เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาลง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ดูแล้วหม่าม้าต้องจับตาดูหนูดีๆแล้วล่ะค่ะ ช่วงนี้พูดอะไรไปเยอะเลยคะเนี่ย? จะฉลาดเกินตัวไปรึเปล่า? ต่อไปต้องดูละครให้น้อยๆแล้วอ่านหนังสือเยอะๆแทนนะคะ เข้าใจมั้ย?”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดก่อนจะยกมือขึ้นมาดึงหน้าของเจี่ยนซวง ผิวหน้าเจี่ยนซวงนั้นผิดรูปไป เธอจุงพูดออกมาทันทีว่า : “หม่าม้าคะ อย่าทำหนู…….”
มั่วเชียนพูดด้วยรอยยิ้ม : “นี่ลูกสาวของคุณสินะครับ น่ารักมากเลย”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดกับเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้ม : “มาค่ะ เรียกเขาว่าพี่ชายนะคะ”
เจี่ยนซวงยิ้มแล้วตะโกนพูดกับมั่วเชียน : “สวัสดีค่ะพี่ชาย”
มั่วเชียนกระพริบตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเจี่ยนอี๋นั่ว : “เรียกลุงดีกว่าครับ”
“ฮิ………” เจี่ยนซวงหัวเราะก่อนจะรีบเอามือมาปิดปาก : “มีลุงที่ไหนทีายังหนุ่มๆแบบนี้ล่ะคะ พี่น่ะคือพี่ชายต่างหาก พี่น่าจะเรียกหม่าม้าหนูว่าน้าด้วยนะคะถึงจะถูก”
ใบหน้าของมั่วเชียนซีดลงทันที ก่อนที่รอยยิ้มของเขาค่อยๆหุบลงแล้วมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดอย่างจริงจัง : “ผมคิดมาโดยตลอดว่าอาจจะเพราะผมยังไม่เป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่ แต่ว่าโปรดอย่าปฏิเสธผมโต้งๆแบบนี้เลยนะครับ บางทีเราอาจจะเข้ากันได้ แล้วคุณก็อาจจะมองผมอีกแบบก็ได้นะครับ”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มก่อนจะส่ายหัว : “ขอโทษนะ ฉันเลี้ยลูกสาวฉันก็ยุ่งแล้ว ไม่อยากเลี้ยงลูกชายเพิ่มอีกคน ฉันไม่มีเวลาแล้วก็ประสบการณ์การรอเเ็กผู้ชายให้เติบโตหรอกนะ ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปแล้ว ถ้าเธอยังทำแบบนี้ฉันจะคิดว่าเป็นตัวปัญหา เธอเองก็คงไม่อยากให้ฉันรู้สึกรังเกียจเธอหรอก ใช่มั้ย?”
มั่วเชียนหน้าซีดพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นมา เขายืนอยู่ข้างๆเจี่ยนอี๋นั่วโดยที่ไม่ เจี่ยนอี๋นั่วเปิดประตูบ้านก่อนจะพูดกับเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้ม : “รีบเข้าบ้านกันค่ะ”
จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็พูดกับมั่วเชียนด้วยรอยยิ้มว่า : “เธอก็รีบๆกลับบ้านซะนะ อย่าให้เพื่อนๆของเธอมาเห็น ไม่อย่างนั้นอาจจะเอาไปล้อเธอก็ได้นะ รีบกลับไปเถอะ……”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็ปิดประตูบ้านทันที เจี่ยนซวงส่ายหน้าก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะพูดอย่างเชยๆว่า : “เด็กน้อยๆไม่ตั้งใจเรียน แต่มาตามจีบคนอื่นเขา ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ หม่าม้าคะ หนูไม่เอาคุณพ่อที่ไม่เป็นผู้ใหญ่แบบนี้นะคะ หนูกลัวเขามาแย่งเค้กของหนูกิน”
เจี่ยนอี๋นั่วจับผมเปียของเจี่ยนซวงเอาไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เด็กน้อยๆไม่ตั้งใจเรียน เอาแต่พูดจาไร้สาระ ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ”
เจี่ยนซวงหัวเราะฮิฮิออกมา ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมาว่า : “เอ๊ะ ทำไมถึงได้มีกลิ่นหอมลอยมาล่ะเนี่ย”
เจี่ยนซวงพูดก่อนจะสูดจมูกฟิดๆ แล้วสะบัดมือของเจี่ยนอี๋นั่วที่จับผมเปียของเธอ แล้วถ่อตัวไปที่ห้องครัวทันที เธอจึงพบกับบะหมี่ที่อยู่ในห้องครัว ก่อนที่เจี่ยนซวงจะก้าวเท้าเข้าไปหามันแล้วยกชามขึ้นแล้วซดน้ำจนหมด จากนั้นเจี่ยนซวงก็หันหลังแล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยรอยยิ้มว่า : “หม่าม้าคะ บะหมี่นี่หม่าม้าทำหรอคะ ฝีมือหม่าม้าพัฒนาขึ้นเยอะเลยค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าไปมา : “ไม่ใช่ค่ะ พี่ชายคนเมื่อกี้ทำอย่างหาก”
เมื่อเจี่ยนซวงได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดเช่นนั้นเธอก็เบิกตาโตขึ้นมาทันที : “หม่าม้าคะ หม่าม้าปล่อยให้เขาเข้าบ้านเราหรอคะ!”
จากนั้นเจี่ยนซวงก็กระพริบตาปริบๆแล้วพูดขึ้นว่า : “ให้เขาเข้าบ้านเราแล้วแบบนี้ ทำไมไม่ให้เขาทำอาหารให้เรากินต่อล่ะคะ? ให้เขาทำอาหารเย็นให้แล้วหม่าม้าก็ปฏิเสธเขาเลยหรอคะ นี่มันเกินไปแล้วนะคะ! ตอนที่หนูอยู่โรงเรียนมีผู้ชายคนนึงมาชอบหนูเหมือนกัน หนูยังไม่เคยปฏิเสธเข้าโต้งๆแบบนั้นเลยนะคะ พวกเขาช่วยหนูทำเวณ หนูเลยครุ่นคิดว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะไม่ช่วยหนูแล้วนะ หนูเลยปฏิเสธเขา เขาก็มักจะพูดว่าผู้ชายจะต้องช่วยเหลือผู้หญิง พวกเขาเต็มใจ แล้วทำไมต้องขวางพวกเขาด้วยล่ะคะ หม่าม้าลองคิดดูสิคะ ถ้าผู้ชายคนเมื่อกี้มาทำอาหารเย็นให้เรากิน มันจะดีขนาดไหน……”
เจี่ยนอี๋นั่วจับไหล่ ก่อนจะพิงประตูแล้วเอียงใบหน้ามองเจี่ยนซวง รอให้เจี่ยนซวงกินบะหมี่ไปกว่าครึ่งก่อนจะรู้สึกแปลกๆ เจี่ยนซวงจึงเงยหน้าขึ้นมามองเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะสูดจมูก แล้วพูดขึ้นมาว่า : “แน่นอนว่ามันไม่ถูก รู้อย่างนี้สองวันก่อนหนูไม่ทำอย่างนี้หรอกค่ะ”
“ดูแล้วหม่าม้าคงต้องสั่งสอนหน่อยแล้วล่ะค่ะ” เจี่ยนอี๋นั่วมองเจี่ยนซวง แล้วยิ้มจนตาหยี
เจี่ยนซวงเม้มปากแล้วกระพริบตาก่อนจะพูดว่า : “สอนเรื่องอะไรหรอคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามอง : “ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงค่ะ”
เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆแล้วใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมา : “หม่าม้าคะ หนูยังเด็ก เรียนรู้เรื่องอะไรแบบนี้มันจะเร็วไปรึเปล่าคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วเขกหัวเจี่ยนซวง : “ดูจากความรู้ในสมองของหนูแล้ว หม่าม้าคิดว่าหม่าม้าสอนช้าไปนะคะ”
ในขณะนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ดวงตาของเจี่ยนซวงเป็นประกายขึ้นมาทันที : “หม่าม้าคะ ผู้ชายคนเมื่อกี้จะมาทำอาหารให้เรากินรึเปล่าคะ? รีบไปเปิดประตูมั้ยคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เธอเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดมันออก แต่คนที่เธอพบกลับไม่ใช่มั่วเชียนแต่เป็นผู้ชายที่มาถามทางเธอคนเมื่อกี้ เจี่ยนอี๋นั่วยกยิ้มให้เขาทันทีก่อนจะพูดว่า : “ขอโทษนะคะ คุณมาผิดบ้านแล้วล่ะค่ะ”
เมื่อพูดจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ยิ้มก่อนที่จะเตรียมตัวผิดประตู ผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มก่อนจะถาม : “สวัสดีครับ คุณคือคุณมั่วหวันถิงรึเปล่าครับ?”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินผู้ชายคนนั้นเรียกชื่อปลอมของเธอ เจี่ยนอี๋นั่วก็หยุดชะงักไปทันที ก่อนจะขมวดคิ้วใส่ผู้ชายคนนั้น แลเวพูดด้วยเสียงเข้มว่า : “ใช่ค่ะ คุณมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
ชายคนนั้นยิ้มก่อนจะพูดขึ้น : “สวัสดีครับ ผมคือเฉิงเว่ยหราน ประธานเว่ยหรานโฮเทลครับ ผมได้ยินมาว่าในสวนของคุณมีผักที่สดใหม่มากๆ ผมอยากจะมาคุยเรื่องธุรกิจกับคุณหน่อยน่ะครับ”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า : “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่อยากทำธุรกิจอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณอยากซื้อผัก บ้านในระแวกแถวๆนี้มีนะคะ ผักพวกนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉันหรอกค่ะ”
“โอเคครับ” เฉิงเว่ยหรานยิ้ม : “ขอโทษที่รบกวนนะครับ”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่คิดเลยว่าเฉิงเว่ยหรานจะยอมแต่โดยดี เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย เตรียมที่จะผิดประตู แต่เธอยังไม่ได้ปิดประตู ก็ถูกเฉิงเว่ยหรานขวางเอาไว้ เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ก่อนจะถามขึ้นมาว่า : “คุณคิดจะทำอะไรคะ?”
เฉิงเว่ยหรานยิ้มก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า : “อ่า คุณอย่าประหม่าขนาดนั่นสิครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แค่กลัวว่าคุณจะเข้าใจผิดน่ะครับ เพราะว่ามันบังเอิญมากเกินไป จนทำให้คุณคิดว่าผมตามคุณอยู่ ทำให้คุณรู่สึกไม่ดี แต่เพื่อนผมได้คำแนะนำมาจากเพื่อนของผมว่าผักที่หมู่บ้านนี้สดใหม่ แล้วพอผมมาที่นี่ พวกเขาก็แนะนำสวนผักของคุณ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “อ่อ งั้นฉันก็ไม่รู้ด้วยแล้วค่ะ วางใจได้เลย ฉันไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะ งั้นฉันไปนะคะ!”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็รีบปิดประตูทันที ก่อนจะหันหลังแล้วเธอก็พบกับเจี่ยนซวงที่ถือชามบะหมี่เอาไว้อยู่นั้นทำให้เจี่ยนอี๋นั่วถึงกับตกใจ เธอเอามือขึ้นมาทาบอกก่อนจะพูดว่า : “ทำไมมายืนอยู่หลังหม่าม้าไม่ซุ่มไม่เสียงล่ะคะ?”
เจี่ยนซวงกินบะหมี่ไปด้วยพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วยว่า : “หม่าม้าคะ เขาเปิดร้านอาหารหรอคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า : “น่าจะใช่ค่ะ”
ตาของเจี่ยนซวงเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะกลืนบะหมี่ทั้งหมดเข้าไป แล้วหัวเราะฮิฮิออกมาแล้วพูดขึ้นว่า : “งั้นแสดงว่ามีของอร่อยเยอะมากเลยสิคะ? หม่าม้าคะ คนนี้ใช้ได้เลยนะคะ”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองเจี่ยนซวง : “เมื่อกี้หนูยังบอกว่าเขาเทียบไม่ได้กับคุณพ่อของหนูอยู่เลยนะคะ”
เจี่ยนซวงพยักหน้า : “ใช่ไงคะ เทียบไม่ได้สักอย่างเลย แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่ เขาทำมาหากินเป็นด้วย”
เจี่ยนอี๋นั่วมองลูกสาวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “หม่าม้าน่ะบางทีก็คิดนะ ว่าวันนึงหนูอาจจะหม่าม้าไปขายเพื่อแลกของกินอร่อยๆมา”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็ส่ายหัวก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป เจี่ยนซวงกอดชามบะหมี่เอาไว้แล้วเดินตามหลังเจี่ยนอี๋นั่งไป ราวกับว่าเป็นลูกหมาที่อยากได้กระดูก : “หม่าม้าคะ หม่าม้าลองไปไตร่ตรองดูสิคะ บางทีขนมหวานที่ร้านอาหารของเขาอาจจะอร่อยมากๆก็ได้นะคะ…..หม่าม้า…..”
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วก็พาเจี่ยนซวงไปส่งที่โรงเรียน เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากคฤหาสน์บ้านนั้นอีก เพื่อให้เธอไปส่งผัก
“เขาขอมาว่าให้เธอไป บอกว่าเธอระวังตัวดี”คนที่ช่วยเจี่ยนอี๋นั่วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพยักหน้า : “ได้จ่ะ งั้นเดี๋ยวฉันไปเอง แต่ว่าจักรยานของฉันมันเสียน่ะ……”
“พวกเขาบอกว่าพวกเขาเจอแล้วก็ซ่อมเรียบร้อยแล้วน่ะ เพิ่งเอาส่งเมื่อกี้นี้เลย” ชาวนาคนนั้นยิ้มแล้วชี้ไปที่จักรยานคันนั้น
เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา : “คนบ้านนี้นี่แปลกจังเลย มีเวลาเอาจักรยานมาคืนแต่ไม่มีเวลาเอาผักกลับไปด้วยงี้หรอ?”
ชาวนายิ้วก่อนจะส่ายหน้า : “อื้อ ได้ยินคนนั้นพูดว่าเขาเอาจักรยานมาส่งแล้วก็บอกว่าจะไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ทันทีนะ ก็เลยให้พวกเราเอาผักขึ้นไปส่งน่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม : “เข้าใจแล้วจ่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาไปส่งให้”
เธอตอบไปอย่างนี้แต่ในใจของเจี่ยนอี๋นั่วก็ยังอดไม่สงสัยไม่ได้ พวกเขารู้ได้ยังไงนะว่าจักรยานเป็นของเธอ? เจ้าของคฤหาสน์นี้ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกสงสัยมากๆ เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเขาไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ แต่ว่าเขานั้นดูจะสนใจเจี่ยนอี๋นั่งมาก ทำให้เธอนั้นสงสัยในเจ้าของคฤหาสน์นี้มากๆ
เจี่ยนอี๋นั่งเองก็อยากจะไปดูที่คฤหาสน์หละงนั้นเหมือนกันว่าเจ้าของที่นั่นเป็นคนยังไงกันแน่? เจี่ยนอี๋นั่วปั่นจักรยานเอาผักไปส่งที่คฤหาสน์หลังนั้น เพียงเธอกดกระดิ่ง ชายชราคนก่อนก็เปิดประตูให้เธอทำที ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า : “รบกวนหนูเอามาส่งอีกแล้ว เมื่ออกี้คนงานในบ้านออกไปทำธุระ เลยเอาจะกรยานไปให้หนูด้วย ตอนแรกว่าจะให้เอาผักกลับมาด้วย แต่ว่าเขามีธุระน่ะ เลยต้องรบกวนหนูให้เอามาส่ง”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า : “ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันว่างพอดี”
ชายชรายกยิ้มขึ้นมาทันที : “ดีแล้วจ่ะ ดีแล้ว งั้นหนูก็กินข้าวเที่ยงที่นี่เลยนะ เมื่อวานหนูไม่ได้กินข้าวที่นี่ จัดรยานของหนูก็เสียอีก เจ้าของบ้านเขารู้เขาโมโหเชียวนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่คิดเลยว่าเจ้าของบ้านจะโมโหร้าย ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า : “เขาโมโหใส่คุณหรอคะ?”
ชายชรายิ้มก่อนจะพูด : “โมโหใส่ฉันก็ดีแล้วล่ะ โมโหอยู่คนเดียวนะ”
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วสงสัย ชายชราก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นมาว่า : “เจ้าของที่นี่เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ เขาไม่ชอบอะไรกับใคร อย่าง่าแต่หนูเลย คนในบ้านนี้นะ ถึงเวลากินข้าวเที่ยงเมื่อไหร่ ไม่กินข้าวแล้วกลับไปแบบนั้น เขาก็ไม่สบายใจนะ”
“ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันจะกินข้าวเที่ยงที่นี่แล้วกันค่ะ” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เธอก้มหน้าลงแล้วล้างผักอย่างระมัดระวัง
เจ้าของคฤหาสน์ที่นี่นี่แปลกนะเนี่ย หรือจะเป็นคนที่เธอรู้จักกันนะ? เจี่ยนอี๋นั่วเดาออกมาด้วยความกล้าว่าเจ้าของของคฤหาสน์แห่งนี้จะเป็นเหลิ่งเซ่าถิง?