ณัฐณิชาก้มหน้า เล็บจิกเข้าฝ่ามืออย่างแรง……
เธอคิดมาตลอด ว่าตัวเองเป็นคนเก่งกาจ ตราบใดที่เธอคิดจะทำ อะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ความเป็นจริงกลับตีแสกหน้าเธอย่างรุนแรง
เธอ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
“ขอโทษค่ะ หากฉันทำผิดพลาดตรงไหน รบกวนพี่ดาวโปรดชี้แนะ” ณัฐณิชาผ่อนลมหายใจยาว แต่ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น และฝืนยิ้มออกมา
เธอณัฐณิชาคนนี้ไม่มีทางแพ้ง่ายๆ!
เมื่อเห็นความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอ พี่ดาวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนจะคาดไม่ถึงว่านายหญิงท่านประธานซึ่งควรอยู่เหนือกว่าจะพูดกับตัวเองด้วยทัศนคติเช่นนี้ แต่เพียงไม่นาน เธอก็ปรับท่าทางเป็นปกติ ก็แค่พนักงานใหม่เท่านั้น อยู่กับเธอที่นี่ แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครได้รับการยกเว้น
“อย่างแรก ฉันไม่ได้มอบหมายงานให้คุณเช่นนั้นคุณควรดำเนินการมาหาฉันเอง แทนที่จะอยู่เฉยๆ เมื่อวานให้คุณทำความคุ้นเคยกับกฎของพนักงาน คุณก็ทำความคุ้นเคยกับมันทั้งวันเลยงั้นเหรอ คุณอ่านหนังสืออักษรเทพหรือไง อย่างที่สอง คุณสันโดษเกินไป เมื่อวานทั้งวันไม่คลุกคลีกับเพื่อนร่วมงานเลย เราเป็นทีมเดียวกัน คุณร่วมงานแบบนี้ได้ยังไง อย่างที่สาม ณัฐณิชา ฉันไม่ชอบคนที่เล่นเส้นสายเข้ามา และยิ่งไม่ชอบพวกอ่อนหัด ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะมีประสิทธิภาพตามแผนกเราให้ทัน ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่คุณออก”
พี่ดาวพูดรวดเดียวจบ ณัฐณิชาฟังไม่ชัดนัก แต่เข้าใจความหมายทุกอย่าง……
ใบหน้าเล็กของเธอค่อยๆ ซีดลง
ดวงตาชื้นอย่างช่วยไม่ได้
เธอคิดว่าตัวเองพยายามมากพอแล้ว เมื่อวานใช้เวลาทั้งวันศึกษากฎของพนักงาน แต่ที่แท้……ในมุมมองของหัวหน้า เธอเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ ประสิทธิภาพการทำงานต่ำ ไม่คลุกคลี……แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ
“นี่ร้องไห้เหรอ” พี่ดาวเห็นท่าทางคับข้อใจของเธอ ก็หัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าคุณทนต่อแรงกดดันไม่ได้ ก็ออกไปเสียแต่เนิ่นๆ เถอะ ถ้าไม่ ตอนนี้ก็หันตัวแล้วออกไปทำงานซะ”
“ค่ะ” ณัฐณิชาฝืนยิ้มจนหน้าตาย่ำแย่เสียกว่าการร้องไห้ เธอสูดจมูก “ฉันจะออกไปทำงานเดี๋ยวนี้”
ไม่ง่ายที่จะได้โอกาสทำงาน เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายขนาดนั้น……
ณัฐณิชาผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เพียงแต่พอออกมาจากห้องทำงานของพี่ดาว เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานทำงานกันที่โต๊ะทำงาน อย่างไรก็อดจะน้ำตารื้นไม่ได้
เธอ ที่สุดแล้วก็ไม่เหมาะกับที่นี่
ทำไม……
“ณัฐณิชา คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ทันใดนั้น หญิงสาวที่นั่งข้างณัฐณิชาซึ่งผ่านมาทางนี้ได้ถามขึ้น
ณัฐณิชาส่ายหน้า ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำชาไป เธอกลัวว่าตัวเองจะเสียมารยาทต่อหน้าทุกคนมากเกินไป เห็นได้ชัดว่าเพราะตนทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องจึงถูกตำหนิ แล้วทำไมถึงต้องไปคับข้องใจด้วยล่ะ เป็นเพราะเธอทำไม่ถูกเอง ครั้งนี้ทำได้ไม่ดี ครั้งหน้าทำให้ดีก็ได้แล้ว……
เพียงแต่น้ำตากลับรินไหลดั่งลูกปัดสายขาด ณัฐณิชาแหงนเงยหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกคับข้องใจขึ้นมาอย่างมาก
คนอื่นเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีความสุข เรียบจบมหาวิทยาลัยอย่างราบรื่นและหางานดีๆ ทำได้ แต่ตนล่ะ เธอไม่มีอะไรเลย…..แม้แต่ใบประกาศนียบัตรที่เข้าท่าสักใบก็ไม่มี
ทันใดนั้นเสียงของเพื่อนร่วมงานที่พูดคุยหัวเราะกันก็ดังลอดประตูเข้ามา ณัฐณิชารีบเช็ดน้ำตา ทำทีเป็นเติมน้ำร้อนแล้วถือแก้วเดินออกไป
ตลอดทั้งเช้า เธอพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อทำความคุ้นเคยกับงาน ที่จริงเธอเป็นแค่เด็กฝึกงาน ที่ต้องทำจึงเป็นบรรดาของง่ายๆ อย่างเช่น พิมพ์เอกสาร ส่งพัสดุ กรอกแบบฟอร์ม ฯลฯ เพียงแต่แม้แต่แบบฟอร์มง่ายๆ เธอก็ทำไม่ได้ โชคดีที่กฐินสาวน้อยข้างๆ กระตือรือร้นมาก ณัฐณิชาจึงไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูก
ถึงพักเที่ยง กฐินชวนเธอไปทานข้าวด้วยกัน ณัฐณิชาเพิ่งคิดว่าจะตกลง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น