆ
ในตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงจับไหล่ของเธอ เขาเอนตัวเข้าหาเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “อี๋นั่ว ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะพาพ่อกลับบ้านหรือ? หากว่าเป็นพ่อของคุณจริงๆ คุณอยากจะให้เขานอนอยู่แบบนี้เหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้และพูด “แต่ว่า…”
“คุณต้องเข้มแข็ม ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนี้ หลังจากนี้คุณก็ต้องเข้มแข็งกว่าเก่า ตอนนี้คุณต้องเปิดผ้าขาวเพื่อยืนยันตัวตนของศพ” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก
ดวงตาของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นแดงก่ำจากการร้องไห้ เธอเงยหน้ามองเหลิ่งเซ่าถิง “คุณ..คุณช่วยฉันหน่อย”
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วแน่น จ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วและส่ายหน้าอย่างช้าๆ “ผมไม่สามารถช่วยคุณได้ อี๋นั่วคุณต้องเข็มแข็ง เพื่อให้เราสองคนอยู่รอดไปด้วยกัน”
เจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้และกล่าวเบาๆ “ฉัน … ฉันไม่ต้องการเข้มแข็ง … ”
เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นและลูบไหล่ของของอี๋นั่วอย่างเบามือ เขาขมวดคิ้วและกล่าว “ขอโทษที่ให้คุณอยู่กับผม”
“คุณเจี่ยน ถ้าคุณยืนกรานที่จะไม่ยืนยันศพ งั้นทางเราจะเก็บไว้ได้ในระยะ….” คนคนนั้นยังกล่าวไม่จบ
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าและกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ไม่ ฉันจะไปดู จะไป ถ้าหากไม่ ถ้าหากว่าไม่ใช่ เซ่าถิงคุณไปตามหาพ่อเป็นเพื่อนฉันนะ แต่ฉันรู้สึกว่านี่จะต้องไม่ใช่พ่อของฉันแน่ๆ พ่อของฉันจะต้องอยู่ด้านนอก ฉันไม่อยากให้เขาอยู่ด้านนอกเพียงคนเดียว เขาแก่มากแล้ว เมื่อสองวันก่อนฉันเห็นผมสีขาวบนศีรษะของเขา เขาไม่สามารถอยู่ด้านนอกคนเดียวได้”
“ผมตกลง” เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและตอบ
เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากของเธอและเดินช้าๆไปยังศพ เธอยกมือขึ้นและตัวสั่นเทา เธอค่อยๆเปิดมุมของผ้าขาวอย่างช้าๆ เธอมองไปที่ศพจากช่องนั้น เจี่ยนอี๋นั่วปล่อยมือและทรุดลงกับพื้นพร้อมกับร้องไห้อย่างหนักหน่วงในทันที
เพีงแค่แวบเดียว เจี่ยนอี๋นั่วก็จำได้ว่านั่นคือพ่อของเธอ ตอนที่เธอยังเป็นเด็กเขาก็อุ้มเธอขึ้นบันได คอยจูงมือเธอเดินข้ามถนน คนที่จำชื่อของเธอได้แม้จะมีความบกพร่องทางจิตก็ตาม
เจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้อย่างเงียบๆ เธอใช้มือทั้งสองกดหน้าอกเอาไว้ แรงทั้งหมดของเธอนั้นเหมือนกับถูกดึงออกไป แม้ว่าเธอจะเจ็บปวดมากก็ตามแต่เธอก็ไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้
กระทั่งเหลิ่งเซ่าถิงเดินมาข้างกายของเจี่ยนอี๋นั่ว เขายกมือขึ้นและโอบกอดเธอเอาไว้ เจี่ยนอี๋นั่วตะโกนร้องไห้ “พ่อของฉัน ไม่มีแล้ว…ไม่มีแล้ว ฉันไม่มีพ่อแล้ว….”
เหลิ่งเซ่าถิงกอดเจี่ยนอี๋นั่วแน่นขึ้น เขาเม้มริมฝีปากแน่น แม้แต่คำพูดปลอบประโลมเขาก็พูดไม่ออก เพราะความเศร้าเสียใจอย่างมากของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นทำให้เขาเศร้าไปด้วยและลืมวิธีการปลอบโยนคนอื่น เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ เขาจ้องมองเจี่ยนฉางรุ่นจากนั้นน้ำตาก็ร่วงหล่นจากมุมดวงตาของเหลิ่งเซ่าถิง เขาเช็ดน้ำตาในทันทีและกอดเจี่ยนอี๋นั่วแน่นขึ้น
ตอนนี้เขาทำได้เพียงกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดเจี่ยนอี๋นั่ว ราวกับว่าสิ่งนี้สามารถแบกรับความเศร้าโศกของเจี่ยนอี๋นั่วได้บ้าง
เจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้ด้วยความเหนื่อยล้า แต่เจี่ยนอี๋นั่วยังคงยืนหยัด เธอแทบจะเป็นลมหมดสติไปแต่เธอก็ยังคงมีสติ เธอเป็นลมได้อย่างง่ายดาย เธอไม่ต้องเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้อีก แต่ตอนนี้มีเรื่องราวมากมาย หากว่าเธอเป็นลมไป เช่นนี้พ่อของเธอก็ยังคงต้องนอนในห้องเก็บศพหนาวเหน็บเช่นนี้ต่อไปงั้นหรือ?
เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันและกลั้นหายใจเฮือกสุดท้าย เธอค่อยๆซับน้ำตาของเธอและพูดเบาๆกับเหลิ่งเซ่าถิงว่า “คุณช่วยประคองฉันหน่อย ขาของฉันไม่มีแรงเลย”
เหลิ่งเซ่าถิงรีบประคองเจี่ยนอี๋นั่วให้ลุกขึ้น เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วสามารถทรงตัวได้ เธอก็ค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดผ้าคลุมสีขาวที่คลุมหน้าพ่อเธอไว้อีกครั้ง เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองใบหน้าของเจี่ยนฉางรุ่น เธอค่อยๆเผยรอยยิ้มและกล่าวอย่างนุ่มนวล “พ่อ ฉันจะพาคุณกลับบ้าน”
เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวจบ เธอเงยหน้ามองตำรวจที่อยู่รอบข้างเธอและกล่าว “ของทั้งหมดของพ่อ ส่งมาให้ฉัน”
จริงๆแล้วเจี่ยนฉางรุ่นนั้นก็ไม่ได้มีสิ่งของติดตัวมากมายนัก นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็มีกล่องเค้ก ภายในนั้นมีเค้กก้อนเล็กๆอยู่ เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วมองเห็นเค้กก้อนนั้น เธอจึงถามด้วยเสียงแหบพร่า “มีเค้กได้อย่างไร?”
ตำรวจสูดลมหายใจเข้าลึกๆและกล่าว “จากคำบอกเล่าของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ในตอนที่เกลี้ยกล่อมให้คุณพ่อของคุณออกจากศูนย์รักษาตัว เธอได้สัญญากับเขาไว้ว่าจะพาเขาไปซื้อเค้ก ในตอนที่เดินขึ้นรถ พ่อของคุณก็เริ่มก่อปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะเอาใจเขาก็เลยต้องพาเขาไปซื้อเค้ก จากนั้นพ่อของคุณก็ถือเค้กไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย ตอนที่เราพบศพของเขา เค้กก้อนนี้อยู่บนหน้าอกของเขา”
“คุณไม่ต้องพูดแล้ว…” เจี่ยนอี๋นั่วน้ำตาไหลอีกครั้ง เธอโบกไม้โบกมือให้ตำรวจคนนั้นหยุดพูด “ได้โปรดอย่าเล่าต่ออีกเลย ฉันไม่สามารถรับอะไรได้อีกแล้ว อย่าพูดเรื่องราวเหล่านี้อีกเลย อย่าพูด ได้โปรด…”
เจี่ยนอี๋นั่วอยากรู้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการตายของพ่อเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถรับอะไรได้อีกแล้ว เธอได้ยินเพียงคำพูดไม่กี่คำจากตำรวจก็นึกถึงตอนที่พ่อของเธอพยายามจะปกป้องเค้กที่เขาเตรียมจะมอบให้เธอและกำลังถูกฉู่หมิงเซวียนแทง เจี่ยนอี๋นั่วสามารถหลีกหนีจากทางเลือกที่ขี้ขลาดนั้นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
เจี่ยนอี๋นั่วมีแรงเพียงแค่ยืนยันตัวตนศพพ่อของเธอเท่านั้น หลังจากที่ศพถูกเผาในตอนรุ่งสาง เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงก็กลับไปยังคฤหาสน์ พวกเขาถือโกศของเจี่ยนฉางรุ่นกลับไปด้วยกัน เฮ่อเยี่ยนหงที่ถูกกักบริเวณอยู่ในคฤหาสน์เมื่อเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว เธอก็รีบวิ่งเข้ามา “ฮุ่ยฮุ่ยล่ะ? เจอเธอหรือเปล่า?”
เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเฮ่อเยี่ยนหงอย่างอ่อนล้า เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คุณออกไปจากบ้านเจี่ยนได้แล้ว”
“หมายความว่าไง?” เฮ่อเยี่ยนหงไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะพูดจาเหี้ยมโหดขนาดนี้ออกมา เธอรีบถามในทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่พอใจในเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย แม้แต่เฮ่อเยี่ยนหงก็ไม่สามารถเก็บความโกรธของเธอไว้ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงที่จะโกรธเคืองจริงๆ เธอนั้นอยากจะให้เฮ่อเยี่ยนหงออกไปจากชีวิตของเธอ ส่วนเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยนั้นต้องได้รับโทษ
เฮ่อเยี่ยนหงเห็นโกศในมือของเจี่ยนอี๋นั่วและรีบถามทันที “นี่คืออะไรกัน?”
เจี่ยนอี๋นั่วสัมผัสโกศนั้นและกล่าว “คือพ่อของฉัน”
เจี่ยนอี๋นั่วในตอนนี้นั้นเหนื่อยล้าเต็มที หลังจากที่เธอทรมานมาทั้งเมื่อวานและวันนี้ แม้ว่าเธอจะเห็นว่าศพของพ่อเธอนั้นได้เผาไปแล้ว ภายในใจของเธอนั้นก็ไม่มีความเศร้าโศกใดๆเกิดขึ้น เธอเป็นเหมือนความว่างเปล่า เธอจัดการสิ่งต่างๆด้วยอารมณ์ที่มึนงงตามขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติ
“อะไรนะ?” เฮ่อเยี่ยนหงเบิกตากว้างและถามในทันที “เกิดอะไรขึ้น? แล้วฮุ่ยฮุ่ยล่ะ?”
“เธอน่ะเหรอ?” เจี่ยนอี๋นั่วหันไปมองเฮ่อเยี่ยนหงและตอบอย่างเย็นชา “ฉันจะปล่อยให้เธออยู่ในคุกตลอดชีวิต”
“เธอทำอะไรผิด? ทำไมเธอต้องทำแบบนั้นกับลูกฉัน? เธอเป็นน้องสาวของเธอ” เฮ่อเยี่ยนหงตะโกนกล่าว
เจี่ยนอี๋นั่วมองเฮ่อเยี่ยนหงและกล่าวเย็นชา “ถ้าทำได้ ฉันล่ะอยากบีบคอของเธอด้วยตัวฉันเอง”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่เพียงแค่คิดอยากจะทำ เธอนั้นเกือบจะทำลงไปแล้วจริงๆ หลังจากเผาศพพ่อของเธอ ตอนแรกเธอตั้งใจจะตามหาเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยและจัดการเธอซะ เธออยากจะเห็นว่าที่แท้แล้วเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยนั้นมีหัวใจอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่เพราะความร่วมมือจากฮุ่ยฮุ่ย ฉู่หมิงเซวียนจะพาพ่อของเธอออกจากศูนย์รักษาตัวอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
พ่อของเธอถูกฉู่หมิงเซวียนฆ่า แต่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็ให้ความร่วมมือกับฆาตกร แต่เหลิ่งเซ่าถิงนั้นห้ามเธอเอาไว้ เขาไม่ให้เธอทำตามอำเภอใจ
เฮ่อเยี่ยนหงได้ยินคำบอกกล่าวจากสิ่งที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดอย่างโหดร้าย ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา เธอรีบถามว่า “ฮุ่ยฮุ่ยทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? ต่อให้ทำอะไรผิดไป เธอก็ต้องให้อภัยเธอสิ เธอก็เป็นน้องสาวของเธอ เธอยังเด็ก ยังไม่เข้าใจเรื่องต่างๆ เธอต้องสอนน้อง…”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและพูดเบาๆกับเหลิ่งเซ่าถิง “คุณช่วยพาผู้หญิงคนนี้ออกไปหน่อย”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เขาหันกลับไปพูดกับบอดี้การ์ดเขา “พาผู้หญิงคนนี้ออกไป”
เฮ่อเยี่ยนหงหันหน้าไปมองที่เหลิ่งเซ่าถิง แม้ว่าในตอนนี้เธอจะกระวนกระวายใจเรื่องเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย แต่เมื่อเธอได้มองเหลิ่งเซ่าถิงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างและตกใจในรูปลักษณ์ที่งดงามของเหลิ่งเซ่าถิง แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วแน่น เป็นเพราะรอบกายของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นเต็มไปด้วยรัศมีความเย็น จนทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
ในเวลานี้บอดี้การ์ดได้เข้ามาและได้ผลักให้เฮ่อเยี่ยนหงออกไป เฮ่อเยี่ยนหงถูกผลักออกไปและเธอพลางตะโกนว่า “อี๋นั่ว ฉันเป็นคนในครอบครัวเธอ เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”
อี๋นั่วนั้นหลับตาลง ครอบครัวเหรอ? ก่อนเมื่อวาน เธอนั้นมีครอบครัว แต่หลังจากเมื่อวานแล้ว คนในครอบครัวของเธอนั้นไม่เหลือแล้วแม้แต่คนเดียว