ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 39 ฉันแซ่เซี่ยง

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

“พี่ครับ คุณมีรถที่ไม่ค่อยได้ใช้ไหม ให้ผมยืมสักคันได้ไหม?”

ซ่งจื้อตงหัวเราะ “น้องชาย นายพูดแบบนี้เพื่อจะทำให้ฉันดูแย่ใช่ไหม? เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ของของฉันก็เหมือนเป็นของนายนั่นแหละ ”

“พอดีเลย! ฉันเพิ่งซื้อรถคันใหม่ คาดว่าน่าจะส่งมาแล้ว นายไปหาเหล่าซ่งหัวหน้าธนาคารที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารเทียนไห่โดยตรงได้เลย แล้วฉันจะจัดการทุกอย่างล่วงหน้า นายไปเอากุญแจรถกับเขาก็พอ!”

หลังจากที่เซี่ยงเส้าหลงวางสายเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเขากำลังจะเซอร์ไพรส์ลูกสาวของเขาในวันนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปที่ธนาคารเพื่อถอนเงิน พอดีเลยจะได้ทำทุกอย่างให้สำเร็จทีเดียว!

แม้ว่าวันนี้ฝนจะตก แต่ก็ยังมีคนมาทำธุระที่ธนาคารเป็นจำนวนมาก พวกเขายุ่งมาก เซี่ยงเส้าหลงวางไม่ต้องการโดดเด่นเกินไป ดังนั้น เขาจึงไม่ได้โทรแจ้งเหล่าซ่งล่วงหน้า หลังจากที่เขาได้รับหมายเลขประจำเครื่องแล้วเขาก็นั่งลงเพื่อรอคิวของตัวเอง เพราะเขากะจะถอนเงินก่อนแล้วค่อยไปรับรถ

ระหว่างที่เขากำลังรออย่างเงียบๆนั้น ผู้หญิงในชุดเครื่องแบบธนาคารก็เดินเข้ามาหาเขา

เขามีรูปร่างที่ดี สวมรองเท้าส้นสูง แต่ใบหน้าที่สวยงามของเธอกลับทำให้คนอื่นรู้สึกถึงบุคลิกที่เฉียบแหลมของเธอ

“คุณสุภาพบุรุษคะ ฉันชื่อเกาจิ้งเป็นผู้จัดการล็อบบี้ของธนาคารเทียนไห่ค่ะ คุณอยากจัดการธุรกิจประเภทไหนคะ?” เกาจิ้งยิ้มแบบมืออาชีพ แต่มันเป็นการยิ้มที่ปลอมมาก

“ฉันต้องการถอนเงิน” เซี่ยงเส้าหลงพูดอย่างราบเรียบ

“ท่านค่ะ เนื่องจากวันนี้ทางธนาคารยุ่งมาก มันจะดีกว่าหากท่านไปถอนเงินจากเครื่องถอนเงินด้วยตนเอง เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับลูกค้าที่อยู่ด้านหลังนั่งรอ วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาได้มาก โปรดเข้าใจเราด้วยนะคะ” เกาจิ้งกล่าว

“เครื่องถอนเงินสดอัตโนมัติจำกัดจำนวนเงิน ฉันต้องการถอนเงินที่เคาน์เตอร์” เซี่ยงเส้าหลงตอบอย่างใจเย็น

เหตุใดฉันจึงควรเสียสละให้กับลูกค้ารายอื่นด้วย ฉันกดหมายเลขตามขั้นตอนการปกตินี่ !

“ท่านคะ ที่เคาน์เตอร์ยุ่งมากจริงๆ มีงานหลายอย่างที่ต้องจัดการ โปรดถอนเงินด้วยตัวเองเถอะ!” เริ่มมีการขับไล่อยู่ในถ้อยคำของเกาจิ้ง

เงินจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมาถอนที่หน้าเคาน์เตอร์จริงๆ

แต่ว่า… เกาจิ้งกลับจ้องไปที่เซี่ยงเส้าหลงและกวาดมองเขาอย่างหัวจรดเท้า

การแต่งตัวที่แสนจะธรรมดา แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันเป็นเสื้อผ้าราคาถูกที่วางขายตามข้างถนน และทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเครื่องประดับเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ดังนั้นมันจึงยากที่จะให้เกาจิ้งคิดว่าเขาเป็นคนรวยได้

“แล้วทำไมพวกเขาถึงถอนเงินที่เคาน์เตอร์ได้ล่ะ?” เซี่ยงเส้าหลงชี้ไปยังคนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์

“เพราะจำนวนเงินถอนที่เกินหนึ่งล้านไงคะ” ในเวลานี้เกาจิ้งกอดอกด้วยความเย่อหยิ่ง

เซี่ยงเส้าหลงกะพริบตาด้วยความสงสัย

ในปัจจุบันหนึ่งล้านกลายเป็นเงินจำนวนมหาศาลไปแล้วเหรอ?

“งั้นไม่เป็นไร ฉันจะไม่ถอนเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ล่ะ”

เซี่ยงเส้าหลงรู้สึกว่าหากเงินหนึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลในสายตาของล้านพนักงานเหล่านี้แล้ว ประสิทธิภาพในการทำงานก็เป็นที่น่าสงสัยอย่างมาก

เพราะว่าปริมาณที่เขาต้องการไม่ใช่ทศนิยม เขากังวลว่าพนักงานธรรมดาๆ เหล่านี้ไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน แล้วหากพวกเขาหัวร้อนและทำผิดล่ะ?

ในเวลานี้เกาจิ้งคิดว่าคำพูดของเธอทำให้เซี่ยงเส้าหลงรู้สึกละอายใจ ริมฝีปากสีแดงของเธองอเล็กน้อยและพูดอย่างเฉยเมยว่า “เสียเวลาจริงๆเลย!”

“ใช่ มันเสียเวลาจริงๆ ฉันจะไปพบซ่งหางหัวหน้าธนาคารของคุณโดยตรงดีกว่า”

เซี่ยงเส้าหลงพูดตรงๆอย่างราบเรียบ

ทันทีที่เสียงหายไปเกาจิ้งกก็เลิกคิ้วขึ้น

คิ้วเส้นบางของเธอถูกเลิกขึ้นสูง

“คุณกล้าเอ่ยชื่อของหัวหน้าธนาคารได้โดยตรงเหรอ?”

“มิฉะนั้นจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ? เหล่าซ่งโถวเหรอ?” เซี่ยงเส้าหลงแสดงสีหน้าจริงจัง เป็นถึงหัวหน้าธานธนาคารเทียนไห่อายุของเขาน่าจะไม่น้อยแล้วมั้ง…

ใบหน้าของเกาจิ้งมืดมนและเย็นชาในทันที

“เจ้าหน้าที่! เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ไหม! บุคคลนี้สร้างความวุ่นวายให้กับธนาคาร พวกแกเอาตัวเขาออกไปจากนี่ซะ!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงเธอ พวกเขามายืนตรงหน้าของเซี่ยงเส้าหลงอย่างเย่อหยิ่ง และมันดูเหมือนจริงซะด้วย

เซี่ยงเส้าหลงเหลือบมองไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองอย่างเย็นชา และทันใดนั้นความดุร้ายก็ไหลล้นออกมาจากสายตาของเขา!

ไม่รู้ว่ามีปรมาจารย์กี่คนในโลกนี้ที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับโมเมนตัมของเซี่ยงเส้าหลง นับประสาอะไรกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกระจอกเหล่านี้

แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองรู้สึกเย็นวาบบนร่างกายของพวกเขา และพวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองงูพิษอยู่

“พวกแกจะยืนเฉยทำไม รีบพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้!” เกาจิ้งกัดฟันและกระทืบเท้าของเธอ หน้าอกของเธอก็ขึ้นๆลงๆไปด้วย

“ดูสิว่าใครกล้า?!” มีความยโสโอหังปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซี่ยงเส้าหลง “ถ้าใครก้าวไปข้างหน้า ฉันจะทำให้เขาเสียใจไปตลอดชีวิต!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อไปหมด

ใบหน้าของเกาจิ้งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ และคิ้วของเธอก็จะชนกันอยู่แล้ว

“ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!”เกาจิ้งชี้ไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยความโกรธ

“เธออย่าทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองต้องลำบากเลย วันนี้ฉันไม่ได้มาเพื่อทะเลาะเบาะแว้ง พาฉันไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าธนาคารเถอะ ฉันต้องการพบซ่งหาง” เซี่ยงเส้าหลงกล่าวอย่างเย็นชา

เกาจิ้งนึกขึ้นได้ทันทีว่าตอนที่เธอเดินผ่านสำนักงานของหัวหน้าธนาคาร เธอได้ยินหัวหน้าธนาคารคุยโทรศัพท์กับใครสักคนด้วยความเคารพ แถมยังบอกว่าไม่กล้าละเลยเขาอีกด้วย อย่างกับว่าจะมีแขกผู้มีเกียรติมาที่นี่ หรือว่าจะเป็นชายหนุ่มคนนี้?

พอมาคิดดูอีกทีแล้ว เกาจิ้งก็ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ถ้าเป็นแขกผู้มีเกียรติของหัวหน้าธนาคารซ่งจริงๆ จะเป็นชายหนุ่มธรรมดาได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้น เธอทำงานในระบบธนาคารและมักจะได้พบปะกับคนร่ำรวยที่อยู่ชั้นสูงของสังคมอยู่แล้ว แต่เธอไม่เคยได้ยินชื่อของบุคคลดังกล่าวมาก่อนเลย…

ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนหนึ่งใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังเดินเข้ามาในล็อบบี้ของธนาคาร

เมื่อเกาจิ้งเห็นเขา เธอก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มทันที

“ประธานเจิ้ง คุณมาแล้วเหรอคะ หากคุณมีเรื่องสำคัญ คุณสามารถไปที่ช่องVIP เพื่อจัดการธุรกิจได้โดยตรงเลยค่ะ”

เกาจิ้งกระตือรือร้นกับเถ้าแก่เจิ้งคนนี้อย่างมาก เธอเข้าใกล้เขาด้วยความประจบสอพลอ แถมยังจงใจยืดอกต่อหน้าเขาอีกด้วย

เถ้าแก่เจิ้งชำเลืองมองร่างที่อวบอิ่มของเกาจิ้งด้วยสายตาที่เร่าร้อน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้จัดการเกานั่นเอง ผมมีธุระต้องคุยกับหัวหน้าธนาคารซ่งน่ะครับ”

เมื่อเกาจิ้งได้ยินเช่นนี้ หล่อนก็เข้าใจในทันที

เธอติดต่อกับเถ้าแก่เจิ้งมาสามปีแล้ว และเธอรู้ว่าเถ้าแก่เจิ้งเป็นเศรษฐีร้อยล้าน และเป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นแขกผู้มีเกียรติที่หัวหน้าธนาคารกล่าวถึง?

“เชิญทางนี้ค่ะท่านประธานเจิ้ง หัวหน้าธนาคารซ่งรอคุณมานานแล้วค่ะ” เกาจิ้งยกหน้าอกขึ้นสูงและกำลังจะนำทางเถ้าแก่เจิ้งไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าธนาคารซ่ง

ทันใดนั้นเกาจิ้ง ก็ถึงถึงเซี่ยงเส้าหลงอีกครั้ง เธอกังวลว่าเซี่ยงเส้าหลงจะสร้างปัญหาหลังจากที่เธอจากไป

ดังนั้น เธอจึงเหยียบรองเท้าส้นสูงและวิ่งเหยาะๆ มาหาเซี่ยงเส้าหลง จากนั้นเธอก็ชี้หน้าเซี่ยงเส้าหลงและเตือนว่า “ถ้าคุณสร้างปัญหาอีกครั้ง ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”

หลังจากพูดจบ เกาจิ้งก็หันศีรษะแล้วเดินจากไป เธอยกก้นกลมๆของตัวเอง เข้าไปใกล้เถ้าแก่เจิ้ง จนกระทั่งตัวทั้งคู่แทบจะติดกันอยู่แล้ว

“ขอโทษนะคะประธานเจิ้ง ที่ให้คุณรอ”

เถ้าแก่เจิ้งก็ถามด้วยความสงสัยอย่างไม่ตั้งใจว่า “ผู้จัดการเกา หมอนั่นมาทำอะไรเหรอ?”

“อย่าไปสนใจเขาเลย แค่ผู้ชายธรรมดาๆที่ไร้เหตุผลคนหนึ่งน่ะค่ะ” เกาจิ้งตอบ

“อ๋อ…ที่แท้ก็เป็นขยะสังคมที่ต่ำต้อยนั่นเอง…” เถ้าแก่เจิ้งยิ้มอย่างมีนัยสำคัญ สายตาที่ชำเลืองมองไปที่เซี่ยงเส้าหลงนั้นเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

เกาจิ้งได้พาเถ้าแก่เจิ้งมาถึงที่ห้องทำงานของหัวหน้าธนาคารแล้ว เธอเคาะประตูหลายครั้ง “หัวหน้าธนาคารซ่งคะ แขกผู้มีเกียรติของคุณมาถึงแล้วคะ”

เพื่อที่จะให้หัวหน้าธนาคารซ่งรู้ว่าเธอให้การต้อนรับแก่เถ้าแก่เจิ้งอย่างอบอุ่น เกาจิ้งจึงไม่ได้เดินจากไปในทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เธออยากจะให้หัวหน้าธนาคารซ่งเห็นใบหน้าของตัวเองก่อนเผื่อจะทำให้หัวหน้าธนาคารซ่งรู้สึกประทับใจต่อเธอ

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ซ่งหางก็แสดงรอยยิ้มอันอบอุ่น

แต่ว่า ในชั่วพริบตา รอยยิ้มของเขาก็แข็งตัวขึ้นทันที

“คุณเซี่ยงอยู่ที่ไหน?” ซ่งหางขมวดคิ้ว

“คุณ…คุณเซี่ยง?” เกาจิ้งรู้สึกสับสนไปหมด

เกาจิ้งยังคงรู้สึกสงสัยอยู่ เถ้าแก่เจิ้งเดินเข้าประตูอย่างคุ้นเคยแล้วนี่

“เหล่าซ่ง คุณนี่เข้าใจฉันจริงๆเลย คุณชงชาให้ฉันด้วย” เถ้าแก่เจิ้งนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาและกำลังจะรินชา

ในเวลานี้ หัวหน้าธนาคารซ่งมีสายตาที่เฉียบคมและพูดกับเถ้าแก่เจิ้งว่า “เหล่าเจิ้งพรุ่งนี้เราค่อยมาคุยเรื่องของคุณ วันนี้ฉันมีธุระสำคัญมาก คุณกลับไปก่อนเถอะ!”

เถ้าแก่เจิ้งเห็นว่าดวงตาของหัวหน้าธนาคารซ่งแตกต่างจากปกติ เขาก็วางถ้วยน้ำชาลงด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

“ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันค่อยมาใหม่!” เถ้าแก่เจิ้งเดินออกไปอย่างโกรธเคือง

อย่างไรก็ตาม หัวหน้าธนาคารซ่งไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว

นี่คือชาหลงจิ่งที่เก็บก่อนวันเช็งเม้งที่ชงไว้เพื่อต้อนรับเซี่ยงเส้าหลงโดยเฉพาะ ชานี้เป็นชาชั้นดีและต้องใช้น้ำแร่จากภูเขาอวิ๋นไถในการชงเท่านั้น

เขาคือแขกผู้มีเกียรติที่ซ่งจื้อตงมหาเศรษฐีแห่งเทียนไห่โทรมาสั่งไว้ว่าให้ดูแลเขาเป็นพิเศษเชียวนะ และแม้แต่น้ำเสียงของเขาก็ยกย่องเซี่ยงเส้าหลงอยู่ในระดับเดียวกับซ่งจื้อตง

ควรรู้ไว้ว่าธนาคารเทียนไห่เป็นธนาคารเอกชนและซ่งจื้อตงก็คือเจ้าของธนาคาร แล้วเขาจะไปกล้าละเลยแขกผู้มีเกียรติที่ซ่งจื้อตงมอบหมายไว้เป็นการส่วนตัวได้อย่างไร?

เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เถ้าแก่เจิ้งก็กระจอกไปเลย!

“หัวหน้าธนาคารซ่งค่ะ เถ้าแก่เจิ้งเป็นแขกผู้มีเกียรติที่คุณเตรียมที่จะต้อนรับในวันนี้ไม่ใช่หรือคะ?” เกาจิ้งถามด้วยความงง

“หล่อนจะไปรู้อะไร! หล่อนเอาคุณเซี่ยงไปเปรียบเทียบกับเจิ้งต้ากวางได้อย่างไร ขอเถอะต่อไปนี้หล่อนดูให้มันดีๆหน่อยได้ไหม!”

ในขณะนี้เซี่ยงเส้าหลงก็พบห้องทำงานของหัวหน้าธนาคารซ่งอย่างสบายๆ

และเมื่อเกาจิ้งเห็นเซี่ยงเส้าหลงเธอก็รู้สึกรังเกียจทันที

หลังจากถูกหัวหน้าธนาคารตำหนิ เกาจิ้งก็ตัดสินใจที่จะประพฤติตัวดีๆ ด้วยการขับไล่คนจนที่น่ารังเกียจคนนี้ออกไป

“ทำไมคุณยังไม่ออกไปอีก? ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ! ห้องทำงานของหัวหน้าธนาคารไม่ใช่ที่ที่คุณอยากจะเข้าก็เข้าไปได้ง่ายๆนะ!”

เกาจิ้งจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโตของเธอ

เซี่ยงเส้าหลงยืนอยู่หน้าประตูอย่างนิ่งเฉย และพูดอย่างราบเรียบว่า “ฉันแซ่เซี่ยง”

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท