ทั่วทั้งห้องเสียงเงียบกริบ ทุกคนต่างมองไปที่ชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยใบหน้าประหลาดใจ
เถาซิ่งเอ๋อแสดงสีหน้าประหลาดใจเป็นคนแรก จากนั้นยิ้มขึ้นในทันที จ้องมองไปทางเซี่ยงเส้าหลง “ละครที่คุณเตรียมไว้นี่ช่างจัดเต็มเสียจริงๆนะ ในเวลาอันสั้นยังสามารถหาของปลอมมาได้ ฉันชื่นชมคุณจริง ๆ!”
“แต่ว่า คุณคิดว่าพวกเราเป็นคนโง่ที่เชื่อว่าหญิงชราขาพิการคนนี้เป็นมาสเตอร์ช่างฝีมือด้านเครื่องแต่งกายชุดโบราณราชวงศ์ถังที่มีชื่อเสียงใช่มั้ย?”
“เถาซิ่งเอ๋อ! คุณหุบปาก!”
ซ่งจื้อตงขู่เสียงต่ำออกมา จ้องมองไปที่เธออย่างดุดัน จากนั้นเดินเข้าไปหาเหมยเสว่ฉิงเดินอย่างรวดเร็วโน้มตัวลงด้านหน้ารถเข็น โค้งตัวลงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “มาสเตอร์สเหมย นึกไม่ถึงว่าจะมีแขกผู้สูงศักดิ์อย่างท่านมาเยือน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับท่าน!”
เหมยเสว่ฉิงยิ้มเล็กน้อย “โอ้?คุณรู้จักฉันเหรอ ?”
“ก่อนหน้านี้โชคดีได้เห็นภาพถ่ายของท่านที่บ้านผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ถึงแม้ว่าขาทั้งสองข้างของท่านจะพิการ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความสง่างามของท่านได้!”
สิ้นคำพูด สีหน้าเถาซิ่งเอ๋อซีดเผือดในทันใด!
ในฐานะที่ซ่งจื้อตงเป็นมหาเศรษฐีแห่งเทียนไห่ แน่นอนว่าในสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้จะมีนักต้มตุ๋นเข้ามาได้ นี้เป็นเพียงความจริงเท่านั้น หญิงชราขาพิการคนนี้ เป็นเหมยเสว่ฉิงที่น่านับถือตัวจริง!
เหมยเสว่ฉิงหัวเราะฮ่า ๆ จากนั้นมองไปข้างหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “พ่อหนุ่มช่วยนำเสื้อผ้าชิ้นนั้นที่ฉัน ‘ตัดเย็บด้วยตัวเอง’ให้ฉันดูหน่อยได้มั้ย?”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า ไม่ได้ถามเถาซิ่งเอ๋อสักคำ รีบนำเสื้อผ้ามอบให้กับเหมยเสว่ฉิงในทันที จากนั้นพลิกไปมาเพื่อตรวจสอบพยักหน้าแล้วพูดว่า “เนื้อผ้าเป็นเนื้อผ้าชั้นเลิศ ฝีมือการตัดเย็บดีมาก หากมีโลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์ของฉันไว้ด้านนอก ก็สามารถทำให้ของปลอมเป็นของแท้ได้เลย”
“แต่น่าเสียดายของปลอมยังไงก็เป็นของปลอม แม้ว่าจะเหมือนของแท้ ก็ไม่สามารถเป็นของแท้ได้!”
พูดแล้ว นำเสื้อผ้าส่งให้ผู้ติดตามที่เข็นรถเข็นของหญิงชรา หญิงชรารับไป แล้วไม่พูดจาใดๆ เริ่มใช้กรรไกรตัดทิ้งเหมือนดั่งของไร้ค่าโดยไม่แยแส ไม่นานชุดโบราณสมัยราชวงศ์ถังทั้งชุดก็กลายเป็นกองเศษผ้า
ในใจของเถาซิ่งเอ๋อเหมือนโดนมีดกรีดจนเลือดหยด เสื้อผ้าชุดนี้เป็นของปลอม แต่เงินที่บริษัทเถาซื่อกรุปของเธอจ่ายไปนั้นเป็นของจริงนะ!
นักต้มตุ๋นสมควรตาย กล้าหลอกลวงคนอย่างเธอ ไม่เพียงแต่สูญเสียเงินไปจำนวนมาก ยังทำให้รู้สึกขายหน้าอีก!
และในเวลานั้น แววตาที่ไม่ประสงค์ดีของคาเรนมองไปที่ตัวของเธอ “คุณหนูเถา!คิดไม่ถึงว่าคุณยังเอาของปลอมชิ้นนี้มาหลอกฉัน !หรือคิดว่าฉันไม่มีความรู้แล้วรังแกฉัน?”
“มาสเตอร์คาเรน ไม่! ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด! ฉันก็เป็นผู้เสียหายนะ!”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว! ฉันผิดหวังกับคุณมากจริง ๆ !”
“มาสเตอร์คาเรน! ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องผิดหวังขนาดนั้น บริษัทเถาซื่อกรุปให้สิ่งนั้นคุณไม่ได้ บริษัทมู่ซือกรุปสามารถให้คุณได้!”
เซี่ยงเส้าหลง แหย่อวิ๋นเสว่เหยนที่กำลังมองดูอย่างสนุกสนาน คนด้านหลังมองเขาด้วยหน้าตาเหมือนไม่รู้เรื่อง อะไรกัน ฉันก็แค่คนที่คอยดูเหตุการณ์รอบนอกเฉย ๆไม่ใช่เหรอ?
จู่ ๆ เซี่ยงเส้าหลงชักสีหน้าถมึงทึง ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ศีลธรรมอะไรเช่นนี่นะ?
จากนั้นพูดอย่างเสียไม่ได้ว่า “หากรู้ตั้งแต่แรกว่าผู้อำนวยการอวิ๋นชื่นชอบศิลปวัฒนธรรมจีน นอกจากด้านอาหารจีนแล้ว จะขาดเสื้อผ้าโบราณสมัยถังที่ล้ำค่าและงดงามไปได้อย่างไรกัน?”
“ดังนั้น จึงเชิญมาสเตอร์เหมยเสว่ฉิงมาด้วยตัวเองเป็นพิเศษ เพื่อตัดชุดโบราณสมัยถังที่เหมาะให้กับท่านชุดหนึ่ง เพื่อมอบให้ท่านเป็นของขวัญจากบริษัทมู่ซือกรุป!”
เหมยเสว่ฉิงยิ้มแล้วพยักหน้า แสดงท่าทีเห็นด้วย
แขกทั้งหมดในเหตุการณ์ ประหลาดใจขึ้นในทันที!
เหมยเสว่ฉิงเป็นใครกัน เสื้อผ้าที่เขาได้ตัดเย็บขึ้นเอง นั้นไม่ใช้มีเงินจะซื้อได้นะ!
เหมือนกับซ่งจื้อตงมหาเศรษฐีแห่งเทียนไห่ที่มีธุรกิจนับแสนล้าน ก็ไม่กล้าที่จะพูดให้กับเหมยเสว่ฉิงตัดเสื้อให้กับเขาด้วยตนเองสักชุด บริษัทมู่ซือกรุปในเวลาอันสั้น จะแข็งแกร่งถึงได้ขั้นนี้เลยเหรอ?
และอวิ๋นเสว่เหยนมองไปทางเซี่ยงเส้าหลงด้วยใบหน้ามึนงง “บริษัทมู่ซือกรุป มีกำลังที่จะเชิญมาสเตอร์สเหมยมาเหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มโดยไม่พูดจาสักคำ แน่นอนว่าบริษัทมู่ซือกรุปไม่มีกำลังที่จะทำได้ แต่ว่าเซี่ยงเส้าหลงเขามี!
นายพลน้อยออกหน้าทั้งที เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเหมยเสว่ฉิง เธอจะปฏิเสธได้อย่างไร?
“บางทีระหว่างประธานสีของพวกคุณกับมาสเตอร์สเหมยอาจมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ความร่วมมือครั้งนี้เป็นพวกเราที่ได้ชัยชนะ ไม่ใช่หรือ?”
คาเรนเดินไปด้วยใบหน้าที่ดีใจลิงโลด จับมืออวิ๋นเสว่เหยนไว้แน่น ประกาศเสียงดังว่า “คุณหนูอวิ๋น ขอบคุณคุณจริงๆ !”
“เป็นคุณที่เติมเต็มความฝันหลายปีมานี้ของฉัน ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่ยุติการร่วมมือกันระหว่างบริษัทมู่ซือกรุปในครั้งนี้ หลังจากนี้ไม่ว่าฉันจะออกแบบตัดเย็บผลิตภัณฑ์ ชิ้นหนึ่งชิ้นใดขึ้นมา ทั้งหมดจะมอบให้บริษัทมู่ซือกรุปเป็นผู้ผลิต!”
มีเพียงผู้ชนะเท่านั้น จึงจะสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ ขณะที่อวิ๋นเสว่เหยนกลายเป็นจุดสนใจเป็นที่ต้องการของทุกคน ใบหน้าของเถาซิ่งเอ๋อถมึงทึงถึงขีดสุด!
“อวิ๋นเสว่เหยน!”
เธอกำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดร้าย เธอแพ้แล้ว!พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ!แพ้ให้กับคนที่เธอเคยดูถูก!
“คุณคอยดูแล้วกัน!ฉันจะให้คุณได้เห็นดี!”
ในตอนที่เธอคิดจะออกจากงานเลี้ยงคืนนั้นไปอย่างเงียบๆ มีเสียงหัวเราะดังออกมา “คุณหนูเถา คุณต้องการจะไปไหน?”
ดวงตาต่างจับจ้องไปที่เถาซิ่งเอ๋อที่มีใบหน้าถมึงทึง “ชัยชนะเป็นของพวกคุณแล้ว ตอนนี้หากอยากจะไปไหน ก็ยังต้องอนุญาตจากพวกคุณใช่ไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงเปิดปากพูด “คุณหนูเถาอยากจะกลับไป แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากพวกเรา แต่เหมือนคุณหนูเถาจะมีความจำไม่ดีนะ เมื่อครู่นี้พูดอะไรไว้ หรือว่าลืมไปแล้วใช่มั้ย?”
เถาซิ่งเอ๋อใบหน้าหมองหม่นเหมือนจะมีหยาดน้ำตาไหลออกมา เขาเป็นผู้หญิงสูงส่งที่แสดงท่าทีเย่อหยิ่ง ขณะที่จะให้เธอยอมรับต่อหน้าคนมากมายว่าตัวเองมีตาหามีแววไม่นั้น มันแย่ยิ่งกว่าให้เขาไปตายเสียอีก!
“ดูแล้วคุณหนูเถาตั้งใจจะไม่ยอมรับเสียแล้ว?”
“พูดกันว่านักธุรกิจให้ความใส่ใจกับความซื่อสัตย์ แม้แต่คำพูดของตัวเองที่ได้กล่าวออกไปยังกลับคำได้ คุณหนูเถา คุณแสดงท่าทีเช่นนี้ กล้าให้ผู้อื่นทำการค้าร่วมมือกับตระกูลเถาพวกคุณได้อย่างไรกัน?”
“คุณ!……”
เถาซิ่งเอ๋อกำลังจะเปิดปากโต้แย้ง แต่จู่ ๆ เธอก็พบว่า เซี่ยงเส้าหลงพูดคำพูดเหล่านี้จบ สายตาของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ในจำนวนนั้น มีคนที่มีความร่วมมืออย่างแนบแน่นกับบริษัทเถาซื่อกรุปอยู่ไม่น้อย!
เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที หลังจากคิดถึงข้อดีและข้อเสียแล้ว สูดลมหายใจลึกๆ แล้วพูดว่า “ดี!ฉันเถาซิ่งเอ๋อ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการเจรจาธุรกิจ รักษาสัญญามาโดยตลอด!”
“สิ่งไหนที่กล่าวไปแล้ว ก็จะต้องยอมรับอย่างแน่นอน!”
“ในครั้งนี้ เป็นฉันที่พลาดท่าแล้ว ฉันเถาซิ่งเอ๋อมีตาหามีแววไม่ ยังไม่มีมีประสบการณ์ ตอนนี้ คุณพอใจแล้วใช่มั้ย?!”
พูดประโยคเหล่านี้ออกไปอย่างสุดกำลัง เซี่ยงเส้าหลงเงี่ยหูฟังและพูดว่า “ในเมื่อคุณหนูเถายอมรับแล้วว่าไม่มีประสบการณ์อย่างนั้นก็กลับไปที่บ้านศึกษาอ่านตำราแสวงหาความรู้ให้มาก ๆ ไม่ต้องใช้เสียงดังขนาดนั้น ฉันไม่ได้หูหนวก ฟังชัดเจนอยู่!”
“ฮ่า ฮ่า ……”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้คน เถาซิ่งเอ๋อรีบหนีอย่างรวดเร็ว งานเลี้ยงในคืนนี้ อวิ๋นเสว่เหยนกลายเป็นตัวเอกในงาน ทุกคนต่างรู้ว่าบริษัทมู่ซือกรุปเป็นคนหนึ่งที่สามารถออกหน้าเชิญเทพเซียนครัวและเหมยเสว่ฉิงได้ จึงกลายเป็นเป้าหมายการซุบซิบของพวกเขาโดยปริยาย!
จนกระทั่งงานเลี้ยงคืนนั้นจบลง อวิ๋นเสว่เหยนได้ออกจากโรงแรมออนเซ็นแล้ว ยังไม่ทันจะได้ดีใจต่อความสุขเมื่อครู่
สายลมเย็นพัดผ่าน เธอหันศีรษะอย่างเงียบๆ มองไปที่เซี่ยงเส้าหลง “เซี่ยงเส้าหลงทั้งหมดนี้ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?”
เซี่ยงเส้าหลงหัวเราะฮ่าฮ่า “สัญญาการร่วมมืออยู่ในกระเป๋านี้ คุณว่าใช่ความฝันหรือไม่?”
“จริงด้วย?ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริง?”
ทันใดนั้นอวิ๋นเสว่เหยนตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ โผเข้ากอดคอเซี่ยงเส้าหลง “ความจริงก็ต้องเป็นความจริง!ฉันทำได้แล้ว!ฉันทำได้แล้วจริงๆ!”
ความยินดีที่เกิดอย่างกะทันหันครั้งนี้ เกือบจะบีบบังคับนายพลน้อยของพวกเราต้องเผยโฉม แต่ก็ตบหลังเธอเบา ๆด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ดีแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก็ควรที่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน!”
บางทีก็รู้สึกถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดของทั้งสองคนเกิดขึ้นในทันใด อวิ๋นเสว่เหยนหน้าแดงเล็กน้อยแล้วผละตัวออกจากอ้อมกอด แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า ทำอย่างไรก็ยังยิ้มไม่หุบ
“คุณว่ามันแปลกไหมเห็นชัดๆ ว่า บัตรเชิญอยู่ในกระเป๋า ยังตรวจดูหลายรอบแล้ว แต่ทำไมจู่ ๆ ก็หาไม่พบแล้ว?”
“ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว! คืนนี้สนุกมากแล้ว พวกเราไปรับเยนเอ๋อกันเถอะ จากนั้นฉันจะเชิญคุณไปรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ดีหรือไม่?”
“ดี!”
เซี่ยงเส้าหลงมองเธออย่างเอาอกเอาใจ “วันนี้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของคุณ ทุกอย่างแล้วแต่คุณแล้วกัน!”
ใครๆ ก็รู้ว่า ในมุมที่มีแสงสลัวนั้น มีดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจ้องเขม็งไปยังใบหน้าที่มีความสุขของอวิ๋นเสว่เหยน!
อวิ๋นเสว่เหยนทั้งหมดนี้เป็นคุณที่บีบบังคับฉันเองนะ!
การดูถูก เหยียดหยามที่ได้รับในวันนี้ ฉันจะให้คุณชดใช้คืนเป็นสิบเท่า!