เมื่อเห็นคุณจู๋ตื่นเต้นมาก เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกจิตใจสงบมากขึ้นแล้ว เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ วางสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือไว้ข้างๆคุณจู๋ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “คืนให้คุณค่ะ”
คุณจู๋รีบกดสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือนั้นไว้อย่างไว แล้วรีบเข็นวีลแชร์ออกจากสระน้ำทันที เจี่ยนซวงเหลืองบมองคุณจู๋จากไป คิ้วขมวดจ้องมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว และพูดอย่างงอนๆ ว่า: “แม่คุณคะ คุณแม่ทำให้คุณจู๋ตกใจกลัวแล้วนะคะ”
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะมองไปทางเจี่ยนซวง:“ทำไมลูกถึงพูดแบบนี้คะ?”
เจี่ยนซวงย่นจมูกและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“เพราะว่าคุณจู๋เป็นคนดีมากค่ะ เขาบอกว่าเขาจะตกปลาตัวใหญ่อยู่เป็นเพื่อนหนูค่ะ แต่ตอนนี้เขาจากไปอย่างกะทันหัน เขาคงจะกลัวคุณแม่แน่ ๆ ค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่เจี่ยนซวง: “เป็นเพราะเขาถูกลูกกวนหรือเปล่าคะ?”
ดวงตาของเจี่ยนซวงเบิกกว้างขึ้น ขมวดคิ้วและพูดว่า :“เป็นไปไม่ได้แน่นอน หนูออกจะน่ารักและเชื่อฟังแบบนี้!”
จนกระทั่งเขาออกจากคฤหาสน์ เจี่ยนซวงก็ยังคงคิดถึงสิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วทำให้คุณจู๋โกรธ พอกลับถึงบ้าน เจี่ยนอี๋นั่วทนไม่ไหวเลยบีบจมูกของเจี่ยนซวงหนึ่งที ขมวดคิ้วและพูดว่า :“ไหนหนูพูดสิ คุณจู๋เขามีผลประโยชน์อย่างไร?ถึงทำให้หนูเข้าข้างเขาขนาดนี้! เขาก็แค่สอนหนูตกปลาแค่นั้นเองเหรอ?”
เจี่ยนซวงเม้มริมฝีปาก:“”ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์อะไรหรอกนะคะ หนูแค่คิดว่าเขาน่าสงสารมากจริงๆ ความจริงแล้วหนูไม่ชอบตกปลาหรอกนะคะ หนูแค่รู้สึกว่าเวลาที่หนูตกปลาด้วยกันกับเขา เขาจะมีความสุขมาก หนูถึงทำแบบนั้นค่ะ ถึงแม้ว่าหนูจะไม่เห็นคุณจู๋หัวเราะเลย แต่หนูรู้สึกได้ว่าเขามีความสุขมากค่ะ หนูก็รู้สึกมีความสุขมากเหมือนกันค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วก้มหัวลง แล้วลูบที่หัวเจี่ยนซวงยิ้มและพูดว่า:“ ดูเหมือนว่า หนูจะเป็นเด็กที่เห็นใจคนอื่นมาก”
เจี่ยนซวงพยักหน้า:“อืม หนูก็เป็นเด็กดีแบบนี้แหละค่ะ!”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเจี่ยนซวงยอมรับว่าเธอเป็นเด็กดีอย่างท่าทางมั่นใจมาก เจี่ยนอี๋นั๋วก็อดไม่ที่จะขยี้ที่หัวของเจี่ยนซวงแรง ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม: “โอ้ๆๆๆๆๆ หนูเป็นเด็กที่รู้จักยกย่องตัวเองจริงๆเลยนะคะ”
เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นและดันมือของเจี่ยนอี๋นั่วออก ขมวดคิ้วและพูดว่า:“ คุณแม่คะ หนูรู้ว่าคุณแม่กำลังหัวเราะเยาะหนูอยู่ ฮึ่ม ถ้าคุณแม่ยังหัวเราะเยาะหนูอีก หนูจะไปฟ้องคุณลุงจู๋ ว่าคุณแม่ใจร้ายขนาดไหน หนูจะบอกให้คุณลุงไม่ต้องชอบคุณแม่อีกแล้ว ……”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและมองไปที่เจี่ยนซวง และถามอย่างสงสัย: “หนูรู้หรือคะ?”
เจี่ยนซวงตอบด้วยน้ำเสียงเบา: “แน่นอนสิคะ หนูไปตกปลากับคุณลุงจู๋บ่อยๆ แน่นอนว่าหนูรู้ว่าเขาแอบมองคุณแม่อยู่เสมอ คุณแม่คะ ช่วงนี้คุณแม่เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะคะ ถึงแม้ว่าคุณลุงจู๋จะแปลกประหลาดไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้วก็ไม่เลวนะคะ ”
“จริงเหรอคะ” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและยกมือขึ้นเอามือไปจั๊กจี้เจี่ยนซวง: “ดูเหมือนว่าเจี่ยนซวงจะชอบเขามากใช่ไหมคะ?”
เจี่ยนซวงหัวเราะขึ้นไปบนเตียง และตะโกนออกมาเสียงดังด้วยรอยยิ้ม: “คุณแม่คะ หนูผิดไปแล้วค่ะ ……”
“ สำนึกผิดจริงๆแล้ว?” เจี่ยนอี๋นั่วยังคงเอามือไปจั๊กจี้เจี่ยนซวงไม่หยุด
เจี่ยนซวงกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความอ้อนวอน :“ค่ะ คุณแม่คะ คุณแม่คะ หนูจะไม่พูดไปเรื่อยแล้วคะ”
เจี่ยนอี๋นั่วจึงหยุดและยิ้ม แล้วกอดเจี่ยนซวง ค่อยๆตบที่ไหล่ของเจี่ยนซวง และพูดด้วยรอยยิ้ม: “อาการที่แสดงยอมรับผิดดีมากนะคะ”
เจี่ยนซวงหน้ามุ่ยและพึมพำ: “จริงๆเลย อายุขนาดนี้แล้ว ยังจะขี้อายอีก!”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและตบที่บนไหล่ของเจี่ยนซวง: “ถึงแม้จะเดาได้ แต่ก็ไม่ต้องพูดออกมา ไว้หน้าคุณแม่หน่อยนะคะ”
เจี่ยนซวงหันไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว และกระพริบตา: “คุณแม่คะ คุณแม่ก็รักคุณลุงจู๋คนนั้นใช่ไหมคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า: “ไม่มีอะไรที่รักหรือไม่รัก สิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ อย่าเสียเวลาไปคิดเลยนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่ารักอยู่ใช่ไหมคะ”เจี่ยนซวงเม้มริมฝีปากและถามด้วยน้ำเสียงเบา: “คุณแม่คะ ถ้าคุณแม่รักคุณลุงจู๋ ก็จะไม่รักคุณพ่ออีกต่อไปแล้วใช่ไหมคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไปมองเจี่ยนซวง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“รักสิคะ แต่ว่าไม่ใช่รักแบบความรักชายหญิง เหตุผลเป็นเพราะว่าเขาคือคุณพ่อของหนู ดังนั้นจึงรักเขา ”
เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที: “ดูเหมือนว่าคุณแม่จะชอบคุณลุงจู๋ขึ้นมาแล้วจริงๆ”
เจี่ยนอี๋นั่วตบที่ไหล่เจี่ยนซวงเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า: “นี่เป็นเรื่องของคุณแม่ คุณแม่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองดีกว่านะคะ ”
ถ้าเจี่ยนซวงมองออกแล้ว ถ้าอย่างนั้นแปลว่าเธอแสดงออกมาชัดเจนเกินไปไหม ใช่แล้ว จะมองออกได้อย่างไรกันล่ะ ? ใครจะอยู่ห้องเดียวกันกับผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยโดยไม่มีค่าตอบแทน และอ่านหนังสือพิมพ์ให้เขาฟังล่ะ? มันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนขนาดไหนได้อีกแล้ว
ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วกระทำตามความปรารถนาของตนเองเท่านั้นโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้ว่า คุณจู๋อาจจะอยู่อีกไม่นานก็ต้องจากไป บางทีอาจเป็นเพราะว่าคุณจู๋คนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเธอ ดังนั้นเธอคิดว่าอยู่กับคุณจู๋นานหน่อยก็คงไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งไม่สนใจ ก็จะไม่มีอะไรการพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว คุณจู๋ดูเหมือนก็มีความรู้สึกๆที่ดีต่อเจี่ยนอี๋นั่วเช่นกัน
“ มันดูแย่ไปหน่อย” เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะกระซิบหลังจากที่เจี่ยนซวงเหนื่อยล้าพิงไหล่ของเธอและหลับไป
หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็พยายามหลีกเลี่ยงทุกอย่างเกี่ยวกับคุณจู๋ หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ไปที่คฤหาสน์สองสามวันในที่สุดโทรศัพท์มือถือของเจี่ยนอี๋นั่วก็ดังขึ้น มันยังคงเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรจากคฤหาสน์ เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่ามันเป็นสายของหญิงชรา จึงรีบรับสายอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ขอโทษค่ะ ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก ฉันอาจจะไม่สามารถไปที่นั่นได้อีกแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันวานให้คนนำอาหารไปส่ง และได้ฝากข้อความไปบอกแล้ว คุณไม่รู้เรื่องเหรอคะ?”
“ คุณโกรธหรือเปล่า” มันเป็นเสียงเข้มและแหบ ไม่ใช่เสียงของหญิงชราในคฤหาสน์นั้น
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นหูมากอย่างอธิบายไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จำได้ว่า นั่นมันเป็นเสียงของคุณจู๋นี่นา?
เจี่ยนอี๋นั่วก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในทันที เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่น ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี ปลายสายเงียบมาก แต่กลับดูเหมือนว่าจะรออย่างเงียบ ๆ รอดูว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะตอบสนองกลับอย่างไร
หลังจากนั้นไม่นานเจี่ยนอี๋นั่วก็ยิ้มและกล่าวว่า :“ฉันไม่โกรธค่ะ ไม่มีอะไรต้องโกรธค่ะ”
“ แต่คุณกลับไม่มาสักที” เสียงโทรศัพท์ปลายสายน้ำเสียงเข้มขึ้นเรื่อย ๆ
ระหว่างเขาและเธอมีเพียงแค่สายโทรศัพท์กั้นอยู่เท่านั้น เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกได้ถึงสภาพจิตใจที่หดหู่ เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูดว่า: “ฉันยุ่งมากจริงๆค่ะ จริงๆนะคะ……”
ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดอยู่นั้น ราวกับว่ากลัวเขาไม่เชื่ออย่างงั้นแหล่ะ เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาชี้ไปที่สวนผักที่ทำท่าเหมือนกำลังยุ่งมาก จากนั้นก็รีบอธิบายว่า: “ได้ยินแล้วหรือยัง ? ช่วงนี้ฉันยุ่งมากจริงๆค่ะ ฉันไม่ได้จงใจที่จะไม่ไปพบคุณหรอกนะคะ คุณอย่าเข้าใจผิดนะ……”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ เธอก็หยุดชะงักทันที ทำไมตอนนี้เธอเหมือนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่พยายามที่จะอธิบายให้คนที่เป็นคนรักกันเข้าใจด้วยล่ะ?อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? ทำไมเธอถึงแอบรักคนที่ไม่สามารถรักได้นะ ก่อนหน้านี้คือเหลิ่งเซ่าถิง ตอนนี้คือคุณจู๋ ทำให้เธอมาถึงจุด ๆนี้ได้อย่างไรกัน แอบรักคุณจู๋ ไม่รู้ว่าสภาพของเธอจะเป็นยังไงต่อไป
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วรีบปิดปากของเธอ เธอไม่ต้องการพูดอะไรต่ออีกแล้ว คุณจู๋ก็เงียบอยู่ที่ปลายสายเป็นเวลานานและจากนั้นเขาก็ค่อยๆพูดว่า: “ช่วงนี้รบกวนชีวิตของคุณแล้ว ผมจะจากไปในไม่ช้า”
เมื่อได้ยินว่าคุณจู๋กำลังจะจากไป เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที: “คุณเคยบอกว่าคุณจะอยู่รักษาตัวที่นี่อีกสักพักไม่ใช่เหรอคะ?”
คุณจู๋พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม: “อืม ใช่ แต่ผมคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดครับ”
เจี่ยนอี๋นั่วฝืนยิ้ม : “บางที่การจากไปอาจจะเป็นเรื่องที่ดี คุณสุขภาพไม่ดี คุณควรไปที่ที่มีสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ที่ดีกว่าที่นี่ ตอนนี้ยังไม่รู้ชื่อเต็มของคุณเลยค่ะ คุณช่วยบอกฉันได้ไหมคะ?”
“จู๋เจียน ที่แปลว่าไม้ไผ่ เจียนที่แปลว่า แข็งแรง……”จู๋เจียนพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินชื่อของจู๋เจียน และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ:: นามสกุลแปลกจริงๆเลย และชื่อก็แปลกไปหน่อยนะคะ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะจำมันเอาไว้”เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูดว่า:“ลาก่อนค่ะ”
“ลาก่อนครับ……”หลังจากจู๋เจียนพูดจบ แต่กลับไม่ได้รีบร้อนวางสายโทรศัพท์
เจี่ยนอี๋นั่วไม่รอปลายทางวางสาย เธอจึงกล่าวคำว่า “ลาก่อน” อีกครั้ง จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่ววางสายโทรศัพท์ก็ถอนหายใจเฮือกออกมา และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ไม่มีการตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกต่อไป”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเมื่อพูดประโยคนี้จบ ทันใดนั้นเธอก็ขมวดคิ้วและพูดซ้ำ ๆ ว่า: “จู๋เจียน จู๋เจียน……ใช่เจี่ยนหรือเปล่า?ใช่เจี่ยน!”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและยืนอึ้งแน่นิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากที่ยืนอยู่เป็นเวลานาน เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและพูดด้วยเสียงเบาว่า :“ถึงจะมานานหลายปีฉันก็คงฉันรักคนคนเดิมอยู่ เหลิ่งเซ่าถิงคุณรู้วิธีเล่นเกมจริงๆ นะ”
หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็หันหลังวิ่งไปทางคฤหาสน์บนภูเขานั้นทันที ก่อนหน้านี้ความโกรธที่เก็บไว้ในใจของ เจี่ยนอี๋นั่วยังไม่หายไป แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอถูกเหลิ่งเซ่าถิงหลอกอีกแล้ว ทำให้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเธอได้ เธอโมโหจนตัวสั่น และรู้สึกหนาวไปทั้งตัวเมื่อเดินกลางแดด
เหลิ่งเซ่าถิงกำลังเล่นเกมอะไรอยู่? เขาโกหกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไร? เธอซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งนี้มันยังไม่เพียงพออีกหรือ? เธอต้องทนทุกข์ทรมานอีกเท่าไหร่?
เหลิ่งเซ่าถิงเคยรักเธอจริงๆหรือ? หรือคิดว่าเธอเป็นเพียงของเล่นเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น?
เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปที่ประตูหน้าคฤหาสน์นั้นอย่างรวดเร็ว และกดกริ่งประตู ประตูถูกเปิดออกทันที และหญิงชราเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยรอยยิ้มว่า :“คุณมาแล้วเหรอคะ คุณจู๋ท่าน ……”
“อืม ใช่ค่ะ ฉันมาหาเขาโดยเฉพาะ !” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ฉันต้องการพบเขาเดี๋ยวนี้!”
หญิงชราเห็นว่าการแสดงออกของเจี่ยนอี๋นั่วไม่ดี หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ชี้ไปทางชั้นสองและพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณจู๋ยังอยู่ในห้องเดิมค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว และเปิดประตูห้องออกทันที ทันทีที่ประตูเปิด เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นคนที่เรียกว่า “คุณจู๋” ยังคงนั่งอยู่หน้าหน้าต่างโดยหันหลังให้กับเธอ เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเยาะและค่อยๆเดินไปหา “คุณจู๋” และพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “เหลิ่งเซ่าถิง สนุกมากไหมคะที่มาล้อเล่นกับฉันแบบนี้?”
“คุณจู๋” ค่อยๆหันกลับมาดูเจี่ยนอี๋นั่ว เขาถอดหน้ากากและแว่นกันแดดออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า :“อี๋นั่วเราพบกันอีกแล้วนะ ”
ใบหน้าของเขายังคงเป็นใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิง โครงหน้าของเขาคมราวกับมีด ดั้งจมูกสูง คิ้วเข้ม ดวงตาโตขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาบาง และผิวของเขาขาว น้ำเสียงนั้นก็ไม่แหบเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป และยังคงเป็นน้ำเสียงต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ของเหลิ่งเซ่าถิง
“ก่อนหน้านี้ฉันเห็นหน้าแบบนั้นคือ?”เจี่ยนอี๋นั่วถามด้วยดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ:“คนนั้นเป็นสแตนด์อินของผม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมได้หาสแตนด์อินมากมายที่คล้ายกับร่างกายของผม เพื่อปกป้องผม”