เหลิ่งเซ่าถิงกลับไปที่ห้องของตัวเอง และตอนนี้ห้องของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เดิมมีห้องเดียว แต่ตอนนี้เชื่อมต่อทั้งสี่ห้องเข้าด้วยกัน ห้องหนึ่งเป็นห้องของเด็กทารก และอีกห้องหนึ่งเปลี่ยนเป็นห้องแต่งตัวของกู้เค่อหยิง ห้องหนังสือของเหลิ่งเซ่าถิงได้รับการขยายให้ใหญ่มากขึ้น หลังจากเพิ่มฉากกั้นแล้ว ก็มีห้องนั่งเล่นเพิ่มอีกห้อง ทำแบบนี้เพื่อให้เหลิ่งเซ่าถิงไม่ต้องนอนห้องเดียวกันกับกู้เค่อหยิง และแน่นอนเหตุผลที่เขาใช้อ้างก็คือกู้เค่อหยิงต้องดูแลลูก
กู้เค่อหยิงได้ยินเสียงเหลิ่งเซ่าถิงกำลังเปิดประตู รีบอุ้มเหลิ่งเฉิงเยี่ยเดินออกไปทันที กู้เค่อหยิงหัวเราะพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง:“คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?เฉิงเยี่ยเริ่มเรียกชื่อพ่อออกมาแล้วนะ มาลูกรัก เรียกคุณพ่อเร็ว”
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วหันหน้ามองไปทางเหลิ่งเฉิงเยี่ยและหัวเราะออกมาเบา ๆ
เหลิ่งเฉิงเยี่ยจ้องมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเหลิ่งเซ่าถิง แต่กลับรู้สึกเหมือนเห็นปีศาจที่น่ากลัวมากๆ อ้าปากและรีบร้องไห้เสียงดังออกมาทันที กู้เค่อหยิงรีบตบหลังของเหลิ่งเฉิงเยี่ยเบาๆ และพูดอย่างรีบร้อน:“ เขาเรียกว่าพ่อออกมาแล้วนะ พูดสิลูก……เฉิงเยี่ยพูดสิจ๊ะ……เรียกพ่อสิลูก……รีบเรียกพ่อสิลูก ……”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร เด็กบางคนพูดช้า บางทีภายในไม่กี่วัน เขาจะเรียนรู้ที่จะพูดออกมาในไม่ช้าก็ได้”
กู้เค่อหยิงยิ้มทันทีและพูดว่า: “มันควรจะเป็นแบบนี้ มีคนเคยเล่าขานกับมาเป็นผู้ดีจะพูดช้า?ตอนนี้ในโลกนี้จะมีเด็กสักกี่คนที่เหมือนกับเฉิงเยี่ยลูกของเรา ที่สูงส่งขนาดนี้?ถึงจะพูดออกมาช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม:“ ช่วงนี้ผมงานยุ่งนิดหน่อย และไม่มีเวลาอยู่กับคุณ ใกล้ถึงวันเกิดของคุณแล้ว ผมได้สั่งชุดเครื่องประดับให้คุณเป็นพิเศษ ซึ่งจะจัดส่งให้คูรภายใน 2 วันนี้ คุณลองดูว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน?ถ้าหากรู้สึกว่าไม่ชอบหรือจะแก้ไขตรงไหนค่อยบอกผม แล้วผมจะสั่งให้พวกเขาแก้ไขให้”
กู้เค่อหยิงยิ้มและพูดอย่างเสียงอ้อน:“ จริงเหรอคะ?ขอบคุณสามีนะคะ สามี แต่ของขวัญที่ฉันอยากได้มากที่สุดไม่ใช่เครื่องประดับ แต่เป็นคุณ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันต้องผ่านแต่ละวันไปได้นั้นมันยากมากขนาดไหน คืนนี้คุณสามารถอยู่เป็นเพื่อนกับฉันได้ไหมคะ ?”
เมื่อกู้เค่อหยิงพูดถึงนี่ เธอก็หน้าแดงด้วยความเขินอายและพูดด้วยเสียงเบา: “นอกจากนี้ นานมากแล้วที่เราไม่ได้มีอะไรกัน พวกเราสามารถ……”
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาจ้องมองกู้เค่อหยิงหัวเราะและพูดว่า:“ ไม่ได้ ผมเกลียดคฤหาสน์เหลิ่ง เมื่อไหร่ที่เราออกไปข้างนอกค่อยว่าคุยกันใหม่เถอะ”
กู้เค่อหยิงไม่ได้สร้างปัญหารบกวนเหลิ่งเซ่าถิงอีก ได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดแบบนี้ เธอก็ยิ้มอย่างเชื่อฟัง: “โอเค แต่มีเรื่องที่ฉันอยากจะบอกคุณ คุณย่าของคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบฉันสักเท่าไหร่ ฉันแค่มาควบคุมดูแลบ้านได้ไม่นาน และฉันยังต้องดูแลลูกอีกด้วย และแน่นอนว่าเธอสู้อาสะใภ้รองไม่ได้หรอก อาสะใภ้รองชักสีหน้าให้ฉัน ฉันยังพอทนได้ แต่ทำไมคุณย่าท่านก็ปฏิบัติต่อฉัน ……”
ขณะที่กู้เค่อหยิงพูดอยู่ ก็กระตุกจมูกของเธอเบา ๆ แสดงออกมาด้วยความน้อยใจ: “ไม่สนับสนุนฉันแล้วยังไม่มีความเกรงใจฉันอีก”
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาจ้องมองกู้เค่อหยิง หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ไม่เป็นไร ก็พยายามทำในสิ่งที่คุณต้องทำ และในตอนนี้คุณเป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งแล้ว ไม่ต้องไปสนใจความคิดเห็นของผู้อื่น คุณย่าท่านอายุก็มากแล้ว ต่อไปคุณจะเป็นคุณนายของตระกูลเหลิ่ง คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ ผมจะคอยช่วยเหลือคุณเสมอ อีกทั้งคุณยังมีลูกชายคนเดียวให้กับผม คุณยังต้องกลัวอะไรอีก?”
กู้เค่อหยิงรีบเม้มริมฝีปากของเธอทันทีแล้วหัวเราะออกมา: “ฉันโล่งใจที่ได้ยินคุณพูดแบบนั้น และฉันก็วางใจแล้ว ฉันยังกลัวว่าคุณจะคิดว่าฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่รู้จักยอมคุณย่า อันที่จริงคุณย่าท่านก็อายุมากแล้วจริงๆ บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป เช่นชาประเภทนั้น ดื่มแต่ชาอู่หลงเท่านั้น และต้องเป็นใบชาที่เก่าแก่และมีราคาหลักล้าน แค่กากใบชานิดเดียวราคาก็หลักหลายแสนแล้วนะ มันแพงจนน่ากลัวเกินไป และแม้ว่าธุรกิจของตระกูลเหลิ่งจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่นั้นมันต้องเก็บไว้ให้สำหรับลูกๆของพวกเรา ความจริงแล้วผู้สูงวัยอย่างเธอไม่จำเป็นต้องดื่มแพงขนาดนั้น แต่ถ้าพูดอย่างนี้ออกมา ก็กลัวจะมีคนหาว่าฉันเป็นลูกที่อกตัญญู”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ไม่ต้องห่วง ตอนนี้คุณเป็นคนดูแลของตระกูลนี้แล้ว และคุณควรจะเอาความกล้าหาญของผู้ดูแลออกมา ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม คุณสามารถจัดการได้ทุกอย่าง วันนี้งานของผมมีเยอะมาก ผมจะไปทำงานต่อละ คุณรีบเข้านอนเถอะ ”
กู้เค่อหยิงหัวเราะแล้วพยักหน้า เหมือนคู่รักสามีภรรยาธรรมดาทั่วไป หลังจากที่สามีของเธอเลิกงานกลับมา พวกเขาก็คุยกันอย่างเรียบง่าย และคนหนึ่งก็ยุ่งอยู่กับงาน ส่วนอีกคนหนึ่งก็ไปดูแลลูก แต่มีความแตกต่างก็คือ เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงหันหลังให้กับกู้เค่อหยิง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที แต่ทางด้านของ กู้เค่อหยิงเธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและส่งข้อความถึงเหลิ่งหมิงอัน:“ วันนี้แม่ของคุณมารบกวนฉันอีกแล้ว ดังนั้นคุณควรจะดูแลท่านบ้างนะคะ เธอไม่รู้เลยจริงๆเหรอคะ ว่าฉันก็เป็นลูกสะใภ้ของเธอเช่นกัน?”
ทางด้านเหลิ่งหมิงอันไม่ได้ตอบกลับข้อความเป็นเวลานาน ทำให้กู้เค่อหยิงเม้มริมฝีปาก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฮึม :“สองพี่น้องคู่นี้ เป็นคนเย็นชาเหมือนกันทั้งคู่ แต่……”
อย่างไรก็ตามเหลิ่งเซ่าถิงก็อยู่เหนือความคาดหมายของกู้เค่อหยิง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องบนเตียง แต่เขาก็ยังตามใจเธอในแง่มุมอื่นๆทุกเรื่องเลย
กู้เค่อหยิงเงยหน้าเหลือบมองห้องของเหลิ่งเซ่าถิง และหรี่ตาด้วยรอยยิ้ม ก่อนแต่งงานกู้เค่อหยิงคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนที่เย็นชาคนหนึ่ง คิดว่าเขาไม่กระตือรือร้นในการแต่งงานของพวกเขา แต่เธอไม่คาดคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้กับเธอ ซึ่งในฐานะผู้หญิงทำให้เธอพอใจกับความฝันของเธออย่างสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นเหลิ่งเซ่าถิงยังอ่อนโยนต่อเธอมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอให้กำเนิดลูกชายให้กับเขา และตามใจเธอมากยิ่งขึ้น
บางครั้งกู้เค่อหยิงรู้สึกว่าเหลิ่งเซ่าถิงไม่ใช่ผู้ชายที่น่ากลัวอย่างที่คนอื่นเขามอง เขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง เขาก็จะตกเป็นทาสของผู้หญิงคนนี้ กู้เค่อหยิงรู้สึกว่าประโยคนี้พูดได้ถูกต้องจริงๆ นั่นก็คือผู้ชายพิชิตโลกและผู้หญิงก็พิชิตผู้ชาย
กู้เค่อหยิงรู้สึกว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นผู้ชายแบบที่ยึดครองโลก และเธอเป็นผู้หญิงที่เอาชนะเหลิ่งเซ่าถิงได้
กู้เค่อหยิงไม่รอเหลิ่งหมิงอันตอบกลับ และเธอก็ไม่ได้รอต่อ ตั้งแต่กู้เค่อหยิงมีลูกกับเหลิ่งเซ่าถิง กู้เค่อหยิงรู้สึกว่าถ้าหากเธอสามารถใช้ชีวิตกับเหลิ่งเซ่าถิงแบบนี้ไปเรื่อยๆ และเป็นคุณนายของตระกูลเหลิ่ง ก็เป็นสิ่งที่ไม่เลว และสิ่งที่เหลิ่งเซ่าถิงสามารถให้เธอได้ในตอนนี้ แต่เหลิ่งหมิงอันกลับไม่สามารถให้กับเธอได้ เพียงแค่ว่าทั้งสองพี่น้องมีหน้าตาที่เย็นชาและไม่แยแสทั้งคู่ ซึ่งกู้เค่อหยิงรับไม่ได้จริงๆ
กู้เค่อหยิงยิ้มและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความไปยังหมายเลขโทรศัพท์หมายเลขหนึ่ง เมื่อกู้เค่อหยิงส่งข้อความออกไป อีกฝ่ายก็ตอบกลับข้อความทันที: ที่รัก มีอะไรหรือเปล่า? คิดถึงฉันใช่ไหม?
กู้เค่อหยิงทนไม่ไหวที่จะง้างปากแล้วยิ้มและตอบว่า: ตายแล้ว พรุ่งนี้ฉันมีเวลาว่างออกไป ฉันคิดถึงคุณแล้วสิ
อีกฝ่ายตอบกลับด้วยข้อความว่า: คิดถึงผมตรงไหนครับ? ด้านบนหรือด้านล่างครับ?
กู้เค่อหยิงอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันกับชายคนนี้ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของชายคนนี้จะเทียบกับเหลิ่งเซ่าถิงและเหลิ่งหมิงอันไม่ได้ แต่เขากลับอ่อนโยนมากกว่า และสำหรับเหลิ่งหมิงอันไม่ต้องพูดถึงเลย ถึงว่าจะอ่อนโยนกับเธอเช่นกัน แต่เธอก็ต้องคาดเดาความคิดของเขาตลอดเวลา
ผู้ชายคนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขาเชื่อฟังเธอและตามใจเธอทุกอย่าง เชื่อฟังเธอแล้วยังตอบสนองทุกความคิดของเธออีกด้วย
หลังจากที่กู้เค่อหยิงส่งข้อความเสร็จ ได้ยินเสียงร้องไห้ของเหลิ่งเฉิงเยี่ย เธอก็รีบเดินไปที่ห้องนอนของเหลิ่งเฉิงเยี่ย และอุ้มเหลิ่งเฉิงเยี่ยขึ้น กู้เค่อหยิงไม่เคยปล่อยให้สาวใช้คนไหนมาช่วยเธอดูแลเหลิ่งเฉิงเยี่ยเลย เป็นเพราะกู้เค่อหยิงกลัวคนอื่นรู้ความผิดของตัวเอง และไม่กล้าให้คนอื่นเข้าใกล้เด็กคนนี้มากเกินไป ในวันแต่งงานของเธอเธอมีความสัมพันธ์กับเหลิ่งเซ่าถิงเสร็จ จากนั้นก็มีความสัมพันธ์กับเหลิ่งหมิงอันทันที
ยิ่งไปกว่านั้นกู้เค่อหยิงรู้สึกว่าดูยังไง เหลิ่งเฉิงเยี่ยหน้าตาคล้ายกับเหลิ่งเฉิงอวี่มาก หรือเป็นเพราะว่าหลานหน้าตาจะคล้ายกับคุณปู่ของเขา ดังนั้นเหลิ่งเฉิงเยี่ยจึงเป็นลูกของเหลิ่งหมิงอัน ?
กู้เค่อหยิงไม่กล้าไปหาเหลิ่งหมิงอันเพื่อตรวจDNA และถ้าหากเหลิ่งหมิงอันรู้ความจริงว่าเด็กคนนี้อาจเป็นลูกของเขา ก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นเธอจึงแอบตรวจ DNA ระหว่างเหลิ่งเซ่าถิงกับเหลิ่งเฉิงเยี่ยอย่างลับๆ ผลปรากฏว่าไม่ใช่ลูกของเหลิ่งเซ่าถิง
ถ้าอย่างนั้นลูกคนนี้ต้องเป็นของเหลิ่งหมิงอัน เมื่อนึกถึงเหลิ่งหมิงอัน กู้เค่อหยิงก็ก้มลงมองไปที่โทรศัพท์อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีข้อความตอบกลับจากเหลิ่งหมิงอัน กู้เค่อหยิงก็อดไม่ไหวที่จะทำหน้าคิ้วขมวด พูดด้วยน้ำเสียงบ่น: “ เป็นคนที่ไม่มีมโนธรรมจริงๆ”
ชายคนนั้นเป็นเพียงคนที่ระบายอารมณ์ของกู้เค่อหยิงเท่านั้น กู้เค่อหยิงกล้ายืนยันได้เลยว่าเหลิ่งเฉิงเยี่ยเป็นลูกของเหลิ่งเซ่าถิง และเขายังคงให้ความสำคัญกับเหลิ่งเซ่าถิงเป็นอันดับหนึ่ง ตอนนี้กู้เค่อหยิงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีสามีที่สมบูรณ์แบบอย่างเหลิ่งเซ่าถิง และมีคนรักที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลิ่งหมิงอัน แล้วยังมีชายหนุ่มเพื่อคลายความเบื่อหน่ายอีกด้วย เป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากจริงๆเลย พอใจมากจริงๆ!
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเข้าไปในห้องของกู้เค่อหยิง หน้าคิ้วขมวด ก้มลงและมองไปที่ข้อความที่ส่งเข้ามา ข้อความนั้นเป็นข้อความที่สนทนาระหว่างกู้เค่อหยิงและผู้ชายคนนั้น เหลิ่งเซ่าถิงรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเหลิ่งหมิงอันและกู้เค่อหยิง แล้วก็รู้อีกด้วยว่าผู้ชายคนนั้นที่อยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา เพราะว่าชายคนนั้นเป็นของขวัญที่เขามอบให้กู้เค่อหยิงเพื่อเป็นสามีของเธอ
เหลิ่งเซ่าถิงอ่านข้อความเสร็จก็ลบข้อมูลนั้น จากนั้นนั่งลงบนโซฟา และหันหน้ามองไปที่หน้าต่าง กระจกหน้าต่างในตอนกลางคืนดูเหมือนจะกลายเป็นกระจกสะท้อนใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงหายใจเข้าลึก ๆ เขาเกลียดการเล่นเกมแบบนี้แล้ว และเกลียดที่ต้องแสดงละครเล่นเกมกับคนรอบข้างตัวเขาเหล่านั้น แต่เกมนี้ต้องดำเนินต่อไป
รุ่งเช้าเหลิ่งเซ่าถิงลุกขึ้นและออกไปก่อน เมื่อเห็นเหลิ่งเซ่าถิงออกไป กู้เค่อหยิงก็รีบลุกขึ้นแต่งตัว จากนั้นเดินออกจากตระกูลเหลิ่ง ออกไปเดทกับชายหนุ่มคนนั้น กู้เค่อหยิงก็รู้ฐานะของตัวเองว่าไม่ธรรมดา เธอขับรถวนไปวนมาเป็นเวลานานมาก แล้วก็เปลี่ยนรถอีกคันและแต่งตัวใหม่ จากนั้นก็ไปจอดรถหน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
หลังจากหยุดรถที่หน้าคฤหาสน์นั้นแล้ว กู้เค่อหยิงก็รีบเดินเข้าประตูไป เมื่อเปิดประตู กู้เค่อหยิงเห็นตรงหน้าเธอนั้นมีแต่ความมืด เธอทำหน้าคิ้วขมวด เดินเข้าไปสองสามก้าว เธอถูกอุดปากเอาไว้ทันที
ด้วยความตื่นตระหนกของกู้เค่อหยิงเธอกรีดร้องดังลั่น แต่ชายที่ปิดปากของกู้เค่อหยิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา :“คุณเป็นผู้หญิงเล็กๆ จริงๆ ทำไมถึงปอดแหกขนาดนี้”
กู้เค่อหยิงทุบตีชายคนนั้นท่าทางที่แสดงออกมาด้วยความไม่พอใจและตำหนิ: “อาเหวิน ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมอย่าแกล้งให้ฉันตกใจแบบนี้ ”
อาเหวินเป็นเพียงชื่อ ไม่มีแซ่ กู้เค่อหยิงไม่ได้สนใจว่าอาเหวินจะแซ่อะไร