บทที่ 38 แบบเธอนี้ น่าเสียดายเหลือเกิน
“พี่หนานเซิงเหรอครับ”
ในระเบียงทางเดินนอกห้องหนังสือ ซิงเฉินที่กำลังจะลงไปเทน้ำที่ชั้นล่างขมวดคิ้วมองชายหนุ่มที่มีท่าทางลับๆล่อๆ “ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านของผม”
ฉินหนานเซิงตกใจ รีบทำท่าทาง“ชู่”ไปยังเด็กน้อย ชี้ไปที่ห้องหนังสือ “อย่าส่งเสียง! พ่อของนายกับแม่ใหม่อยู่ข้างใน”
ซิงเฉินขมวดคิ้วคิดใคร่ครวญ ก็เข้าใจแล้ว
เด็กน้อยเบ้ปาก ยกมือมาดึงแขนเสื้อของฉินหนานเซิง “อย่างนั้นในเมื่อผมไม่สามารถรบกวนพวกเขาได้ พี่หนานเซิงก็รบกวนพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน”
“ไปเถอะ ผมจะเลี้ยงน้ำเปล่าพี่!”
ฉินหนานเซิง:“……”
เขายืนอยู่กับที่ไม่ขยับ “นายไปเองเถอะ”
“พี่ยังมีภารกิจอื่นอีก”
ซิงเฉินกะพริบตาปริบๆ “ภารกิจอะไร”
“แน่นอนว่าคือ……”
ฉินหนานเซิงยิ้มเจ้าเล่ห์พลางหยิบปากกาบันทึกเสียงออกมา “คุณปู่สงสัยในรสนิยมทางเพศของคุณอามาตลอด……ถ้าวันนี้ฉันได้บันทึกเสียงเอาไว้ ฉันก็จะไปเอาเงินค่าขนมกับคุณปู่……”
ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ ปากกาบันทึกเสียงในมือของเขาก็ถูกมือใหญ่ที่มีนิ้วเรียวยาวแย่งไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ก็มีเสียงเย็นชาทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหู “อย่างนั้นนายก็อาจจะต้องผิดหวังแล้ว”
ฉินหนานเซิงตกใจ รับหันมามอง
ด้านหลัง ชายหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ สายตาทั้งสง่าทั้งเกียจคร้าน
เขาบีบปากกาบันทึกเสียงของเขาไว้ในมือ “ฉินหนานเซิง ดูท่านายจะไม่ต้องการความช่วยเหลือสือเยว่แล้ว”
ฉินหนานเซิงหน้าถอดสีขึ้นมาทันที
“คุณอา ฟังผิดแล้ว”
“ปากกาบันทึกเสียงแท่งนี้……ความจริงผมจะเอามาใช้บันทึกเสียงของอาสะใภ้ที่อีกเดี๋ยวจะวิเคราะห์บทละครให้ผม”
“บทอะไรคะ”
ด้านหลังของฉินโม่หานเสียงเย็นของหญิงสาวดังขึ้น
ซูสือเยว่ยังคงใส่ชุดนอนที่เซ็กซี่นั้น แต่ด้านนอกชุดนอน มีเสื้อคลุมสูทสีเทาของฉินโม่หานคลุมทับอยู่
เสื้อคลุมของเขาใหญ่มาก เธอคลุมไว้บนตัว ชายเสื้อถึงหน้าแข้งเธอพอดี สามารถปิดบังเรือนร่างที่สวยงามสมส่วนของเธอได้หมด
“อย่างนี้นี่เอง”
ฉินหนานเซิงเม้มปาก “อาสะใภ้ครับ ผมได้ยินลั่วเยียนพูดว่า ความเข้าใจและการวิเคราะห์บทของคุณมีความแตกฉานกระจ่างชัดมาก……”
เขายิ้มอย่างเขินๆ “ช่วงนี้ผมกำลังอยากจะถ่ายหนังภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เป็นนักแสดงนำชายในภาพยนตร์……”
พูดพลาง เขารีบหยิบสคริปต์ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมายัดใส่มือของซูสือเยว่ “ดังนั้นผมอยากรบกวนอาสะใภ้คืนนี้คงต้องลำบากหน่อยนะครับ ช่วยผมทำความเข้าใจและวิเคราะห์ตัวละครหน่อยนะครับ”
ซูสือเยว่รับบทมา หัวสมองยังปรับตัวไม่ค่อยทัน
พักหนึ่ง เธอหันไปมองฉินโม่หาน “ก่อนหน้านี้ที่คุณบอกว่า……ต้องรบกวนเวลาฉันทั้งคืน……”
“ก็คือเพื่อบทบ้าๆบอๆนี่”
ฉินโม่หานเอ่ยปากด้วยเสียงเรียบเฉย
ซูสือเยว่:“……”
ก็ได้ เธอเข้าใจผิดไปทั้งหมดเลย……
“แต่ว่า”
ดวงตาดำขลับคู่นั้นของชายหนุ่มกวาดตามองรอบใบหน้าเล็กๆที่แดงและร้อนผ่าวของซูสือเยว่ “ต่อไปค่อยทำให้คุณสมหวัง”
ซูสือเยว่:“……”
เธอไม่กล้ามองสายตาเขา ได้แต่กำบทกลับห้องหนังสือไปอย่างดื้อๆ “ฉันจะช่วยคุณดู”
ฉินโม่หานมองแผ่นหลังที่เดินไปอย่างรีบร้อนของเธอ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ดังนั้นคืนนี้หม่ามี๊ต้องทำงานล่วงเวลาแล้วใช่มั้ยครับ”
ซิงเฉินเบิกตาโตมองด้านหลังของซูสือเยว่
“อืม”
“หม่ามี๊เหนื่อยเกินไปแล้ว”
เด็กน้อยถอนหายใจ “ผมจะไปบอกให้พี่ไปต้มชานมให้หม่ามี๊”
ชานมเหรอ
ทันใดนั้นตรงหน้าของฉินหนานเซิงก็สว่างวาบ “ให้ฉันด้วยแก้วหนึ่งสิ”
ซิงเฉินเงยหน้าขึ้นมา มองเขานิ่งๆ “มีแต่น้ำเปล่า”
…………
ความจริงบทละครของฉินหนานเซิงไม่ได้ยาวนัก ซูสือเยว่ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็อ่านจบแล้ว
เธอนั่งอยู่บนโซฟา ใช้ปากกาวาดแผนภาพวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวละครบนกระดาษด้วย
บางครั้ง เธอก็จะเงยหน้าขึ้น แอบมองฉินโม่หาน
เขากำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานหลักของห้องหนังสือ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูสือเยว่ได้มองสำรวจท่าทางการทำงานอย่างจริงจังของ ฉินโม่หาน ในระยะใกล้ๆ
ไม่เหมือนกับเขาที่เกียจคร้านในเวลาปกติ ผู้ชายคนนี้ท่าทางจริงจังขึ้นมา ก็ดูหล่อเหลามีเสน่ห์มาก
จากมุมของเธอ สามารถมองเห็นขนตาที่งอนยาวของเขา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง และยังแนวกรามที่คมชัดเหมือนสิ่ว
เธอมองอย่างเหม่อลอย ไม่รู้สึกตัว
“อาสะใภ้ครับ”
เสียงฉินหนานเซิงเรียกดังขึ้นข้างหู
เธอจึงดึงสติกลับมาได้
“ตัวละครที่ผมแสดง กลับมีความสัมพันธ์อีกชั้นกับฆาตกรคนนี้เหรอครับ”
ฉินหนานเซิงชี้ไปที่ภาพความสัมพันธ์บนกระดาษ ถามอย่างสงสัย
“ใช่ การอนุมานในข้อนี้ ฉันก็อ่านบทสองรอบถึงตีความออกมาได้”
“โอ้ย”
ฉินหนานเซิงถอนหายใจ “ผมเกลียดนักแสดงหญิงที่เล่นเป็นฆาตกรคนนี้ ไม่อยากเข้าฉากกับหล่อน”
ซูสือเยว่ก้มหน้า ขณะที่เขียนเกี่ยวกับความเป็นไปทางจิตวิทยาของตัวละคร ก็พูดกับเขาพลางว่า “ในเมื่อคุณอยากเป็นนักแสดง ก็ควรเอาตัวเองเป็นไปตามบทบาทนั้น พอเข้าถึงตัวละคร คุณก็จะไม่เกลียดเธออีกต่อไป”
ฉินหนานเซิงทำปากจู๋ ไม่พูดอะไร
ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดซูสือเยว่ก็วิเคราะห์ความสัมพันธ์ในแง่จิตวิทยาของตัวละครเสร็จ และเขียนหมายเหตุของตัวละครไว้หลายหน้า
เธอยืดมือมาบิดขี้เกียจ ส่งบทให้กับฉินหนานเซิง “ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉันเคยได้ยิน ก่อนหน้านี้ไม่ได้กำหนดว่านักแสดงนำชายคือเฉิงเซวียนเหรอ ทำไมอยู่ๆเปลี่ยนเป็นคุณแล้ว”
ฉินหนานเซิงรับบทไป ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “นางเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้สวยมาก”
“ผมอยากจีบเธอ ดังนั้นก็เลยถอดพระเอกอย่างเฉิงเซวียนออก”
ซูสือเยว่:“……”
แบบนี้ก็ได้เหรอ
“นักแสดงนำที่กำหนดไว้แล้ว ไม่น่าจะถอดออกง่ายขนาดนั้น”
“แค่ประโยคเดียว”
ชายหนุ่มที่กำลังก้มหน้าทำงานค่อยๆหยุดปากกาในมือ
เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาดำขลับมองไม่เห็นก้นบึ้งคู่นั้นค่อยๆมองมาที่ซูสือเยว่ “ต่อไปถ้าคุณชอบละครเรื่องไหน ก็บอกผมได้เหมือนกัน”
ซูสือเยว่:“……”
เธอยักไหล่ “ฉันก็แค่นักแสดงแทนเท่านั้น ไม่ต้องใช้อำนาจพิเศษนี้หรอก!”
หญิงสาวบิดขี้เกียจ “นี่ก็ดึกมากแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ฉันกลับไปนอนก่อนนะคะ”
พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ฉินหนานเซิงยืนอยู่ที่เดิม มองไปทางที่เธอเดินจากไป คิ้วขมวดเล็กน้อย “คุณอา อาจะไม่ไปสืบอดีตของอาสะใภ้เหรอครับ”
“เมื่อครู่ฉันดูออก ความจริงแล้วเธอชอบการแสดงมาก และก็มีประสบการณ์มมากด้วย”
“ตกลงมันคือความทรงจำที่ดำมืดเลวร้ายอะไรกันแน่ ที่สามารถทำให้เธอไม่อยากเป็นนักแสดงเลยสักนิด”
ฉินโม่หานก้มหน้า ปากกาที่จับไว้ในมือตวัดเขียนบนเอกสารต่อไปอย่างรวดเร็ว “อาจจะเป็นปมในใจ”
เขาไม่ได้อยากจะไปขุดคุ้ยอดีตของเธอ
ไม่ว่าอดีตเธอจะดีหรือจะเลว ผ่านอะไรมา เขาก็ไม่สนใจ
ขอแค่เธอเป็นภรรยาเขาอย่างสบายใจ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ
ฉินหนานเซิงเบะปาก “อย่างเธอนี้ น่าเสียดายเหลือเกิน”
“ไม่น่าเสียดาย ขอแค่เธอยังชอบงานนี้ ไม่ช้าก็เร็วเธอก็จะเปล่งประกายความสามารถออกมา”
“แต่เธอไม่ยอมเป็นนักแสดงอย่างเป็นทางการนี่”
ฉินโม่หานก้มศีรษะ มองเอกสารพลาง เอ่ยปากเบาๆพลาง “เธอไม่ยอมแสดง แม้แต่ละครสักฉากก็ไม่เล่นเลยจริงเหรอ”