สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 115 เป็นผมเองที่ไม่ได้สั่งสอนเธอให้ดี

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

“ตารอง นั่งสิ”

เมื่อเห็นว่าฉินหลิงยี่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ท่านปู่ฉินก็กระแอมออกมา และชี้ไปที่โซฟาที่อยู่ตรงข้าม “โม่หานบอกว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องประกาศให้ทราบ…”

เมื่อพูดจบ ชายชราเหลือบมองนาฬิกาแวบหนึ่ง “ตอนนี้ทำไมบ้านของเรายังขาดหนานเซิงกับเชียนจิ่วก็จะมาครบคนแล้วเนี่ย?”

“เชียนจิ่วเธอไปต่างประเทศแล้ว”

เมื่อสิ้นเสียงท่านปู่ ฉินหลิงยี่ก็ตอบกลับมาตามปกติทันที “พูดว่ามีงานนิทรรศการที่ต่างประเทศ เมื่อคืนตอนดึกก็เปลี่ยนเครื่องและเดินทางไปแล้ว”

แววตาความเอ็นดูเผยให้เห็นออกมาเล็กน้อย “เธอก็เป็นซะแบบนี้มาตลอด ชอบผลุบๆ โผล่ๆ”

เมื่อพูดถึงเย่เชียนจิ่วจบแล้ว ราวกับว่าเขาคิดอะไรขึ้นมาได้พลันเงยหน้าขึ้นมามองซูสือเยว่ “คุณเคยเจอกับเชียนจิ่วแล้วใช่ไหม?”

ซูสือเยว่พยักหน้า “ค่ะ”

“เด็กคนนั้นเป็นเหมือนพวกเด็กประสาทนิดๆ ถ้าเธอเผลอหลุดปากหรือว่าทำอะไรที่ดูแล้วผิดปกติไป คุณก็อย่าเก็บไปคิดเลยนะ”

ตอนที่ฉินหลิงยี่พูดคำนี้ออกมา จนน้ำเสียงความเอ็นดูจนปิดไว้ไม่มิด

ซูสือเยว่หรี่ตาลง “พี่รองพูดว่าอย่าให้ฉันเก็บไปคิด หมายความว่าอย่างไรเหรอคะ?”

“ความหมายคือเธอสามารถพูดต่อหน้าฉันได้เรื่องเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างเธอกับสามีของฉันในวัยเด็ก หรือว่าตอนที่ฉันกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น สาปแช่งให้ฉันถูกคนมอมเหล้าจนเกิดเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นนะเหรอ?”

คำพูดของหญิงสาว ทำให้บรรยากาศในห้องรับแขกลดต่ำลงจนไปถึงจุดเยือกแข็งทันที

ฉินเจี้ยนอานพลันเงยหน้าเหลือบตามองท่านปู่ฉิน สายตาของทั้งสองคนพลันปรากฏความสับสนความหมายลึกซึ้งขึ้นมา

ฉินหลิงยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่นาน เขาก็ยิ้มแล้วยิ้มอีก “ถ้าสิ่งที่คุณพูดออกมาเป็นสิ่งที่เชียนจิ่วเคยทำไว้ เช่นนั้นผมก็ขอโทษแทนเธอกับคุณด้วยแล้วกัน”

“ผมไม่ได้สั่งสอนเธอให้ดี’

ฉินโม่หานโอบไหล่ของซูสือเยว่อย่างแผ่วเบา น้ำเสียงเย็นชามาก “เช่นนั้นต่อไปรบกวนพี่รองอบรมสั่งสอนเชียนจิ่วให้ดีด้วย”

“ฉันจะทำ”

ฉินหลิงยี่จ้องมองซูสือเยว่อย่างจริงจัง “เชียนจิ่วยังทำเรื่องอะไรอีกที่ทำให้น้องสะใภ้เกิดไม่ถูกใจ?”

ซูสือเยว่ส่ายหน้าไปมา

เธอกับเย่เชียนจิ่วเจอกันน้อยครั้งมากถึงขั้นสามารถนับนิ้วได้ แม้ว่าเธอจะไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นก็ตาม แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นนอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้ทำเรื่องอื่นจริงๆ

“เช่นนั้นก็ดี”

ฉินหลิงยี่ยิ้มให้

ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อห้าปีก่อน เธอคงลืมมันหมดสิ้นแล้วจริงๆ

คนหลายคนนั่งคุยกันอยู่สักพัก ฉินหนานเซิงก็กลับมา

แม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนหลับทั้งคืน จนใบหน้าของเขาก็สื่อความเหนื่อยล้าเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม

ฉินเจี้ยนอานจ้องมองใบหน้าเย็นชาของเขา “เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับบ้านมาทั้งคน แล้วทำไมถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้?”

“แกออกไปไหนมา?”

“ผมตัดสินใจได้แล้ว”

ฉินหนานเซิงสูดลมหายใจเข้า พร้อมทั้งยืนอยู่ด้านหน้าคนในครอบครัว น้ำเสียงประกาศออกมาอย่างหนักแน่น “ผมตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้”

คำพูดนี้ ก็เหมือนกับสายฟ้าฟาด จนทำให้ระเบิดลงตรงกลางห้องรับแขกทันที

สีหน้าของทุกคนยินดีปรีดามาก

เฉิงลู่เพิ่งจะเดินลงมาจากชั้นบน เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็พุ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้นทันที และกอดฉินหนานเซิงเอาไว้ “ลูกชายที่แสนดี ในที่สุดแกก็คิดได้แล้ว จะสร้างครอบครัวแล้ว!”

“อีกฝ่ายเป็นลูกเต้าเหล่าใครเทือกเถาเหล่ากอตระกูลไหนกัน? หน้าตาเป็นไง สวยไหม?”

“แล้วทำไมวันนี้ถึงพามาให้ทุกคนรู้จักล่ะ?”

เมื่อพูดจบ เธอก็เหลือบตามองซูสือเยว่อย่างภาคภูมิใจ “อย่าไปคว้าผู้หญิงที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานะ!”

คำพูดของเธอ มันทำให้ใบหน้าของฉินหนานเซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พลันพูดเปิดอกกับเฉิงลู่ ทันที “สิ่งที่ผมจะพูดก็คือ ผมต้องการจะแต่งงานกับลั่วเยียน”

สีหน้าของเฉิงลู่พลันดูไม่ได้ขึ้นมาในวินาทีนั้น!

แม้ว่าเธอไม่เคยสนใจในวงการบันเทิงเลยก็ตาม แต่เธอก็รู้จักลั่วเยียนผู้หญิงคนคนนี้!

ชอบสร้างเรื่อง ชอบไปมีข่าวเสียๆ หายๆ กับคนอื่น แถมยังแสดงละครประเภทแหวกนั่นโชว์นี่อีกตั้งมากมาย!

เธอเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นพร้อมทั้งจ้องมองฉินหนานเซิง “นี่แกบ้าไปแล้วเหรอ?”

ด้วยความที่เป็นแม่ของฉินหนานเซิง เมื่อครู่เธอยังหัวเราะเยาะซูสือเยว่อยู่เลยว่าไปคร่ำหวอดในวงการบันเทิงยังไม่เทียบกับอยู่บ้านเลี้ยงลูกดีกว่า!

แต่ผลลัพธ์ที่ได้ในเวลานี้เขาเกิดตบหน้ามารดาแท้ๆ ของเขาเองอย่างจัง!?

“ผมไม่ได้บ้า”

ฉินหนานเซิงจ้องมองเฉิงลู่อย่างเอาจริงเอาจัง และก็จ้องมองทุกคนในที่นั้นทุกคน “วันนี้ผมเป็นคนให้อาเล็กเรียกทุกคนมารวมตัวกันเองแหละ”

“คือผมอยากบอกกับทุกคนว่า ผมจะแต่งงานกับลั่วเยียน”

ร่างกายสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคน น้ำเสียงเย็นยะเยือก เสียงดังกึกก้อง “เมื่อวานนี้เกิดเรื่องไม่คาดคิดกับลั่วเยียนขึ้น ตอนนี้ตัวเธอก็นั้นสลบยังไม่ฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล”

“หมอบอกว่าวันนี้เธออาจจะตื่นขึ้นมา หรือว่าอาจจะไม่ตื่นทั้งชีวิตเลย”

“ที่เธอเกิดเรื่องขึ้น ก็เป็นเพราะว่าผม ผู้ชายคนที่เธอชอบมากที่สุด ก็คือผมเอง”

“ดังนั้นผมต้องการที่จะขอเธอแต่งงาน ไม่ว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ ชีวิตผมนี้ ผมต้องการให้เธอมาเป็นภรรยาของผม”

“ฉันไม่เห็นด้วย!”

เฉิงลู่หน้านิ่งคิ้วขมวดจนเป็นเส้นตรง “ไปขอนักแสดงแต่งงานก็ยังพอทนรับได้นะ แต่นี้ไปขอคนที่หลับใหลไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะตื่นขึ้นมาอีกแต่งงาน?”

“ฉินหนานเซิง นี่แกอยากจะทำให้ฉันโมโหตายเลยหรือไงกัน!”

ฉินเจี้ยนอานที่อยู่ด้านข้างทำหน้าไม่ถูกใจ “หนานเซิง ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะเกิดเรื่องขึ้นที่ด้วยเหตุเพราะว่าแก แกก็ไม่ต้องมุทะลุที่ต้องการขอเธอแต่งเข้าบ้านก็ได้นี่ใช่ไหมล่ะ?”

“พ่อกับแม่หวังให้แกแต่งงาน แต่ก็คาดหวังมากกับการที่แกไปหาคนปกติมาแต่งงานด้วย!”

ฉินหนานเซิงหันไปมองท่านปู่ฉิน “คุณปู่ล่ะ?”

ท่านปู่ก็กระแอมตอบ “ฉัน…ฉันเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วย”

เมื่อพูดจบ เขาก็มองมาทางฉินโม่หานตามสัญชาตญาณ “แกก็รู้ตั้งแต่แรกแล้ว?”

ฉินโม่หานพยักหน้า “ผมเห็นด้วยกับเขา”

“แกก็ต้องเห็นด้วยกับเขาอยู่แล้ว!”

อารมณ์ความโกรธของเฉิงลู่ไม่รู้ว่าพลุ่งพล่านมาจากไหน “หลังจากที่พี่ชายรองของแกออกไปเป็นทหารแล้วก็ไม่ยอมรับทายาทสืบทอดกิจการมาตลอด”

“ทรัพย์สินของตระกูลฉินทั้งหมดนอกจากพวกเราแล้ว ก็มีแค่แกเท่านั้นที่เป็นผู้สืบทอด!”

“แกก็ต้องคอยหวังให้หนานเซิงไปแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ ที่จะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกทั้งชีวิต!”

“ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครมาแย่งสมบัติของตระกูลกับบรรดาลูกชายของแกแล้ว ถึงตอนนั้นทุกอย่างของตระกูลก็ตกเป็นของแกแล้ว!”

เฉิงลู่ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหขึ้นเรื่อยๆ “ฉันย่อมรู้ดี ว่าแกจงใจทำ!”

“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้แผนการอะไรของแกอยู่!”

คำพูดของเฉิงลู่มันดูไม่น่าฟังมากเลย

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น พลางหันหน้าไปมองด้านข้างของตนเอง

ซิงเฉินกับซิงหยุนกำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่ที่มุมห้อง ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่ทางฝั่งนี้เลย

ส่วนฉินโม่หานนั้น ได้แต่นั่งจิบชาอย่างสบาย ราวกับว่าคำพูดสาดเสียเทเสียที่เฉิงลู่จงใจกระทบกระทั่งคนคนนั้น ไม่ใช่เขา

ไม่นานนัก รอจนเฉิงลู่ไม่พูดอะไรแล้ว ฉินโม่หานถึงได้ยอมวางแก้วชาลง “พี่สะใภ้ใหญ่พูดจบหรือยัง?’

เฉิงลู่กลอกตามองเขา แต่ไม่พูดไม่จา

ฉินโม่หานยิ้มให้เฉิงลู่ตามปกติ “ความหมายของคุณเมื่อครู่คือ คุณกังวลว่าต่อไปทรัพย์สินของทั้งตระกูลจะถูกผมครอบงำไว้เพียงคนเดียว หนานเซิงคงถูกผมและลูกชายของผมทั้งสองคนถูกกดเอาไว้ใช่ไหม?”

เฉิงลู่กลอกตามองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร

“หนานเซิงเขาเป็นหลานชายของผม”

ฉินโม่หานยกมือขึ้น พร้อมทั้งจัดการรินน้ำชาให้ตนเองอย่างสง่างาม “เขาแต่งงานผมก็ไม่มีอะไรจะให้เขา เอางี้ ผมจะยกหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ปในส่วนของผม ให้กับเขา 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นไง?”

แค่คำพูดประโยคเดียว ทำให้ทั้งห้องรับแขกเงียบงันทันที

ฉินหลิงยี่พลันยิ้มให้อย่างปกติ “โม่หาน หุ้นตั้งสิบเปอร์เซ็นต์ ของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้มันมากเกินไปไหม?”

ต้องรู้ว่า ฉินซื่อกรุ๊ป เป็นถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านหยวน

หุ้น10เปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากับว่าเอาเงินใส่พานให้ฉินหนานเซิงเป็นหมื่นล้านฟรีๆ เลย

อีกทั้งเรื่องหุ้นพวกนี้ ยังไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินทางตามธรรมดาขนาดนี้

ฉินโม่หานนำหุ้นส่วนของตนเองออกมาตั้งมากมายขนาดนี้ ความจริงแล้วก็เท่ากับเอาอำนาจของฉินซื่อกรุ๊ปให้ฉินหนานเซิงตั้งมากมาย

แม้ว่าฉินหลิงยี่ไม่รู้เรื่องการทำธุรกิจมาก่อน แต่หลักการพวกนี้เขายังเข้าใจอยู่

ฉินโม่หานยิ้มให้แล้ว “การตัดสินใจของหนานเซิงในครั้งนี้ มันยิ่งทำให้ผมเห็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้ว”

“ก็ใช่”

ฉินหลิงยี่ยักไหล่ “ความสัมพันธ์อากับหลานของแกสองคนดีต่อกันมาโดยตลอด สิ่งที่แกยอมให้ตั้งมากมายขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”

พูดไป เขาก็เหล่ตาไปมองเฉิงลู่ที่ยังคงมึนงงอยู่ “ก็แค่ พี่สะใภ้ไม่ค่อยอยากจะได้”

“หุ้นตั้ง10เปอร์เซ็นต์เต็ม จะให้พี่สะใภ้มายอมรับลูกสะใภ้ที่นอนหลับใหลไม่ยอมตื่นได้ยังไงกัน?”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท