คำสั่งขับไล่ของลั่วเยียนเห็นได้ชัดมากแล้ว
เธอไม่เพียงแต่ไม่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของฉินหนานเซิง กลับกันยังออกโรงช่วยคนนอก อยากไล่เขาไปจากตรงหน้าตัวเองอีก
พอเขาจากไป เธอกับหรงหลินก็จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์อยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ย?
ฝันหวานจริงๆ!
ฉินหนานเซิงโมโหจนเจ็บแน่นหน้าอก ถ้าหากว่าเมื่อก่อนยังไม่สามารถแน่ใจความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อลั่วเยียนคือเพราะว่ารัก แต่ไม่ใช่เพราะความอยากครอบครองและเพื่อเปลี่ยนใจจากคนรักเก่ามารักเธอ
งั้นครั้งนี้เขาได้สัมผัสรับรู้อย่างชัดเจนเชียวนะ!
ถ้าไม่ใช่รักจริงๆ ทำไมเขาต้องโกรธขนาดนี้ หลังจากที่ถูกอีกฝ่ายเข้าใจความหมายตัวเองผิด!แล้วทำไมหลังจากที่ลั่วเยียนได้พูดจาทำร้ายจิตใจเขา ยังตำหนิเธอไม่ลงคอ กลับกันยังเป็นกลัวว่าเธอจะถูกคนหลอก ถ้าไม่รัก หลังจากตระหนักได้ว่าข้างกายมีศัตรูหัวใจที่ใช่ย่อยโผล่มา เขาก็ไม่ถึงกับลนลานขนาดนี้หรอก
พอคิดพวกนี้ได้ ท่าทีของฉินหนานเซิงได้อ่อนโยนลงมาเยอะ
“ผมไม่ย้าย”
“ผมยังบาดเจ็บอยู่ ต้องรอให้พักฟื้นหายดีแล้วถค่อยออกจากโรงพยาบาล”
“และผมก็จะไม่ยอมหย่ากัน ขอแค่ยังไม่รับใบหย่า คุณก็ยังเป็นภรรยาของผมอยู่ดี”
ลั่วเยียนเคยเห็นเขาไร้ยางอายแบบนี้ที่ไหนกัน ทันใดนั้นเธอโมโหจนพูดไม่ออก
สายตาแหลมคมของฉินหนานเซิงมองไปยัง หรงหลินที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนตลอด น้ำเสียงเย็นชา
“อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณนะ ลั่วเยียนมีคนคุ้มหัวอยู่ ถ้าคุณคิดจะลงมือกับเธอ ผมไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆแน่!”
ถึงตั้งแต่ต้นจนจบท่าทีที่ฉินหนานเซิงมีต่อเขาจะไม่เกรงใจเลย แต่หรงหลินก็ไม่ได้โกรธ ยังคงพยักหน้าอย่างอ่อนโยนอีกเช่นเคย:“ผมรู้ครับ”
นี่ทำห็ฉินหนานเซิงที่กระหืดกระหอบข่มขู่คนดูใจแคบมาก
ฉินหนานเซิงถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็บอกใครไม่ได้ อยากพูดอะไรสุดท้ายก็ได้ล้มเลิกความคิด
“พูดจบหรือยัง?พูดจบก็ออกไป แม่ฉันจะพักผ่อนแล้ว”
ลั่วเยียนพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้ไปปรับความสูงของเตียงให้คุณแม่ลั่ว พอปรับเตียงเสร็จลั่วเยียนก็ได้คอนเฟริ์มเรื่องผ่าตัดกับพ่อและน้องชายคนเล็ก แถมยังได้แนะนำหรงหลินให้พวกเขาร็จัก
บรรยากาศระหว่างพวกเขาเข้ากันกลมเกลียวมาก กลับกันฉินหนานเซิงเนี่ยสิเหมือนคนที่ไม่เข้ากับพวกเขาเลย
มีอยู่หลายครั้งที่ฉินหนานเซิงอยากหาประเด็นอะไรมาพูด แต่ล้วนล้มเหลวทั้งนั้น
ไป๋เฉิงทนดูไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาได้เรียกเบาๆ:“คุณชายครับ หรือไม่เราจะกลับกันก่อนครับ”
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไตก็ใกล้จะถึงแล้ว พวกเขาก็ต้องกลับไปเตรียมตัว จะเสียเวลาอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น คนอื่นยังไม่ต้อนรับพวกเขาขนาดนี้
ฉินหนานเซิงเจ็บใจ แต่กลับไม่สามารถพลิกสถานการณ์ ได้แต่พยักหน้าเบาๆให้ไป๋เฉิง
“พ่อตาแม่ยายครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ถ้าพ่อตากับแม่ยายมีเรื่องอะไร ให้ชิงเจ๋อไปหาผมที่ชั้นบนได้ครับ ผมจะเรียกแล้วมาทันทีแน่นอนครับ”
“โอเค ลูกก็บาดเจ็บอยู่ กลับไปพักผ่อนดีๆนะ”
สองสามีภรรยาตระกูลลั่วก็ฝืนยิ้มให้กับเขา
ยังเป็นลั่วชิงเจ๋อที่ลุกขึ้นตามด้วย
“พี่เขย ผมไปส่งพี่ครับ”
“คุณฉิน ค่อยๆไปนะครับ”หรงหลินพยักหน้าให้เขาอย่างมีมารยาท
ฉินหนานเซิงเชิดใส่หรงหลิน ได้แต่มองตาปริบๆไปที่ลั่วเยียน
ตั้งแต่ต้นจนจบลั่วเยียนกลับไม่หันมาเลย และไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เหมือนในสายตาเธอไม่มีเขาอยู่เลย
ฉินหนานเซิงหลุบตาลงด้วยความเศร้าหมอง:“ไปเถอะ”
ไป๋เฉิงเข็นฉินหนานเซิงออกจากห้องผู้ป่วยไปยังลิฟต์ ส่วนลั่วชิงเจ๋อได้เดินตามอยู่ข้างหลัง
“พี่เขยอย่าโทษพี่สาวผมเลยนะ”
“พี่ไม่โทษเธอหรอก จะโทษก็ต้องโทษไอ้คนแซ่หรงคนนั้น”
“คุณหรงคนนี้ ผมก็รู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคนดีอะไรเลย”
ฉินหนานเซิงยักคิ้ว:“ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้?”
“บอกไม่ถูกครับ อาจจะเพราะเขานิสัยดีเกินไป ดูแล้วมันเฟคเกินไปมั้งครับ”
หลายปีมานี้ลั่วชิงเจ๋อเคยผ่านความลำบากมาไม่น้อย และได้สัมผัสน้ำใจมนุษย์ที่มีต่อกันก่อนวัยอันควร เขาดูนิสัยใจคอคนเก่งมาก
“ที่นายพูดมีเหตุผล นายว่าทำไมมันถึงบังเอิญขนาดนี้นะ ตอนนี้งานของพี่สาวนายไม่ราบรื่น อีกทั้งยังขาดเพื่อนรู้ใจ เขาก็โผล่มาพอดี ช่วยเธอแก้ไขปัญหาเรื่องงานไม่พอ แถมยังพัฒนาความสัมพันธ์กับพี่สาวนายเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย”
“ฟังพี่เขยพูดแบบนี้แล้ว เหมือนจะมีปัญหาจริงๆด้วยครับ”
“มันจะต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแน่นอน นายจะต้องหนักแน่นเข้าไว้นะ จะถูกหน้าเนื้อใจเสือของมันหลอกไม่ได้นะ!”
ลั่วชิงเจ๋อได้มองไปที่ฉินหนานเซิง จู่ๆได้เม้มปากหัวเราะ
ฉินหนานเซิงถูกเขาหัวเราะจนประหลาดใจ:“นายหัวเราะอะไร?”
“เมื่อก่อนพี่เขยไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิกแบบนี้นะ”
กลับกันยังเย่อหยิ่งจะแย่ แถมยังมักจะจ้องคนอย่างตาเขม็ง เมื่อก่อนลั่วชิงเจ๋อไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เขาเลย
แต่ครั้งนี้ฉินหนานเซิงตามมาถึงหมู่บ้าน เป็นฝ่ายจ่ายค่าแอ็ดมิทและค่าผ่าตัดของพ่อแม่ไม่พอ แถมยังเป็นห่วงพี่สาวเขาจากใจจริงด้วย
นี่ทำให้ผู้ชายสูงส่งมาโดยตลอด จู่ๆได้เปลี่ยนเป็นคนกันเองและเข้าหาง่ายขึ้น
เมื่อเที่ยบกับหรงหลินที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ลั่วชิงเจ๋อกลับไว้ใจฉินหนานเซิงที่นิสัยไม่ดีมากกว่า
เพราะอารมณ์ของเขาสมจริงมาก
ฉินหนานเซิงฟังคำพูดของลั่วชิงเจ๋อแล้วได้อึ้งเล็กน้อย
แต่ไม่นานก็ได้ยิ้มอย่างขมขื่น:“เมื่อนก่อนพี่ไม่ดีเอง ไม่รู้ใจตัวเอง”
“แต่ครั้งนี้ พี่สำนึกผิดแล้วจริงๆ”
ลั่วชิงเจ๋อเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ จากนั้นได้มองไปที่หนานเซิงอย่างจริงจัง
“คำนี้ผมจะถามแค่ครั้งเดียว พี่เขยจริงใจกับพี่สาวผมหรือเปล่าครับ?”
“แน่นอน!”
“ไม่ว่าเจอแรงภายนอกใดๆก็จะไมเปลี่ยนแปลง?”
“ไม่เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด!”
“จำคำพูดที่พี่เขยพูดเอาไว้นะ” ลั่วชิงเจ๋อพูด “ผมจะเชือพี่เขยอีกครั้ง ถ้าพี่เขยทำให้ผมผิดหวังอีก ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ให้พี่สาวผมยกโทษให้พี่เขยเด็ดขาด”
พูดคำพูดเหล่านี้จบ ก็ถึงห้องของฉินหนานเซิงพอดี
“ส่งแค่ตรงนี้แหละ ผมไปแล้วนะ”
ลั่วชิงเจ๋อผายมือให้ฉินหนานเซิงแล้วหันหลังจากไป
มองดูร่างเงาที่จากไปของเขา ฉินหนานเซิงเงียบกริบก็ไม่พูดจาอยู่ตั้งนาน
“คุณชายครับ จะไม่บอกความจริงให้ครอบครัวเขาจริงๆเหรอครับ?”
ฉินหนานเซิงดึงสติกลับมา ได้เตือนด้วยเสียงเคร่งขรึม:“ห้ามพูด พวกนายก็ห้ามพูดออกไปโดยพลการ!เข้าใจยัง?”
ไป๋เฉิงเห็นเขากริ้วแล้วได้รีบก้มหน้า:“ครับ”
“เหมือนที่อาเล็กพูดไม่มีผิด หรงหลินคนนั้นมุ่งเป้ามาที่ฉัน”
กลับมาถึงห้องผู้ป่วย ฉินหนานเซิงถึงเก็บอารมณ์กลับมา แล้วกลายป็นคนเงียบขรึมเหมือนก่อนหน้า
เมื่อครู่ ฉินหนานเซิงก็มีใจที่จะแกล้งแกล้งหยั่งเชิงดู
พบว่าหรงหลินรู้จักเขาดีมากจริงๆด้วย ถึงขั้นพ่อแม่เขาก็ได้ตรวจสอบด้วย
ไม่งั้น เขาไม่มีทางโจมตีกลับได้สวยงามขนาดนั้นหรอก แถมยังทำให้คนของตระกูลลั่วมีอคติกับเขาอีก
“จะให้ผมหาคนจับตาดูมันไว้มั้ยครับ?”ไป๋เฉิงถาม
“จับตาดูไว้ ระวังอย่าให้มันรู้ตัว”
“ครับ”
“ผ่าตัดวันไหน?”
“อีกสามวันข้างหน้าครับ”
“ก่อนปลูกถ่ายไตจะต้องปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารการกินใช่มั้ย?สองวันนี้นายให้คนทำอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่ายมาหน่อย อย่าลืมส่งไปที่ชั้นล่างชุดนึง”
ไป๋เฉิงหลุบตาลงและพูดอย่างทอดถอนใจ:“คุณชายเปลี่ยนไปมากจริงๆครับ”
ฉินหนานเซิงในก่อนหน้านี้ไม่มาใส่ใจรายละเอียดเล็กๆพวกนี้หรอก เขาไม่ใช่คนที่ละเอียดอ่อนและเอาใจใส่เลย
อย่างน้อย ที่ผ่านมาไม่เคยละเอียดอ่อนและเอาใจใส่ลั่วเยียน
“ใช่เหรอ?งั้นการเปลี่ยนแปลงนี้ดีหรือไม่ดี?”
“คงดีมั้งครับ”ไป๋เฉิงพูด “ถ้าท่านชายฉินรู้ เขาก็คงจะปลาบปลื้มใจมากเหมือนกันครับ”
พูดถึงฉินโม่หาน ฉินหนานเซิงนึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกเรื่องที่จะปรึกษาหารือกับเขา
“มือถือล่ะ ฉันมีเรื่องจะหาอาเล็ก”
“หาสามีฉันมีเรื่องอะไร?”
หน้าห้องมีเสียงที่คุ้นเคยก้องมา ฉินหนานเซิงได้ยินแล้วมองไปตามเสียง
เห็นแต่ซูสือเยว่พาเด็กทั้งสามมาเยี่ยมไข้ ด้านหลังยังมีบอดี้การ์ดคอยติดตามอยู่สองคน
“อาสะใภ้เล็ก นี่พวกอาสะใภ้เล็กมาได้ยังไงครับ?”