เซี่ยงเส้าหลงมองไปที่ใบหน้าอ้วนๆของท่านเฮยอู่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม และดวงตาที่จ้องเขม็งนั้นก็เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่า “ฉันเคยบอกแล้วว่าวันนี้ใครก็มิอาจช่วยชีวิตของนายได้!”
“เส้าหลง! เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้น ซ่งจื้อตงก็รีบเข้าไปคว้าตัวเซี่ยงเส้าหลงไว้อย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาเรียกสติกลับมาจากความตกใจแล้ว “นายจะฆ่าเขาไม่ได้นะ! แม้ว่าเฮยเหล่าอู่จะสมควรตายก็จริง แต่เขามีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก ฉันได้ยินมาว่าพี่ชายของเขามีตำแหน่งที่สูงมากในเมืองหลวง!”
เฮยเหล่าอู่รีบคว้าโอกาสสุดท้ายไว้ “ใช่ พี่ชายของฉันคือ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เซี่ยงเส้าหลงคว้ามีดบนโต๊ะในมือข้างหนึ่งด้วยดวงตาที่แสนเย็นชา จากนั้นก็มีแสงเย็นฉายผ่านเข้ามา เฮยเหล่าอู่เปิดปากจะพูด แต่พบว่าตัวเองไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ดวงตาของเขาเริ่มเบลอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงในทันที และเขาก็ค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้นและสิ้นลมหายใจด้วยสิ้นเชิง
เซี่ยงเส้าหลงมองไปที่ศพของเขาอย่างเย็นชา “ขอยืมประโยคที่คุณพูดในเมื่อสักครู่หน่อย วันนี้แม้ว่าจะเป็นเทวดามาแล้วก็ไม่สามารถช่วยชีวิตนายได้!”
“นายนี่มัน!…เฮ้!”
ซ่งจื้อตงถอนหายใจลึก ๆ
เซี่ยงเส้าหลงหันศีรษะช้าๆ และเหอเทียนหลงที่กำลังถูกเขาจ้องมองนั้น รีบคลานหนีไปด้วยความตกใจ และในที่สุด เขาก็หมดหนทางที่จะหนีได้ เขาตัวสั่นไปทั้งตัว “นาย…นายจะฆ่าฉันไม่ได้นะ…ฉันคือ…ฉันคือนายน้อยของตระกูลเหอนะ ”
เซี่ยงเส้าหลงเอนตัวลงและจ้องไปที่เขา “ฐานะนายน้อยของคุณ ไม่มีความหมายใดสำหรับฉันเลยแม่แต่นิดเดียว?”
ทันใดนั้น เหอเทียนหลงก็ตระหนักได้ว่าคนที่กล้าสังหารแม้กระทั่งเฮยเหล่าอู่ ดังนั้นตัวตนของเขาในฐานะนายน้อยของตระกูลเหอนั้น จึงไม่มีผลกระทบใดต่อเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ถ้าคุณไม่มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกล่ะก็ คุณก็ลงนรกไปกับเฮยเหล่าอู่ก็แล้วกัน!”
เมื่อเห็นดวงตาที่เย็นชาลงเรื่อยๆของเซี่ยงเส้าหลงแล้ว เหอเทียนหลงก็ตัวสั่นไปทั้งตัวและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ฉัน… ฉันรู้ ฉันรู้ที่มาของหยกแขวนนั่น!”
เซี่ยงเส้าหลงหวั่นไหวในทันที “พูดมา!”
“ฉันเคยได้ยินเฮยเหล่าอู่บอกว่าหยกแขวนถูกชายวัยกลางคนหนึ่งมอบให้นักประมูลไปประมูลขายแล้ว และเข่ายังรับปากว่าไม่ว่าจะขายได้เท่าไหร่ก็ตามเขาจะไม่เอาแม้แต่บาทเดียว แล้วยังบอกอีกด้วยว่าถ้าคนที่ซื้อหยกแขวนต้องการพบเขาก็ให้พวกเขามาที่เมืองจิ่งโจวได้เลย!”
เมืองจิ่งโจวทางตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ห่างจากเมืองเทียนไห่หลายพันไมล์!
เซี่ยงเส้าหลงบันทึกมันอย่างเงียบๆ แล้วเยาะเย้ยว่า “ข้อมูลเพียงเล็กน้อยนี้ไม่เพียงพอที่จะซื้อชีวิตของคุณได้!”
“ฉัน…ฉัน…”
เหอเทียนหลงพยายามบีบสมองของเขาเผื่อจะคิดอะไรบางอย่างได้ และตะโกนออกมาทันที “คิดออกแล้ว ผืนดินนั่น! คือริมน้ำทอง!”
“มีความลับอยู่ในดินแดนนั้น! แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่ามันคือความลับอะไร แต่คุณปู่บอกฉันอยู่เสมอว่าฉันต้องเอาที่ดินนั้นมาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เพราะดินแดนแห่งนั้นสามารถช่วยในการสืบสวนกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของท่านเฮยอู่ได้!”
“ฉันรู้เพียงแค่นี้แหละ! ได้โปรด! ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันไปเถอะ!”
เหอเทียนหลงยังคงคุกเข่าและไหว้เขาต่อไป ในขณะนี้ไม่มีนายน้อยของตระกูลเหอ มีแต่ทาสที่คุกเข่าเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น
“ฮึ!”
เซี่ยงเส้าหลงยังคงเฉยเมยใส่เขาดั่งเช่นเคย ด้ามมีดในมือของเขาหันไปข้างหน้า และทันใดนั้นก็บินออกไป และกระแทกที่ขมับของเหอเทียนหลง เหอเทียนหลงร้องเบาๆแล้วหมดสติไปอย่างสิ้นเชิง
ณ เวลานี้ เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้นมา
ในที่จอดรถขนาดใหญ่ของศาลทะเลเทียนหลาน มีทหารที่ถือปืนจริงอยู่ในมือ กำลังกดตัวเหล่าอันธพาลเก้าสิบเอ็ดคนให้คุกเข่าลงบนพื้น
เซี่ยงเส้าหลงมองดูพวกเขาด้วยดวงตาที่เย็นชา ลมหนาวได้ปั่นป่วนปลายเสื้อผ้าของเขา และลมก็โบกสะบัดราวกับราชา!
“โลกนี้มีคนสามประเภทที่น่านับถือและไม่ควรเหยียดหยาม! ”
“นั่นก็คือครูบาอาจารย์ หมอที่รักษาชีวิตคน และกองทัพปกป้องประเทศ!”
เสียงนั้นทำให้คนรู้สึกตื่นตระหนกราวกับว่าเป็นการพิพากษาของเหล่าทวยเทพ “แต่มือของพวกแกกลับแปดเปื้อนไปด้วยเลือดของทหารที่ปกป้องบ้านเมืองเหล่านี้ และไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทพเจ้าต่างก็โกรธเคืองกับบาปกรรมที่พวกแกได้ก่อไว้อย่างมาก! และบาปที่พวกแกก่อไว้ควรชดใช้ด้วยชีวิตของพวกแก!”
ทันใดนั้น ทุกคนก็ตื่นตระหนก และหลายคนในนั้นยังร้องไห้และก้มหัวขอความเมตตาจากเขาด้วย!
“ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว วันนี้ถึงเวลาที่พวกแกจะต้องชดใช้บาปที่ได้ทำเอาไว้แล้ว!”
“พวกมันทั้งหมด เตรียมยิง!”
คลิก!
เสียงเก้าสิบเอ็ดเสียงคมชัดในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเงียบสงัดนี้ ราวกับเสียงยมทูตของนรก
“เส้าหลง!”
“อย่าหุนหันพลันแล่นอีกเลย!”
ซ่งจื้อตงก้าวไปข้างหน้าและชักชวนอย่างกังวล “นี่มันมากกว่าเก้าสิบชีวิตแล้วนะ! ต่อให้พวกมันมีความผิด ก็ยังมีศาลทหารให้พิจารณาแก่พวกเขาอยู่! ถ้านายตัดสินคดีเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ ผู้ที่อยู่เบื้องบนที่จับตามองคุณอยู่ตลอดเวลาอาจฉวยโอกาสนี้ เล่นงานนายก็ได้!”
เซี่ยงเส้าหลงมองเขาอย่างสงบ “พี่ ได้ยินหรือเปล่า?”
ซ่งจื้อตงตกตะลึง “ได้ยินอะไร?”
เซี่ยงเส้าหลงชี้ไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว “ได้ยินเสียงร้องไห้ของภรรยาและลูกๆของทหารที่ปกป้องบ้านเมืองเหล่านี้ในเวลาที่พวกเขากลับมาถึงบ้าน ได้ยินเสียงตะโกนที่ไม่เต็มใจของลูกผู้ชายที่กำลังถูกเปลวเพลิงกลืนกินว่า ทำไมพวกเขาไม่ตายในสนามรบ!”
“การปล่อยให้เพชฌฆาตเหล่านี้มีชีวิตอยู่ต่อแค่วินาทีเดียวมันก็เป็นการดูหมิ่นอันใหญ่หลวงต่อวิญญาณกองทัพที่จงรักภักดีเหล่านี้!”
หลังจากพูดจบ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที และเสียงของเขาก็ดังก้องเหมือนดั่งฟ้าผ่า “ประหารชีวิต!”
บูม!
กระสุนปืนเก้าสิบเอ็ดนัดดังขึ้นพร้อมกัน และในเวลาเดียวกันก็มีวิญญาณร้ายเพิ่มขึ้นในนรกอีกเก้าสิบเอ็ดดวง!
เซี่ยงเส้าหลงมองไปด้านหน้าและโค้งคำนับอย่างเชื่องช้า “ขอให้วิญญาณของกองทัพอยู่ในความสงบ!”
ส๊วบ
ทหารทั้งหมด 198 นายยืนขึ้นและโค้งคำนับไปที่ไกล เสียงของพวกเขาต่ำมาก ฟังเหมือนเพลงงานศพที่เคร่งขรึมในท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ขอให้ดวงวิญญาณของกองทัพไปสู่สุคติ!”
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ และเมื่อรุ่งสางอีกครั้งในเมือง ศาลทะเลเทียนหลานที่สะดุดตาก็ถูกปิดผนึกโดยชั้นในสามชั้นและชั้นนอกอีกสามชั้น และภายใต้คำสั่งที่เข้มงวดของคนนับไม่ถ้วนนั้น ที่นี่ก็กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามที่ไม่สามารถเข้าถึงได้อีก
หลังจากที่ถูกดุนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาโทรมาด่าจนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของเขาร้อนจนสามารถทอดไข่ได้ อีกฝั่งของโทรศัพท์ถึงจะยอมหยุดชั่วคราว และได้ยินเสียงตะโกนว่า “ไอ้เด็กไม่เอาไหน!”
“ภายในหนึ่งเดือนนี้ มาอธิบายสถานการณ์ทุกอย่างกับฉันที่เมืองหลวงด้วยตนเอง!
หลังจากที่วางสาย เซี่ยงเส้าหลงก็ยืดเส้นยืดสายอย่างไม่กระทบกระเทือนเลยทั้งสิ้น
เหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือน จะกังวลไปทำไม! ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปอย่างสง่างามสิ!
เขาลุกขึ้นมาแต่งตัว และพบว่าอวิ๋นเสว่เหยนไม่อยู่ในบ้านแล้ว และอาหารเช้าร้อนๆก็ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารแล้ว และมีกระดาษแผ่นหนึ่งหนีบไว้ด้านล่างด้วย
“ที่บริษัทมีธุระเร่งด่วน ฉันขับรถไปทำงานก่อนแล้วนะ คุณส่งเยนเอ๋อไปโรงเรียนด้วยนะ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอยู่ชั้นล่าง วันนี้ข้างนอกฝนตก อย่าลืมสวมเสื้อกันฝนให้เยนเอ๋อด้วย”
เซี่ยงเส้าหลงหาวโตๆแล้วพูดว่า “เยนเอ๋อหนูกินข้าวหรือยัง?”
เยนเอ๋อมองเขาอย่างขมขื่นด้วยดวงตาคู่โตของเธอ “พ่อค่ะ ถ้าพ่อไม่ลุกขึ้นอีกหนูจะสาย … ”
เอ๊ะ……
เขาแหงนดูนาฬิกา และคิดในใจว่า จริงด้วย วันนี้เขานอนเลยเวลาไปนิดหน่อย…
เขารีบแต่งกายและสวมเสื้อกันฝนให้เยนเอ๋อ และขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าคันเก่าของตัวเอง พุ่งเข้าไปในสายลมและสายฝน และในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนอนุบาล
เพิ่งหยุดรถได้ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงเบรกที่เร่งรีบใกล้เข้ามา จากนั้นก็มีน้ำเป็นช่อๆ สาดใส่หัวจรดเท้าของพ่อลูกคู่นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเสื้อกันฝนล่ะก็ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของทั้งสองโศกเศร้าถึงสุดขีดแล้ว !
ประตูเปิดออก และชายพุงป่องคนหนึ่งเดินลงจากรถเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมร่ม เหลือบมองที่เซี่ยงเส้าหลง จากนั้นหยิบเงินสองร้อยหยวนออกจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่นให้เขา และพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “เอาไปเถอะ ถือซะว่าเป็นค่าชดเชยสำหรับเสื้อผ้าของพวกคุณก็แล้วกัน!”
เซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้ว ในเวลานี้ เสียงของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่แหลมคมดังขึ้นที่แถวหลัง “อวิ๋นเยนเอ๋อ พ่อฉันให้เงินเธอทำไมเธอไม่รับมันไว้ล่ะ!”
ใบหน้าของชายคนนั้นยังคงนิ่งเฉยเช่นเคย “ลูกรักของพ่อ เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหนูเหรอ?”
เด็กหญิงคนนั้นพยักหน้า “ใช่ เธอเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน แต่เธอเรียนดีกว่าฉัน และสวยกว่าฉัน ครูและเพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างก็ชอบเธอมากเลย!”
ในขณะที่พูดนั้น ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา และความรังเกียจปรากฏบนใบหน้าของเด็กวัย 5 ขวบโดยไม่ยับยั้งเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายคนนั้นเหลือบมองอวิ๋นเยนเอ๋อ แล้วยิ้มอย่างดูถูกและอุ้มลูกสาวของเขาขึ้นมา “บางคนชนะตั้งแต่จุดเริ่มต้น และบางคนไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนก็ตามสุดท้ายก็ทำได้แค่ดิ้นรนอยู่ที่ระดับต่ำสุดของสังคมเท่านั้น !”
“เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชั้นของหนู เรียนเก่งแล้วไง? เธอเคยนั่งรถเบนซ์ไหมล่ะ?”
“สวยแล้วไง? เธอเคยทานอาหารฝรั่งเศสหรือเปล่าล่ะ?”
“อาจารย์ชอบแล้วยังไงล่ะ? เสื้อผ้าทั้งตัวของเธอยังไม่แพงเท่าถุงเท้าของหนูเลยด้วยซ้ำ!”
“ดังนั้น บางคนสามารถนั่งบนรถและฟังเพลงขณะเปิดแอร์ในวันที่ฝนตก ส่วนบางคนก็ต้องโดนน้ำสกปรกสาดใส่และตัวสั่นในลมเย็นๆเท่านั้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเด็กหญิงคนนั้นก็มีความสุขมาก และเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าวิ๋นเยนเอ๋อ “อวิ๋นเยนเอ๋อเธอได้ยินที่พ่อของฉันพูดไหม? เธอเป็นเด็กคนจนเท่านั้น สู้ฉันไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว!”
“สมควรแล้วที่พวกคุณโดนน้ำสกปรกสาดใส่! ใครให้พ่อของเธอรวยน้อยกว่าพ่อฉันล่ะ!”
จากนั้นเธอก็ทำหน้าทะเล้นใส่พวกเขา และเดินเข้าโรงเรียนอนุบาลในอ้อมแขนของชายคนนั้นอย่างมีความสุข
เซี่ยงเส้าหลงมองไปที่อวิ๋นเยนเอ๋อด้วยสายตาที่รู้สึกผิด แต่ก่อนที่เขาจะพูด ที่อวิ๋นเยนเอ๋อก็พูดขึ้นก่อน “พ่อค่ะ ไม่เป็นไร จริงๆแล้วหนูชอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามากค่ะ!”
หน้าม้าที่เปียกฝนเกาะติดหน้าผากแน่น ดวงตาโตสดใสของเธอฉลาดและน่ารักมาก “พ่อไม่ต้องกังวลนะคะ เยนเอ๋อจะตั้งใจเรียนดี และหาเงินเยอะๆในอนาคต เพื่อทำให้คุณและแม่มีโอกาสได้นั่งรถเบนซ์คันใหญ่ให้ได้!”
หลังจากพูดจบ เธอก็กระโดดลงจากรถ และปาดน้ำฝนบนใบหน้าทิ้ง จากนั้นก็โบกมือลาเซี่ยงเส้าหลงอย่างมีความสุข “ลาก่อนค่ะพ่อ”
เซี่ยงเส้าหลงซาบซึ้งกับการที่เขามีลูกสาวที่ประพฤติดีและเชื่อฟังเช่นนี้อย่างมาก มีลูกสาวที่น่ารักขนาดนี้แล้วเขายังต้องการอะไรอีก?
ลูกรักของพ่อ ลูกเป็นคนดีมีเหตุมีผล พ่อจะทำให้ลูกผิดหวังได้อย่างไร?