เหลิ่งเซ่าถิงกอดอี๋นั่วสุดแรงและกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ไม่มีอะไร แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วก็รู้สึกแบบนี้เท่านั้น กินข้าวเสร็จแล้ว คุณก็พักอีกหน่อยเถอะ พรุ่งนี้คุณยังต้องจัดการเรื่องงานศพอีก”
เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลงอย่างช้าๆพร้อมกับค่อยๆพยักหน้า “อืม คุณก็พักผ่อนด้วย คุณยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลย”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม เขายกมือขึ้นและลูบศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่ว “อืม งั้นเรานอนพักกันเถอะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เธอเดินไปยังห้องนอนเมื่อถึงห้องนอนแล้วเธอก็นั่งลงบนเตียง เหลิ่งเซ่าถิงหยิบชุดนอนออกมา “เปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยไปนอน”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้คาดหวังว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นได้เตรียมชุดนอนของเธอไว้ เธอมาที่นี่เพียงหนึ่งครั้ง เธอเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “คุณเตรียมตัวมาดีขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เหลิ่งเซ่าถิงยื่นชุดนอนในมือให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว “ครั้งที่แล้วที่คุณมา ผมคิดอยู่เสมอว่าการอยู่ด้วยกันนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นผมจึงเตรียมชุดนอนไว้ หลังจากที่คุณเปลี่ยนแล้วก็จะได้หลับสบาย”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าและรับชุดนอนของเธอมา เธอจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง แม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงจะมีความสัมพันธ์กันแล้วแต่เจี่ยนอี๋นั่วยังคงรู้สึกอายเล็กน้อยที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “ผมจะออกไปก่อน คุณไม่ต้องรีบเปลี่ยน”
หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป หลังจากที่เขาออกจากห้องไปแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น เขาขมวดคิ้วแน่นและกดโทรออก หลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจึงเดินกลับเข้ามาภายในห้อง เหลิ่งเซ่าถิงเห็นเจี่ยนอี๋นั่วหลับอยู่บนเตียง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงครึ่งเดียว กระดุมเสื้อของเธอนั้นยังติดไม่เรียบร้อยเธอก็หลับไป
เหลิ่งเซ่าถิงถอนหายใจเบาๆ เขาเอื้อมมือไปติดกระดุมให้เธอและคลุมผ้านวมให้กับเธอ เจี่ยนอี๋นั่วที่นอนหลับสนิท เธอค่อยๆมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มและใช้แก้มของเธอนั้นสัมผัสผ้าห่มเบาๆ
เหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสแก้มของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาค่อยๆก้มศีรษะลงมาและจูบหน้าผากของเจี่ยนอี๋นั่ว ดวงตาที่ดำสนิทของเขานั้นมีความหนักอึ้งซ่อนอยู่
เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาสูดลมหายใจเบาๆและมุดตัวเข้าไปในผ้านวม เธอเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วนอนหลับตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้ฝันเลยแม้แต่น้อย เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็เห็นเหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังนอนกอดเธออยู่ แม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะหลับอยู่ แต่คิ้วของเขาก็ยังขมวดแน่นดูเหมือนว่าเขาจะถูกรบกวนจากสิ่งที่น่ารำคาญ
เจี่ยนอี๋นั่วยื่นมือออกไปสัมผัสคิ้วของเซ่าถิง เมื่อนิ้วของเจี่ยนอี๋นั่วได้สัมผัสกับเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงก็ได้ลืมตาขึ้นในทันที เขาเหลือบมองไปยังใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว เมื่อเขาพบว่าเป็นเจี่ยนอี๋นั่วที่สัมผัสเขา สายตาของเขาก็อ่อนลงและพูดกับอี๋นั่วว่า “ทำไมคุณตื่นเช้าขนาดนี้?”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกหวาดกลัวอยู่ชั่วขณะจากการจ้องมองที่เฉียบคมของเหลิ่งเซ่าถิง การจ้องมองของเหลิ่งเซ่าถิงคล้ายกับหมาป่าที่กำลังต่อสู้อยู่ เมื่อเธอได้เห็นแล้วก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
เจี่ยนอี๋นั่วผงะไปชั่วครู่และกล่าวเบาๆว่า “โอ้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฉันนอนเต็มอิ่มดังนั้นฉันจึงไม่มีอาการง่วงแล้วฉันก็เลยตื่นเช้า”
เหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสผมของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆและกล่าวอย่างอ่อนโยน “งั้นนอนอีกหน่อยเถอะ”
“งั้นคุณกอดฉันนอน” เจี่ยนอี๋นั่วหันไปด้านข้างจากนั้นเธอเอื้อมมือไปกอดเหลิ่งเซ่าถิง “คุณมีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจของคุณ ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่ต้องการบอกฉัน เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
เหลิ่งเซ่าถิงกอดเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าว “หลังจากจัดการเรื่องของพ่อของคุณแล้ว ผมจะพาคุณไปพักผ่อนต่างประเทศ ในช่วงนี้คุณเจอเรื่องราวต่างๆเยอะมากมาย คุณควรไปพักผ่อนเสียหน่อย”
“คุณย่าจะเห็นด้วยหรือ?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแน่นและถามเบาๆ
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “เดี๋ยวผมจะพูดคุยกับท่านเอง คุณเห็นด้วยหรือเปล่า?”
เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากล่างของเธอ “ตอนนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะออกไปเที่ยวที่ไหนเลย แต่ถ้าคุณคิดว่าการออกไปข้างนอกนั้นดีสำหรับฉัน ฉันก็จะไม่ปฏิเสธ”
เหลิ่งเซ่าถิงจูบที่หน้าผากของเจี่ยนอี๋นั่ว “งั้นเร็วๆนี้ผมจะจัดการให้”
เจี่ยนอี๋นั่วหดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเหลิ่งเซ่าถิง เธอพยักหน้าเบาๆ “ได้สิ”
เหลิ่งเซ่าถงก้มศีรษะลงเพื่อโอบกอดเจี่ยนอี๋นั่ว หลังจากที่ทั้งสองตื่นขึ้นพวกเขาก็เริ่มยุ่งกับงานศพพ่อของเจี่ยนอี๋นั่ว งานศพนั้นเรียบง่าย เจี่ยนอี๋นั่วเชิญญาติและเพื่อนของพ่อเพียงไม่กี่คนในตอนที่เขายังมีชีวิตมาในงาน เธอไม่อยากให้งานศพของพ่อกลายเป็นโอกาสที่คนบางคนจะได้สังสรรค์บันเทิง
เจี่ยนอี๋นั่วไม่ให้เหลิ่งเซ่าถิงมาในงานศพ เป็นเพราะเธอกลัวว่าการปรากฏตัวของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นประหลาดใจ
เมื่องานศพสิ้นสุดลง มีใครบางคนอดไม่ได้ที่จะเข้ามาจับมือเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าว “แล้วเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย..คุณช่วยคิดเล็กคิดน้อยให้น้อยลงได้ไหม? เมื่อวานเฮ่อเยี่ยนหงเธอโทรหาฉัน ร้องไห้จะเป็นจะตาย เธอบอกว่าเธอไม่ต้องการทรัพย์สินอะไรจากตระกูลเจี่ยนเลยแค่เพียงเธอปล่อยเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไป ฮุ่ยฮุ่ยยังเด็ก ยังไม่เข้าใจเรื่องราว ในฐานะพี่สาวคุณควรดูแลเธอให้มากกว่านี้ ถ้าหากว่าเธอรู้ตัวว่าทำผิดจริงๆก็ลองให้โอกาสเธอสักครั้ง หากเธอยังไม่รู้ว่ามีอะไรผิดพลาดคุณควรสอนเธอให้ดี ตอนนี้ส่งเธอเข้าคุกแล้วมีอะไรดีขึ้นหรือ?”
เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังพูดและกล่าวว่า “ถ้าหากว่าไม่ใช่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย พ่อของฉันก็จะไม่ตาย เธอไม่ใช่น้องสาวของฉัน ฉันจัดการคนที่ฆ่าพ่อฉัน ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอ และตอนนี้เธอได้ทำความผิดทางอาญามันไม่ใช่สิ่งที่ฉันไม่สามารถให้อภัยได้ เธอต้องได้รับโทษตามสมควร”
“ก็….เฮ้อ…” คนคนนั้นถอนหายใจ เขาจากไปและส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า “ใจแข็งจริงๆ พ่อก็ตายแล้ว แม้แต่น้ำตายังไม่ไหลสักหยดแถมยังส่งน้องสาวตัวเองเข้าคุกตลอดชีวิตอีก”
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินคำพูดของชายคนนั้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บังคับอารมณ์ตัวเองให้สงบลง แม้แต่ญาติและเพื่อนที่รู้จักกัน หากไม่เห็นน้ำตาของเธอ หากไม่เห็นความอดทนของเธอ ใครๆต่างก็คิดว่าเธอเป็นคนใจแข็งและเลือดเย็น พวกเขาสนใจแค่ช่วงเวลาที่ได้เห็น ไม่เคยสนใจว่าคนเขาไม่หลั่งน้ำตา อาจเป็นเพราะหมดแรงที่ร้องไห้แล้ว ไม่เคยแคร์ว่าที่คนเขาไม่ใจกว้างแล้วเป็นเพราะที่ผ่านมาเธอคอยให้อภัยและใจกว้างครั้งแล้วครั้งเล่า
ในตอนท้ายของงานศพ เจี่ยนอี๋นั่วลูบหลุมฝังศพของพ่อก่อนเธอจะหมุนตัวและเดินออกจากสุสาน เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเดินกลับไปที่รถ เธอเอนกายพิงเหลิ่งเซ่าถิงและถอนหายใจ เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ฉันอยากไปเยี่ยมเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย”
“คุณสามารถเก็บอารมณ์ของตัวเองได้หรือเปล่า?” เหลิ่งเซ่าถิงลูบไหล่ของอี๋นั่วและถามเบาๆ
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “ฉันยังไหว วันนี้มีคนเข้ามาพูดว่ามันไม่เหมาะสมเลย เธอคือน้องสาวของฉันแม้ว่าความสัมพันธ์จะถูกตัดขาด ฉันเองก็ควรไปบอกเธอสักคำ ความสัมพันธ์บางอย่างต้องได้รับการบอกกล่าวแบบตัวต่อตัว”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเช่นนี้ เธอก็นิ่งเงียบไปจากนั้นเธอก็กล่าวว่า “จริงๆแล้วภายในใจฉันก็หวังว่าเธอจะรู้ว่าตัวเองได้ทำผิดและรู้ว่าผิดตรงไหน ฉันจึงไม่สามารถให้อภัยเธอได้ แต่ฉันก็หวังว่าเธอจะรู้ได้มากพอว่าเธอทำอะไรผิด นี่คือการตอบแทนที่เหมาะสมกับความรักของพ่อที่มีต่อเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรือเปล่า? หากว่าไม่ได้ไปถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย พ่อก็คงคิดว่านี่มันไม่ยุติธรรม”
“ดีแล้ว” เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เขาสั่งให้คนขับรถขับไปยังสถานกักขังที่กักตัวเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไว้ชั่วคราว
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงปรากฏตัวต่อหน้าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็รีบวิ่งไปที่เจี่ยนอี๋นั่วในทันที เธอร้องไห้และตะโกนว่า “พี่ พี่ปล่อยฉันออกไปเถอะ ที่นี่น่ากลัวมาก อาหารก็ไม่อร่อย คนอื่นก็ไม่ดีกับฉัน ทุกคนดุร้ายและน่ากลัว”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและมองไปที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย “ฉู่หมิงเซวียนถูกยิงแล้ว รู้หรือเปล่า?”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพยักหน้า “ได้ยินมา..หมิงเซวียนเขา..”
เดิมทีเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยต้องการที่จะร้องไห้ให้กับการตายของหมิงเซวียน แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่ชอบฉู่หมิงเซวียนเป็นอย่างมาก เธอก็รีบซับน้ำตาของเธอทันที เธอมองไปยังเจี่ยนอี๋นั่วและรีบกล่าว “เขา..เขาตายไปแล้ว แล้วใครฆ่าพ่อเราล่ะ? พี่ ฉันรู้ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงขนาดนี้”
“ผลที่ตามมา?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและมองไปที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย “เธอรู้ไหมว่าหากหมิงเซวียนหักหลัง พ่อจะเป็นอันตราย หรือว่ายังไม่รู้ผลที่ตามมาว่าฉันจะส่งเธอไปหาตำรวจจริงๆ?”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเม้มปากของเธอ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยและกล่าว “พี่ ฉันเป็นน้องสาวของพี่ หรือว่าพี่ต้องการให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ในคุกตลอดไปงั้นหรือ? ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ฉันไม่รู้ว่าการที่ฉันพาพ่อออกมานั้นจะกลายเป็นอาชญากรรมแล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าฉู่หมิงเซวียนจะทำแบบนั้นกับพ่อ ฉันไม่คาดคิดจริงๆ…”
“ถ้าตอนนี้เธอไม่ได้ถูกขังอยู่ที่นี่ เธอจะพูดแบบนี้ออกมาหรือเปล่า? ตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าเธอทำผิดตรงไหนใช่ไหม?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย
“ถึงแม้ว่า..ฉัน..ฉันจะไม่รู้ แต่พี่ก็สามารถสอนฉันได้…” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยสะอึกสะอื้นร้องไห้และพูด “พี่ พี่ให้ฉันออกไปเถอะ ครั้งหน้าฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”
“น่าเสียดาย … ” เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เธอน้ำตาคลอและกล่าว “ฉันไม่มีพ่อให้เธอได้ทำเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว เธอยังไม่เข้าใจว่าเธอทำผิดตรงไหน ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ถูกขังอยู่ที่นี่ เธอก็คงจะไม่มีวันรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เธอไม่ใช่น้องสาวของฉัน ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับเธอตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เธออยู่ในคุกแล้วถ้าเธอออกมาได้ เธอก็ใช้ชีวิตของเธอไปเองเถอะ เธอไม่มีพ่อที่คอยเอาอกเอาใจและไม่มีพี่สาวคอยคุ้มครองดูแลเธออีกแล้ว จะไม่มีใครคอยกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงในอนาคตของเธอแล้วแล้วก็ทำทุกอย่างให้มันดีด้วยล่ะ”
“พี่ ทำไมพี่โหดร้ายขนาดนี้!” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยร้องไห้
เจี่ยนอี๋นั่วยืนขึ้นเธอขมวดคิ้วแน่นจ้องมองฮุ่ยฮุ่ย “ถ้าฉันโหดร้ายกว่านี้ ตอนนี้เธอก็คงตายไปแล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็มองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยด้วยหางตา “หลังจากนี้ไม่ต้องมาเจอฉันอีก ไม่งั้นเธอจะมีชีวิตที่น่าสังเวชกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้”
เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวจบเธอก็หมุนตัวเดินออกมา เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยยังคงตะโกนเสียงดัง “เจี่ยนอี๋นั่ว เธอมันโหดเหี้ยม! เธอทำแบบนี้ เธอจะต้องได้รับผลกรรมกลับคืน!”