คำพูดนี้ของซูสือเยว่ได้พูดออกไป เย่เชียนจิ่วเตรียมที่จะพูดตอบออกไปก็ได้รู้สึกว่ามันทะแม่งๆขึ้นมาอีกที
เธอชมว่าซิงหยุนกับซิงเฉินหน้าตาดีเหมือนกับเฉินเชี่ยนแม่คนนั้น
แต่ว่าเฉินเชี่ยนคนนี้มันไม่มีอยู่จริง
แม่ของซิงหยุนกับซิงเฉินก็คือซูสือเยว่!
คำพูดนี้ไม่ว่าเธอจะฟังยังไงมันก็แปลกๆ นี่ซูสือเยว่กำลังชมตัวมันเองอยู่นี่?
แต่เธอก็ไม่อาจจะโต้แย้งออกไปได้อีก เพราะว่าเย่เชียนจิ่วเป็นคนเอ่ยประเด็นที่ว่าซิงหยุนกับซิงเฉินเหมือนแม่ขึ้นมาก่อน
เธอทั้งไม่อาจจะโต้แย้งออกไปตรงๆว่าซูสือเยว่อย่าหน้าด้านชมตัวเอง และก็ไม่อาจพูดขัดกันเพื่อไปแย้งคำพูดที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไปได้
สูดหายใจเข้าไปลึกๆ เย่เชียนจิ่วทำได้เพียงแสยะยิ้มออกมาเงียบๆ “ใช่แล้ว”
“แต่ว่าเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกด้อยค่าไปหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สวยเท่าเฉินเชี่ยน แต่สุดท้ายแล้วตอนนี้ยังไงเธอก็เป็นตัวแทนของเฉินเชี่ยน”
“มีสถานะตัวแทนนี้ เธอก็สามารถใช้ชีวิตไปอย่างมีความสุขได้เหมือนกัน เพียงแต่จะกุมตำแหน่งในใจของฉินโม่หานเอาไว้ไม่ได้ก็เท่านั้นเอง มันก็ไม่มีเรื่องหนักหนาอะไรอีก”
“สำหรับผู้หญิงอย่างเธอแล้ว สามารถใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างเขาได้มันก็เป็นความเมตตากันมากที่สุดแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก
เธอไม่พูด เย่เชียนจิ่วก็ยิ่งได้ใจ
ขับรถไปพลาง เธอเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับเฉินเชี่ยนออกมาเป็นต่อยหอยออกมาพลาง
ถึงยังไงเฉินเชี่ยนก็ไม่มีอยู่จริงอยู่แล้ว เธอจะพูดอะไรไปก็ได้
ซูสือเยว่ก็ไม่ได้พูดออกมาอีก
เธอก้มหน้าลง ฟังไปด้วยอาการจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปพลาง เล่นโทรศัพท์ไปพลาง
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอเงยหน้าขึ้นมา “เมื่อก่อนพวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนั้น มีที่ไหนที่ชอบไปกันหรือเปล่า?”
“อย่างเช่นที่ที่ไปกินข้าวกันอะไรอย่างนี้”
เย่เชียนจิ่วย่นคิ้ว “ถามเรื่องนี้ไปทำไม?”
“อยากรู้รสนิยมของเธอดูสักหน่อย หลังจากนี้จะได้ไปกับฉินโม่หาน”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้เย่เชียนจิ่วสายตาเป็นประกายเกิดความคิดอย่างหนึ่งแวบขึ้นมา
เธอลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็เลือกสถานที่ที่ฉินโม่หานไม่ชอบสุดๆไปที่นึง “ก็แถวๆสตูดิโอภาพยนตร์ของพวกเธอนั่นแหละ ตรงนั้นมีอุโมงค์ใต้สะพานอยู่ที่หนึ่งมันจะมีแผงอาหารข้างทางอยู่ร้านหนึ่ง”
“เมื่อก่อนพวกเรามักจะไปที่นั่นกันอยู่เป็นประจำ เฉินเชี่ยนชอบของทอดเสียบไม้ที่นั่นมาก เมื่อก่อนมักจะลากฉันกับชิงโยวไปด้วยกันอยู่ตลอด”
“ชิงโยวกับเฉินเชี่ยนก็ชอบกันทั้งนั้น เธอจะลองพาฉินโม่หานไปดูก็ได้นะ”
พูดจบ เย่เชียนจิ่วถึงกับสามารถจินตนาการภาพที่ฉินโม่หานไปร้านแผงลอยข้างทางเป็นเพื่อนซูสือเยว่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจออกมาได้เลย
หญิงสาวเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
ซูสือเยว่แอบบันทึกเอาไว้เงียบๆ “เฉินเชี่ยนมีครอบครัวมั้ย? ฉันอยากไปเยี่ยมคนในครอบครัวของเธอดูสักหน่อย”
เย่เชียนจิ่วย่นคิ้วออกมา “เธออยากจะไปหาคนในครอบครัวเธอไปเพื่ออะไร?”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาจางๆ “ในเมื่อเธอบอกว่าฉันเป็นตัวแทนของเฉินเชี่ยน ในใจของฉินโม่หานฉันเป็นแค่ตัวแทนคนหนึ่ง”
“อย่างนั้นแล้วถ้าฉันทำดีกับพ่อแม่ของเฉินเชี่ยนล่ะก็ งั้นฉันก็จะได้กลายเป็นตัวเฉินเชี่ยนเองเลยไม่ใช่หรือไง?”
“ตัวจริงมันดีกว่าตัวแทนเสมอใช่มั้ยล่ะ?”
“เธอนี่มันฉลาดจริงๆ”
เย่เชียนจิ่วส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมา “พ่อแม่ของเฉินเชี่ยนอยู่ที่ไหนฉันไม่รู้หรอก เธอไม่เคยบอกฉันมาก่อน”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาจางๆ “แล้วที่อยู่บ้านของเธอล่ะ?”
“เธอเป็นคนที่ถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของพวกเธอ ที่อยู่บ้านของเธอ เธอก็ควรจะรู้ใช่มั้ยล่ะ?”
เย่เชียนจิ่วรู้สึกว่าซูสือเยว่ผู้หญิงคนนี้มันน่ารำคาญเสียจริง
เธอย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย แล้วก็บอกที่อยู่ไปมั่วๆ “ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนบ้านของเธออยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้อยู่ไหนฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ในระหว่างที่พูด ก็ได้เดินทางมาถึงสถานที่ถ่ายทำเป็นที่เรียบร้อย
ซูสือเยว่ขอบคุณเธอไปนิ่งๆ แล้วก้าวขาลงจากรถไป
เห็นเงาร่างเบื้องหลังที่กำลังเดินออกไปของซูสือเยว่ เย่เชียนจิ่วก็ย่นคิ้วออกมา
เธอรู้สึกแปลกๆขึ้นมารางๆ
ซูสือเยว่นี่ ไม่ใช่ว่าต่อต้านเรื่องที่เป็นตัวแทนเฉินเชี่ยนมาโดยตลอดเลยหรือไง?
ทำไมจู่ๆถึงได้สนใจเฉินเชี่ยนขนาดนี้ขึ้นมา?
หรือว่าจะเป็นเพราะว่าเรื่องที่ไปเซ่นไหว้ที่สุสานเมื่อวานโจมตีไปถึงมันจริงๆงั้นเหรอ?
ซูสือเยว่บังเอิญเจอกับหยางชิงโยวตรงประตูทางเข้ากอง
หยางชิงโยวยืนอยู่ตรงหน้าประตูขมวดคิ้วมองไปยังทิศทางที่รถของเย่เชียนจิ่วแล่นออกไป “เชียนจิ่วมาส่งเธอ?”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมา “ใช่แล้ว เธอดีกับฉันมากเลย เธอบอกว่าฉันแทบจะเหมือนกับเฉินเชี่ยนเปี๊ยบเลย”
พูดจบ เธอก็จับตาดูปฏิกิริยาของหยางชิงโยวอย่างละเอียดไปพลาง พร้อมกับยิ้มออกมาพลาง “จริงสิ เธอกับเฉินเชี่ยนก็สนิทกันด้วยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ?”
หยางชิงโยวขมวดคิ้วมองเธอ ไม่ได้พูดอะไร
“งั้นเย็นนี้หลังจากถ่ายเสร็จ สนใจไปกินข้าวกันหน่อยมั้ย?”
หยางชิงโยวเฮอะเสียงเย็นออกมา “ฉันสนิทกับเธอมากเหรอ?”
“ทำไมถึงไม่ไปล่ะ?”
ในเวลานี้เหลียงหยูซินได้เดินเข้ามาโอบไหล่ของหยางชิงโยวแล้วพูดออกมา “ซูสือเยว่เลี้ยง มันยังมีเหตุผลให้ไม่ไปกินข้าวฟรีอยู่อีกเหรอ?”
เธอยิ้มแล้วมองหยางชิงโยวไป “เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเธอวางแผนเอาไว้อย่างละเอียดแล้วหรือไง? ทำไมตอนนี้ทิ้งโอกาสใหญ่อย่างนี้ไปไม่ยึดครองมันเอาไว้ล่ะ?”
หยางชิงโยวย่นคิ้วออกมา อยากจะดึงมือของเธอออกไป แต่กลับดึงออกไปไม่ได้เลย
“เชื่อฉัน ตกลงกันตามนี้!”
เหลียงหยูซินโบกมือออกมา “ซูสือเยว่ ฉันไปด้วยนะ ฉันอยากจะหากำไรจากเธอสักหน่อย”
พูดจบ เธอก็พาหยางชิงโยวเข้ากองถ่ายไป
ตอนที่หันร่างออกไปนั้น ก็ยังขยิบตาให้กับซูสือเยว่มาด้วย
ซูสือเยว่แอบส่งนิ้วโป้งไปเหลียงหยูซินอยู่เงียบๆ
อันที่จริงเหลียงหยูซินผู้หญิงคนนี้นั้น…
เธอชื่นชอบมากมาโดยตลอด
ถึงแม้ว่าแรกเริ่มเหลียงหยูซินจะมีความรู้สึกเป็นศัตรูกับเธอ แต่ซูสือเยว่มองออกว่าอันที่จริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่แสดงความรักหรือเกลียดออกมาชัดเจนเลยคนหนึ่ง
เพราะว่านิสัยที่เถรตรง ก็เลยถูกคนอื่นหลอกใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย
ช่วงบ่ายหลังจากที่ถ่ายทำเสร็จ เหลียงหยูซินก็โอบหยางชิงโยวสาวเท้าเดินเข้ามาอยู่ข้างๆซูสือเยว่ “ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงข้าวกันเหรอ?”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมา “ใช่”
เธอเรียกรถ แล้วพาเหลียงหยูซินกับหยางชิงโยวไปตรงจุดที่เย่เชียนจิ่วบอกเอาไว้
“เลี้ยงข้าวที่นี่?”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมา “ใช่ ได้ข่าวว่าเมื่อก่อนหยางชิงโยวชอบที่นี่มาก”
“ใครบอกกัน?”
หยางชิงโยวหน้าบึ้งออกมา “ฉันจะมากินในที่ที่สกปรกอย่างนี้ได้ยังไง?”
พูดจบ เธอก็ลุกยืนขึ้นไปทันที “ซูสือเยว่ เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาอย่างสบายๆ พร้อมกับน้ำเสียงที่เยือกเย็น “แต่ว่า…”
“เย่เชียนจิ่วบอกว่าเมื่อก่อนเธอกับเฉินเชี่ยนชอบมาที่นี่นะ”
“ตอนนี้เธอมาพูดอย่างนี้…เป็นเธอที่กำลังโกหก หรือว่าหล่อนกำลังโกหกอยู่กัน?”
ฝีเท้าที่กำลังเตรียมที่จะเดินออกไปของหยางชิงโยวได้หยุดชะงักลง
เธอหันกลับไปมองใบหน้าของซูสือเยว่ไปด้วยความเย็นชา “เธอหมายความว่าอะไร?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอะไร”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาจางๆ ยกมือขึ้นมาจับตะเกียบที่อยู่บนโต๊ะ “ทำไมเธอกับเย่เชียนจิ่วไม่เคยจะพูดตรงกันเลย?”
“เฉินเชี่ยนคนนี้ในสายตาของพวกเธอเป็นคนที่มีสองบุคลิก”
“ฉันก็อยากรู้ว่าตกลงแล้วแบบไหนที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ หรือว่าจะไม่มีเธอ บนโลกนี้มันไม่มีเฉินเชี่ยนคนนี้เลยด้วยซ้ำ?”
“เฉินเชี่ยน เป็นคนที่พวกเธอแต่งกันมาใช่หรือเปล่า?”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้สีหน้าของหยางชิงโยวซีดเผือดออกมาทันที “เธอพูดบ้าอะไร?”
“ถ้าไม่มีเฉินเชี่ยนคนนี้…แล้วลูกทั้งสองคนของฉินโม่หานมาได้ยังไงกันล่ะ?”
“ง่ายๆนะ”
ซูสือเยว่เลิกตาขึ้นมองเธอ สายตาดูเยือกเย็นและจริงจัง “ถ้าแม่ของเด็กเป็นเพียงแค่แม่อุ้มบุญแล้วล่ะก็ เธอจะไม่ต้องมีการระบุชื่อออกมาเลย”
“เธอสามารถชื่อว่าเฉินเชี่ยนก็ได้ ชื่อว่าหลี่เชี่ยน หรือว่าจะชื่อว่าจางเชี่ยนก็ได้”
“ถึงยังไงคนคนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว เธอจะชื่อว่าอะไร มีลักษณะเป็นยังไง มันก็มาจากที่พวกเธอตัดสินกันเองทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง?”