มือของซูสือเยว่ที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นก็ชะงัก
เธอกัดริมฝีปากตัวเองเงียบๆ เหมือนกับหัวใจของตัวเองถูกกระแทกอย่างแรง มันทั้งเจ็บและช็อก
เธอกัดริมฝีปากตัวเอง
เธอในตอนนี้ ได้รื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดกลับมาแล้ว
เพราะฉะนั้นความเจ็บปวดในตอนที่ยังทำอะไรไม่ได้นั้น เธอแทบจะไม่รู้สึกถึงมันแล้ว และเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าตัวเองในตอนนั้นเป็นทุกข์ขนาดนั้นเลยหรอ
เสียงของฟู๋เชียนเชียน ยังคงดำเนินต่อไป
“สือเยว่ ฉันรู้สึกว่า สิ่งที่ฉินโม่หานทำ มันก็ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่จริงๆ นั่นแหละ”
“แต่ว่า มันมาจากมุมมองของเขาที่รักเธอ คิดเพื่อเธอ”
“แน่นอน ฉันไม่ได้บังคับให้เธอต้องยกโทษให้เขา เพราะถึงยังไงเขาก็ทำผิด”
“ ฉันก็แค่บอกความจริงกับเธอ หวังว่าเธอจะไม่มองเพียงด้านเดียว แล้วสงสัยเกี่ยวกับความรักที่ฉินโม่หานมีต่อเธอ……”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากของตนแน่น อยากจะพูดอะไรต่อแต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก
เธอถอนหายใจออกมา “ ขอบคุณนะ เชียนเชียน”
พอพูดจบ ซูสือเยว่ก็ตัดสาย
เธอต้องการความสงบ
เธอต้องการความสงบจริงๆ
คำขอโทษของฉินโม่หาน การชักจูงของฟู๋เชียนเชียน……
หรือว่าเธอต้องยกโทษให้ฉินโม่หานจริงๆ?
ในเมื่อเขาหวังดี ทำเพื่อที่จะให้เธอได้รื้อฟื้นความทรงจำกลับมา
แต่ว่า ความเสียใจที่ต้องอกหักของเธอนั้น มันจะช่างมันได้ง่ายๆ แบบนี้หรอ?
วันที่เธอนึกว่าฉินโม่หานไม่ต้องการเธอแล้วจริงๆ เธอต้องทุกข์ทนมากแค่ไหนไม่มีใครรู้หรอก
และในตอนนี้ เพราะความพยายามของฉินโม่หาน เพราะว่าเขาทุ่มเทเพื่อเธอ เธอก็เลยต้องปล่อยวางความรู้สึกเสียใจของตัวเองลง แล้วก็เลือกที่จะให้อภัยเขาหรือเปล่า?
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู
ด้านนอกประตูนั้น ฉินโม่หานกับลูกๆ ทั้ง 3 คนกำลังยืนอยู่ตรงทางเดิน
เพราะเห็นว่าเธอเปิดประตูออกมา ชายหนุ่มก็รีบหันหน้ามาแล้วก็มองเธออย่างจริงจัง “สือเยว่ เธอจะไปไหน? ”
ซูสือเยว่มองเขาด้วยสายตาที่ย็นชา เธอไม่ได้พูดอะไรแล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง
ชายหนุ่มเดินตามไปอย่างหน้าไม่อาย
เธอเข้าไปชงกาแฟในห้องครัว เขาก็ตามเธอเข้าไปในห้องครัวเหมือนกัน
เธอไปเปิดทีวีในห้องนั่งเล่น ดูข่าวไปด้วยดื่มกาแฟไปด้วย เขาก็ตามเธอไปนั่งลงบนโซฟา ดื่มน้ำเปล่าไปด้วยเราก็ดูข่าวไปด้วย
พอมีเขาอยู่ด้วย ซูสือเยว่ที่ปกติดูข่าวไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วนั้น ก็ยิ่งดูไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่
ต่อให้ฉินโม่หานเอาแต่นั่งอยู่ข้างๆเธอ ไม่ได้พูดอะไรหรือไม่ได้ทำอะไรก็ตาม แต่ว่าเธอก็รู้สึกอึดอัด
หญิงสาวขมวดคิ้ว สุดท้ายก็ยืนขึ้น แล้วก็เดินออกไปที่สวนดอกไม้ข้างนอก
ฉินโม่หานก็ยังคงตามเธอไป
เธอเดินไปที่ทะเลสาบเทียม เขาก็เดินไปเหมือนกัน
เธอเดินไปที่ศาลา เขาก็ตามไป
ในที่สุดซูสือเยว่ก็ทนไม่ไหว
หญิงสาวหันไปด้วยความรำคาญ แล้วก็มองหน้าฉินโม่หานอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ ไม่ต้องตามฉันแล้วได้ไหม? ”
ชายหนุ่มมองเธอพร้อมกับยิ้ม และพูดอย่างนั้นไม่อาย
“เธอสนใจฉันแล้วหรอ?”
ซูสือเยว่กลอกตาใส่เขา
เธอล่ะไม่อยากจะสนใจเขาจริงๆ !
แต่ว่ากลยุทธ์ในการเดินตามของเขานั้น ทำให้เธอรำคาญมากจริงๆ !
“ฉินโม่หาน”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เราก็มองเขาอย่างจริงจัง “ ไหนให้ฉันอยู่เงียบๆ หน่อยได้ไหม?”
ฉินโม่หานเม้มปาก เขาลดเสียงลง แล้วพูดอย่างถ่อมตัว
“ฉันก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยนะ”
ซูสือเยว่:“……”
เขาไม่ได้ส่งเสียงอะไรจริงๆ
แต่ว่า แค่เขายืนอยู่ข้างๆ เธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายแล้ว
มันไม่ได้จำเป็นต้องส่งเสียงอะไรเลย!
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และหันหน้าไปมองหน้าฉินโม่หาน “คุณฉิน ฉันต้องเตือนอะไรนายหน่อยนะ นายกับฉันเราหย่ากันแล้วนะ”
“ถึงแม้ว่างานแต่งงานของนายกับหยางชิงโยวจะถูกยกเลิกแล้ว แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกับฉัน ก็ยังคงเหมือนเมื่อก่อน คืออดีตสามีภรรยา”
“เพราะฉะนั้น นายหัวอย่าเอาแต่ตามอดีตภรรยาของนาย ไม่อย่างนั้นจะแจ้งตำรวจนะ!”
พอพูดจบ เธอก็ถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้าย แล้วก็หันหลังเดินออกไป
ฉินโม่หานยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังของเธอ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
“สือเยว่”
เสียงของชายหนุ่มทั้งทุ้มต่ำและอ่อนโยน “ฉันบอกตอนไหนว่าฉันหย่ากับเธอ? ”
ฝีเท้าของซูสือเยว่หยุดชะงัก
เธอหันกลับมาแล้วมองเขาด้วยแววตาที่สงสัย “นายกับหยางชิงโยวหมั้นกันแล้ว แล้วจะไม่ได้หย่ากับฉันได้ยังไง? ”
เกี่ยวกับเรื่องหย่านั้น ที่จริงแล้วเธอก็ยังไม่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องนี้จริงๆ เลย
แต่เธอแค่รู้สึกว่า……
ตอนแรกที่ฉินโม่หานแต่งงานกับเธอนั้น ไม่ได้ต้องออกงาน และก็ไม่ได้ต้องมีรูป
เพราะฉะนั้นเรื่องหย่าของพวกเขา สำหรับฉินโม่หานแล้วนั้น มันก็เป็นแค่เรื่องที่ทำได้เพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้น
ตอนแต่งงานกัน เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวยังแต่งงานกันได้โดยที่ไม่ได้แม้แต่ถ่ายรูปด้วยกันด้วยซ้ำ
ถ้าอย่างนั้นตอนหย่า ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการโดยทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรอ?
แต่ว่าตอนนี้ คำพูดของฉินโม่หาน มันกลับทำให้เธอเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ
“ นาย……ไม่หย่ากับฉัน แล้วจะไปหมั้นกับหยางชิงโยวได้ยังไง?”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม “ก็แค่หมั้นปากเปล่าเท่านั้นเอง”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วด้วยความตกใจ “แล้วเธอยอมหรอ? ”
ฉินโม่หานยักไหล่“เธอก็ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว แต่ว่าก็เลี่ยงจนได้”
“ฉันบอกว่า รอให้ฉันกับเธอแต่งงานกันเมื่อไหร่ ฉันก็จะให้เธอได้เห็นใบหย่าของเรา”
ซูสือเยว่อึ้งไปอยู่นาน พูดอะไรไม่ออก
“แต่ว่า……นายไม่กลัว……”
“ตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับหยางชิงโยวอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มมองหน้าเธอ ในสายตาที่ลึกซึ้ง “สือเยว่ เธอเองก็น่าจะรู้ ว่าที่ฉันหมั้นกับเขาเพราะอะไร”
“แต่ไหนแต่ไรในใจของฉันมีแค่……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
ซูสือเยว่หายใจเข้าลึกๆ เราก็ตัดบทเขา
“ฉินโม่หาน นายไม่ต้องตามฉันแล้ว”
“ให้ฉันอยู่เงียบๆ หน่อยได้ไหม?”
“อย่าบังคับให้ฉันต้องตัดสินใจ”
“ตอนแรกที่นายตัดสินใจ นายก็ไม่เคยถามความคิดเห็นของฉัน”
“ตอนนี้ก็ช่วยเขาเคารพความต้องการของฉันด้วย โอเคไหม? ”
คำพูดถัดมาของชายหนุ่ม ต้องกลืนกลับลงคอไปเพราะเธอ
ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้น เงียบเชียบเหมือนตาย
ผ่านไปนาน ฉินโม่หานก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับหัวเราะอย่างข่มขืน “ ฉันไม่เคยคิดเลยว่า……ผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้”
“เธอพูดถูก ฉันควร……เคารพการตัดสินใจของเธอ”
แล้วชายหนุ่มก็มองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งอีกครั้ง “LYกรุ๊ปล้มลงแล้ว ฉินหลิงยี่ก็หายไปไหนไม่รู้”
“เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายเธอ ฉันจะส่งคนมาดูแลเธอ”
“หลายวันนี้……ฉันจะไม่มาอีกแล้ว”
พอพูดจบ ฉินโม่หานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เดินออกไป
ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นแผ่นหลังที่อ้างว้างของเขา เธอก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
“พ่อก็นึกว่า ลูกสาวของเจี่ยนหมิงจง จะมั่นใจเหมือนเมื่อก่อน ถ้าไม่ชอบให้เขาตาม ก็จะใช้กำปั้นเพื่อไล่เขาออกไป”
หลังจากฉินโม่หานเดินออกไปพักหนึ่ง ด้านหลังของซูสือเยว่ ก็มีเสียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วก็หันหน้าไปมองทันที
บนหินที่ตั้งอยู่ด้านหลังของศาลานั้นเจี่ยนหมิงจงนั่งอยู่บนนั้น ออร่าของเขาเต็มไปด้วยความสูงศักดิ์และเย็นชา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง
เพราะเห็นว่าเธอหันมามองเขา ชายหนุ่มก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “ทำไม ศิลปะการต่อสู้ มันใช้ไม่ได้กลับฉินโม่หานสินะ? ”