ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 93 เพี๊ยะ! เรียกคุณอาสิ!

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

นานมากแล้ว ที่คนทั้งสองไม่ได้สนทนากัน อวิ๋นเสว่เหยนก็เป็นคนที่เข้าใจมารยาทดี ไม่คิดจะแอบฟังผู้ชายทั้งสองคนสนทนากัน จึงพูดคุยสนทนากับน้าเหมยเรื่องในครอบครัวตามปกติ ผสมรวมกับเสียงหัวเราะที่มีความสุขของเยนเอ๋อ ดังออกมาจากภายใน บ้านพัก ลุงฉวนที่อยู่หน้าประตู เผยรอยยิ้มที่นานมากแล้วไม่เคยปรากฏออกมา

ในบ้านพักของท่านฉิน นานมากแล้วที่ไม่เคยมีบรรยากาศที่อบอุ่นแบบนี้……

คืนนี้ เป็นคืนที่เซี่ยงเส้าหลง นอนหลับได้อย่างสบายใจและมีความสุขที่สุดคืนหนึ่ง หากเขาเปรียบเสมือนท่าเรือไว้หลบพายุสำหรับอวิ๋นเสว่เหยน สถานที่แห่งนี้ก็คือท่าเรือของเขา

ฉินหยวนติ่งคนนี้ในความรู้สึกของเขา เป็นทั้งอาจารย์และบิดา หากไม่มีเขาก็ไม่มีจอมพลน้อยชื่อเสียงโด่งดังสะท้านเมืองคนนี้!

หลังทานอาหารเช้าเสร็จ อวิ๋นเยนเอ๋อร่ำร้องเพื่อต้องการออกไปเล่นให้ได้ เซี่ยงเส้าหลงที่ถูกรบเร้าจนปฏิเสธไม่ได้ จึงตอบตกลงจะพาเธอออกไปเที่ยวเล่น

ทั้งสามคน มาห้างสรรพสินค้าที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สินค้าจำนวนมากมายหลายชนิดละลานตา จนทำให้อวิ๋นเยนเอ๋อมองดูจนตาลาย

“คุณพ่อ นั่นคืออะไรคะ? ดูน่ากินจัง!”

บนชั้นสาม จู่ๆ อวิ๋นเยนเอ๋อ ดึงแขนเสื้อเซี่ยงเส้าหลง ชี้แผงขายของด้านหน้าที่มีคนต่อแถวกันยาวเหยียด ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับแสดงอารมณ์อยากกิน

“หนูเพิ่งกินอาหารเช้ามาไม่ใช่หรือ?”

เซี่ยงเส้าหลงปั้นหน้าเอ็ดเธอไปหนึ่งคำ

“คุณพ่อ คุณพ่อ คุณพ่อน่ารักที่สุด หนูอยากกินค่ะ!”

ไม่เคยมีใครหลุดรอดจากการออดอ้อนของเด็กน่ารักตัวน้อย เซี่ยงเส้าหลงก็ไม่ยกเว้น ครู่เดียวใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “งั้นตามใจหนู พ่อจะไปซื้อมาให้นะ”

อวิ๋นเสว่เหยนเบิกตากว้าง “ตอนกินข้าว ไม่ยอมกินให้ดีๆ หลังจากกินข้าวแล้วก็อยากกินขนมอีก คุณก็อย่าตามใจเขาจนเสียคนละ!”

อวิ๋นเยนเอ๋อรีบมองเซี่ยงเส้าหลงด้วยสายตาน่าสงสาร

อุ้มเธอขึ้นมาและพูดว่า “ครั้งนี้ให้ครั้งเดียว ครั้งต่อไปไม่มีแล้วนะ!”

“เย้! คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย!”

อวิ๋นเยนเอ๋อหอมแก้มเซี่ยงเส้าหลงไปฟอดใหญ่ พ่อลูกหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน อวิ๋นเสว่เหยนส่ายหน้าอย่างเสียไม่ได้มองดูภาพอบอุ่นเช่นนี้ แต่บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มที่มีความสุข

นี่เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ครอบครัวควรจะมีลักษณะเช่นนี้ มิใช่หรือ……

ร้านขายไอศกรีมรสไข่ร้านนี้ขายดีมาก เสียเวลาเข้าแถวซื้อประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงคิวของตน

คนซื้อด้านหน้าเพิ่งจะเดินไป ยังไม่ทันให้เซี่ยงเส้าหลงเอ่ยปากสั่งของกิน จู่ๆ ก็มีคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกคิวข้างหน้าเขา พูดด้วยน้ำเสียงอวดดีว่า “เถ้าแก่! ไอศกรีมรสไข่หนึ่งที่สิ!”

ใบหน้าคาดหวังของอวิ๋นเยนเอ๋อพลันเปลี่ยนเป็นผิดหวัง มองดูเซี่ยงเส้าหลงด้วยใบหน้าเสียใจ ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “คุณพ่อ……”

ใบหน้าเซี่ยงเส้าหลงขึงขังขึ้นทันที จับหัวไหล่คนที่เข้ามาแทรกคิว

คนนั้นหลันหลังขวับ มองหน้าเขาด้วยท่าทีสงสัย

“น้องชาย ซื้อของต้องต่อแถวตามคิวสิ เหตุผลง่ายๆเช่นนี้ไม่เข้าใจหรือไง?”

คนนั้นอายุไม่มากเท่าไรนัก ปัดมือออกด้วยท่าทีขัดใจ “ไปไปไป อย่ามายุ่ง คุณก็ซื้อลำดับถัดไป ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ!”

ฟังน้ำเสียงเขาพูดอย่างมีเหตุผล เซี่ยงเส้าหลงนึกสนุกขึ้นมาในทันที “หากคุณรีบร้อน ลองบอกเหตุผลมาให้ฟังหน่อยสิ ผมสามารถตัดสินใจให้คุณไปก่อนได้ แต่คุณเข้ามาแทรกคิวหน้าด้านๆ แบบนี้ คงไม่เหมาะสมนัก?”

“เฮ้ย! มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ!”

“คนอย่างผมจะซื้อของ ไม่เคยเข้าแถวมาก่อน!”

แววตาเซี่ยงเส้าหลงขึงขัง บีบหัวไหล่ของเขา อย่างรุนแรง คนนั้นร่างกายผอมบางอยู่แล้ว ม้วนตัวล้มกลิ้งลงไปนอนกับพื้น

“ดี!”

“คนที่ไม่รู้จัก กฎระเบียบทางสังคมประเภทนี้ ควรจะได้รับการสั่งสอนบ้าง!”

บรรดาคนที่ยืนเข้าแถว ต่างส่งเสียงเชียร์ ทุกคนต่างเข้าแถวด้วยความยากลำบาก ถือดีอะไรเข้ามาแทรกคิว?

แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สามารถแสดงให้เห็นถึง มารยาททางสังคมของคนคนหนึ่ง!

“แก……แกกล้าทำร้ายฉันเหรอ?”

คนนั้นลุกขึ้นยืน ยิ่งไปกว่านั้นสัมผัสได้ถึงสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเขาจากสายตาคนหลายๆ คน แผดเสียงด่าเซี่ยงเส้าหลงด้วยสีหน้าโกรธเคือง

เซี่ยงเส้าหลงมุมปากยกยิ้ม “ทบทวนคำที่คุณใช้สักหน่อยนะ ผมไม่ได้ทำร้ายคุณ เพียงแค่สั่งสอนให้คุณรู้ว่า การเข้าแถวซื้อของเป็นอย่างไร!”

“ที่นี่มันเป็นที่สาธารณะ ไม่ใช่บ้านของคุณ!”

“พวกเราก็ไม่ใช่พ่อแม่ของคุณเช่นกัน ไม่มีความจำเป็นจะต้องตามใจคุณ!”

“ได้! งั้นแกรอฉันอยู่ตรงนี้!”

คนนั้นเดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เซี่ยงเส้าหลงไม่สนใจเขาแม้แต่นิดเดียว หลังจากซื้อไอศกรีมเสร็จแล้ว คนนั้นก็กลับมา ด้านหลังเขา มีรปภ.มือถือไม้กระบอง จำนวนหนึ่งเดินตามมาด้วย!

เดิมทีผู้คนที่ชอบยืนมุงดูเรื่องสนุก เมื่อเห็นสถานการณ์เปลี่ยนพลันแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง คนนั้นเอามือกอดหน้าอก พูดด้วยท่าทีลำพองใจว่า “ผมขอทบทวนคำที่คุณใช้สักหน่อย ที่นี่ก็คือบ้านของผมจริงๆ !”

“พ่อของผม ก็คือประธานกรรมการห้างสรรพสินค้าแห่งนี้!”

เซี่ยงเส้าหลง คิ้วกระตุกเล็กน้อย พูดว่า “แล้วเป็นไงเหรอ?”

“เป็นไงเหรอ?” คนนั้นแผดเสียงออกมาด้วยท่าทีโกรธเคือง “แกขอโทษฉันมาเดี๋ยวนี้!”

“ทำไมผมต้องขอโทษคุณด้วย?”

“ก็สาเหตุที่คุณทำร้ายผมหนะสิ!”

“นั่นเป็นสิ่งที่คุณควรจะได้รับไม่ใช่เหรอ?”

ฟังน้ำเสียงที่หมายถึงว่ามันควรจะเป็นอย่างนี้ของเซี่ยงเส้าหลง คนนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนจมูกเบี้ยว มือสั่นชี้หน้าเขาด้วยท่าทีเดือดดาล “แก……แกมันบังอาจเกินไปแล้ว!”

“หากฉันไม่สั่งสอนแก่สักครั้ง แกคงไม่รู้จักความร้ายกาจของฉันเมิ่งหยุนเสียง!”

“จับเขาโยนออกไปเดี๋ยวนี้!”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น เอะอะโวยวาย เคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างหรือไม่!”

ขณะที่รปภ.กำลังจะลงมือ มีเสียงน่าเกรงขามดังขึ้นมาจากด้านหลัง ใบหน้าดุดันของรปภ.เปลี่ยนนอบน้อมในทันที โค้งคำนับ พูดว่า “สวัสดีครับท่านประธาน!”

เมิ่งหยุนเสียงรีบเดินเข้าไปหา ใบหน้าแย้มยิ้มด้วยท่าทีประจบประแจง “คุณพ่อ ท่านมาได้ยังไง?”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ก็แค่คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกล้าทำร้ายผม ผมเลยเรียกให้รปภ.จับเขาโยนออกไป!”

คนที่เดินมา เมื่อเห็นเซี่ยงเส้าหลงตกใจเล็กน้อย จากนั้นมองลูกชายของตัวเองด้วยท่าทีแปลกประหลาด “ทำไมเขาถึงเหวี่ยงลูกล่ะ?”

“เพราะเขาไม่ให้ผมแทรกคิวครับ!”

เพี๊ยะ!

เสียงตบดังสนั่นจนเมิ่งหยุนเสียงยืนหมุนไปสามรอบ จนเขามึนงง!

“คุณพ่อ ตบผมเรื่องอะไร?”

เมิ่งหยุนเสียง พูดด้วยน้ำเสียงเสียใจมาก

“แทรกคิวในพื้นที่สาธารณะ สมควรที่จะถูกเหวี่ยงแล้วล่ะ?”

“ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ไม่เพียงจะผลักออก ยังจะตบแกเป็นรางวัลอีกสองฉาด!”

พูดพลาง ดึงหูเมิ่งหยุนเสียง พาเขาเดินเข้าไปหาเซี่ยงเส้าหลง แสดงใบหน้ายิ้มแย้มพูดว่า “เอ่อ……พวกเราพบกันอีกแล้วนะครับ!”

เมื่อมองเห็นใบหน้าที่อยู่ตรงหน้า เซี่ยงเส้าหลงค่อยๆ ฟื้นความจำ จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นชายวัยกลางคนที่พบหน้าประตูบ้านของฉินหยวนติ่ง เมื่อวานนั่นเอง?

“ที่แท้เป็นคุณนั่นเอง!”

ได้ยินว่าเซี่ยงเส้าหลงจดจำตนเองได้ เมิ่งหยางแสดงท่าทีเหมือนกับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงยิ้มกว้างรีบยื่นมือออกไป “ผู้น้อยเมิ่งหยาง ประธานบริษัทซิงหลงกรุ๊ป ไม่ทราบว่าคุณมีชื่อว่าอะไร?”

เซี่ยงเส้าหลงจับมือทักทายกับเขา พูดเบาๆว่า “เซี่ยงเส้าหลง”

“ที่แท้เป็นคุณเซี่ยง! ต้องขอโทษด้วย!”

พูดพลาง สีหน้าขึงขัง ตบลงไปที่ท้ายทอยของเมิ่งหยุนเสียง “ยังยืนอึ้งอยู่ทำไม!รีบขอโทษคุณเซี่ยงเดี๋ยวนี้!”

เมิ่งหยุนเสียงยืนก้มหน้า แม้ภายในใจไม่ยินยอมเท่าไรนัก แต่กลับไม่กล้าที่จะดื้อต่อคำสั่งของคุณพ่อ ก้มหน้าพูดเสียงอู้อี้ว่า “ขอโทษครับ”

เพี๊ยะ!

ถูกตบไปอีกหนึ่งครั้ง “พูดเสียงดังหน่อยสิ ไม่ได้กินข้าวมาหรือไง!”

เมิ่งหยุนเสียง สะดุ้งตกใจ ตัวตั้งตรง โค้งคำนับเก้าสิบองศา พูดเสียงดังว่า “ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว!”

เขาไม่กล้าที่จะทำแบบขอไปที เพราะพ่อของเขาตบแรง มันเจ็บจริงๆ!

เดิมที ไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่อะไรมากมายนัก เซี่ยงเส้าหลงจึงโบกมือและพูดว่า “โอเค โอเค ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ครั้งต่อไปก็ระมัดระวังหน่อยแล้วกัน!”

เมิ่งหยางมีเจตนามุ่งหมาย “น้องเซี่ยง ต้องขอโทษจริงๆ ลูกดื้อคนนี้สร้างความรำคาญให้กับคุณ เอาอย่างนี้ คืนนี้ว่างหรือเปล่า พี่จะขอเลี้ยงอาหาร เพื่อเป็นการขอโทษ!”

สามารถอยู่ในสถานะเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าเมิ่งหยางเป็นคนฉลาด ฉินหยวนติ่งมีสถานะอย่างไร เขาย่อมรู้ดี แต่เขาคนนั้นไม่ยอมรับไมตรีมาตลอด เข้าถึงได้ยาก แต่เซี่ยงเส้าหลงคนที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นมานี้ ไม่เหมือนกัน หากสนิทสนมกับเขา เพื่อผูกสัมพันธ์ไมตรีท่านฉิน เซี่ยงเส้าหลงคงจะช่วยเหลือได้?

แน่นอนว่าเซี่ยงเส้าหลงเองก็เข้าใจในเจตนาของเขา แย้มยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ค่อยว่ากันใหม่เถอะ ผมยังต้องอยู่ดูแลภรรยาและลูกสาว!”

“ได้ได้! น้องเซี่ยงทำธุระไปก่อน เดินเล่นที่นี่ได้ตามสบาย เป็นเหมือนบ้านตนเอง ต้องการจะซื้ออะไร จดบัญชีของพี่ไว้เท่านั้นก็พอ!”

พูดจบ ตะคอกใส่เมิ่งหยุนเสียงโดยไม่มีลางบอกเหตุ “ไอ้ลูกไม่รักดี ไม่รู้จักสังเกตบ้างเหรอ”

“ไม่เห็นท่านอากำลังจะไปหรือไง?!”

เมิ่งหยุนเสียง แทบจะร้องไห้โฮออกมา อะไรวะ? ท่านอา? ชายคนนี้อายุมากกว่าฉันไม่เกินสองสามปี ทำไมถึงลำดับอาวุโสมากกว่าหนึ่งขั้นล่ะ!

เซี่ยงเส้าหลงเกือบจะกัดลิ้นตนเอง นี่มันเรื่องอะไรกัน มาถึงเมืองหลวงได้แป๊บเดียว ดันมีหลานชายซะงั้น?

มองเห็นท่าทางของเมิ่งหยางที่กำลังยกมือขึ้น เพื่อปกป้องท้ายทอยของตนเอง เมิ่งหยุนเสียงรีบพูดขึ้นด้วยท่าทีว่องไว “ท่านอา เดินระมัดระวังด้วย!”

รอจนพ่อลูกที่มีท่าทีแปลกประหลาดทั้งสองเดินไป อวิ๋นเสว่เหยนมองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ “คุณเป็นญาติสนิทกับพวกเขาเหรอ?”

เซี่ยงเส้าหลงยิ้มเจื่อนๆ “ถ้าผมพูดว่า พบกับเขาเพียงแค่สองครั้ง คุณเชื่อมั้ย?”

“คุณพ่อ!”

ทันใดนั้น อวิ๋นเยนเอ๋อ ขมวดคิ้ว “ปวดท้อง อยากจะไปเข้าห้องน้ำ!”

มองดูไอศกรีมในมือที่กินหมดในเวลาอันรวดเร็ว เซี่ยงเส้าหลงปัดที่จมูกของเธอเบาๆ พูดว่า “ของเย็นกินหมดเร็วขนาดนี้ หนูไม่ปวดท้อง เป็นไปไม่ได้?”

พูดจบ อวิ๋นเสว่เหยนรีบพาอวิ๋นเยนเอ๋อไปห้องน้ำทันที ไปและกลับมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเป็นกังวล “ห้องน้ำเต็ม!”

“โอ้ย! หนูจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!”

มองดูใบหน้าอวิ๋นเยนเอ๋อบูดเบี้ยว เซี่ยงเส้าหลงอุ้มเธอขึ้นพูดว่า “เมื่อตอนเข้ามา ผมเห็นด้านนอกห้างสรรพสินค้ามีห้องน้ำสาธารณะ คุณนั่งพักอยู่ตรงนี้สักครู่ ผมจะพาเธอไปเข้าห้องน้ำ!”

พูดจบ เดินออกไปห้องน้ำสาธารณะด้านนอกในทันที เซี่ยงเส้าหลงยืนรออยู่ประมาณยี่สิบนาทีพอดี อวิ๋นเยนเอ๋อจึงค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำ เห็นเธอเดินออกมาด้วยท่าทีอ่อนแรง เซี่ยงเส้าหลงแสดงสีหน้าขึงขัง แสร้งทำเป็นโกรธพูดว่า “ต่อไปยังกล้ากินของอย่างนี้อีกหรือไม่?”

อวิ๋นเยนเอ๋อส่ายหน้า กำลังคิดจะพูด แต่ทันใดนั้น เกิดเสียงดังขึ้น จู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นไปทั่วทั้งพื้นที่!

มีแรงผลักจากแรงระเบิดพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เซี่ยงเส้าหลงไม่ทันได้ตรึกตรองมาก อุ้มอวิ๋นเยนเอ๋อเข้ามาในอ้อมกอด พลังโจมตีมหาศาลผลักเขากระเด็นไปไกลหลายเมตร หันหลังกลับไปมองอย่างรวดเร็ว มองไปยังทิศทางของเสียงระเบิด ตกใจจนดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟ!

แหล่งที่มาของระเบิด ก็คือห้างสรรพสินค้าเมื่อครู่นี้เอง

“เหยนเหยน!”

ดวงตาเซี่ยงเส้าหลงทั้งสองแดงก่ำ อุ้มอวิ๋นเยนเอ๋อที่ตกใจกลัวจนตัวสั่นรีบวิ่งเข้าไปเหมือนดั่งลูกศร มองดูแสงเพลิงพวยพุ่งขึ้นบนฟ้า ควันดำทะมึน ภายในใจตึงเครียดหัวใจแทบจะระเบิดออกมา!

เหยนเหยน คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ!

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท