คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ก่อนจะพูดเสียงต่ำ : “งั้นย่าจะรอดูนะ”
เหลิ่งเซ่าถิงยกยิ้มมุมปากช้าๆ ในขณะเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงรับโทรศัพท์ ก่อนที่จะพูดกับคนในสายด้วยใบหน้าที่ยิ้มอ่อนๆ : “นายไม่ได้บอกว่าจะไม่โทรมาหายฉันอีกแล้วหรอ? นายจะฆ่าพวกเธอก็เชิญเลย ถ้าไม่กล้าฆ่าก็ปล่อยพวกเธอซะ แล้วก็รีบหนีไป คนของฉันกำลังไปหาแกแล้ว คำสั่งที่พวกนั้นได้รับก็คือฆ่าแก”
หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบเขาก็กดวางโทรศัพท์ทันที ก่อนที่จะหันหลังมาดูคฤหาสน์ที่กระเซอะกระเซิงนี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ไม่ต้องเดินไปมาแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว รีบไปเตรียมอาหาร ฉันกับคุณย่ายังไม่ได้ทานอะไรเลย”
คนใช้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะมองไปที่สีหน้าเหลิ่งเซ่าถิงแล้วก็หันไปมองคุณนายเหลิ่ง คุณนายเหลิ่งถอนกายใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า : “ได้ยินที่คุณชายสั่งแล้วใช่มั้ย”
เมื่อคุณผู้หญิงเหลิ่งพูดจบก็หันหน้ากลับไปมองข้างในห้อง เธอก็เห็นเหลิ่งเซ่าถิงเข้าไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องอาหารแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยความเย็นชา : “ยังจะยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ? ให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ถ้ายังไม่มีอาหารมาเสิร์ฟให้ฉัน พวกเธอก็เก็บข้าวของออกไปได้เลย”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกไปทำตามคำสั่งทันที ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเหลิ่งเซ่าถิงนั้นจะเย็นชาใส่คนอื่น แต่ก็แทบจะไม่ได้จัดการเรื่องในคฤหาสน์เหลิ่งเลย คนรับใช้ส่วนใหญ่จึงกลัวคุณนายเหลิ่งมากกว่า พวกเขาอยู่ในคฤหาสน์เหลิ่งนี่มานาน จึงดูออกว่าแม้ว่าคุณชายนั้นจะดูเป็นคนเย็นชา แต่เขาก็ไม่ชอบยุ่งอะไรกับคนรับใช้ และไม่ค่อยโทษพวกเขา เวลาที่คนรับใช้ต้องเผชิญหน้ากับคุณชายจึงรู้สึกผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย
แต่ว่าตอนนี้กู้เค่อหยิงที่นับว่าเป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิงที่หยิ่งยะโสและเล่ห์เหลี่ยมนั้น กู้เค่อหยิงถูกลักพาตัวไปแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่ได้สนใจอะไร เขายังเตรียมตัวกินข้าวได้อยู่เลย สิ่งนี้ทำให้คนรับใช้รู้สึกถึงความรู้สึกบึ้งก้นหัวใจของเขา พวกคนใช้ไม่กล้าชักช้า เพียงผ่านไปไม่นานอาหารสองสามอย่างก็วางอยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
เหลิ่งเซ่าถิงคีบอาหารขึ้นมาแล้วก็กินเข้าไปช้าๆ เหลิ่งหมิงอันก็ลงมาจากชั้นบน ก่อนจะพูดกับเหลิ่งเซ่าถิงว่า : “พี่ใหญ่ดูใจเย็นจังเลยนะครับ ไม่สนใจพี่สะใภ้ที่ถูกลักพาตัวไปเลยหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “นายก็ไปช่วยเธอมาสิ เอาหุ้นของนายไปแลกตัวเธอมา ไม่แน่อาจจะช่วยได้ก็ได้นะ”
เหลิ่งหมิงอันเม้มปาก ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเหลิ่งเซ่าถิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ตัดข้าวให้ฉันด้วย”
คนรับใช้รีบเอาจานข้าวมาวางตรงหน้าของเหลิ่งหมิวอันทันที เหลิ่งกมิงอันกยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วก็ยื่นตะเกียบของตัวเองไปทางเหลิ่งเซ่าถิง เตรียมที่จะคีบอาหาร เหลิ่งเซ่าถิ่งก็รีบเอามือของเขาขึ้นมาบังทันที ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า : “ฉันไม่ชอบแบ่งอาหารกับใคร นายสั่งอาหารเองแล้วกันนะ”
เหลิ่งหมิงอันกระตุกมุมปากก่อนจะหันไปสั่งคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ : “งั้นเอาแบบที่คุณชายสั่งมาให้ฉันด้วยหนึ่งที่”
เมื่อเหลิ่งหมิงอันพูดจบเขาก็ขมวดคิ้วใส่เหลิ่งเซ่าถิงทันที ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “พี่รู้มั้ย? ว่าวันนี้คุณนายเหลิ่งออกไปเจอเจี่ยนอี๋นั่วมา”
เหลิ่งเซ่าถิงลดสายตาก่อนจะพูดเสียงเข้มว่า : “แล้วเจี่ยนอี๋นั่วตายไปรึยังล่ะ?”
เหลิ่งหมิงอันจ้องหน้าเหลิ่งเซ่าถิง เข้าถึงได้รู้ว่าสีหน้าท่าทางของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นไม่ได้แสดงอะไรออกมาเป็นพิเศษ ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องธรรมดาทั่วไป เหลิ่งหมิงอันขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะพูด : “ตายแล้วครับ”
“อ๋อ………” เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า ก่อนจะคียอาหารแล้วกินต่อ
จนเหลิ่งหมิงอันเดาความคิดของเหลิ่งเซ่าถิงไม่ออก เขามองเหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้จนทำให้เขารู้สึกหวาดระแวง เหลิ่งเซ่าถิงคิดอะไรอยู่กันแน่? เหลิ่งหมิงอันเดาไม่ออกเลยจริงๆ
ในขณะนั้นประตูใหญ่ของคฤหาสน์เหลิ่งก็เปิดขึ้น ผู้ชายหลายคนพาผู้หญิงคนนึงที่ทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยเลือดเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นสั่นไม่หยุด เธอเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ทุกคนถึงได้รู้ว่าผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นคือกู้เค่อหยิง
“คุณ….คุณหญิง……” พวกคนใช้ในบ้านนั้นคุ้นเคยกับเธออย่างดี แต่เมื่อได้เห็นกู้เค่อหยิงในสภาพแบบนี้ก็อดที่จะตกใจไม่ได้
เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้ามามองกู้เค่อหยิงก่อนจะพยักหน้าเบาๆ : “แล้วมาแล้วก็มากินข้าวสิ เอาข้าวมาให้คุณหญิงที่นึง………”
ราวกับว่ากู้เค่อหยิงนั้นตะลึงไปชั่วครู่ เธอถูกชายชุดดำสองคนพาเธอไปที่โต๊ะอาหารด้วยความตกใจ เธอไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกอดลูกชายของเธอเหลิ่งเฉิงเยี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ กู้เค่อหยิงถูกพาตัวมานั่งที่นั่งโต๊ะอาหาร ร่างของเธอนั่นสั่นไปทั้งตัวไม่หยุด เหลิ่งเฉิงเยี่ยก็นั่งเหม่ออยู่ข้างๆเช่นกัน ราวกับคนที่ร้องไห้จรหมดแรงยังไงอย่างงั้น
เมื่อผ่านไปได้สักครู่ กู้เค่อหยิงก็ร้องไห้โฮออกมา : “ตาย……ตายไปแล้ว……ตายหมดแล้ว คนพวกนั้นตายหมดแล้ว……..บนตัวฉันมีแต่เลือด พวกนั้นจะฆ่าฉัน…..”
หลังที่กู้เค่อหยิงร้องไห้แล้ว เหลิ่งเฉิงเยี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆก็ร้องไห้ออกมาทันที เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้าไปมองปล้วพูดอย่างเย็นชาว่า : “เวลากินข้าวเขาไม่พูดกัน เธอเป็นถึงคุณผู้หญิงของบ้าน น่าจะรู้กฎในการกินข้าว ไม่ต้องพูดมากแล้ว”
กู้เค่อหยิงตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเบิกตาโตจ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เธอเห็นว่าเหลิ่งเฉิงเยี่ยลูกชายของเธอนั้นหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าวต่อ กู้เค่อหยิงก็ก้มหน้ามองเสื้อผ้าของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เลือดของกู้เค่อหยิง แต่ว่าภาพจำเลือดเหล่านัน้ยังอยู่ในรวามทรงจำของกู้เค่อหยิง เธอไม่กล้าจะออกเสียงอีกต่อไป เมื่อเหลิ่งเฉิงเยี่ยนั้นหลุดเสียงออกมากู้เค่อหยิงก็รีบเอามือของเธอไปปิดปากลูกชายทันที
มือของกู้เค่อหยิงนั้นเย็นไปหมดและสั่นไม่หยุดเพราะเธอตกใจ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์เหลิ่ง แล้วเธอรู้สึกกลัวมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเหลิ่งเซ่าถิง เขายังเป็นคนอยู่มั้ยนะ? ทำไมเขาถึงได้เลือดเย็นขนาดนี้ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น
กู้เค่อหยิงถอนหายใจก่อนจะหยิบชามของตัวเองขึ้นมาแล้วใช้ตักข้าวเข้าปากอย่างแรง เธอกินเข้าไปหลายคำใหญ่ๆ เมื่อปากของกู้เค่อกยิงเต็มไปด้วยข้าวแล้วเธอก็รีบปิดปากตัวเองทันที เพื่อไม่ให้ข้าวที่อยู่ในปากของเธอนั้นทะลักออกมา
เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับกู้เค่อหยิง กู้เค่อกยิงอยากเลี่ยงเขา เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วขึ้นเพื่อให้กู้เค่อหยิงนั้นไม่กล้าไปมากกว่านี้แล้วอยู่นิ่งๆ เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นมาเช็ดข้าวที่อยู่ที่ปากของกู้เค่อหยิง ข้าวสวยสีขาวนั้นเค็มไปด้วยสีแดงของเลือด
เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะก่อนจะพูด : “ทำไมเธอกินข้าวเหมือนเด็กแบบนี้ล่ะ?”
กู้เค่อหยิงหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้งเธอก็สำลักออกมา ก่อนจะร้องไห้ : “ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ อย่า…ฆ่าฉันเลยนะคะ อย่าทำฉันเลย……..”
“เธอคงจะเหนื่อย ขึ้นไปพักบนห้องเถอะ” เหลิ่งเซ่าถิงหยิบจานขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม : “พาคุณหญิงกลับห้องไป”
กู้เค่อหยิงถูกพาขึ้นไปบนห้องของเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงอย่างรวดเร็ว เหลิ่งเซ่ายังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขากินข้วจนหมดจานก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันหลังเดินจากไป เหลิ่งหมิงอันมองตามหลังของเหลิางเซ่าถิง ก่อนจะหรี่ตามอง มือของเขาที่อยู่ใต้โต๊ะกินข้าวนั้นสั่นอย่างห้ามไม่ได้
เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงกลับมาถึงห้อง กู้เค่อหยิงก็ได้อาบน้ำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอกอดลูกชายของเธอเหลิ่งเฉิงเยี่ยอยู่ที่มุมห้อง เหลิ่งเซ่าถิงเดินเข้าไปก่อนจะค่อยๆโส้มตัวลงพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ : “ที่นั่งตำแหน่งคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งตำแหน่งนี้เป็นไง ดีมั้ย?”
กู้เค่อหยิงร้องไห้ก่อนจะพูดว่า : “ได้โปรด ปล่อยฉันเถอะนะคะ ฉันไม่อยากเป็นคุณหญิงอะไรนี่แล้ว ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่อยากถูกใครลักพาตัวไปอีกแล้ว ได้โปรดนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะ…….”
“ความมั่งคั่งรุ่งโรจน์พวกนี้เธอก็ทิ้งมันได้หรอ?” เหลิ่งเซ่าถิงถาม
กู้เค่อหยิงส่ายหน้า : ฉันไม่เอาอะไรสักอย่างแล้วค่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ”
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตามองกู้เค่อหยิง ก่อนจะพูดเสียงเข้ม : “ใช่สิ ไม่แปลกใจที่เธอกลัว เพราะคนเราล้วนอยากมีชีวิตต่อ แล้ว…..แล้วทำไมถึงมีคนที่ยินยอมที่จะตายล่ะ? ตายไปไม่ดีกว่าหรอ ไม่ต้องมาหลบอยู่ข้างหลังฉัน รอให้ฉันประสบความสำเร็จเงียบๆ?”
กู้เค่อหยิงไม่รู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงใคร เธอรู้แค่ว่าไม่ว่าคนที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงนั้นจะเป็นใคร คนๆนั้นก็คงเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลก คนจะตายได้ยังไงกัน? ทุกข์จนตาย เครื่องประดับงามๆพวกนั้นใครจะเป็นคนใส่? เสื้อผ้าสวยๆนั้นจะไม่เสียไปฟรีๆหรือ? เธอจะตายไม่ได้ เธอยังต้องเอนจอยกับการใช้ชีวิตอยู่
“ถ้าเธอตะออกไปจริงๆ ฉันก็จะไม่ขัดขวางเธอ แต่เธอต้องมั่นใจว่าถ้าเธอออกไปแล้ว เธอจะไม่เอาอะไรไปทั้งสิ้น และเธอก็จะไม่ใช้ชีวิตแบบนี้อีก” เหลิ่งเซ่าถิงยกยิ้มพร้อมกับพูด
กู้เค่อหยิงสั่นไปสักพัก ดวงตาของเธอสั่นระริก : “ฉันจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้อีกแล้วหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าเบาๆ : “เธอจะไม่ใช่คุณหญิงของตระกูลเหลิางและคนอื่นก็จะไม่นับถือเธออีก คนที่เธอเคยเหยียบย่ำเขา พวกเขาก็จะทำแบบนั้นกับเธอ เธอรับได้มั้ยล่ะ?”
กู้เค่อหยิงสูดจมูกครั้งหนึ่ง เธอนึกถึงสภาพของเธอในอนาคตที่หลิวจื่อซิงใช้ เธออดไม่ได้ที่จะลังเลขึ้นมา ทำไมการเป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งนั้นจะอยู่อย่างมีความสุขไปวันๆไม่ได้หรอ? ทำไมเธอต้องมาเจอกับความเสี่ยงอันตราย? ทำเธอยังต้องมามารับผิดชอบอะไรมากมายอีก โลกนี้ไม่ยุติธรรมเลยหรอ?
ไม่ มันไม่มีทางอื่นแล้ว
กู้เค่อหยิงรีบเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง ก่อนจะพูดด้วยความตื่นตระหนก : “ถ้าอย่างนั้น คุณก็ยังเหลือเจี่ยนอี๋นั่วกับลูกสาวนี่ เซ่าถิงคะ คุณไปหาพวกเธอบ่อยๆได้นะ แล้วต่อไปถ้ามีคนมาคุกคามคุณอีก ก็จะจัดการกับพวกเขา ฉันก็ปลอดภัยแล้ว เซ่าถิงคะ ฉันไม่ว่าอะไรเลย ฉันรู้ว่าคุณหวังดีกับฉัน คุณไปดูแลพวกเธอก็ได้นะคะ ถึงแม้ว่าคุณจะพาพวกเธอมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไร คุณแค่…..แค่ไม่มีลูกชายกับเจี่ยนอี๋นั่วก็พอ ไม่สิ จะมีลูกชายด้วยกันก็ไม่เป็นไรคะ เพราะลูกชายของฉันเหลิ่งเฉิงเยี่ยเป็นคนโต เรื่องมรดกทุกอย่างก็ตกเป็นของเขาในอนาคตอยู่แล้ว ฉันไม่ได้รับผลอะไรในความรักนี้หรอกค่ะ ฉันแบ่งปันได้เพื่อดื่มด่ำกับคุณหญิงภรรยาที่มีเกียรติได้มั้ยคะ?”
“หึ…….” เหลิ่งเซ่าถิงจ้องกู้เค่อหยิง ก่อนจะหัวเราะขึ้นช้าๆ : “ฮ่าๆ…….”
เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยหัวเราะเสียงดังเท่านี้มาก่อน กู้เค่อหยิงมองเหลิ่วเซ่าถิงที่หัวเราะอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะหัวเราะตามเขาแล้วพูดว่า : “ฮ่าๆๆ….มันดีใช่มั้ยล่ะคะ ต่อไปความโชคร้ายก็ตกเป็นของเจี่ยนอี๋นั่วกับลูกสาวของเธอแล้ว ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงคิดไม่ได้นะ ฉันหาคนมาแทนฉันได้นี่นา แล้วฉันก็จะปลอดภัย แล้วฉันก็ไม่ต้องประสบปัญหาอีก ใช่มั้ยคะ?”