เมื่อดาวเด่นของงานปรากฏตัว ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนให้หันไปทันที อวิ๋นเสว่เหยนและเถาซิ่งเอ๋อย่อมที่จะรวมตัวอยู่ด้วยกันด้านหน้าสุดเป็นครั้งแรก
ในฐานะของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเทียนไห่ ซ่งจื้อตงจึงเป็นคนคอยรับรองเจมส์ คาเรนเป็นการส่วนตัวด้วยตัวเอง เขายิ้มและพูดว่า “มาสเตอร์คาเรน เพิ่งลงจากเครื่องก็ต้องนั่งรถลงเรือเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ต้องลำบากแล้ว!”
“ผมได้เชิญหัวหน้าเชฟระดับสามดาวมิชลินมาจัดเตรียมอาหารค่ำไว้อย่างอุดมสมบูรณ์เพื่อต้อนรับมาสเตอร์คาเรน”
ชาวต่างชาติที่เป็นคนตรงไปตรงมานั้นไม่รู้ว่าการพูดจาอ้อมค้อมวกไปวนมาคืออะไร มาสเตอร์คาเรนย่อมเป็นแบบนี้ด้วยเช่นกัน แค่เห็นเขาก็เบ้ปากทันทีและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “พระเจ้า! ในเมืองโบราณที่มีอารยธรรมมากกว่าห้าพันปีและมีมรดกเก่าแก่ที่สุดอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง!”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารอันเลิศรสเหล่านั้น เหมือนมีคนตะกละอยู่ในท้องของผมอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเป็นเช่นนี้ ทำไมพวกคุณไม่ต้อนรับให้ผมด้วยอาหารจีนอันโอชะที่ผมโหยหามากที่สุดล่ะ?”
ซ่งจื้อตงถึงกับผงะและมีร่องรอยของความอับอายปรากฏอยู่บนหน้าเขา!
เชฟมิชลินที่ผมเสียสละทุ่มเทตามหามาให้คุณ คุณไม่รู้สึกชื่นชมมันเลยเหรอ?
แล้วคุณเองก็ไม่บอกมาก่อนล่วงหน้าว่าชอบอาหารจีน!
ไม่อย่างนั้นผมก็เตรียมไว้ให้เต็มโต๊ะตั้งนานแล้ว!
แต่ว่าตอนนี้ ผมจะไปหาให้คุณได้ที่ไหน?
ในเวลานี้ น้ำเสียงที่มั่นใจของเถาซิ่งเอ๋อ ได้ดังขึ้น “เนื่องจากมาสเตอร์คาเรนอยากทานอาหารจีน ในฐานะเจ้าบ้าน พวกเราไม่อาจทำให้คุณต้องผิดหวังได้!”
“คืนนี้ฉันเชิญพ่อครัวใหญ่จากหอรวมพลมาเป็นพิเศษ มาเพื่อทำอาหารแสนอร่อยให้กับมาสเตอร์คาเรนด้วยตัวเองเลยนะคะ!”
“จริงเหรอ! งั้นก็เยี่ยมไปเลย!”
ดวงตาของมาสเตอร์คาเรนเป็นประกาย แล้วผละออกจากซ่งจื้อตง เดินไปหาเถาซิ่งเอ๋อที่ด้านหน้าแล้วจับมือขวาเธอยกขึ้นและจูบอย่างสง่างาม “คุณผู้หญิงแสนสวย คุณคือเทพธิดาที่สวยที่สุดของผมในคืนนี้!”
เถาซิ่งเอ๋อเองก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน “เถาซิ่งเอ๋อแห่งบริษัทเถาซื่อกรุปยินดีอย่างยิ่งที่ได้บริการคุณค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าเถาซิ่งเอ๋อช่วงชิงความโดดเด่นไปแล้ว ในตอนนี้ อวิ๋นเสว่เหยนก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “มาสเตอร์คาเรน เพื่อเป็นการต้อนรับการมาถึงของคุณบริษัทมู่ซือกรุปเองก็ได้เชิญหัวหน้าเชฟจากภัตตาคารเทียนหลานเก๋อมาเป็นพิเศษ คุณจะได้ลิ้มรสอาหารต้นตำรับและน่าพึงพอใจที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ!”
ทันใดนั้นทุกคนต่างร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ แล้วพากันกระซิบกระซาบ
“ภัตตาคารเทียนหลานเก๋อและหอรวมพลทั้งหมดเป็นร้านอาหารเก่าแก่อายุนับร้อยปี สามารถเชิญพ่อครัวใหญ่ของพวกเขามาได้ ดูเหมือนว่าเถาซื่อและบริษัทมู่ซือกรุปจะมีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว”
“น่าเสียดาย! ที่พวกเขาสืบรู้เรื่องนี้ได้ก่อน ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามาสเตอร์คาเรน ชื่นชอบในการกินอาหารจีน!”
“เฮ้ เลิกพูดเถอะ ดูเหมือนว่าหุ้นส่วนในการร่วมมือของมาสเตอร์คาเรนคืนนี้ มันคงจะเกิดขึ้นระหว่างเถาซิ่งเอ๋อและอวิ๋นเสว่เหยนแล้วล่ะ มันขึ้นอยู่กับเชฟที่พวกเธอสองคนเชิญมา อาหารที่ใครทำสามารถทำให้มาสเตอร์คาเรนชื่นชอบได้!”
“PK!PK!”
ดวงตาทั้งคู่ของคาเรนเป็นประกาย แล้วพูดเสียงดังด้วยท่าทางตื่นเต้น “พระเจ้าของข้า! สามารถลิ้มรสอาหารจีนของเชฟใหญ่ได้ในเวลาเดียวกันสองคน ผมอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”
“ผมเคยได้ยินชื่อทั้งบริษัทเถาซื่อกรุปและบริษัทมู่ซือกรุป ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับล้วนแต่ทรงพลังอย่างมาก! ถ้าอย่างนั้นผมขอประกาศว่า ใครก็ตามที่สามารถทำอาหารออกมาได้ตามแบบที่ผมชอบกิน คนนั้นจะเป็นเจ้าของต้นฉบับงานออกแบบที่ผมนำมาในครั้งนี้!”
ไม่ผิดเลย วิธีการร่วมมือของชาวต่างชาติ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจและคาดไม่ถึงอยู่เสมอ
แต่เมื่อพูดประโยคนี้กลับทำให้ดวงตาของเถาซิ่งเอ๋อและอวิ๋นเสว่เหยนเป็นประกายสว่างไสว่ขึ้นทันที!
“คุณหนูอวิ๋น คุณแน่ใจนะว่าจะแข่งกับฉัน?” เถาซิ่งเอ๋อหรี่ตามองอวิ๋นเสว่เหยนแล้วเอ่ยขึ้น
“คุณหนูเถาได้ที่ไหนกันล่ะคะ ห้ามผู้อื่นทำ แต่พวกคุณทำได้เท่านั้นงั้นเหรอ!”
“เพียงแค่กลัวว่าคุณจะสู้ฉันไม่ได้แล้วกลับกันในตอนท้าย เป็นคุณที่ต้องขายหน้า!”
เถาซิ่งเอ๋อหยุดชะงักไปชั่วครู่ ลดสายตาลงแล้วมีประกายหยอกล้อขึ้นมา “คุณหนูอวิ๋น ฟังคำแนะนำของฉันนะ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะถอนตัว อย่าให้ถึงเวลาสุดท้ายเสียเปล่าทั้งขึ้นล่อง!”
มาถึงตอนนี้แล้ว อวิ๋นเสว่เหยนจะถอยได้อย่างไร เธอทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ “เนื่องจากคุณหนูเถามั่นใจขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็มาแข่งกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ดูว่าเชฟคนไหนที่พวกเราเชิญมาจะสามารถคว้าความอยากอาหารของมาสเตอร์คาเรนไปได้!”
กลุ่มคนค่อยๆแยกออกจากกัน แล้วมอบเวทีให้กับเถาซิ่งเอ๋อและอวิ๋นเสว่เหยน
หลังจากนั้นชายวัยกลางคนสองคนในชุดเครื่องแบบพ่อครัวแยกกันเดินจนมาอยู่ด้านหน้ท้างสองคน
เถาซิ่งเอ๋อเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “ท่านผู้นี้คือเผิงไห่เซิงเฮดเชฟเผิง เชฟใหญ่ของหอรวมพล! คืนนี้ เขาจะทุ่มเทนำเสนอแขกผู้มีเกียรติของเรามาสเตอร์คาเรนด้วยอาหารจีนที่เลอค่าอย่างแท้จริง พระกระโดดกำแพง!”
อวิ๋นเสว่เหยนรีบพูดกับเชฟใหญ่ของภัตตาคารเทียนหลานเก๋อที่อยู่ด้านข้าง “เฮดเชฟเซี่ย การแพ้ชนะในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของบริษัทมู่ซือกรุป ทุกอย่างต้องขอความกรุณาจากคุณแล้ว!”
บนใหน้าอ้วนอูมของเซี่ยหูปรากฏเป็นรอยยิ้มที่ต่างไปจากเดิม “ผู้อำนวยการอวิ๋นวางใจเถอะ อาหารจีนต้องดูอาหารซานตง อาหารหลู่ที่เป็นอันดับหนึ่งคือลำไส้ใหญ่จิ่วฉวนตุ๋น แล้วจะทำให้คุณเห็นว่าผมจะทำให้เจ้าหมอนั่นของหอรวมพลกลับไปพร้อมความล้มเหลวอย่างไร!”
อวิ๋นเสว่เหยนไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของเซี่ยหูเลย และเอาแต่ขอบคุณไม่หยุด “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนเฮดเชฟเซี่ยแล้ว!”
หลังจากนั้นเชฟใหญ่ทั้งสองคนได้ลงไปเตรียมอาหาร ในระหว่างที่คาเรนเฝ้ารอด้วยความปรารถนา หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถเข็นอาหารสองคันถูกเข็นออกมาช้าๆ
เผิงไห่เซิงเป็นคนเดินเข็นออกมาก่อน เมื่อเปิดผ้าคลุมโต๊ะขึ้น ทันใดนั้น กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกค่อยๆอบอวลไปทั่วห้องจัดเลี้ยงในชั่วพริบตา คาเรนสูดหายใจลึกด้วยความปลาบปลื้ม อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมว่า “พระเจ้า กลิ่นนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของพระเจ้าโดยแท้!”
“ผมไม่เคยได้กลิ่นที่หอมขนาดนี้มาก่อน!”
เถาซิ่งเอ๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ด้านหน้านี้ คือ ปลิงทะเล หอยเป๋าฮื้อ กุ้งก้ามกรามและอื่นๆและอาหารทะเลนับสิบแปดชนิด ทั้งหมดนี้พวกเราคัดสรรมาอย่างดี เสริมด้วยเห็ดหอมเกรดพิเศษและยาสมุนไพรจีนล้ำค่าสามสิบชนิด รวมทั้งโสมภูเขาที่หัวหน้าเชฟที่ปรุงด้วยตนเอง สำหรับแขกVIP ที่มีเกียรติที่สุดของบริษัทเถาซื่อกรุปของพวกเราเท่านั้น!”
เมื่อพูดคำนี้ ผู้คนต่างปรบมือกันเกรียวกราวด้วยความชื่นชม วัตถุดิบก็เป็นวัตถุดิบที่เลอค่ามากที่สุด เชฟคือเชฟระดับท๊อป ด้วยความจริงใจนี้เพียงอย่างเดียว บริษัทเถาซื่อกรุปก็ยืนอยู่บนตาชั่งแห่งชัยชนะแล้ว!
พระกระโดดกำแพงชามหนึ่ง ได้ถูกคาเรนกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็วแล้วเลียริมฝีปากพร้อมกับเบนสายตาไปยังรถเข็นอาหารที่อยู่ด้านข้างอวิ๋นเสว่เหยนโดยยังมีรสชาติอาหารค้างอยู่ที่ลำคอ “พระเจ้า นี่เป็นอาหารที่เลิศรสที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยลิ้มลองมาในชีวิตนี้อย่างแน่นอน!”
“ในตอนนี้อยากจะลองชิมว่าอาหารอร่อยๆ แบบไหนกันที่คุณหนูอวิ๋นได้เตรียมไว้ให้ผม!”
อวิ๋นเสว่เหยนรีบพูดว่า “เฮดเชฟเซี่ย อาหารของพวกเราไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ!”
มุมปากของเซี่ยหูยกขึ้น “แน่นอนว่าไม่มีปัญหาครับ คุณหนูอวิ๋น มอบให้คุณเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง นำเสนอกับมาสเตอร์คาเรน เถอะครับ!”
อวิ๋นเสว่เหยนไม่มีความสงสัยในตัวเขาเลย เอื้อมมือจะยกจานขึ้นมา แต่กลับถูกเซี่ยงเส้าหลงคว้าข้อมือเอาไว้!
“เซี่ยงเส้าหลง! คุณจับฉันไว้ทำไม!”
สายตาของเซี่ยงเส้าหลงกลับไปที่เซี่ยหูอย่างล้ำลึกแล้วเปิดปากพูดว่า “ผมเองก็อยากรู้ว่าเฮดเชฟเซี่ยเตรียมอาหารอร่อยอะไรไว้ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะนำเสนอให้กับมาสเตอร์คาเรน สู้ให้ผมดูก่อนไม่ดีกว่าเหรอ!”
ขณะที่พูด เขาก็เปิดผ้าคลุมโต๊ะออก ทันใดนั้นมีกลิ่นจางๆแพร่กระจายขึ้นมา มันคือลำไส้ของหมูที่หั่นเป็นเก้าชิ้นและที่ไม่ผ่านการทำอะไรใดๆเลยอย่างเห็นได้ชัด!
แม้แต่รอยสกปรกบนผิวหนัง ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน!
แขกที่รายล้อมด้วยความอยากรู้ในตอนแรก พากันกระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง
“นี่มันกลิ่นอะไร ฉันขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว!”
“ไส้หมูงั้นเหรอ? บริษัทมู่ซือกรุปคงไม่คิดจะหยิบสิ่งนี้มาต้อนรับมาสเตอร์คาเรนหรอกนะ?”
ตอนนี้บริษัทมู่ซือกรุป ต้องหนาวแล้วล่ะ! กล้าเอาของที่น่ารังเกียจแบบนี้มาต้อนรับมาสเตอร์คาเรน หรือว่าบริษัทมู่ซือกรุปไม่รู้ว่าด้วยอิทธิพลของมาสเตอร์คาเรน ในวงการอุตสาหกรรม ขอเพียงแค่เขาพูดมาคำเดียว ความร่วมมือของแบรนด์เครื่องประดับกว่าครึ่งที่ทำกับบริษัทมู่ซือกรุปจะต้องล้มเหลวเลยนะ?”
แต่คาเรนที่ไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุอะไรยังคงทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็น? มันเป็นอาหารรสเลิศเหมือนเต้าหู้เหม็นอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ฟังเสียงเย้ยหยันอย่างสะใจของทุกคนแล้ว ใบหน้าของอวิ๋นเสว่เหยนก็ขาวซีดแล้วมองไปที่เซี่ยหูอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ เฮด……เฮดเชฟเซี่ย ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะคะ?”
“ทำไมงั้นเหรอ? คุณคิดว่าทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ จะไม่มีใครรู้เรื่องงานอดิเรกของมาสเตอร์คาเรน ด้วยแวดวงเพื่อนฝูงที่คับแคบของคุณจะสามารถสอบถามมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เลยงั้นสิ?”
เถาซิ่งเอ๋อเดินเข้ามาช้าๆ บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันของผู้ชนะ
“เป็น……เป็นคุณงั้นเหรอ?”
อวิ๋นเสว่เหยนคิดได้ในทันที!
“แน่นอนว่าต้องเป็นฉัน! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันแพร่กระจายข่าวออกไป คุณจะไปขอความช่วยเหลือจากเฮดเชฟเซี่ยงั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเตรียมการไว้ล่วงหน้า คุณคิดจริงๆเหรอว่า ด้วยผลประโยชน์เล็กน้อยขนาดนั้นจะสามารถทำให้หัวหน้าพ่อครัวของภัตตาคารเทียนหลานเก๋อมาให้บริการคุณได้!”
“อวิ๋นเสว่เหยน จะสู้กับฉัน คุณยังอ่อนหัดเกินไป!”
“เฮดเชฟเซี่ย ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ ทำไมคุณถึงทำร้ายฉันถึงเพียงนี้ล่ะ?”
บนหน้าของเซี่ยหูไม่เพียงแต่ไม่มีร่องรอยของความละอายใจ ตรงกันข้ามยังพูดอย่างเยือกเย็นว่า “คุณหนูอวิ๋นใช้คำพูดผิดไปแล้ว คุณไม่เคยเป็นนายจ้างของผมเลย!”
เถาซิ่งเอ๋อปิดจมูกแล้วเดินเข้าไปหาอวิ๋นเสว่เหยนพร้อมกับจงใจพูดว่า “ผู้อำนวยการอวิ๋น รออะไรอยู่เหรอมาสเตอร์คาเรนกำลังรอให้คุณเตรียมอาหารอร่อยๆให้เขาอย่างละเอียดและประณีตอยู่นะ!”
อวิ๋นเสว่เหยนก้มหน้าลง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีเทา ไม่ว่าจะยกอาหารจานนี้ขึ้นไปเสิร์ฟหรือไม่บริษัทมู่ซือกรุปถึงคราวจะต้องล้มเหลวแล้ว!
ในช่วงเวลานี้เอง มีเสียงที่ราบเรียบดังขึ้น “พระกระโดดกำแพงของเฮดเชฟเผิงนั้นรสชาติอร่อยก็จริง แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่บริษัทมู่ซือกรุป ของพวกเราได้จัดเตรียมมาก็เป็นแค่ความต่างระหว่างดวงจันทร์กับฝุ่นผงเท่านั้น ไม่น่าพูดถึงเลยสักนิด!”
เมื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องต่างตกใจ เถาซิ่งเอ๋อจึงเหลือบมองเขาที่พูดเกินจริงแล้วยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม “คุณเซี่ยงในเวลาเช่นนี้ คุณเอาคำพูดที่มั่นใจแบบนี้มาจากที่ไหน?”
“ทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ เชฟที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นของภัตตาคารเทียนหลานเก๋อและหอรวมพล ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ล้วนอยู่ที่นี่ คุณยังจะเอาอะไรมาต่อสู้กับฉัน?”
“โดยการพึ่งไส้หมูหมักจานนี้น่ะเหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงกลับมีสีหน้าที่สงบนิ่งแล้วเทไส้หมูทิ้งไปก่อนจะพูดอย่างไม่แยแสว่า “เชฟที่บริษัทมู่ซือกรุปเชิญมาไม่ใช่ภัตตาคารเทียนหลานเก๋อ นะครับ เพื่อแสดงความจริงใจต่อแขกผู้มีเกียรติผู้อำนวยการอวิ๋นจึงได้ออกหน้าด้วยตนเองและทำการเชิญเทพเซียนครัวมาเป็นพ่อครัวทำอาหารให้กับมาสเตอร์คาเรน เป็นพิเศษ!”
เมื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องเงียบกริบ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น!
“เขาบ้าไปแล้วหรือไง? ถึงได้กล้าพูดว่าเชิญเทพเซียนครัวออกมา?”
“เทพเซียนครัวเคยเป็นเชฟชั้นยอดเพียงหนึ่งเดียวที่เคยจัดงานเลี้ยงระดับประเทศให้กับผู้ที่มีอำนาจสูงสุด เป็นบุคคลระดับสมบัติของชาติ เชฟชื่อดังทั่วทั้งภาคเหนือ เมื่อได้พบกับเทพเซียนครัว ไม่มีใครไม่เรียกเขาว่าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพ แล้วตัวเขาคู่ควรที่จะเชิญเทพเซียนครัวมาได้งั้นเหรอ?”
“ถูกแล้ว! นอกจากนี้เทพเซียนครัวได้ออกจากวงการไปสิบปีแล้ว ปีที่แล้วในวันเกิดครบรอบอายุแปดสิบปีคุณแม่ของเจ้าเมือง ไม่ว่าจะเชิญหรือกราบกรานเท่าไหร่ก็เชิญเทพเซียนครัวมาไม่ได้ แล้วเขาเป็นตัวอะไร?”
ได้ยินคำพูดเย้ยหยันของทุกคนแล้ว บนหน้าของเถาซิ่งเอ๋อเต็มเปี่ยมไปด้วยการเยาะเย้ย “เดิมทีคิดว่าคุณยังเป็นบุคคลหนึ่ง แต่ตอนนี้เมื่อมองดูแล้วก็เป็นเพียงแค่ความเก่งกาจที่คุยโม้โอ้อวดทำให้ฉันได้เห็นอะไรแปลกใหม่”
และเซี่ยหูก็พูดจาเย้ยหยันเช่นกัน “ที่แท้ผู้อำนวยการอวิ๋นก็หน้าใหญ่ขนาดนี้เอง ในเมื่อสามารถเทพเซียนครัวมาได้ แล้วทำไมตอนนั้นถึงต้องอ้อนวอนให้ผมช่วยอย่างนอบน้อมด้วยล่ะ?”
เซี่ยงเส้าหลงเบนสายตาไปทางเขา “เพราะเดิมทีคิดว่าฝีมือของเฮดเชฟเซี่ยเพียงพอแล้วที่จะบดขยี้หอรวมพล คิดไม่ถึงเลยว่าจะมองผิดไป อาศัยบุคลิกลักษณะที่ย่ำแย่ของคุณ ฝีมือการทำอาหารนี้น่ากลัวว่าจะเป็นแค่ระดับทำที่บ้านก็แย่แล้ว!
“ใช่แล้วล่ะ ผมจะแก้ไขคำพูดที่คุณใช้ให้ถูกต้องอีกครั้ง พวกเราไม่ได้อ้อนวอนเลย มันคือการกุศล การกุศลที่เปิดโอกาสให้คุณได้เข้าไปข้างใน เป็นโอกาสที่จะได้แสดงต่อหน้าทุกคน แต่น่าเสียดาย ที่คุณไม่ได้รักษามันไว้!”
“คุณ! ……”
ในแววตาของเซี่ยหูเป็นประกายที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ทักษะการทำอาหารของผมจะสูงหรือต่ำ คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้!”
“ผมไม่มีคุณสมบัติ งั้นถ้าเป็นเทพเซียนครัวล่ะ?”
“ฮึ! คุณนี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ถ้าคุณเชิญเทพเซียนครัวมาได้จริงๆ ผมจะเก็บมีดแล้วขออภัยต่อหน้าทุกคน จากนั้นจะไม่เป็นเชฟอีกต่อไป!”
“เยี่ยม!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มที่มุมปาก แล้วยื่นโทรศัพท์ของตนเองให้กับอวิ๋นเสว่เหยนที่มีสีหน้ามึนงงแล้วกระซิบ “เหยนเหยน ยังรออะไรอยู่ล่ะ เทพเซียนครัวรอสายจากคุณอยู่นะ!”
อวิ๋นเสว่เหยนกัดฟันแล้วพูดเสียงต่ำว่า “เซี่ยงเส้าหลง คุณทำอะไรอีก!”
“บุคคลเช่นเทพเซียนครัว ฉันจะไปรู้จักได้ยังไง? แล้วยังจะเชิญชายชราให้ออกมาได้ยังไง?”
“คุณไม่โทรแล้วจะรู้ยังไงว่าเชิญได้หรือเปล่า?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มั่นใจบนหน้าของเซี่ยงเส้าหลงแล้ว อวิ๋นเสว่เหยนก็ตั้งสติ มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้ถึงที่สุด เชื่อใจเขาสักครั้ง!
รับโทรศัพท์มาแล้วก็กดโทรออกไปยังหมายเลขที่ป้อนไว้นานแล้ว!
ตู๊ด ……ตู๊ด ……ตู๊ด ……
เสียงกริ่งดังอยู่สามครั้ง หลังจากโทรติดแล้ว อวิ๋นเสว่เหยนมีสีหน้ากระวนกระวายแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ขอโทษนะคะ คุณคือเทพเซียนครัวหรือเปล่าคะ?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เกิดความเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นมีเสียงหัวเราะที่กระจ่างใสดังขึ้น “ผู้อำนวยการอวิ๋น ผมรอสายคุณอยู่ที่ปากประตู จนจวนเจียนจะหลับอยู่แล้วนะ!”
เมื่อเสียงนั้นจบลง ทั้งห้องโถงก็เงียบกริบ!