ภัตตาคารเทียนหลานเก๋อ เป็นร้านอาหารที่เก่าแก่ของเมืองเทียนไห่ คนที่จะสามารถจัดงานเลี้ยงที่นี่ได้ คงจะเป็นคนที่มีตำแหน่งและยศสูง
“ผู้อำนวยการอวิ๋น ทำไมคุณถึงมาคนเดียว แล้วสามีของคุณล่ะ หลังจากที่เจอครั้งนั้นยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับเขาเลย!”
น้ำเสียงแปลกๆ ของสือเหย่นจิ้งดังขึ้น มองดูอวิ๋นเส่วเหยน สายตามีความเกลียดชังแวบผ่านดวงตาของเธอ
อวิ๋นเส่วเหยนพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ “เดี๋ยวเขาจะตามมาทีหลังค่ะ”
“ใช่เหรอ คงไม่ใช่ไม่กล้ามาหรอกนะ”
“คุณบอกเขาว่าไม่เป็นไรหรอก ไม่จำเป็นต้องอาย แม้ว่าเขาจะเป็นคนไร้ค่าและไม่มีอะไร และยังต้องเกาะผู้หญิงกิน พวกเราก็ไม่ได้รังเกียจหรือดูถูกเขานะ”
สีหน้าของอวิ๋นเส่วเหยนเริ่มดูไม่ดีขึ้นมาทันที
ในเวลานี้ ชายที่อายุคล้ายกับเธอที่อยู่ข้างๆ ของสือเหย่นจิ้งได้กล่าวขึ้นมาว่า “จิ้งจิ้ง คุณพูดแบบนี้ได้อย่างไร?”
“สามารถยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงดูด้วยความสมัครใจได้ นั้นต้องมีความกล้าหาญมากเพียงใดนัก!”
“ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเจอกับคนที่มีความสามารถและกล้าหาญเช่นนี้แล้ว!”
ขณะที่เขาพูด ระหว่างคิ้วของชายคนนั้น กลับมีท่าทางสูงส่งและความเยาะเย้ยอยู่
สือไท่ที่นั่งบนที่นั่งผู้อาวุโส พร้อมกับใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้ม จากนั้นพูดกับอวิ๋นเส่วเหยนว่า “ผู้อำนวยการอวิ๋น ลืมแนะนำ นี่คือลูกชายผมสือเหย่นหลง”
สือเหย่นหลงพยักหน้าเบาๆ ให้อวิ๋นเส่วเหยน “ผู้อำนวยการอวิ๋น โชดดีที่ได้รู้จัก!”
เสียงของสือเหย่นที่ฟังดูเย่อหยิ่ง “ใช่ พี่ชายของฉัน ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเฟิงหลงกรุป เงินเดือนปีละหลายล้าน ยิ่งกว่านั้น อายุของเขาไม่น่าจะต่างจากสามีของผู้อำนวยการอวิ๋นมากนัก?”
“หึหึ ต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คนกับคนนี่ไม่สามารถเปรียบเทียบได้จริงๆ !”
การเยาะเย้ยนี้ ทำให้สีหน้าของอวิ๋นเส่วเหยนเริ่มไม่ดี ตอนนี้หลอนเพิ่งเข้าใจว่างานเลี้ยงคืนนี้ จัดขึ้นเพื่อให้พวกเขาอับอายโดยเฉพาะ
แกระ!
จู่ๆ ประตูก็เปิดออก เซี่ยงเส้าหลงเดินเข้ามา เหลือบมองไปรอบๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงข้างๆ อวิ๋นเส่วเหยน “ขอโทษที่ฉันมาสาย!”
“โอ๊ย คุณเซี่ยงมาสายขนาดนี้ ไม่รู้ไปคุยธุรกิจใหญ่มาเหรอ?”
คำพูดนี้ออกมา ใครก็ฟังความเสียดสีจากน้ำเสียงได้ แต่เซี่ยงเส้าหลงกลับมีสีหน้านิ่งมาก เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ “ไปดูบ้านมา เลยเสียเวลาไปหน่อย”
“ดูบ้านมา?”
สือเหย่นจิ้งตกใจ สือเหย่นหลงหัวเราะแล้วพูดว่า “อย่างนี้นี่เอง สลัมของเมืองเทียนไห่อยู่ไกลจากที่นี่ประมาณสิบวงแหวน รีบมาจากที่นั่น ทำให้ล่าช้าไปหน่อย ก็เข้าใจได้”
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว มาเสิร์ฟอาหารกันเถอะ!”
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีอาหารมากมายมาเสิร์ฟบนโต๊ะ สือเหย่นจิ้งมองดูทั้งคู่และพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ผู้อำนวยการอวิ๋น ไวน์และอาหารของศาลเทียนหลานมีชื่อเสียงไปทั่วโลก วันนี้คุณมีโอกาสได้มากิน คุณต้องกินเยอะๆ คราวหน้าไม่รู้จะมีโอกาสได้กินอาหารแพงๆ แบบนี้อีกเมื่อไหร่!”
“จิ้งจิ้ง พูดจายังไงกัน!”
สือไท่แกล้งทำเป็นตำหนิแล้วพูดว่า “งั้นเดี๋ยวพวกเราก็กินน้อยหน่อย ให้ผู้อำนวยการอวิ๋นห่ออาหารที่ทานเหลือกลับไปด้วย เอาไปแช่แข็งไว้อยากกินเมื่อไหร่ สามารถเอาออกมากินแก้อยากได้”
“ฮ่าฮ่า…คุณพ่อพูดถูก เป็นเพราะลูกสาวเองที่คิดไม่รอบคอบ อาหารที่สั่งมาในวันนี่มันเยอะไปหน่อย ผู้อำนวยการอวิ๋น ถ้าเรากินอย่างประหยัดเล็กน้อย อาหารที่เหลืออยู่พวกนี้ก็คงเก็บไว้กินได้อีกสักครึ่งก็ไม่มีปัญหาเลย”
สีหน้าของอวิ๋นเส่วเหยนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม มือที่จับตะเกียบของเธอก็สั่นอย่างห้ามไม่ได้ จุดประสงค์ของคนทั้งสามคนของตระกูลสือไท่ที่เชิญเลี้ยงอาหารเธอนั้นมันค่อนข้างชัดเจนแล้ว นั่นก็คือจะทำให้เธออับอายขายหน้าอย่างเห็นได้ชัด!
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดียังมีธุระต้องทำ ต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ!”
ทันใดนั้น สายตาของสือไท่ก็มืดมน เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ผู้อำนวยการอวิ๋นรีบร้อนขนาดนี้ เพราะคิดว่าผมต้อนรับคุณไม่ดี หรือว่าผู้อำนวยการอวิ๋นรู้สึกว่าตัวเองได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ให้กับบริษัท แม้แต่รองประธานอย่างผม ก็ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตางั้นหรือ?”
อวิ๋นเส่วเหยนกัดริมฝีปากไว้แน่น ถ้าหากไปแบบดื้อๆ สือไท่ต้องจับพิรุธได้ แล้วไปพูดเสียหายที่บริษัท เพื่อให้เสียชื่อเสียงแน่ๆ แต่ถ้าไม่ไป ก็ต้องทนรับความ ย่ำยีที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เธอตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที
ในเวลานี้ มืออันอบอุ่นและนุ่มนวลคู่หนึ่งได้ตบมาที่ตัวเองเบาๆ “จะรีบร้อนกลับทำไม ในเมื่อประธานสือเชิญเราด้วยกระตือรือร้นของท่าน แล้วเราจะลบล้างใบหน้าของประธานสือได้อย่างไร?”
“เฮ้ๆ คุณเซี่ยงพูดถูก ใช่ๆ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณเซี่ยงได้ทำงานอยู่ที่ไหนเหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงเช็ดปากของเขาและพูดอย่างใจเย็น “ว่างงาน”
“ลูกผู้ชายทั้งคน ไม่รู้สึกละอายใจเลยเหรอที่เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ ?”
ใบหน้าของสือเหย่นจิ้งเต็มไปด้วยการดูถูก “ผู้อำนวยการอวิ๋น ฉันเห็นใจคุณจริงๆ ดูพี่ชายของฉัน ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเฟิงหลงกรุป เขายังเด็กและมีแนวโน้ม ได้รับการยกย่องอย่างสูง และแม้แต่หนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่ของมณฑลหลู่ ขนาดลูกสาวของเจ้าตระกูลจางยังได้ทำสัญญาหมั้นกับพี่ชายของฉัน มีเพียงพรสวรรค์อย่างเขาเท่านั้นที่คู่ควรที่จะเป็นผู้ชาย!”
ภายใต้ครอบครัว คนรวยเป็นที่เคารพนับถือ และบริษัทเฟิงหลงกรุปเป็นหนึ่งในสิบที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลหลู่ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมของตระกูลจาง
สือเหย่นหลงทำปากกระตุกเล็กน้อย มันเป็นความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเฟิงฟลงกรุป แต่เขาเพิ่งอยู่ในตำแหน่งได้สามวันและเขายังไม่ได้เห็นหน้าท่านประธานด้วยซ้ำ แล้วเอาความสำคัญของตัวเองมาจากไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะแต่งงานกับลูกสาวของเขาเลย ไร้สาระสิ้นดี!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับคำยกย่องของน้องสาว เขาไม่สามารถที่จะตบหน้าตัวเองได้ ยิ้มและพยักหน้า “ผู้ชาย ถ้าความสามารถแค่นี้ก็ไม่มี ควรเรียกว่าเป็นผู้ไร้ประโยชน์ดีกว่า! ”
“ฮ่าฮ่า…”
ทุกคนหัวเราะกันหมด สือไท่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “หลงหลง ผู้อำนวยการอวิ๋นยังไงก็คนกันเอง ตอนนี้คุณประสบความสำเร็จเล็กน้อย หรือว่าช่วยแนะนำงานให้สามีของผู้อำนวยการอวิ๋นหน่อยดีกว่า ”
สือเหย่นหลงพยักหน้า “ให้ฉันคิดดูก่อน ว่าบริษัทของเรายังคงรับสมัครคนทำความสะอาดห้องน้ำหรือไม่ แต่คุณเป็นลูกผู้ชาย แล้วคุณจะไปแย่งงานกับลุงๆ และป้าๆ นั้น มันจะสมควรเหรอ?”
“เอ๋อ…ฉันยังรู้จักผู้รับเหมาอยู่สองสามคน และตอนนี้ที่พื้นที่ก่อสร้างของเขาก็ขาดแคลนคนย้ายอิฐ แต่…”สือเหย่นหลงมองเซี่ยงเส้าหลงด้วยสายตา แล้วส่ายหัว “ฉันคิดว่าร่างเล็กๆ ของคุณนั้น คงไม่สามารถทำได้หรอก”
“เฮ้! อีกอย่างฉันยังรู้จักเพื่อนในฟาร์มหมูเหมือนกัน รึไม่แนะนำให้คุณไปเลี้ยงหมูดีกว่า!”
พุ๊ฟ!
สือเหย่นจิ้งหัวเราะเสียงดัง!
พัฟ!
อวิ๋นเส่วเหยนทนไม่ได้อีกต่อไป และพูดอย่างโกรธเคือง “คุณสือ คุณมากเกินไปหรือเปล่า!”
สือเหย่นหลงเริ่มมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ผู้อำนวยการอวิ๋น ที่ฉันทำสิ่งนี้เพื่อคุณนะ”
“งานเลี้ยงหมู ตอนนี้เขาได้รับเงินเดือนสามสี่พันต่อเดือน ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพ่อของฉัน สามีของคุณก็ไม่คู่ควรที่จะได้ทำงานนี้!”
สือเหย่นจิ้งอุทานออกมาอย่างเกินจริง “โอ้ย!ถ้างานเลี้ยงหมูก็ไม่คู่ควร แล้วจะทำอะไรได้อีก?หรือไม่ก็เอาชามจากที่นี่แล้วออกไปขอทานเลย!”
อวิ๋นเส่วเหยนโกธรจนสั่นไปทั้งตัว แทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่ ในขณะเดียวกัน เสียงประตูก็ดังลั่นและดันเปิดออก ชายวัยกลางคนที่มีแต่ความเย็นชาแผ่ซ่าน เหลือบมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขรึมๆ “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่?”
“ให้เวลาพวกคุณหนึ่งนาที ออกไปจากที่นี่สัก!”
อะไร?
เมื่อเห็นผู้มาเยือนหยิ่งผยอง สือไท่ทั้งสามก็ยิ่งโกรธจัด!
พวกเขามาเพื่อจะดูถูกเหยียดหยามอวิ๋นเส่วเหยน และสามีของเธอ จะปล่อยให้คนอื่นมาขัดจังหวะอย่างง่ายดายแบบนี้ได้อย่างไร?
“ท่านพูดจาเย่อหยิ่งเกินไปรึเปล่า ห้องนี้เป็นห้องที่เราจองไว้ คนที่ควรจะออกไปเป็นท่านรึเปล่า”
สือไท่กล่าวด้วยใบหน้ามืดมน
“ใช่ คุณคือใคร กล้าดียังไงที่มาตะโกนขึ้นเสียงต่อหน้าเรา?”
สือเหย่นจิ้งถึงกับตะโกนอย่างเย่อหยิ่ง
“ใช่ไหม?”
ดวงตาของชายหน้าดำเต็มไปด้วยความรังเกียจ จากนั้นเสียงเท้าก็ดังขึ้น ผู้จัดการของภัตตาคารเทียนหลานเก๋อเดินเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบ “ต้องขอโทษด้วยคุณจาง เพราะความผิดพลาดของทางเรา ทำให้ห้องจองไว้ของคุณถูกจัดผิด”
ชายหน้าดำพูดอย่างเคร่งขรึม “หยุดพูดอะไรที่มันไร้สาระ ภายในหนึ่งนาทีทำความสะอาดและจัดเตรียมห้องให้ฉันเรียบร้อย!”
“แขกที่รับเชิญของฉันในวันนี้ เป็นแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน หากทำให้เสียเวลา ฉันดึงป้ายร้านทิ้งทันที”
“ใช่ใช่ใช่!”
ผู้จัดการล็อบบี้แทบจะไม่กล้าหายใจต่อหน้าชายคนนั้น
หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่สือไท่และคนอื่นๆ ทันที และรีบพูดว่า “มื้อนี้ไม่ขอเก็บเงินกับพวกคุณละ ขอให้พวกคุณรีบออกจากห้องนี้!”
สีหน้าของสือไท่เริ่มเสียขึ้นมาทันที วันนี้มาเพื่อจะเหยียดยามอวิ๋นเส่วเหยน แต่กลับถูกเขาไล่ออกไปแบบนี้ จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“หึ! ทำไมถึงให้เราย้าย คุณรู้หรือไม่ว่าพี่ชายฉันคือใคร”
สือเหย่นจิ้งชี้ไปที่สือเหย่นหลงอย่างเย่อหยิ่ง “เขาเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเฟิงหลงกรุป และเป็นชายหนุ่มที่เจ้าตระกูลจางชื่นชอบและไว้วางใจมากที่สุด พวกคุณกล้าขุ่นเคืองเขาเหรอ?”
“เขาเป็นผู้จัดการใหญ่ที่แต่งตั้งโดยเจ้าตระกูลจางเองเหรอ?”
สีหน้าของผู้จัดการล็อบบี้ดูแปลกขึ้นมาทันที
“คุณรู้ไหมว่าคนที่เดินออกไปเมื่อกี้นั้นเป็นใคร?”
“เขาก็คือหัวหน้าของตระกูลจาง จางเฉิงหู่ แต่ฉันก็ไม่เห็นเขาจะรู้จักกับคูณเป็นอย่างดีสักหน่อย?”
อะไร? !
ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของคนตระกูลสือ ก็เปลี่ยนไปในทันที!
โดยเฉพาะสือเหย่นหลง เมื่อกี้เขาเพิ่งโม้ไปยกใหญ่ แต่ไม่คาดคิดว่าโม้จนเจ้าของเรื่องมาถึงที่
เขาเพิ่งเข้ามาในตำแหน่งนี้ แม้แต่ใบหน้าของจางเฉิงหู่เขายังไม่เคยเห็น นับประสาอะไรที่จะได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญ!
เซี่ยงเส้าหลงวางตะเกียบลงช้าๆ มองไปที่สือเหย่นหลง และกล่าวว่า “คุณสือ คุณไม่ใช่เป็นชายหนุ่มที่เจ้าตระกูลจางชื่นชอบและไว้วางใจมากที่สุดเหรอ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่ไปคุยกับเจ้าตระกูลจางล่ะ?”
“นี่…อันนี่…”
สือเหย่นหลงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที
เซี่ยงเส้าหลงลุกขึ้นแล้วพูดด้วยสายตายิ้มๆ “ถ้าคุณไม่สะดวก หรือว่า ให้ฉันไปช่วยพูดดีไหม? ”