สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 163 ผมจะตายไปพร้อมกับคุณ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

มาขอโทษ…

ฉินโม่หานมองเธอไปนิ่งๆอยู่สักพักนึง มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะปรากฏรอยยิ้มออกมา

“ไปห้องทำงานผมเถอะ”

ซูสือเยว่ลังเลไปชั่วขณะ แล้วก็ได้ตอบรับออกมา “ค่ะ”

ห้องประชุมยังไงมันก็เป็นสถานที่ในการประชุม

อีกอย่างที่นี่ก็มีหน้าต่างกระจกใสยาวจรดพื้นขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงแค่ยืนอยู่ตรงทางเดิน ก็จะสามารถมองเห็นการกระทำและท่าทางของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

มันไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่จะเหมาะกับการกินข้าวพูดคุยกันเลยจริงๆ

คิดถึงตรงนี้แล้ว เธอก็หยุดฝีเท้าที่กำลังจะเข้าไปลง แล้วยืนรอเขาออกมาอยู่ตรงหน้าประตูไปอย่างว่าง่าย

ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องประชุม รับกระติกเก็บความร้อนในมือเธอไปวางไว้ในมือข้างซ้ายอย่างเป็นธรรมชาติ มือขวาก็กุมมือของเธอเอาไว้

มือใหญ่ของชายหนุ่มแห้งกร้าน ประดับไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้รู้สึกสงบใจขึ้นมา

มือใหญ่ของเขาหอบหุ้มมือเล็กทั้งหมดของเธอเอาไว้ เหมือนกับเมื่อก่อนที่เขาคอยปกป้องเธอมาโดยตลอด

ทำให้รู้สึกหวั่นไหว หัวใจเต้นแรงขึ้นมา

มือของทั้งสองคนจับจูงกันอยู่ตรงทางเดิน

มือข้างหนึ่งของฉินโม่หานหิ้วกระติกเก็บความร้อนเอาไว้ มืออีกข้างนึงก็ได้จูงมือเธอเอาไว้

มือข้างหนึ่งของซูสือเยว่ได้ถูกเขาจับจูงเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งไม่มีที่ให้วางไปอย่างควบคุมตัวเองเอาไว้

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาจับมือกันในที่สาธารณะ

เธอมีความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่อยู่ภายในใจมันมากกว่า เป็นความรู้สึกหวานชื่นที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้

“ตื่นเต้น?”

เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นมาข้างๆใบหู

ซูสือเยว่พยักหน้าตอบรับไปตามสัญชาตญาณ “นิดหน่อย”

เมื่อก่อน ขนาดเธอรักกันกับเฉิงเซวียน ทั้งหมดมันก็ได้ฝังอยู่ใต้ดินไปหมด

แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยจูงมือแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยอย่างนี้มาก่อนเลย

“ชินแล้วก็ดี”

ชายหนุ่มที่กำลังจูงเธออยู่นั้นได้ยกยิ้มออกมาเล็กน้อย เพื่อการดูแลจังหวะการก้าวเท้าของเธอ ขายาวๆของชายหนุ่มได้เดินไปอย่างช้าๆ “ผมเองก็ครั้งแรกเหมือนกัน”

ซูสือเยว่เบ้ปากออกมา พยายามคลายความเก้อเขินของตัวเองลง “แต่ฉันคิดว่าดูเชี่ยวชาญมากเลยนะคะ”

“เชี่ยวชาญมาจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง”

ในน้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มได้ประดับไปด้วยท่าทียิ้มแย้มมีความสุขอยู่หลายส่วน “เหมือนกับบนเตียงนอน เรื่องจำพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องมีครู”

ใบหน้าของซูสือเยว่แดงออกมาโดยสมบูรณ์

ทั้งสองคนเดินกันไปอยู่สักพักนึง ก็ได้เจอกับพนักงานหลายคนที่กลับมาหลังจากที่กินข้าวเสร็จ

พนักงานได้ทักทายพวกเขาไปด้วยความนอบน้อม “ท่านประธาน คุณผู้หญิงของท่านประธานสวัสดีค่ะ”

“อืม”

ฉินโม่หานพยักหน้ารับออกมานิ่งๆ

ซูสือเยว่ยิ้มไปทางเหล่าพนักงานไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “สวัสดีทุกคน”

คงจะเป็นเพราะว่านึกไม่ถึงว่าซูสือเยว่จำตอบกลับพวกเขาไปอย่างนี้ พนักงานหลายคนก็ได้ยิ้มออกมาอย่างประหลาดใจ แล้วก็ได้เดินผ่านพวกเขาออกไป

“ท่านประธานชอบคุณผู้หญิงท่านนี้จริงๆเลยนะเนี่ย นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้เห็นท่านประธานได้โชว์ความรักออกมาอย่างนี้!”

“นึกไม่ถึงว่าคุณผู้หญิงจะสวยขนาดนี้ แล้วก็ยังเป็นคนเข้าหาง่ายเป็นกันเองขนาดนี้…”

“เหมาะสมกันมากเลยจริงๆ! สาวสวยคู่กับหนุ่มหล่อ…”

เสียงการพูดคุยกันของเหล่าพนักงาน เข้ามาในหูของทั้งสองคนอย่างแผ่วเบา

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา แต่สุดท้ายก็มีความสุขเสียจนอดที่จะยกริมฝีปากขึ้นมาไม่ได้

เธอกุมมือของฉินโม่หานกลับไปเงียบๆ

เธอน่าตลกมากเลย

ไม่ว่าใครก็สามารถมองออกได้ถึงความรู้สึกที่ฉินโม่หานมีต่อเธอได้เลย แต่เธอกลับสงสัยเขาเพราะว่าผู้หญิงสองคนนั้นทำให้เข้าใจผิด…

ฉินโม่หานเดินไปพลางชำเลืองมองใบหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยความสุขของสาวน้อยไปพลาง

ชายหนุ่มแสยะริมฝีปากออกมา

เหล่าพนักงานที่เพิ่งจะเจอมาเมื่อกี้นี้ ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นพนักงานฝ่ายการตลาด

ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาขึ้นเงินเดือนให้ฝ่ายการตลาดแล้ว…

……

ถูกฉินโม่หานจับจูงเอาไว้ ซูสือเยว่เดินไปอย่างช้าๆ

เธอถึงขนาดที่หวังว่าตรงทางเดินนี้จะไม่มีสิ้นสุด เธอจะได้สามารถถูกเขาจับมืออย่างนี้ไปตลอด มีความสุขอย่างนี้ต่อไปได้

แต่ยังไงทางเดินมันก็ยังคงมีที่สิ้นสุด

เพียงไม่นาน ทั้งสองคนก็เดินมาถึงประตูทางเข้าห้องทำงาน

ชายหนุ่มเปิดประตู

ห้องทำงานของฉินโม่หานใหญ่โตกว้างขวางมาก

ชายหนุ่มเดินเข้าไป วางกระติกเก็บความร้อนลงไปบนโต๊ะน้ำชา

ซูสือเยว่รีบตามไปโดยทันที นำอาหารที่อยู่ด้านในออกมาจัดเรียงอย่างระมัดระวัง “วันนี้ฉันอยากจะมาขอโทษคุณ”

“ก็เลยทำอาหารตามที่คุณชอบมานิดหน่อย…”

ดวงตาที่ล้ำลึกมองไม่เห็นก้นลึกของชายหนุ่มจ้องมองเธอไปเงียบๆ

ซูสือเยว่ถูกมองมาเสียจนรู้สึกเขินอายออกมาเล็กน้อย เธอได้ก้มหน้าลงไป “ช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่ตลอด เหมือนกับว่าจะไม่ได้ทำเมนูปลาให้คุณมานานมากแล้ว”

“คุณลองชิมดูมันถูกปากคุณหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบล่ะก็…พวกเราก็ออกไปกินกันข้างนอก”

“ไม่มีทางจะไม่ชอบหรอก”

ฉินโม่หานยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอไปเบาๆ แล้วนั่งลงข้างๆร่างของเธอ

ซูสือเยว่รีบส่งตะเกียบไปให้ด้วยความเอาใจใส่

ท่าทางที่ถ่อมเนื้อถ่อมตัวนี้ มันเหมือนกับสะใภ้ตัวน้อยในสังคมศักดินาคนหนึ่งเลย

ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความจนใจ “คุณทำอย่างนี้ผมไม่ชินเลย”

ซูสือเยว่ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “ถึงยังไงฉันก็เป็นคนทำผิดไปมั้ยล่ะ…ก็ต้องมีท่าทีที่ขอโทษสำนึกผิดออกมาหน่อยสิ”

“คุณทำอะไรผิด?”

“ฉันไม่ควร…”

ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่ควรดื่มเหล้า ไม่ควรพูดว่าคุณไม่ชอบฉัน และก็ไม่ควรจะ…ฟังคำยุแยงของคนอื่น”

“ฉันเองก็เพิ่งจะมาค้นพบเอาในตอนหลังแล้วเหมือนกันว่าที่แท้แล้วตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่เคยถามคุณเกี่ยวกับเรื่องเฉินเชี่ยนและเรื่องตัวแทนไปตรงๆเลย”

“ฉันไม่เพียงจะไม่เคยถามคุณออกไป แล้วยังเสียใจไปเอง คิดว่าคุณไม่ชอบฉัน แล้วยังดื่มเหล้า พูดเรื่องน่าขายหน้าออกไปอีก…”

เสียงของหญิงสาวเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เบาเหมือนริ้นรา

ฉินโม่หานยกมือขึ้นมาลูบผมเธอไปด้วยความจนใจ พร้อมกับทอดถอนหายใจออกมาด้วยความหน่ายใจ

“จริงๆแล้วผมเองก็ผิดเหมือนกัน”

“ผมคิดว่าสิ่งที่ผมควรทำกับคุณก็ได้ทำไปหมดแล้ว ส่วนที่ควรทำดีกับคุณก็ได้ทำดีกับคุณไปหมดแล้ว คุณคงสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณได้”

“แต่ผมนึกไม่ถึงว่าผมไม่แสดงออกไปคุณจะคิดจริงๆว่าผมไม่ได้ชอบคุณ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”

หญิงสาวเม้มริมฝีปากออกมา ก้มหน้าลงแล้วบอกเรื่องที่เย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวรวมหัวกันหลอกเธอให้กับเขาฟังไปจนหมด

ฉินโม่หานเงียบอยู่นาน ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ก็ได้แสยะริมฝีปากออกมาจางๆ “ผมคิดว่าที่คุณพูดมาเมื่อครู่มันก็มีเหตุผลดี”

ซูสือเยว่เลิกตาขึ้นไปมองเขา

ชายหนุ่มถือตะเกียบ กินข้าวไปพลาง แสยะริมฝีปากอย่างเย็นชาออกมาพลาง “ผมเองก็เคยคิดเหมือนกัน”

“เฉินเชี่ยนคนที่ดีอย่างนั้น ทำไมถึงได้ยอมมาเป็นเพื่อนกับพวกเธอทั้งสองคน”

“พูดไปแล้วมันก็แปลกเหมือนกัน”

“หลังจากเรื่องเมื่อตอนนั้น ผมเคยสืบเรื่องเฉินเชี่ยนมาก่อน เคยสัมภาษณ์เพื่อนร่วมชั้นเมื่อตอนนั้นของเย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวมาหลายคนแล้ว

“ทุกคนต่างก็บอกว่ามีการดำรงอยู่ของเฉินเชี่ยน ทุกคนต่างก็สามารถเล่าเรื่องราวของเฉินเชี่ยนออกมาได้ทั้งนั้น”

“แต่ตอนที่ถามไปถึงรายละเอียดมากๆเข้า มันกลับไม่เหมือนกันเลยสักคน”

ชายหนุ่มหลับตาลง “อีกทั้ง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในระดับชั้น หรือว่าจะเป็นการถ่ายรูปหมู่…”

“ในภาพก็ไม่มีเฉินเชี่ยนเลย”

“จนถึงตอนนี้ผมก็ยังบอกชัดเจนไม่ได้เลยว่าตกลงแล้วเฉินเชี่ยนมีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่”

“เธอเหมือนกับมนุษย์ล่องหนที่จะมีอยู่จากปากของคนอื่นเท่านั้น”

“ถึงขนาดที่ผมยังเคยสงสัยเลยว่าเฉินเชี่ยนผู้หญิงคนนี้สรุปแล้วเคยมีอยู่จริงๆหรือเปล่า”

“แต่ถ้าเธอไม่มีอยู่จริงแล้วล่ะก็ อย่างนั้นแล้วซิงหยุนกับซิงเฉิน จะอธิบายออกมาได้ยังไงอีก?”

ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา “เย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวก็ไม่เคยให้คุณดูภาพของเธองั้นเหรอคะ?”

จากที่หยางชิงโยวกับเย่เชียนจิ่วพูดมา เฉินเชี่ยนนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของพวกเขาเลย

แต่ในเมื่อเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมถึงไม่มีรูป ทำไมฉินโม่หานถึงไม่รู้ว่าเฉินเชี่ยนมีหน้าตาเป็นยังไง?

“เย่เชียนจิ่วเคยบอกว่าที่ไม่ให้ผมรู้จักรูปลักษณ์หน้าตาของเฉินเชี่ยนก็เพราะกลัวว่าผมจะลืมไม่ได้”

คำพูดของชายหนุ่มทำให้หัวใจของซูสือเยว่จมดิ่งไปอย่างจัง

เธอเงยหน้าขึ้นมา “งั้น…ถ้าวันนึงฉันตายไป คุณจะลืมฉันไปไม่ได้ด้วยหรือเปล่า?”

ฉินโม่หานยกแก้วชาขึ้นมาจิบ “ไม่มีทาง”

หัวใจได้หล่นร่วงลงไปในก้นเหวลึกไปโดยทันที

ซูสือเยว่หัวเราะแห้งๆออกมา ทันที่ที่คิดจะเปลี่ยนประเด็นไป ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม

“ถ้าวันหนึ่งคุณตายไป”

“ผมก็จะตายไปพร้อมกับคุณด้วย”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท