“ขึ้นมาทานข้าว”
“แต่ฉัน……” นัดกับเพื่อนร่วมงานแล้ว คำพูดของณัฐณิชายังไม่ทันจบ ธราเทพก็วางสายไปแล้ว ไม่ได้ให้เวลาเธอได้โต้ตอบเลย ณัฐณิชามองกฐินอย่างลำบากใจ “ขอโทษนะ ฉัน……”
“ไม่เป็นไรเข้าใจ ท่านประธานโทรเรียกคุณไปทานข้าวด้วยใช่ไหม งั้นฉันไปกับคนอื่นนะ” กฐินยิ้มกว้าง ไม่มีท่าทีใส่ใจแม้แต่น้อย เดินอย่างอารมณ์ดีไปโรงอาหารพร้อมกับคนอื่นๆ
มองด้านหลังพวกเขาพูดคุยหัวเราะกัน จู่ๆ ณัฐณิชาก็ค่อนข้างหดหู่
เธอยิ้มขมขื่นครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บของแล้วขึ้นไปข้างบน ตลอดมาอาหารของธราเทพเป็นแม่บุญสิตาที่เตรียมให้อย่างดี ตอนนี้ก็เป็นเช่นเดิม
ทันทีที่เธอผลักประตูเข้าไป ก็เห็นอภัสราภรณ์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา เริ่มคีบตะเกียบแล้ว “พี่ธราเทพ ฝีมือการทำอาหารของแม่บุญสิตาดีขึ้นเรื่อยๆ เลยนะคะ ตอนที่ฉันอยู่ต่างประเทศสิ่งที่คิดถึงมากที่สุดก็คืออาหารที่แม่บุญสิตาทำ แต่วันนี้นับว่าได้ทานแล้ว!”
“อืม”
ณัฐณิชายืนอยู่ที่ปากประตู ไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
เวลานี้ แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง หนุ่มหล่อสาวสวยอยู่ด้วยกันแสนอบอุ่น……ธราเทพถอดสูทออกไปแล้ว พับแขนเสื้อขึ้น กำลังนั่งอยู่ข้างอภัสราภรณ์ อภัสราภรณ์สวมชุดกระโปรงสีแดงสวยสด แต่งหน้าอย่างประณีต
ทุกอิริยาบถ ให้อารมณ์ของกุลสตรีที่งามพร้อมเฉิดฉายดั่งนางพญา
ณัฐณิชาก้มหน้ามองเสื้อผ้าบนตัวของตัวเอง เป็นชุดเครื่องแบบเสื้อกระโปรงธรรมดาทั่วไป
แยกแยะระดับสูงต่ำชัดเจน
“คุณมาแล้วเหรอ มานั่งทานด้วยกันสิ” ธราเทพเห็นณัฐณิชายืนอยู่ที่ปากประตู สัญชาตญาณบอกเขาว่าเหมือนจะมีบางสิ่งผิดปกติ ธราเทพจึงกวักมือเรียกเธอ
เพียงแต่การเคลื่อนไหวที่ขอไปทีแบบนั้น……ทำให้ณัฐณิชารู้สึกน้ำตารื้นขึ้นมาพอสมควร
เขามีคนทานข้าวเป็นเพื่อนแล้ว ทำไมยังเรียกตนขึ้นมาอีก
แล้วการทำท่ากวักมือแบบนั้นคืออะไร คิดว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงหรือลูกสุนัขเหรอ ณัฐณิชารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ช่วงนี้ที่อยู่กับธราเทพ เธอคิดว่าพวกเขานับว่าเท่าเทียมกันแล้ว ธราเทพก็แค่รวยกว่าเท่านั้นไม่ใช่เหรอ
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน จู่ๆ ณัฐณิชาก็เกิดความขี้ขลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
พวกเขาสิถึงจะเป็นกิ่งทองใบหยก
“ยังมัวยืนนิ่งอะไรอยู่ ณัฐณิชา มานี่สิ” ธราเทพเห็นเธอไม่ขยับเขยื้อน จึงทนไม่ไหวต้องลงเสียงหนัก เมื่อครู่เขาโทรหาณัฐณิชาเรียกให้เธอขึ้นมา ใครจะรู้ว่าอภัสราภรณ์จะมาโดยไม่ได้รับเชิญ เนื่องด้วยต้องรักษาหน้าธราเทพจึงไม่สามารถจัดการไล่เธอไปตรงๆ ได้ ดังนั้นเวลานี้สีหน้าจึงไม่ค่อยดี
แต่ณัฐณิชากลับเข้าใจผิด
เธอมองดูการทานอย่างหรูหรา และอภัสราภรณ์ที่ทำเมินใส่ตัวเอง ฝืนยิ้มออกมาจนหน้าตาย่ำแย่ยิ่งกว่าการร้องไห้ “ท่านประธานธราเทพ ขอโทษค่ะฉันกำลังไดเอต จะงดอาหารกลางวัน พวกคุณทานให้อร่อย”
พูดจบ ณัฐณิชาก็หันหลังจากไป
“……….”
ธราเทพคิ้วขมวดทันที
“พี่ธราเทพ สตูว์เนื้อของแม่บุญสิตาอร่อยจังค่ะ คุณชอบที่สุดเลยไม่ใช่เหรอคะ รีบทานสิ ไม่อย่างนั้นมันจะเย็นหมดนะ”
เสียงออดอ้อนออเซาะของอภัสราภรณ์ดังตามหลังมา ณัฐณิชากัดริมฝีปาก แทบอยากกัดริมฝีปากให้แตก เธอควรรู้ตั้งนานแล้ว ว่าเธอมันก็แค่เครื่องมือไว้คอยสกัดกั้นพวกผู้หญิง ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญอยู่อีกเหรอ
ณัฐณิชาเธอโง่หรือไง
อีกอย่าง เมื่อครู่เห็นภาพอันกลมกลืนที่ธราเทพกับอภัสราภรณ์อยู่ด้วยกัน อกของเธอเหมือนมีอะไรมาขวางกั้น ความรู้สึกแย่ๆ แบบนี้ ทำให้เธอไม่อยากอยู่ต่ออีกต่อไป
ณัฐณิชาแทบจะหนีหัวซุกหัวซุน อภัสราภรณ์มองแผ่นหลังของเธอ และเผยรอยยิ้มสะใจ