บทที่ 41 สิ่งที่คุณควรกังวลใจไม่ใช่สิ่งนี้
ซูสือเยว่คาดไม่ถึงเลยว่า ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังคงได้ยินเฉิงเซวียนพูดอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างนี้อยู่
เธอยิ้มเยาะแล้วมองเขา “แต่คุณรังเกียจที่ฉันสกปรกไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเห็นเธอไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรง ฉับพลันนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเฉิงเซวียนก็เป็นประกาย “แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยรังเกียจที่เธอสกปรก”
“แต่ตอนนี้ ฉันได้ฉันมีหวั่นฉิงที่สะอาดอยู่แล้ว ถ้าเธอติดตามฉันต่อไป อันที่จริงฉันก็จะไม่เมินเฉยกับเธอหรอก”
พอพูดจบ เขาก็ยังพิจารณามองดูซูสือเยว่ขึ้นลงด้วยสีหน้าที่หื่นกระหาย “ความจริงแล้วไม่ว่ารูปร่างหรือว่าหน้าตา เธอล้วนดีกว่าหวั่นฉิงมากทีเดียว”
“น่าเสียดาย…”
คำพูดของผู้ชาย ทำให้ซูสือเยว่นั้นเกือบจะอาเจียนอาหารที่ค้างคืนทั้งหมดออกมาแล้ว
แต่เธอก็ยังเงยหน้าและยิ้มให้เขาน้อยๆ “อันที่จริงถ้าจะให้ฉันติดตามคุณ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”
“เพียงแต่ฉันมีเงื่อนไข”
“เธอบอกมาสิ”
ซูสือเยว่มองเขาอย่างเอียงอาย “คุณลงจากรถก่อนแล้วฉันจะบอกคุณ”
เฉิงเซวียนเปิดประตูแล้วลงจากรถทันที ก่อนจะก้าวเดินอย่างสง่างามที่หยุดอยู่ข้างกายซูสือเยว่ “พูดมาสิ”
“ขอแค่อยู่ในขอบเขตที่ฉันสามารถทำได้ ฉันสามารถตอบสนองความต้องการให้เธอได้ทุกอย่าง”
“ความต้องการของฉันไม่สูงมาก ขอแค่คุณ…”
ประกายที่เยียบเย็นวาบผ่านในดวงตาของหญิงสาว ตามด้วยท่อนขาที่ยกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“อึก!”
ตามด้วยเสียงร้องที่น่าสงสารคำหนึ่ง นักแสดงชาวต่างชาติสุดหล่อที่อยู่ตรงหน้าคนนั้น กำลังใช้สองมือกุมหว่างขาเอาไว้ กลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
“ขอแค่ให้คุณกลายเป็นขันทีเสียก่อน ฉันถึงจะยอมรับปากคุณ ”
ซูสือเยว่มองดูเฉิงเซวียนจากมุมบนแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวไปด้วยความหยิ่งยโสแล้วก้าวยาวๆ เดินจากไป
“อุ๊บ!”
สตูดิโอภาพยนตร์ตรงถนนที่ห่างไกลออกไปฉินหนานเซิงตกใจเสียจนพ่นน้ำที่เพิ่งจะดื่มลงไปออกมาจนหมด
“ผมก็ยังคิดอยู่จริงๆ เลยนะว่าอาสะใภ้เล็กคงจะนัวเนียอยู่กับแฟนเก่าคนนี้เสียอีก”
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็เหลือบมองจากกระจกมองหลังไปยังชายที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่หลังแวบหนึ่ง “อาเล็ก ตอนนี้คุณวางใจได้แล้วหรือยัง?”
“ข่าวลือในอินเทอร์เน็ตพวกนั้นล้วนแล้วแต่เชื่อถือไม่ได้!”
ในที่สุดบรรยากาศที่อึมครึมภายในรถมาโดยตลอดก็ได้คลี่คลายลง
เค้าโครงใบหน้าด้านข้างที่ลึกล้ำของชายผู้นั้นดูสูงส่งและเย็นชา “ไป๋ลั่ว ไปกันเถอะ”
ไป๋ลั่วเช็ดเหงื่อเย็นๆ ที่หน้าผากเล็กน้อย “ครับ”
“ซูสือเยว่ เธออย่าหนีนะ!”
เฉิงเซวียนใช้มือกุมไว้ด้วยความเจ็บปวด แล้วปีนจากพื้นขึ้นมาที่รถด้วยความยากลำบาก แล้วกัดฟันสั่งคนขับรถว่า “ไปจับหล่อนมาให้ฉัน!”
คนขับรถไม่กล้าชักช้า แล้วรีบขับรถไล่ตาม
ซูสือเยว่รีบวิ่งอย่างสุดฝีเท้า
น่าขัน คนขับรถของเฉิงเซวียนยังทำงานควบตำแหน่งเป็นผู้คุ้มกันให้เฉิงเซวียนอีกด้วย!
แต่ว่าสุดท้ายแล้วขาทั้งสองข้างของเธอก็ไม่อาจเร็วไปกว่ารถที่ขับเคลื่อนด้วยสี่ล้อ
ไม่นาน คนขับรถก็ไล่ตามเธอทัน
ในขณะที่คนขับรถจะเปิดประตูรถลงไปจับซูสือเยว่นั้น ก็มีรถยนต์มาเซราติสีดำมาจอดลงข้างๆ ซูสือเยว่
ที่เบาะข้างคนขับเผยให้เห็นใบหน้าของฉินหนานเซิง “ขึ้นรถ!”
ซูสือเยว่รีบเข้าไปทันทีแล้วเปิดประตูรถทางด้านเบาะหลัง จากนั้นนั่งลงไป
แต่เฉิงเซวียนจะปล่อยให้เธอจากไปง่ายๆ อย่างนี้ได้อย่างไร?
เขาคว้าประตูเบาะหลังรถเอาไว้อย่างกระหืดกระหอบ “ซูสือเยว่! เธอลงมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ซูสือเยว่ที่อยู่ห่างจากประตูรถแลบลิ้นไปทางเขา “นายใช้ฟันงับฉันสิ”
เฉิงเซวียนจ้องเขม็งไปที่เธออย่างเอาเป็นเอาตาย “ทางที่ดีฉันขอแนะนำว่าให้ขอโทษฉันดีๆ เดี๋ยวนี้”
“ไม่อย่างนั้นละก็ หลังจากนี้ต่อให้เธอจะขอร้องฉันว่าจะขอติดตามฉัน ฉันก็จะไม่เอา!”
“ในวงการบันเทิงนี้ ฉันจะขยี้เธอให้ตาย ขยี้ให้ตายง่ายๆ เหมือนกับมดตัวหนึ่ง!”
เมื่อสิ้นเสียง ก็มีมือใหญ่ที่มีของต่อเรียวยาวยื่นออกมาจากทางด้านหลังของซูสือเยว่ โอบไหล่ของหล่อนเอาไว้อย่างเผด็จการ แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มเปี่ยม
กระจกรถเลื่อนลงมา พร้อมกับเสียงที่ทุ่มต่ำของผู้ชายที่ดังขึ้นอย่างราบเรียบว่า “อย่างนั้นเหรอ?”
ท้องฟ้าในตอนพลบค่ำคืนนั้นมืดสลัว ที่ด้านในของรถไม่ได้เปิดไฟ เฉิงเซวียนมองใบหน้าของคนคนนั้นได้ไม่ชัด เพียงแต่สัมผัสได้ถึงความทรงพลังของชายคนนั้นที่ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่สะดวก
ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย “นายเป็นใคร?”
ชายผู้นั้นไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับยิ้มอย่างเย็นชาและเกียจคร้าน “จำคำพูดในวันนี้ของนายให้ดี”
เมื่อพูดจบแล้ว ก็ปรับกระจกรถขึ้น แบ่งกั้นในรถและนอกรถออกเป็นสองโลก
รถยนต์มาเซราติสีดำก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย
เฉิงเซวียนยืนอยู่ที่เดิม มองดูทิศทางที่รถคันนั้นจากไป ขมวดคิ้วแน่นอย่างดุดัน
ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?
ทำไมถึงกล้าเอามือวางบนไหล่ของซูสือเยว่?
ท่านชายฉิน?
ไม่มีทาง!
ท่านชายฉินที่โหดร้ายคนนั้นไม่มีทางเลยที่จะเห็นซูสือเยว่ภรรยาคนนี้อยู่ในสายตา
ดังนั้น…
เฉิงเซวียนหรี่ตาลง นี่คงเป็นชู้รักอีกคนของซูสือเยว่อีกคนสินะ?
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็แค่นเสียงเย็นชา “เสแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรกัน”
เมื่อห้าปีก่อนซูสือเยว่ก็เป็นแค่ผู้หญิงชั้นต่ำสกปรกโสมม
จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่!
……
รถยนต์มาเซราติสีดำขับออกจากสตูดิโอภาพยนตร์มุ่งไปยังวิลล่าของตระกูลฉินอย่างรวดเร็ว
“อาสะใภ้เล็ก ต้องการให้ผมช่วยจัดการคนคนนั้นไหมครับ?”
ฉินหนานเซิงที่นั่งอยู่ข้างเบาะคนขับดูโทรศัพท์มือถือไปด้วย พร้อมทั้งเอ่ยปากถามไปด้วย “พวกเรามองดูจากไกลๆ เห็นว่าเขาตามตื๊อคุณอยู่นานมาก”
“เขาตามตื๊อคุณทุกวันอย่างนี้เลยเหรอ?”
ร่างของซูสือเยว่หยุดชะงักไปในทันที
“พวกคุณ…มานานแล้วเหรอ?”
“อืม”
ฉินหนานเซิงพยักหน้า “ผมเอาข่าวกับรูปที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตพวกนั้นให้อาเล็กดูแล้ว ดังนั้นอาเล็กก็เลยตัดสินใจมารับคุณด้วยตัวเอง”
“ปรากฏว่าตอนที่พวกเรามาถึงนั้น ก็เห็นว่าคุณกับผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วยกัน…”
ทั่วทั้งร่างของซูสือเยว่ชะงักไปอย่างรุนแรง!
ข่าวกับรูปที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตพวกนั้น พวกเขาเห็นหมดแล้วเหรอ?
หางตาของเธอเหลือบมองดูผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ฉินโม่หานกำลังก้มหน้าอยู่ สายตาที่เย็นชานั้นกำลังจ้องมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่บนเข่า
เขาดูเย็นชาและสงบนิ่งราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับฉินหนานเซิง
“คุณคงไม่รู้สินะว่าเมื่อกี้นี้สีหน้าของอาเล็กดูไม่ได้อย่างมากเลยล่ะ”
ฉินหนานเซิงที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับยังคงพูดน้ำไหลไฟดับ “ยังดีที่คุณไม่ได้มีอะไรกับผู้ชายคนนั้น”
“ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ ผมสงสัยว่าวันนี้อาเล็กคงจะต้องแยกสตูดิโอภาพยนตร์หมดซะแล้ว…”
“จอดรถ”
ฉินหนานเซิงยังไม่ทันจะได้พูดจบ ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังก็เอ่ยปากขึ้นมาอย่างราบเรียบ
“เอียด!”
ไป๋ลั่วมีเหงื่ออยู่ท่วมศีรษะแล้วจอดรถ
ฉินโม่หานพับเก็บโน๊ตบุ๊คด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ริมฝีปากพ่นคำที่เย็นชาออกมาสามคำ “ไสหัวไป”
ฉินหนานเซิงอึ้งไปสักพัก แล้วหันกลับมามองเขา “อาเล็ก คุณ…ให้ผม…”
เขายังไม่ทันจะได้พูดจบ ชายที่อยู่เบาะหลังก็กวาดสายตามองไป
ฉินหนานเซิงเปิดประตูลงจากรถราวกับหนีตายก็มิปาน
“ออกรถ”
รถยนต์มาเซราติสีดำก็เริ่มออกตัวอีกครั้ง
บรรยากาศดูน่ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
ซูสือเยว่รู้สึกกระสับกระส่ายอยู่บ้าง
เธอคิดว่าเธอควรที่จะอธิบายอะไรสักหน่อย
เธอไอกระแอมเบาๆ หนึ่งคำ แล้วหันไปมองใบหน้าของเขา “คือว่า…”
“ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่อินเทอร์เน็ตเขียนเอาไว้แบบนั้น…”
“ฉันไปเอาบทละคร แต่นึกไม่ถึงว่าเฉิงเซวียนเองก็อยู่ด้วย ผู้กำกับสั่งให้ฉันแสดงละครกับเขา ฉันไม่มีทางเลือก ก็เลยถูกคนถ่ายภาพแบบนั้นไป…”
ดวงตาที่ดำสนิทเป็นประกายของหญิงสาวจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง “ความจริงฉันเลิกชอบเขานานแล้ว”
“คุณอย่าไปเชื่อ…”
ชายหนุ่มก้มศีรษะลง แล้วเริ่มเคาะลงบนโน๊ตบุ๊คแล้ว “พรุ่งนี้ยังต้องแสดงด้วยกันอยู่ไหม?”
ซูสือเยว่อึ้งไปสักพัก “ดูเหมือนว่าจะ…ใช่”
อากาศภายในรถหนาวเหน็บไปชั่วขณะ
ซูสือเยว่มองดูสีหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจังของเขา ก็รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ฉันจะพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาอีกสักนิด”
“ส่วนคนพวกนั้นจะพูดอะไรในอินเทอร์เน็ต ฉันก็คงจนปัญญา…”
“สิ่งที่เธอควรกังวลใจไม่ใช่สิ่งนี้”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง “เมื่อกี้เธอเพิ่งจะเตะเฉิงเซวียนไปหนึ่งที”
ซูสือเยว่เข้าใจแจ่มแจ้งในทันทีและยกมือขึ้นตบหน้าผากเบาๆ อย่างสิ้นหวัง “พรุ่งนี้เขาจะต้องเอาคืนฉันแน่นอน!”