ตอนที่ซูสือเยว่ออกมาจากชวงซิงกรุ๊ป นั้น เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของบริษัทก็กระตือรือร้นมาส่งเธอที่หน้าประตูใหญ่ และยังจัดรถไปส่งเธอโดยเฉพาะ
“คุณซู ประธานกู้ของพวกเราบอกว่า คุณเป็นแขกคนสำคัญ”
รถมาถึงหน้าประตูวิลล่า คนขับรถหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมายัดใส่ในมือของซูสือเยว่ “นี่คือช่องทางติดต่อผม คุณเก็บเอาไว้ให้ดี คราวหน้าถ้าจะมาที่ชวงซิงกรุ๊ป ก็ติดต่อผม ผมจะมารับคุณด้วยตนเองครับ”
พูดจบ คนขับรถเงยหน้า มองเธออย่างลึกซึ้ง “คุณซู คราวหน้าคุณอย่าลืมว่าต้องติดต่อผมนะครับ!”
ความหวังดีของคนขับรถ ทำให้ซูสือเยว่ซาบซึ้งอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกแปลกใจ
เธอรับนามบัตรมา “ขอบคุณค่ะ”
คนขับรถยิ้ม “คุณอยู่ในสถานะแบบนี้ ยังจะต้องมาพูดขอบคุณอะไรกับผมอีก นี่เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้วครับ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว
“ขอเสียมารยาทถามหน่อยนะคะ ที่คุณทำดีกับฉันเป็นห่วงเป็นใยฉันขนาดนี้….เพราะว่าฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนหรือเปล่าคะ”
คนขับอึ้งตะลึง “คุณเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนเหรอครับ”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก “เมื่อก่อนพวกเขาบอกว่าฉันเป็น”
“วันนี้บอกว่าไม่ใช่อีกแล้ว”
“แต่ฉันก็ยังคิดว่าฉันเป็นอยู่นะคะ”
คนขับรถ “……”
เขาใช้สายตาแบบคนมีปัญหาทางสมองอย่างนั้นมองซูสือเยว่ “ที่ผมนอบน้อมเกรงใจคุณขนาดนี้เพราะประธานกู้ของพวกเราได้กำชับเอาไว้ด้วยตัวเองครับ”
“ประธานกู้บอกว่า คุณมีความสำคัญอย่างยิ่งกับชวงซิงกรุ๊ป ให้พวกเราปฏิบัติกับคุณอย่างดี!”
ซูสือเยว่มองคนขับรถด้วยความสงสัย ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง คนขับรถกลับมุดเข้าไปในรถ ขับรถออกไปเลย
หญิงสาวยืนอยู่ที่เดิม ขมวดคิ้วอย่างสงสัย แล้วจึงก้าวขาเข้าไปวิลล่า
“นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจี้คุณลองชิมอันนี้ดู ฉันทำเองเลยนะคะ”
“นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจี้คุณรอสักครู่ เดี๋ยวสือเยว่ก็กลับมาแล้วค่ะ”
“ใช่ค่ะ ฉันพักอยู่ที่นี่กับสือเยว่”
พอเดินเข้าประตู ซูสือเยว่ก็ได้ยินเสียงเหมือนกำลังประจบประแจงของฟู๋เชียนเชียน
หญิงสาวขมวดคิ้ว เพิ่งคิดว่าจะเดินเข้าไปข้างใน แต่กลับถูกใครคนหนึ่งลากไปที่ระเบียงข้างประตู
คนที่ลากเธอไปไม่ใช่ใครอื่น ก็คือซิงกวงลูกสาวของเธอเอง
“หม่ามี๊”
ดวงตาโตคู่นั้นของเด็กน้อยมองเธอตาปริบๆ “ตอนนี้อยู่สถานการณ์เร่งด่วน หนูจะเล่าให้หม่ามี๊สั้นๆ เลยนะคะ”
“คุณอาจี้เป็นพ่อบุญธรรมที่เคยเลี้ยงดูหนูเมื่อก่อน เขาดีกับหนูมาก เป็นคนดีคนหนึ่ง”
“แต่เขาชอบหม่ามี๊ เป็นพวกที่ไม่ยอมฟังคำเกลี้ยกล่อมใคร”
“เขายังไม่รู้ว่าคุณความจำเสื่อม จึงมาหาหม่ามี๊ที่นี่”
“คุณน้าฟู๋เชียนเชียนชอบเขามาก”
“เมื่อก่อนหม่ามี๊ไม่ชอบเขา ชอบแค่แด๊ดดี้คนเดียว”
เด็กน้อยพูดอย่างรวบรัด เล่าเรื่องในอดีตของเธอกับจี้หนานเฟิงอย่างกระจ่าง “ตอนนี้เรื่องที่หม่ามี๊ความจำเสื่อมอย่าเพิ่งบอกให้คุณอาจี้รู้จะดีที่สุดค่ะ”
“คุณอาจี้คิดไม่ซื่อกับหม่ามี๊ ถ้าเขารู้ว่าคุณความจำเสื่อม เขาต้องคิดว่าเขามีโอกาสอีกแล้วแน่นอน”
“ตอนนี้แด๊ดดี้ยุ่งขนาดนั้น แทบจะไม่มีเวลามาจัดการเรื่องศัตรูหัวใจ”
“อีกทั้งเขายังหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น หม่ามี๊ก็ยังจำความสัมพันธ์กับพ่อไม่ได้ แล้วมานอกใจตอนความจำเสื่อมคงไม่ดีแน่!”
ซูสือเยว่อึ้งทันที
เธอก้มหน้า มองเด็กน้อยที่สูงกว่าเข่าของตนเองเล็กน้อยตรงหน้าคนนี้ ย่อตัวลงมาอย่างอดไม่ได้
เธอมองด้วยสายตาที่อยู่ระดับเดียวกับซิงกวง มองดวงตาใสซื่อคู่นั้นอย่างจริงจังแน่วแน่ “อายุยังน้อย ความคิดเป็นผู้ใหญ่เลยนะ”
“กลัวว่าหม่ามี๊จะเลิกกับแด๊ดดี้ของพวกหนูขนาดนั้นเลยเหรอ”
ซิงกวงกัดริมฝีปาก พยักหน้าอย่างเงียบๆ
“แต่คุณอาจี้ของลูก หนูก็บอกเอง ว่าเขาเป็นพ่อบุญธรรมของหนู เขาไม่ดีกับหนูเหรอ”
ซิงกวงส่ายหน้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กน้อยถอนหายใจ “หนูชอบคุณอาจี้มาตลอด และก็ชอบหม่ามี๊มาตลอดเช่นกันค่ะ”
“จะว่าไปแล้ว ตอนแรกตอนที่หนูไม่รู้ว่าหนูเป็นลูกของหม่ามี๊….หนูยังเคยยุให้คุณอาจี้ ให้เขาไปจีบหม่ามี๊เลย”
“ตอนนั้นหนูไม่รู้เรื่อง คิดว่าของที่เราชอบก็ต้องเป็นของเรา หม่ามี๊ที่ชอบก็ต้องกลายเป็นหม่ามี๊ของหนู”
“แม้กระทั่ง หลังจากที่หนูรู้ว่าหม่ามี้กับแด๊ดดี้เป็นสามีภรรยากัน ก็ยังหวังให้คุณอาจี้แย่งหม่ามี๊มา”
“แต่ต่อมาหนูโตแล้ว!”
เด็กน้อยกัดริมฝีปาก มองหน้าซูสือเยว่อย่างละอายใจ “ต่อมา หลังจากที่ได้พบกับพี่ชายสองคนอีกครั้ง พวกเขาก็สอนให้หนูรู้จักเหตุผลมากมาย”
“หนูรู้ว่าการทำลายครอบครัวคนอื่นมันไม่ถูกต้อง”
“ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหม่ามี้กับแด๊ดดี้ยิ่งไม่ถูกต้อง”
“หนูชอบคุณอาจี้ แล้วก็ชอบแด๊ดดี๊กับหม่ามี๊”
“คุณอาจี้คู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้!”
พูดจบ เด็กน้อยก็เหลือบตาแอบมองไปยังคนที่ยืนอยู่ในห้องรับแขก ฟู๋เชียนเชียนที่กำลังจ้องมองจี้หนานเฟิงด้วยรอยยิ้ม “หม่ามี้ หม่ามี้ว่า…คุณน้าฟู๋เชียนเชียนเป็นยังไงบ้าง”
ซูสือเยว่ชะงัก
เมื่อตั้งสติได้ เธอก็มองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในห้องรับแขก
แววตาที่ฟู๋เชียนเชียนมองจี้หนานเฟิง…
เธอแอบตัวสั่นขึ้นมา
ความทรงจำทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ของซูสือเยว่ เธอจำได้ว่าฟู๋เชียนเชียนชอบเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงคนหนึ่ง
แต่เธอจำชื่อของนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมคนนั้นไม่ได้
แต่ตอนนี้ ได้ยินฟู๋เชียนเชียนเรียก “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจี้” แต่ละคำ ซูสือเยว่ก็พอจะรู้แล้วว่าคนผู้นั้นคือใคร
ความสัมพันธ์นี้…..ซับซ้อนอยู่บ้างเล็กน้อย
ซูสือเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางยื่นมาลูบศีรษะของซิงกวงเบาๆ “วางใจเถอะจ้ะ หม่ามี้รู้ว่าต้องทำยังไง”
พูดจบ หญิงสาวก็ลุกขึ้น เดินสาวเท้าเข้าไปในห้องรับแขกทันที
ความเคลื่อนไหวที่ประตู ทำให้สองคนที่อยู่ด้านในต่างพากันหันมามองเธอ
ซูสือเยว่หัวเราะเบาๆ ถอดเสื้อคลุมเปลี่ยนรองเท้าตรงประตู ยกเท้าเดินเข้าไปอย่างสง่างาม “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจี้มาแล้วเหรอคะ”
ฟู๋เชียนเชียนอึ้ง
ซูสือเยว่จำจี้หนานเฟิงได้แล้วเหรอ
ทำไม…..
“สือเยว่”
จี้หนานเฟิงลุกจากโซฟาขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ดวงตาคู่นั้นมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณาหลายรอบ “คุณไม่เป็นอะไรนะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรนี่”
หญิงสาวนั่งลงบนโซฟากระแอมเบาๆ
“พวกคุณสองคนคุยกันไปก่อนนะคะ ฉันไปรินน้ำชา”
ในสายตาของจี้หนานเฟิงมีเพียงซูสือเยว่คนเดียว ฟู๋เชียนเชียนกัดริมฝีปาก หมุนตัวไปอย่างหมดหวัง เดินไปทางห้องครัว
“เชียนเชียน”
ซูสือเยว่ยักคิ้วเรียกเธอเอาไว้ “มาคุยกันแป๊บหนึ่งก่อนเถอะ”
“ทุกคนไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
พูดจบ เธอยังมองจี้หนานเฟิงด้วยรอยยิ้ม “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจี้คงไม่ถือสาที่เพื่อนของฉันคนนี้จะมาร่วมรำลึกความหลังพร้อมพวกเรานะ?”
จี้หนานเฟิงชะงัก “ไม่ถือสา”
ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้ว คิดจะปฏิเสธ ซูสือเยว่หัวเราะเบาๆ “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจี้ก็บอกว่าเขาไม่ถือสาแล้ว แกยังจะไม่มาอีก ไม่ไว้หน้านักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจี้เลยเหรอ”
“น่าเสียดายที่แกเป็นแฟนคลับเขามาเจ็ดปีแล้ว”
“ตอนแรกที่แกเข้าไปเป็นนักแสดงตัวประกอบที่สตูดิโอภาพยนตร์ ก็ไม่ใช่เพราะเขาหรอกเหรอ”
“ตอนนี้กลับไม่ไว้หน้าเขาแล้วเหรอ”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ใบหน้าของฟู๋เชียนเชียนแดงก่ำด้วยความเขินอายขึ้นมาทันที
เธอกัดริมฝีปาก นั่งลงข้างๆ ซูสือเยว่อย่างเงียบๆ
จี้หนานเฟิงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินซูสือเยว่พูดแบบนี้ ก็ขมวดคิ้ว เหล่มองไปทางฟู๋เชียนเชียนแวบหนึ่ง “เพื่อนคุณคนนี้ ที่แท้ก็มีที่มาจนเกี่ยวพันกับผมมากมายขนาดนี้”
พูดพลาง เขาก็มองไปทางฟู๋เชียนเชียนพลางหัวเราะเบาๆ “ก่อนหน้านี้ทำไมไม่บอกล่ะ?”
ฟู๋เชียนเชียนกัดริมฝีปากแน่น พักหนึ่ง จึงได้พูดออกมาอย่างระมัดระวังว่า “ฉันก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรนี่”
แม้ว่าเจ็ดปีก่อนจะเคยช่วยเขาไว้ที่หน้าประตูสตูดิโอภาพยนตร์ เขาก็ยังจำไม่ได้ สำหรับเขาแล้ว เธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย