หลังวางสายจากฉินหนานเซิง หลีเยว่ก็หันไปมองไป๋ลั่วที่เฝ้าอยู่ไกลๆ มาโดยตลอด
“คำพูดของฉัน คุณกับพี่น้องข้างกายคุณ ฟังด้วยมั้ยคะ?”
ไป๋ลั่วตกตะลึง คงเพราะไม่นึกว่าจู่ๆ ซูสือเยว่จะถามแบบนี้
เขาเงียบไปพักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจยาวๆ ไปทีหนึ่ง “คุณนาย”
“คุณมีอำนาจที่จะทำได้ครับ”
“หลังจากที่คุณอยู่กับคุณชายไม่นาย คุณชายก็ได้พูดกับเราอย่างเป็นทางการว่า คุณก็คือเขาคนที่สอง คำสั่งของคุณก็คือคำสั่งของเขา เราต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดครับ”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่ใจสั่นอย่างแรง
เธออดกลั้นน้ำตาเอาไว้ หันกลับไปมองห้องฉุกเฉินที่อยู่ด้านหลัง
ผู้ชายคนนี้……
ได้ทำอะไรมากมายลับหลังเธอเยอะมาก
วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉินหนานเซิงโทรมาละก็ เธอก็ไม่มีทางได้รู้แน่นอนว่าเขาเคยพูดแบบนี้กับลูกน้องของเขามาก่อน
ซูสือเยว่หลับตาลง “โอเค คุณไปกับฉัน”
“พาลูกน้องที่ติดตามคุณเป็นประจำไปด้วย เราจะไปที่สนามบินตอนนี้เลย”
ในจังหวะที่หันหลังไปนั้น เธอได้ลังเลไปแวบหนึ่ง แต่ก็ยังเดินไปยังห้องถ่ายเลือด
ภายในห้องถ่ายเลือด ภายใต้การช่วยเหลือของพยาบาล เด็กๆ ทั้งสามก็กำลังถ่ายเลือดอยู่
พอเห็นเธอมา ซิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมา “มีอะไรรึเปล่าครับ?”
ซูสือเยว่ไม่พูดให้มากความ “ฉันอยากให้เธอช่วยควบคุมกล้องวงจรปิดให้หน่อย”
ซิงหยุนกับซิงกวงนั้นเป็นแฮ็กเกอร์ระดับท็อป การที่จะแฮ็กเข้าไปในกล้องวงจรปิดนั่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เธอต้องการให้คนช่วยล็อกตำแหน่งของเย่เชียนจิ่วเอาไว้ จะได้ไม่ทำให้เวลาที่เหลือต้องเสียเปล่า
“ได้ครับ”
ซิงหยุนได้เอาหูฟังที่ใช้สำหรับแอบติดต่อกันใส่เข้าไปในหูของซูสือเยว่ “เดินทางปลอดภัยนะครับ”
เมื่อได้ความช่วยเหลือจากซิงหยุนแล้ว เธอถึงได้หันหลังแล้วพาไป๋ลั่วจากไป
ในจังหวะที่ประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็ได้หันมองไปทางห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
ประตูสองบานของห้องฉุกเฉินนั้น ยังคงปิดไวอย่างมิดชิด ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกเลยสักนิด
หญิงสาวหลับตาลง
เมื่อก่อน ฉินโม่หานนั้นคอยเป็นต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บนหัวเธอมาโดยตลอด คอยกันแดดกันฝนให้เธอ ปกป้องเธอจากทุกทาง
มาวันนี้……
มันก็ถึงเวลาที่เธอต้องทำอะไรให้เขาบ้างแล้ว
ถึงแม้ในใจจะเป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่เธอก็รู้ดีว่า จะปล่อยให้เย่เชียนจิ่วหนีไปไม่ได้
………
ภายในห้องถ่ายเลือดนั้นเงียบสนิท
พยาบาลได้เอาถุงเลือดของเด็กทั้งสามวางไว้ข้างๆ ในตอนที่กำลังจะทำสัญญาลักษณ์อยู่นั้นเอง เธอก็เห็นสองในสามของพวกเด็กๆ ได้โดดลงจากเก้าอี้แล้ว
ซิงหยุนกับซิงกวงหยิบโน้ตบุ๊ดออกมาอย่างเร่งรีบ แล้วเริ่มแฮ็กกล้องวงจรปิดทันที
ด้วยท่าทางที่กระฉับกระเฉงของเด็กทั้งสอง ทำเอาพยาบาลถึงกับหน้าเหวอไปเลย
เธอถอนหายใจออกมา พวกลูกผู้ดีนี่มันเก่งอย่างนี้นี่เอง!
หลังจากตกตะลึงเสร็จ เธอก็หันกลับมามองถุงเลือดทั้งสามที่วางอยู่บนโต๊ะ เธองงแล้ว
จากการเสียสมาธิเมื่อกี้ เธอจึงลืมไปแล้วว่าควรเก็บเลือดถุงไหนไว้ในสต๊อกดี
ทันใดนั้น หมอก็เดินดุ่มๆ เข้ามาจากด้านนอก “เลือดไปถึงไหนแล้ว?”
พยาบาลชะงักไป ไม่รู้จะตอบยังไงดี
“สองถุงนี้ใช่มั้ย?”
พอเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร หมอจึงหยิบเลือดสองถุงตรงนั้นไป “รีบใช้!”
ในตอนที่พยาบาลได้สติกลับคืนมานั้น หมอก็ได้เอาเลือดสองถุงออกไปแล้ว!
เธอก้มหน้าลง ก้มมองเลือดอีกถุงด้วยความเหม่อลอย ในที่สุดก็รู้ตัวว่าตัวเองนั้นได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหันไปแล้ว!
ยีนพิเศษของท่านชายฉินได้ถูกยืนยันไปแล้ว ถ้าได้รับเลือดที่ไม่ถูกต้องเข้าไป เขาก็จะตายไปในทันทีเลย!
พอนึกถึงตรงนี้ พยาบาลก็พุ่งออกจากห้องพยาบาลไปราวกับคนบ้า
ตอนที่เธอมาถึงห้องฉุกเฉินอย่างรีบร้อนนั้น เลือดสองถุงนั้นก็ถูกแขวนอยู่บนเสาแล้ว มันกำลังค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของฉินโม่หาน
มีถุงหนึ่งได้ถ่ายหมดไปแล้วด้วย
เธอแตกตื่นขึ้นมาทันที เธอรีบลากหมอมาข้างๆ แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้หมอฟัง
“ว่าไงนะ!?”
หลังจากที่หมอต่อว่าเธอไปรอบหนึ่ง ค่อยแจ้งเรื่องให้คณบดีทราบ
คณบดีพาไป๋ยู่หนานมาด้วย “อย่าเพิ่งแตกตื่น ไปเช็คกล้องวงจรปิดก่อน!”
“เลือดที่ถ่ายให้คุณฉินอาจจะไม่ใช่เลือดของเด็กสาวนั่นก็ได้”
พยาบาลพยักหน้าด้วยความร้อนรน ทั้งสองจึงไปห้องมอนิเตอร์พร้อมกัน
แต่คำตอบที่ได้จากห้องมอนิเตอร์นั้น ทำให้หมอทั้งห้องถึงกับเงียบกันไปเลย
เลือดที่ถุงถ่ายให้ฉินโม่หานไปแล้วนั้น ก็คือเลือดของซิงกวง……
ขาของพยาบาลอ่อนลงทั้งสองข้าง จนฟุบลงไปนั่งกับพื้น
ถ้าการสะเพร่าของเธอเพียงครั้งเดียว เป็นสาเหตุให้ท่านชายฉินต้องตาย งั้นต่อไปครอบครัวของเธอก็คงอยู่ในเมืองหรงอย่างเป็นสุขไม่ได้อีกแล้ว!
ไม่ ไม่ใช่แค่เธอ
คนทั้งโรงพยาบาลต่างก็ต้องชดใช้ให้ฉินโม่หานแน่นอน!
คณบดีหลับตาลงอย่างหมดสิ้นหนทาง ถอนหายใจออกมายาวๆ “ไปตรวจดูเร็ว ดูว่ายังมีวิธีไหนที่พอจะช่วยได้บ้าง……”
สิ้นเสียงของชายคนนั้น เสียงเคาะประตูของห้องมอนิเตอร์ก็ดังขึ้น หมอที่เข้ามาในห้องทำท่าดีอกดีใจ “ท่านชายฉินฟื้นแล้วครับ!”
ไป๋ยู่หนานที่อยู่ข้างๆ ชะงักไปทันที “ฟื้นเหรอ?”
เป็นไปได้ยังไง?
ยีนพิเศษที่อยู่ในเลือดของฉินโม่หาน ทำให้เลือดที่ถ่ายให้เขาต้องเป็นเลือดที่มียีนพิเศษเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง จนทำให้ถึงแก่ความตาย
และยีนแบบนี้มันถ่ายทอดกันทางพันธุกรรม ในจำนวนคนนับสิบล้านถึงจะมีสักคน
ทำไมมันถึงบังเอิญแบบนี้ ที่ในร่างกายของซิงกวงมียีนแบบนี้อยู่ด้วย?
เรื่องบังเอิญแบบนั้นมันช่างน่าแปลกใจจริงๆ
นอกเสียจากว่า…….
ไป๋ยู่หนานหันไปมองหมอที่อยู่ในห้อง “พวกคุณคิดว่า เด็กสาวนั่น หน้าตาเหมือนท่านชายฉินมั้ย?”
พวกหมอต่างพากันชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้า “ก็คล้ายอยู่นะ”
“คุณหมอไป๋ คุณจะถามเรื่องนี้ทำไม หรือว่า……”
ไป๋ยู่หนานขมวดคิ้ว “ผมจะไปหาฉินโม่หานตอนนี้เลย”
……
ตอนที่ซูสือเยว่พาพวกมาถึงที่สนามบิน หลังจากที่ฉินหนานเซิงโทรหาเธอก็ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว
หรือก็คือ เครื่องที่เย่เชียนจิ่วนั่งจะออกในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า
“หม่ามี๊ครับ คนกลุ่มนั้นอยู่ทิศตะวันออกครับ”
ภายในหูฟัง เสียงของซิงหยุนค่อนข้างใจเย็น “ทางเข้าที่สองของทิศตะวันออกครับ คนกลุ่มหนึ่งกำลังคุ้มครองคนๆ หนึ่งเอาไว้ เธอดูคล้ายกับเย่เชียนจิ่ว แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้”
“เห็นหน้าไม่ชัดครับ”
ซูสือเยว่หรี่ตาลง “ถ้าอย่างนั้นก็ถือซะว่าเธอคือเย่เชียนจิ่วแล้วกัน”
พูดจบ เธอก็โบกมือไปทางด้านหลัง “ไป!”
ในกลุ่มคนชุดดำที่อยู่ด้านหลังไป๋ลั่ว มีคนกำลังแอบเคาะมือถืออยู่
“พวกเขาไปถึงทิศตะวันตกของสนามบินแล้ว”
ด้านนอกสนามบิน รถBMWสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ในมุมอับ
ฉินหลิงยี่จ้องมองหน้าจอคอมที่มีจุดสีน้ำเงินกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่ชอบใจ “คนพวกนั้นน่าจะถ่วงเวลาของซูสือเยว่ได้สักพัก คุณรีบเข้าไปเถอะ”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับเม้มปาก แล้วมองเขาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ “พี่รองคะ นี่ฉันต้องไปที่แอฟริกาจริงๆ เหรอคะ?”
“ฉัน……”
ฉินหลิงยี่หลับตาลง “ถ้ายังไม่รีบไป แม้แต่เทวดาก็ช่วยคุณไม่ได้อีกแล้ว”
“เพื่อดึงดูดความสนใจ ผมได้ส่งลูกน้องทั้งหมดของผมไปดึงดูดความสนใจของซูสือเยว่ไว้แล้ว แล้วคุณยังไม่ไปอีกเหรอ?”
“เธอไปไม่ได้แล้ว”
ทันทีที่คำพูดของฉินหลิงยี่จบลง ประตูรถก็ “พรึบ” ถูกคนเปิดออกจากด้านนอก
เงาร่างสีดำร่างหนึ่งเปิดประตูรถออกแล้วเข้ามานั่งตรงหลังรถ “อารอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
ฉินหลิงยี่ม่านตาหดเล็กลง “ฉินหนานเซิง นี่นายเป็นพวกเดียวกับซูสือเยว่เหรอ?”
“ผิดแล้วครับ ผมเป็นพวกเดียวกับอาเล็กต่างหาก”
ชายหนุ่มแย้มมุมปากขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเปลี่ยนเป็นท่าทางที่สบายพิงลงตรงหลังรถ “คุณคิดว่า การที่คุณแอบส่งสายลับเข้าไปในกลุ่มคนของอาเล็ก แล้วคิดว่าอาเล็กจะไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอครับ?”
“อารองครับ คุณคิดว่า การที่อาเล็กบาดเจ็บจนหมดสติไป แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ?”