คำพูดพวกนี้ณัฐณิชาได้ยินอย่างชัดเจน แอบหงุดหงิดว่าทำไมไม่แต่งตัวออกมาดีๆ อีกแล้ว!
แม้เธอจะรูปร่างหน้าตาไม่เลว แต่สิ่งสำคัญที่คนพวกนี้จะมองก็คือเสื้อผ้า กระเป๋า สิ่งของภายนอกพวกนั้น ถ้าคุณไม่มี คนอื่นจะดูถูกคุณ
ก่อนหน้านี้เธอไม่สนใจ แต่เธอในตอนนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของธราเทพ เหมือนว่าความจริงแล้วต้องให้ความใส่ใจ แต่เธอไม่แต่งหน้าแต่งตัวเลย ก่อนหน้านี้จึงไม่เคยใส่ใจ
ลิฟต์มาถึงยังชั้นออฟฟิศของธราเทพ ณัฐณิชาเดินออกจากลิฟต์ ตรงมาที่ห้องทำงานประธาน เคาะประตูแล้วเข้าไป
ธราเทพเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นเธอ ก็พูดด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ว่า “ไปนั่งรอผมตรงนั้นก่อน”
ดูเหมือนว่ายังไม่เสร็จงาน ณัฐณิชาจึงถือกล่องมาที่โซฟา
คิดถึงพวกคำนินทาเมื่อครู่ ก็อดจะเลี่ยงความรู้สึกอึดอัดใจไม่ได้ นิ้วจิ้มหมอนบนโซฟาไม่หยุด
เมื่อธราเทพเสร็จงาน ก็เห็นณัฐณิชาตัวน้อยนั่งอยู่บนโซฟาท่าทางเหมือนโกรธใคร
กระทั่งเขามาข้างๆ ณัฐณิชา เธอก็ยังสู้กับหมอนไม่หยุด
“ทำไม มีปัญหากับหมอนเหรอ”
“อืม”
ธราเทพเลิกคิ้ว “งั้นผมจะให้คนเปลี่ยน”
นั่นณัฐณิชาถึงได้สติ “ธราเทพ ไม่ใช่หมอน คุณรู้จักช่างแต่งหน้าหรือสไตลิสต์ที่เก่งๆ ไหม”
“อยากเรียนแต่งหน้าเหรอ”
ทำไมแป๊บเดียวก็ถูกเขามองทะลุปรุโปร่งแบบนี้ โอเค งั้นยืดอกยอมรับก็ได้
“ใช่ ตอนนี้ถึงยังไงฉันก็เป็นภรรยาของคุณ ถ้าฉันไม่แต่งตัว คุณก็ต้องอับอายไม่ใช่เหรอ”
ธราเทพครุ่นคิดแล้วก็เข้าใจ “มีใครพูดอะไรกับคุณใช่ไหม”
เหตุผลที่ถามแบบนั้น เพราะสิ่งที่อยู่ในใจสาวน้อยเขียนอยู่บนหน้าหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจไม่แยแสอะไรเลย วันนี้อยู่ดีๆ มานั่งจิ้มหมอน แถมยังอยากเรียนแต่งหน้า ต้องไปได้ยินอะไรมาแน่
ณัฐณิชากัดริมฝีปาก “ก็ไม่มีอะไรหรอก คุณบอกฉันสิ คุณรู้จักใครที่เป็นแบบนั้นไหม”
เพราะเธอไม่ชอบถูกนินทาลับหลัง และผู้หญิงที่นินทาเธอ ไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นพวกกินองุ่นไม่ถึง แล้วบอกว่าองุ่นเปรี้ยว ไม่ใช่ว่าเธอเรียนการแต่งตัวเพื่อระบายความโกรธกับคนพวกนั้น แต่นึกถึงระยะยาวแล้วถึงได้ตัดสินใจออกมา
ธราเทพครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “คุณไม่ต้องแต่งหน้าหรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว ทานข้าวเถอะ”
“หืม?” เหมือนกำลังชมเธออยู่เลยนะ ณัฐณิชากัดริมฝีปาก โอเค เพื่อเห็นแก่ที่เขานับว่ามีวิสัยทัศน์ ก็ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้อีก!
ณัฐณิชายังคงลิงโลด ธราเทพที่นั่งอย่างสง่างาม ถือโอกาสเปิดกล่องอาหารออก อาจเป็นเพราะเรื่องยิบย่อยที่เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อเห็นอาหารเขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ
กล่องอาหารสวยประกอบด้วยจานผัดทอดสี่ซุปอีกหนึ่ง มือเรียวยาวของธราเทพหยิบเอาออกมาทีละอย่าง และหยิบตะเกียบงาช้างสีขาวออกมาเป็นลำดับสุดท้าย
เมื่อเห็นเหล่าอาหารหน้าตาน่าทาน อารมณ์ไม่ดีเมื่อครู่พลันหายไป ณัฐณิชาไม่ยับยั้งชั่งใจอีก นั่งเพลิดเพลินกับอาหารอย่างมีความสุข
ทานไปครึ่งทาง ณัฐณิชาเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าจะมีวันนี้”
“หืม?”
“รู้อยู่แล้วว่าพวกเธอจะดูถูกฉัน”
ดวงตาของธราเทพมืดราวกับดวงดาวพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย ริมฝีปากบางอ้าออกพูดด้วยน้ำเสียงราวกับไวโอลินที่ไพเราะที่สุด “คุณเป็นภรรยาของผม พวกคนที่ตำหนิคุณ ไม่อิจฉาก็เซ็งตัวเอง”
“เราแค่ทำสัญญา……” ณัฐณิชาอดไม่ได้ที่จะอยากเน้นย้ำ
“ไม่ว่าต่อหน้ากฎ หรือต่อหน้าผู้คน มันก็ล้วนแต่เป็นความจริง” ธราเทพชี้แจงให้เข้าใจ
ณัฐณิชาเงียบลงทันที เหมือนจะจริงนะ……
เธอไม่คิดเรื่องไร้สาระอีก เริ่มตั้งใจทานอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ว่านอกหน้าต่างห้องทำงานในขณะนี้ สายตาเลื่อนลอยของฐิติกานต์กำลังจ้องพวกเขาอยู่
มีสิทธิ์อะไร
ยัยเพิ้งนี่คู่ควรกับท่านประทานตรงไหน……