เซี่ยงหยิ่งรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เซี่ยงเส้าหลงยื่นมือไปตรงหน้าพนักงาน พนักงานหยิบมือถือออกมาด้วยเนื้อตัวสั่นเทา เซี่ยงเส้าหลงเลือกบันทึกเสียงท่อนหนึ่ง และกดปุ่มเล่น
“พี่เส้าจุน เข้ามาสิ!”
สีหน้าของคนตระกูลเซี่ยงเปลี่ยนไปทันที ถึงเสียงจะไม่ชัด แต่คนที่สนิทกับเธอ ฟังออกอย่างชัดเจน นี่คือเสียงของเซี่ยงหยิ่ง!
“เซี่ยงหยิ่ง เรียกฉันมามีเรื่องอะไร ทำไมต้องมาคุยกันในโรงแรมด้วย”
มีเสียงเซี่ยงเส้าจุนดังออกมา
“พี่เส้าจุน ฉันนัดพี่มาที่นี่ ก็ต้องมีเหตุผลสิ……”
น้ำเสียงของเซี่ยงหยิ่งแฝงไปด้วยความยั่วยวน ต่อมามีเสียงกุกกักดังขึ้น จากนั้นเสียงของเซี่ยงเส้าจุนก็ดังขึ้น ฟังออกว่าเขากำลังโมโห “เซี่ยงหยิ่ง! เธอจะทำอะไร!”
“พี่เส้าจุน ฉันชอบพี่มานานแล้ว วันนี้ฉันนัดพี่มา เพราะฉันจะถวายตัวให้พี่ไง!”
“เลอะเทอะจริงๆ!”
เซี่ยงเส้าจุนทั้งตกใจและโมโห “เราเป็นพี่น้องกัน! จะทำเรื่องผิดจริยธรรมได้ยังไง”
เซี่ยงหยิ่งตอบอย่างไม่ใส่ใจ “พี่น้อง เรามีแค่คุณปู่คนเดียวกันเท่านั้น ส่วนความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็เบาบาง จนไม่ต้องไปสนใจก็ได้ พี่จะกังวลอะไร”
“พี่เส้าจุน พี่ว่าฉันสวยไหม เวลาอันงดงามมันมีค่านะ พี่ยอมทำตามใจฉันเถอะ!”
น้ำเสียงของเซี่ยงหยิ่ง เพียงพอที่จะยั่วฮอร์โมนเพศชายได้แทบทุกคน มันปลุกเส้นประสาททุกเส้นของเซี่ยงเส้าจุน!
แต่ใครจะไปรู้ว่าเซี่ยงเส้าจุนจะพูดปฏิเสธ “ถ้าเรื่องที่เธอพูดถึงคือเรื่องนี้ งั้นขอโทษด้วย ฉันขอตัวก่อน!”
“พี่เส้าจุน พี่จะไปไหนไม่ได้!”
“เซี่ยงหยิ่ง เธอกอดฉันทำไม”
“นี่ นี่ เธอจะถอดเสื้อตัวเองทำไม”
“เธอฉีกเสื้อฉันทำไม”
จากนั้นก็มีเสียงดังอึกทึกครึกโครม พร้อมเสียงฝีเท้าวุ่นวายไปหมด ตามมาด้วยเสียงร้องอันน่าเวทนาและเสียงก่นด่ามากมาย
“เซี่ยงเส้าจุน! ไอ้เวร! ฉันเลี้ยงดูแก แต่แกมาย่ำยีลูกสาวฉัน ฉันจะฆ่าคนเลี้ยงไม่เชื่องอย่างแก!”
“ให้ตายเถอะ! เซี่ยงเส้าจุน คางคกอย่างแก มีสิทธิ์ไปชอบผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้าอย่างพี่หยิ่งด้วยเหรอ”
เสียงร้องไห้ของเซี่ยงหยิ่งดังออกมา “พ่อ คุณอา ฮือๆๆ……ช่วยฉันด้วย เซี่ยงเส้าจุนจะย่ำยีฉัน ฮือๆ……ถ้าฉันเสียบริสุทธิ์ ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
“เสี่ยวหยิ่งไม่ต้องร้อง ใครก็ได้เข้ามาจับมันไว้ เอากลับไปตระกูลเซี่ยง ให้ผู้อาวุโสแห่งตระกูลเซี่ยงให้ความเป็นธรรมกับเธอ!”
เซี่ยงเส้าจุนพยายามดิ้น “ผม! ผมไม่ได้ทำ! ผมโดนใส่ร้าย!”
“เซี่ยงหยิ่งยั่วผม!”
“ถุย!”
“หลักฐานคาตา นายจะเถียงอะไรอีก! ไม่ดูสารรูปตัวเองบ้าง ทำไมพี่หยิ่งต้องยั่วนายด้วย”
ต่อมาก็เป็นเสียงกุกกักและเสียงรบกวน เซี่ยงเส้าหลงกดปุ่มปิด และมองเซี่ยงหยิ่งที่หน้าซีดเผือด “ลูกพี่ลูกน้องสาวที่ทนเหงาไม่ไหว เลยไปยั่วลูกพี่ลูกน้องชายที่ซื่อสัตย์อย่างนั้นเหรอ แถมยังพูดใส่ร้ายว่าตัวเองถูกย่ำยี หึหึ ตระกูลลึกลับนี่ไม่เหมือนใครจริงๆ ละครฟอร์มยักษ์ด้านจริยธรรม ละครทีวียังไม่กล้าแสดงแบบนี้เลย……”
“ถ้าผมเปิดเผยบันทึกเสียงนี้ คุณหนูหยิ่งคิดว่าภายในคืนเดียว ตัวเองจะดังไปทั่วเมืองอ๋องเซี่ยงหรือเปล่า”
“นายกล้าเหรอ!”
จู่ๆ เซี่ยงหยิ่งก็แผดเสียงออกมา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอคือคุณหนูตระกูลเซี่ยง ถ้าบันทึกเสียงถูกเปิดเผย ไม่เพียงแต่ตัวเองจะเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่จะพาตระกูลเซี่ยงเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย!
ตระกูลลึกลับที่รักชื่อเสียงดั่งชีวิต นี่คือความผิดที่มิอาจอภัยได้!
“คิดว่าผมไม่กล้าหรือไง”
เซี่ยงเส้าหลงเอียงคอมองเธอ “คุณคิดว่าทำไมผมจะไม่กล้าล่ะ”
เซี่ยงหยิ่งตัวสั่นเทา ใช่ เซี่ยงเส้าหลงกล้าบุกเดี่ยวเข้ามาในตระกูลเซี่ยง ทำไมเขาต้องกลัวคำขู่ของเธอด้วยล่ะ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอขบริมฝีปาก จู่ๆ ก่อนที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งสติ เธอก็พุ่งเข้าไปแย่งมือถือในมือเซี่ยงเส้าหลง และปามือถือลงพื้นอย่างแรง ภายในพริบตา มือถือแตกกระจาย จากนั้นเธอยกขาเหยียบมือถืออย่างบ้าคลั่ง จนรองเท้าส้นแหลมหัก เธอจึงหยุดทำ เธอหายใจอย่างโมโห เธอมองเซี่ยงเส้าหลงเหมือนคนที่มีอาการทางจิต จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “มือถือโดนฉันทำลายแล้ว นายไม่มีหลักฐาน ดูสิว่านายจะทำอะไรฉันได้อีก ฮ่าๆ……”
เซี่ยงเส้าหลงมองเธอเหมือนมองคนปัญญาอ่อน “คุณนี่ใสซื่อเกินไป หรือผมโง่เอง”
จากนั้นเขาจึงใช้ไม้อื่น โดยการเอาปากกาบันทึกเสียงออกมา เมื่อกดปุ่มเล่น เสียงที่บันทึกเมื่อครู่ก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นเซี่ยงหยิ่งจะเข้ามาแย่ง เซี่ยงเส้าหลงเลยยื่นปากกาให้เธอ “คุณหนูเซี่ยง ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น คุณอยากได้ก็เอาไป เพราะผมเตรียมมันไว้อีกนับไม่ถ้วน!”
ตุบ!
เซี่ยงหยิ่งทรุดลงนั่งบนพื้น เธอมองไปยังเสิ่นเสว่เหลียน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ตอนนี้สีหน้าคนตระกูลเซี่ยง ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขารู้ว่าทั้งหมด มันเกิดขึ้นเพราะคนในตระกูลเซี่ยงวางแผนขับไล่เซี่ยงเส้าจุนออกจากตระกูล เซี่ยงหยิ่งเป็นแค่คนที่ทำตามพวกเขาเท่านั้น!
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า จะโดนพนักงานคนเดียว ทำให้แผนการที่สมบูรณ์แบบ พังทลายจนไม่มีชิ้นดี!
ขืนปล่อยให้บันทึกเสียงนี้หลุดออกไป ชื่อเสียงของตระกูลลึกลับอย่างตระกูลเซี่ยง ต้องป่นปี้อย่างแน่นอน!
“เซี่ยงเส้าหลง! พูดสิ่งที่นายต้องการมา!”
เสิ่นเสว่เหลียนพูดเสียงต่ำ เรื่องมาถึงขนาดนี้ พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ เธอทำได้เพียงคิดวิธี ทำให้เสียหายน้อยที่สุด!
“เร็วๆ!”
แววตาของเซี่ยงเส้าหลงเป็นประกาย จากนั้นจึงพูดว่า “เงื่อนไขของผมง่ายดายมาก เอาของที่เป็นของพี่ใหญ่ คืนมาทั้งหมด!”
“ไม่มีทาง!”
เสิ่นเสว่เหลียนปฏิเสธทันที อะไรที่เรียกว่าเป็นของเซี่ยงเส้าจุน
ถ้าพูดตามกฎ ลูกชายคนโตที่มีสายเลือดทางตรงแบบเขา ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเซี่ยง ก็คือของเขา!
ทว่าตอนนี้เสิ่นเสว่เหลียนกุมอำนาจในตระกูล เธอจะมอบตระกูลที่เธอบริหารด้วยความยากลำบากมาเนิ่นนาน ตระกูลที่สร้างเงินสร้างชื่อเสียงให้เธอ ไปให้คนอื่นได้ยังไง
“ถ้าเป็นเช่นนี้ เกิดเรื่องอะไรต่อจากนี้ อย่ามาว่าผมก็แล้วกัน!”
“เซี่ยงเส้าหลง!”
เซี่ยงเวิ่นไห่เดินเข้ามามองเขา “อย่าลืมสิ นายก็เป็นทายาทของตระกูลเซี่ยง ถ้าตระกูลเซี่ยงเสื่อมเสียชื่อเสียง นายก็จะแปดเปื้อนไปด้วย!”
“อีกอย่าง ถ้านายป่าวประกาศออกไป แล้วจะทำไมเหรอ อำนาจของเราในเมืองอ๋องเซี่ยง นายคิดว่ามีสำนักข่าวไหนกล้าปล่อยบันทึกเสียงนี้ออกไปบ้างล่ะ”
เซี่ยงเส้าหลงยกยิ้มมุมปาก “เหรอ มั่นใจขนาดนั้นเลย”
พูดจบ ก่วยเสอคนในสิบสององครักษ์เสื้อเลือดยืนขึ้น และพูดว่า “นายพลน้อย รถขยายเสียงห้าร้อยคัน ประจำตามตรอกซอกซอยในเมืองอ๋องเซี่ยงแล้วครับ ขอแค่คุณออกคำสั่ง รถขยายเสียงจะประกาศแบบวนซ้ำ รับรองว่าภายในห้านาที คนทั้งเมืองอ๋องเซี่ยง ต้องรู้อย่างแน่นอน!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เริ่มประกาศได้เลย!”
“เดี๋ยว!”
เสิ่นเสว่เหลียนสูดหายใจลึก เขามองเซี่ยงเส้าหลงอย่างเดือดดาล แต่เซี่ยงเส้าหลงไม่กลัว และจ้องเธอกลับ ผ่านไปครู่หนึ่ง เสิ่นเสว่เหลียนละสายตาออก “เซี่ยงเส้าหลง ตระกูลเซี่ยงสืบทอดกันมากว่าพันปี ผู้ครอบครองตำแหน่งนี้ ต้องเป็นคนมีความสามารถ ถึงเซี่ยงเส้าจุนจะมีสายเลือดทางตรง แต่เขาไร้ความสามารถ รับตำแหน่งของตระกูลเซี่ยงไม่ได้หรอก!”
“แต่ฉันจะให้โอกาสเขาครั้งหนึ่ง!”
“โครงการใหญ่ในปีนี้ของตระกูลเซี่ยง เงินร่วมลงทุนกว่าหมื่นล้าน ถ้าเซี่ยงเส้าจุนสามารถเอาโครงการนี้มาเป็นของตระกูลเซี่ยง ภายในเวลาสามวัน ฉันจะประกาศให้ทุกคนทราบด้วยตัวเอง ว่าเซี่ยงเส้าจุนจะมาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเซี่ยงในอนาคต!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนถึงกับอึ้งไป!
สายตาของเซี่ยงเส้าหลงจริงจัง แววตาเต็มไปด้วยความฮึกเหิม เขาพูดอย่างยโสว่า “ได้! คำไหนคำนั้น!”