ตลอดทั้งคืน ซูสือเยว่นอนหลับไม่สนิทเลย
มีอยู่หลายครั้งที่เธอตกใจตื่นขึ้นมาจากฝัน
ในฝันเป็นภาพแสงไฟที่ทะยานขึ้นสู่ฟ้าพร้อมกับเสียงร้องไห้ของเด็ก
เพลิงขนาดใหญ่เผาไหม้ลงมาบนร่างของเธอ กัดเซาะผิวของเธอ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
“อ้ากก—!”
เธอกรีดร้องแล้วตื่นขึ้นมาจากฝัน
ฉินโม่หานที่อยู่ข้างๆก็ได้ย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย บนใบหน้าก็ได้ผุดความไม่พอใจออกมาจากการที่ถูกรบกวนจนต้องตื่นขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก ใบหน้าของเขาก็ได้เผยความอ่อนโยนออกมา รู้ว่าซูสือเยว่คงจะฝันร้าย
ชายหนุ่มก็ได้โอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน ในน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเนือยๆในตอนที่เพิ่งจะตื่นนอน “เป็นอะไรไป?”
อ้อมกอดของเขาทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และความรู้สึกถึงความสบายใจ
ซูสือเยว่แนบอิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา หลับตาไปเงียบๆ “ไม่เป็นไรค่ะ”
คงจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้เธอให้ความสนใจอยู่กับเรื่องเฉินเชี่ยนมากเกินไป เลยฝันเห็นว่าตัวเองโดนไฟขนาดใหญ่เผาไหม้
แต่ว่า…
เธอกลับเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา
เพลิงไหม้เมื่อตอนนั้น…ตกลงแล้วเป็นไฟที่เฉินเชี่ยนจุดขึ้นมาเองเพราะเกิดอาการซึมเศร้าหลังคลอด หรือว่า…คนอื่นเป็นคนจุดขึ้นมา?
“อย่ากังวลมากมาย”
ชายหนุ่มหลับตาลง กอดร่างของซูสือเยว่แน่น “เมื่อคืนไป๋ลั่วได้สืบเจอที่อยู่ของลูกพี่ลูกน้องของหยางชิงโยวมาแล้ว”
“เขาได้นำคนไปเฝ้าที่บ้านหล่อนแล้ว รอให้คุณมีสภาพจิตใจดีขึ้นหน่อย พวกเราก็ไปกัน?”
ซูสือเยว่เคลื่อนสายตาขึ้นมอง ภายในใจเกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจผุดขึ้นมา
“ขอบคุณนะคะ…”
พูดตามตรงตั้งแต่ต้นจนจบแล้วเรื่องการตามหาเฉินเชี่ยนเรื่องนี้นั้น เป็นสิ่งที่ตัวเธอต้องการจะทำเอง
ถ้าฉินโม่หานอยากตามหาเธอ ด้วยกำลังและอำนาจของเขา ไม่มีทางเลยที่ห้าปีมานี้จะหาไม่เจอเลย
แต่คนที่เขาไม่เคยจะห่วงหามาโดยตลอด เขายอมช่วยเธอตามหาเพื่อเธอ
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ภายในใจของซูสือเยว่ก็เกิดวามรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา
“พูดขอบคุณอะไรกับผม”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาเขกลงไปบนหัวของเธอเบาๆ “ต้องการจะนอนอีกสักพักหรือว่าจะออกไปตอนนี้เลย?”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วใช้ความคิด “ออกเดินทางกันตอนนี้เลยดีกว่า”
“ค่อยนอนระหว่างทางอีกสักพัก”
เธอไม่ได้นอนหลับดีๆเลยจริงๆ
แต่เรื่องที่จะไปหาลูกพี่ลูกน้องของหยางชิงโยวนั้น มันก็สำคัญหมือนกัน
เห็นใบหน้าเล็กของเธอดูห่อเหี่ยวออกมา ฉินโม่หานก็ได้ถอนหายใจออกมานิ่งๆ
“หวังว่าหลังจากเรื่องเฉินเชี่ยนแล้ว คุณจะสามารถพักผ่อนให้เต็มที่ได้”
“พักผ่อนไม่ไหวหรอก”
ซูสือเยว่หาวออกมา ลุกขึ้นมาจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา “ไม่ว่าช่วงหลายวันมานี้ฉันจะสามารถสืบหาเบาะแสของเฉินเชี่ยนออกมาได้หรือเปล่า ฉันก็จะต้องออกไปที่หมู่บ้านอยู่ดี”
เธอล้างหน้าไปพลางทอดถอนหายใจออกมาพลาง “หนังเรื่องนี้ต้องออกถ่ายทำนอกสถานที่ ในฐานะที่ฉันเป็นนางเอก จะไม่ไปไม่ได้เลยใช่มั้ยล่ะ?”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมาจางๆ สวมเสื้อคลุมไปพลางยิ้มออกมา “ทั้งๆที่ยุ่งขนาดนี้แท้ๆ แต่ก็ยังอยากจะยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่อีก?”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่น”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาอย่างน่ารักไร้เดียงสา “เรื่องคุณกับลูกๆ จะเป็นเรื่องของคนอื่นไปได้ยังไง?”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ฉินโม่หานที่กำลังติดกระดุมอยู่ได้ชะงักไปเล็กน้อย
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เขาก็ได้ยิ้มออกมา “มันก็ใช่”
หลังจากที่ผ่านไปสิบนาที สองคนสามีภรรยาขึ้นรถไปบ้านของลูกพี่ลูกน้องของหยางชิงโยวกัน
ลูกพี่ลูกน้องของหยางชิงโยวชื่อว่าเหลียงเยี่ยนเมื่อห้าปีที่แล้วหลังจากที่แม่ของหยางชิงโยวเข้าตะรางไปเหลียงเยี่ยนก็เข้ามารับช่วงต่อโรงพยาบาลจิตเวช
หลังจากที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวช เหลียงเยี่ยนก็ได้ซื้อบ้านที่เมืองฝั่งใต้
หลังจากที่เธอเปลี่ยนมาจากหัวหน้าแผนกจิตเวชศาสตร์แล้วกลายมาเป็นผู้อำนวยการ ก็ได้มีชีวิตที่พักอยู่ที่วิลล่าขับรถยี่ห้อดัง
ซูสือเยว่มีเหตุผที่จะเคลือบแคลงใจ สาเหตุที่เหลียงเยี่ยนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ มันก็คงจะหนีไม่พ้นที่จะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเฉินเชี่ยนกับเธอเมื่อตอนนั้น
โรงแรมที่พวกเขาพักอยู่ไกลจากบ้านของเหลียงเยี่ยนเยอะมาก
ขึ้นมานั่งบนที่นั่งเบาะหลัง ซูสือเยวก็สะลึมสะลือ โอนเอนไปตามรถ อิงไหล่ของฉินโม่หานนอนหลับไป
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานไหน ในระหว่างที่อยู่ในช่วงที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น เธอก็ได้ยินฉินโม่หานรับโทรศัพท์
เธอที่กำลังอยู่ในห้วงความฝันได้ยินไม่ชัดว่าปลายสายนั้นพูดว่าอะไร
แต่เธอได้ยินเสียงเย็นของฉินโม่หานกดต่ำจนน่ากลัวออกมา “เป็นเรื่องตั้งแต่ตอนไหน?”
“ได้ ฉันรู้แล้ว”
จากในน้ำเสียงที่เยือกเย็นของเขาแล้ว ซูสือเยว่ก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
เธอขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย หาวแล้วยกหัวขึ้นมา เอ่ยถามออกไปอย่างงัวเงีย “มีอะไรหรอคะ?”
ฉินโม่หานมองมายังเธอ ลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “เหลียงเยี่ยนตายแล้ว”
ความง่วงทั้งหมดของซูสือเยว่ได้หายไปทันตา
เธอเบิกตากว้างออกมา “ตายแล้ว!?”
เป็นไปได้ยังไง!?
เรื่องที่เหลียงหยูซินทำการสืบเรื่องเหลียงเยี่ยนนั้นได้เก็บเป็นความลับ
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เก็บเป็นความลับความสัมพันธ์กับเหลียงหยูซินก่อนหน้าเมื่อคืนวานนั้นก็ไม่นับว่าดีเท่าไหร่นัก ยังไงคนอื่นก็ไม่มีทางที่จะนึกโยงเรื่องมันมาที่ตัวเธอได้เลยนี่!
เป็นไปได้ยังไง…เธอกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปหาเหลียงเยี่ยนเหลียงเยี่ยนก็ตายไป!?
ร่างของซูสือเยว่เริ่มสั่นขึ้นมา เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าของฉินโม่หานไปด้วยอาการสั่นสะท้าน “เธอ…ตายได้ยังไง?”
“ฆ่าตัวตาย”
ชายหนุ่มหลับตาลง “เรื่องมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เอง”
พูดจบ เขาก็ได้บอกให้คนขับรถหันหัวรถกลับไปด้วยความเย็นชา “ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแล้ว”
มือทั้งสองข้างของซูสือเยว่จับชายเสื้อแน่น “ทำไมมันถึงได้บังเอิญขนาดนี้…”
“ถ้า…ถ้าเมื่อคืนพวกเราไปหาเธอกันเลย มันจะยังทันอยู่ใช่มั้ย?”
“มันเป็นเพราะฉัน…ฉันไม่ควรจะพักเลย…”
“ฉันไม่ควรจะนอน…”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ฉินโม่หานสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับเอ่ยขัดเธอออกไปเบาๆ
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดข่าวเมื่อเช้าวันนี้ให้เธออ่าน “เธอฆ่าตัวตาย เพราะว่าเรื่องนี้”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา แล้วหยิบโทรศัพท์มา
ในโทรศัพท์มันเป็นข่าวเกี่ยวกับการโจมตีผลกำไรที่ผิดกฎหมาย
เธอเห็นชื่อของเหลียงเยี่ยนอยู่ในลิสต์รายชื่อกลุ่มผู้ที่ใช้ผลประโยชน์สาธารณะมาเป็นของส่วนตัว
“เธอฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้”
“เว็บไซต์ของทางตำรวจได้ประกาศออกมานานแล้ว เมื่อคืนได้ทำการปิดล้อม เรื่องที่เหลียงเยี่ยนทำผิดมันค่อนข้างหนัก บางทีเธออาจจะกลัวจะถูกจับล่ะมั้ง เธอก็เลยกระโดดตึกฆ่าตัวตายไปตั้งแต่เช้าตรู่”
ชายหนุ่มทอดถอนหายใจออกมา ยกมือขึ้นมาลูบหัวของซูสือเยว่ไปเบาๆ “มันไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
“ถึงแม้ว่าเมื่อคืนคุณจะรีบไป เธอก็คงไม่มีทางจะพูดความจริงออกมา บางทีเธอก็อาจจะอยากกตายอยู่ดีก็ได้”
ซูสือเยว่ตื่นตกใจพูดอะไรไม่ออก
ถ้าไม่มีข่าวนี้…เธอคงคิดว่าเย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวนั้นมีความสามารถเหนือฟ้าจริงๆ ไม่เพียงแต่จะรู้ว่าเธออยากจะไปหาเหลียงเยี่ยนเพื่อรับการยืนยัน ก็ถึงขนาดที่ต้องฆ่าเหลียงเยี่ยนเลย!
มัน…บังเอิญเกินไปจริงๆ
“อย่าคิดอะไรมากมายเลย”
ซูสือเยว่ถอนหายใจออกมาเบาๆ กอดเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน “ไม่ใช่ว่าจะต้องไปถ่ายหนังนอกสถานที่ที่หมู่บ้านแถวเนินเขาหรือไง?”
“หลายวันนี้เตรียมตัวให้พร้อม รอถ่ายเสร็จแล้วกลับมา ผมจะไปตามหาเป็นเพื่อนคุณ?”
หญิงสาวซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา พยักหน้าออกมาอย่างว่าง่าย “ค่ะ”
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจำต้องทำอย่างนี้เท่านั้น
เธอซบอยู่ในอ้อมแขนของเขาได้ด้วยอาการเศร้าซึม หลับตาลง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็หลับไม่ลงเลยสักที
“สามี การตายของเหลียงเยี่ยนมันไม่เกี่ยวกับพวกเราจริงๆใช่มั้ย?”
ชายหนุ่มเลิกสายตาขึ้นมองวิวด้านนอกหน้าต่างรถ สายตาล้ำลึก “ใช่แล้ว”
…………
คฤหาสน์ตระกูลฉิน
เย่เชียนจิ่วฟังเสียงจากทางปลายสายไปด้วยอาการตื่นตกใจ
“พี่เหลียงเธอกระโดดตึก?”
“ทำไมถึงกะทันหันอย่างนี้ล่ะ?”
“ฉัน…”
คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดออกมาจบ ประตูห้องก็ได้ถูกคนเคาะดังเข้ามา
หญิงสาวรีบวางสายแล้วไปเปิดประตูทันที
ด้านนอกประตูมีร่างสูงใหญ่ของฉินหลิงยี่กำลังยืนอยู่
ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้วยใบหน้าทะมึนตึง เท้าข้างหนึ่งเตะลงไปบนประตูห้อง
“พี่รอง…”
เย่เชียนจิ่วกัดริมฝีปากออกมา เกิดความไม่เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมถึงมาอาละวาดตั้งแต่เช้าอย่างนี้ล่ะ?”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฉินหลิงยี่จ้องมองเย่เชียนจิ่วไปด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันมีคนแฝงตัวอยู่ในการ์ดของฉินโม่หาน เธอรู้มั้ยว่าวันนี้เธอจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ใครให้เธอกล้าไปยั่วยุต่อหน้าซูสือเยว่อย่างนั้น?”