My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 20

My Death Flags Show No Sign of Ending

กว่าจะนึกขึ้นได้ว่า “เอริกะก็มีพี่ชายนี่นา” มันก็สายไปเสียแล้ว ถ้าหากจะหาเหตุผลว่าทำเขาถึงลืมได้นั้นเป็นเพราะตัวของอิสุกิเอง เขาแทบจะไม่มีบทอะไรเลยในเนื้อเรื่องหลัก แม้แต่ชื่อของเขายังไม่เป็นที่แน่ชัด

แต่หากว่ามานั่งคิดดูดีๆแล้ว ถ้าเอริกะเป็นลูกคนเดียวจริง แล้วเอริกะแต่งงานเข้าตระกูลอื่น  ตระกูลสุเมรากิก็ไม่มีคนสืบเชื้อสายน่ะสิ ถึงว่าทำไมพวกเขาถึงตอบรับการหมั้นนี้โดยง่าย ดังนั้นการที่ไม่คำนึงถึงการมีตัวตนอยู่ของพี่ชายเอริกะถือว่าเป็นความผิดพลาดของตัวฮาโรลด์เอง

แต่ก็ยังดี มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร นอกเสียจากอิสุกิที่เป็นพี่ชายที่ค่อนไปทางซิสค่อนเท่านั้นที่เขานึกไม่ถึง 

อิสุกิ ผู้ที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างน่ากลัว และพลางหัวเราะออกมา “หึหึหึหึ” ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ารำคาญเสียจริง

 

[ ชั้นได้ยินเรื่องมาล่ะ ดีเลย งั้นมาสู้กันเถอะ ]

 

ด้วยดวงตาคู่นั้นที่ดูคล้ายกับสัตว์นักล่ากำลังจับจ้องไปยังเหยื่อของตน ถึงตัวฮาโรลด์เองจะรู้สึกเริ่มรำคาญ แต่ก็พยายามมองข้ามไปและบอกกับตัวเองว่าสิ่งนี้เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับจากประสบการณ์การต่อสู้จริง

 

[ อย่ามาแตะต้องตัวข้า เจ้าแมลงวัน ]

 

จริงๆเขาแค่อยากจะพูดว่า [ เอ่อคือ ไหล่ผมเริ่มเจ็บแล้วครับ ดังนั้นคุณช่วยเอามือของคุณออกไปหน่อยได้ไหมครับ ] และไม่ได้มีเจตนาที่จะหาเรื่องเลยสักนิด แต่ด้วยพลังปากของเขา ทำให้เขาไม่สามารถหลีกหนีออกจากสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ไปได้ ไอ้ปากเวรนี้มันหายนะโดยสมบูรณ์ชัดๆ- ดังสุภาษิตที่ว่าปากพาซวย

 

[ เหหห นายเองก็ดูเอาเรื่องเหมือนกันนะ งั้น ไปเตรียมตัวกันเถอะ ]

 

ขณะที่เดินออกมาหลังจากทักทายกับอิสุกิที่เริ่มยิ้มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ จากที่อิสุกิพูดว่า เขาเองก็คิดว่าควรไปเปลี่ยนชุดดีกว่าเพราะมันเคลื่อนไหวไม่ถนัดแน่ๆถ้าหาจะให้ไปต่อสู้ด้วยชุดที่ดูเหมือนผู้ดีอังกฤษแบบนี้ พอคิดเช่นนั้นเขาจึงเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ถูกเตรียมไว้ให้แล้วในห้องแต่งตัว

ชุดที่เขาใส่ออกมานั้น ด้านบนเป็นชุดโดกิสีขาว และท่อนล่างเป็นชุดฮากามะสีน้ำเงินเข้มเหมือนกับชุดชมรมยิงธนูอย่างไงอย่างงั้น

ทาสุคุ อิสุกิ และอีกหลายๆคนที่นั่งอยู่ชั้น2โซนผู้ชม ต่างจับจ้องมาที่ฮาโรลด์ผู้ซึ่งเดินออกมาหลังจากเปลี่ยนชุดของเขาเสร็จแล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่ดูสูงเพียง 140 เซนที่อยู่ในชุดโดจิขาวสะอาด แต่ความรู้สึกที่ถูกปลดปล่อยออกมามันดูไม่ไร้เดียงสาซักนิด มันกลับเป็นแรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจนรู้สึกราวกับถูกทิ่มแทงผิวหนัง

 

[ ไอ้นี่คืออาวุธ ? ]

 

ฮาโรลด์เดินไปหยิบดาบไม้อีกอันที่กำแพง ซึ่งมันดูเหมือนกับอันที่อิสุกิถืออยู่

เมื่อเขาลองเหวี่ยงมัน เขาก็รู้สึกได้ทันที มันเบามาก เบากว่าที่เขาคิดไว้เยอะ มันดูราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลยซักนิด ในขณะที่กำลังทำเสียง “หวึงหวึง” ที่เกิดจากการเหวี่ยงดาบตัดอากาศอยู่นั้น ฮาโรลด์ก็ทดสอบเหวี่ยงดาบไปรอบเพื่อให้คุ้นชินมือ

ท่าทางการเหวี่ยงดาบของเขานั้นมันดูไหลลื่นมากจนกลายเป็นจุดสนใจ รวมถึงอิสุกิเองก็ถอนหายใจออกมาดัง “หึ” พลางชื่นชม

ถึงแม้ว่าเค้าจะเคยได้ยินเรื่องของฮาโรลด์มาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ แต่จากได้เห็นทักษะดาบของฮาโรลด์กับตา เขาถึงกับเปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่าไม่ประมาทดีกว่า สำหรับอิสุกิ ตอนแรกเขาคิดเพียงแค่ว่าไอ้หมอนี้เป็นศัตรูที่น่ารังเกียจที่ขโมยน้องสาวสุดที่รักของเขาไป แต่พอมาเห็นกับตาตอนนี้ เขาเองก็ทึ่งมากสำหรับเด็ก 10 ขวบที่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้

ตอนนี้ในหัวเขาคิดเพียงว่าการต่อสู้นี้อาจจะทำให้เขารู้สึกสนุกขึ้นมาได้บ้างเช่นเดียวกับฮาโรลด์

ถ้าหากพูดถึงในเชิงฝีมือดาบ อิสุกิถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็น1ในผู้มีพรสวรรค์

เพราะงั้น แม้ว่าตอนนี้เขาเองก็แทบจะไม่มีทางที่จะแพ้การต่อสู้กับพวกผู้ใหญ่ได้อย่างง่ายๆ หรืออีกความหมายคือ มันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับเด็กคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถสู้กับอิสุกิได้อย่างสูสี

ถ้าหากกล่าวว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรหรอกนะ มันก็จะเป็นการโกหกกันเกินไป เพราะบางส่วนภายในจิตใจเขา เขาเองก็หวังอยู่ลึกๆว่าจะมีคู่แข่งที่ฝีมือทัดเทียมและอายุใกล้เคียงเขาโผล่มาบ้าง

และตอนนี้ คู่แข่งที่เคยหวังไว้ได้ปรากฎตัวออกมาแล้ว ถ้าหากฮาโรลด์ไม่ได้เป็นคู่หมั้นของเอริกะแล้วล่ะก็ อิสุกิคงกระโดดเข้าไปกอดด้วยความดีใจแล้ว

 

[ อย่างที่คิดมันก็แค่กิ่งไม้ ]

 

มันคือความรู้สึกของฮาโรลด์หลังจากที่ได้เหวี่ยงดาบไม้ แม้วิธีการพูดแบบนั้นมันจะฟังดูเกินไปหน่อย แต่ว่าสำหรับฮาโรลด์แล้วผู้ที่ฝึกอยู่กับดาบจริงอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้ เขาแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของไอ้ดาบไม้นี้ได้เลย

 

[ ถ้างั้น นายพร้อมรึยัง ? ]

[ อย่างถามอะไรโง่ๆ เริ่มได้เลย ]

 

แม้ว่าทาซุคุเพียงแค่อยากจะยืนยันความพร้อมเฉยๆ แต่ว่ากลับถูกตอบกลับมาด้วยท่าทางหยิ่งของฮาโรลด์ แม้ว่าท่าทางของฮาโรลด์ตอนนี้จะดูร่าเริงสดชื่นดี แต่จริงๆแล้วเขากำลังกังวล หรือจะกล่าวว่ากำลังกลัวก็ได้ เพราะอิสุกินั้นไม่ได้เป็นตัวละครที่ปรากฎในเนื้อเรื่องหลัก เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในโลกแฟนตาซีแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยดาบและเวทมนตร์อีกทั้งการคงอยู่ของเหล่ามอนเตอร์ที่ดูราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้ เขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้และยังถูกเรียกว่าผู้แข็งแกร็ง เพราะงั้นไม่มีทางเลยที่เขาจะเป็นคนธรรมดาทั่วๆไป

หากมาคิดดูดีๆแล้ว ไม่มีทางเลยที่คนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นในยุคสมัยใหม่อย่างไร้กังวลใดๆจะสามารถเอาชนะได้ แต่ว่าฮาโรลด์เองก็เชื่อมั่นในบางสิ่งที่มีอยู่ในร่างนี้ ถึงแม้ว่าปากนี้จะแจกคำหยาบคายซ้ำไปซ้ำมาและยั่วยุคนอื่นๆไปทั่วจนทำให้เขาเดือดร้อน แต่ว่าร่างกายไฮสเปคนี้ก็มาพร้อมทั้งความเร็วและความสามารถที่ร่างเก่าของเขาไม่มีทางเทียบติด มันถือว่ามีค่ามหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะที่เขาหลับตาลง ในความมืดนั้น มันฉายภาพการต่อสู้กับฮาโรลด์ตอนเล่นอยู่ในเกมส์ ในการสู้กับฮาโรลด์ครั้งแรกนั้น มันให้เขาพบจากกับประสบการณ์อย่างยากลำบากจากทักษะแล้วความเร็วที่ท่วมท้นของตัวฮาโรลด์ 

เอาจริงๆ เขาเองก็คิดว่าด้วยร่างกายนี้เขาก็คงไม่แพ้หรอก ถ้าหากว่าเขาสามารถควบคุมในได้อย่างใจนึก งั้น-

 

( ผมไม่มีความรู้สึกเลยว่าจะแพ้ได้ )

 

ในดวงตาทั้งคู่ของฮาโรลด์ เปลวไฟกำลังลุกไหม้ในดวงตาอย่างไม่เคยได้เห็นมาก่อน และดวงตาคู่นั้น กำลังจับจ้องไปยังอิสุกิที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา

หลังจากที่ทั้ง 2 เงียบกันอยู่สักพัก ทาสุคุก็ยืนยันกฎการดวล

 

[ อาวุธคือดาบไม้ การโจมตีไปที่หัวและใบหน้าและการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตและเวทมนตร์เป็นข้อห้าม เวลาไม่จำกัด ผลของการดวลจะรู้ผลก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถต่อสู้ได้หรือว่ายอมแพ้ ถือว่านี่คือการต่อสู้จริง มีใครมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับกฎรึไม่ ? ]

 

[ ไม่ ]

[ นายจะบอกว่าไอ้พวกนี้คือการต่อสู้จริงอ่ะนะ ? เหอะ หละหลวมเป็นบ้า ]

[ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่พอใจก็เถอะ แต่ไม่ว่ายังไงข้าต้องการที่จะหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บใหญ่ๆ หากต้องการให้เอาจริงมากกว่านี้ อย่างน้อยเธอก็ต้องใส่เครื่องป้องกัน ]

[ . . . . . ก็ได้ สำหรับวันนี้ ใช้กฎเพียงเท่านี้ก็ได้ ]

 

อันที่จริง เขาเองก็รู้สึกขอบคุณกับข้อเสนอเหล่านี้ แต่ว่าใบหน้าของเขากับแสดงสีหน้าอย่างไม่พอใจนัก ทาสุคุเองก็ดูโล่งใจ นั้นเพราะทาสุคุรู้ดีถึงความสามารถของอิสุกิ ด้วยฝีมือดาบของเขานั้นไม่ด้อยไปกว่าเหล่าทหารที่เคยผ่านการต่อสู้จริงมาแล้ว หากไม่มีพวกข้อห้ามเหล่านี้ มันมีโอกาสสูงที่เขาจะทำให้ฮาโรลด์บาดเจ็บหนักได้

แม้ว่าฮาโรลด์เองจะอยากให้มันดูเหมือนจริงมากกว่านี้ก็เถอะ มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำให้ลูกชายคนโตของขุนนางได้รับบาดเจ็บ แถมยังเป็นลูกของขุนนางที่ให้การช่วยเหลือตระกูลของพวกเขา

แม้ไม่ต้องพูดอะไรออกมา อิสุกิเองก็เข้าใจในมุมมองของท่านพ่อ ถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะสู้ด้วยทั้งหมดที่เขามี แต่หากพิจารนาด้วยตำแหน่งของทั้ง 2 คนแล้ว มันคงเป็นเรื่องยาก

ถ้าเช่นนั้น ปล่อยให้พวกเราดวลดาบกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ดีกว่า ในขณะที่คิดเช่นนั้น เขาก็ได้พูดประโยคบางอย่างที่คาดไม่ถึงออกมา

 

[ ชั้นจะให้นายเริ่มโจมตีก่อน เอาเลย ]

 

อิสุกิไม่ได้มีความตั้งใจที่จะดูถูกฮาโรลด์อะไร ในเมื่อเขาเองก็มาสามารถเอาจริงได้ เขาเพียงแค่อยากจะรู้ถึงความสามารถทั้งหมดที่ฮาโรลด์มีเท่านั้น ถ้าจะให้พูด คำพูดเหล่านั้นมันฟังดูเหมือนแทนคำขอโทษซะมากกว่าที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้แม้ว่าฮาโรลด์จะอยากให้การดวลมันจริงจังกว่านี้

 

「……..」

 

ด้วยท่าทีของอิสุกิที่ดูเหมือนว่ากำลังได้ใจหน่อยๆ ฮาโรลด์ถึงกับเผลอคิ้วขวากระตุกไปหน่อยๆแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไปมากกว่านั้น อาจเพราะเขายังใจเย็นพอที่จะยอมรับว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้สาระ หรือบางทีอาจเพราะพยายามระงับความโกรธเอาไว้อยู่

หลังจากที่ทาสุคุและคนอื่นๆถอยออกไปจากสนามประลอง ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ที่ระหว่างฮาโรลด์และอิสุกิและหันไปมองให้กับทั้ง 2 คน

เมื่อยืนยันได้แล้วว่าทั้ง2คนอยู่ในจุดที่พร้อมแล้ว เขาก็กล่าวออกมาเสียงดังเพื่อเริ่มการดวล

 

[ ทั้งคู่เข้าประจำที่ . . . . . เริ่ม ! ]

 

แทบจะพร้อมกับคำประกาศเริ่มการประลอง ฮาโรลด์ได้เริ่มการโจมตีก่อน เป็นดั่งที่ทุกๆคนคาดการณ์เอาไว้ แต่ว่า 1 สิ่งที่ทุกๆคนต่างคาดไม่ถึงนั้นคือความเร็วของฮาโรลด์ ด้วยความเร็วนั้นมันดูเรากับว่าเขาหายตัวไป ฮาโรลด์พุ่งเข้ามาในระยะประชิดอิสุกิแทบจะในทันที

 

「!?」

 

ไม่ใช่เพียงแค่อิสุกิที่เผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ ในกลุ่มของผู้ที่ชมการแข่งขันต่างมีปฎิกิริยาเดียวกันกับอิสุกิไม่ก็พูดไม่ออกเพราะพวกเขายังไม่เชื่อสายตาของตัวเขาเอง แม้แต่จูโนะ ผู้ที่เคยเห็นความเร็วของฮาโรลด์มาแล้วก่อนหน้านี้ ด้วยดวงตาทั้งคู่ของเธอ ภาพที่ปรากฎตรงหน้านั้น ทำให้เธอแสดงปฎิกิริยาเหมือนกับคนอื่นๆ นั้นเพราะ ด้วยความเร็วและความเฉียบคมในการเคลื่อนไหวนั้น หากเปรียบเทียบกับภาพเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้า ตัวของฮาโรลด์นั้นดูพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก

ด้วยความที่อิสุกิไม่ทันระวังตัวและคงจะตอบสนองไม่ทันแน่ๆ แต่ว่า ดูเหมือนเขายังตอบสนองไปเองตามสัญชาตญาณด้วยการพยายามเหวี่ยงดาบไปในอากาศเพื่อพยายามป้องกัน

และนั้นมันทำให้ดาบไม้ของพวกเขาทั้ง 2 ประทะกันจนส่งเสียงดังก้องไปทั่วโรงฝึก และในระหว่างที่เสียงยังดังก้องอยู่นั้น ก็มีเสียงของดาบไม้ของใครบางคนร่วงลงสู่พื้น 

หลังจากการจู่โจมอย่างกระทันหันของฮาโรลด์ คนที่ยังยืนอยู่ด้วย 2 มือที่ว่างปล่าวนั้นคือ อิสุกิ

ขณะที่ทุกๆคนต่างพูดไม่ออก ฮาโรลด์กล่าวคำถากถางออกมาต่ออิสุกิพลางแกว่งดาบเล่นๆไปเรื่อย

 

[ หากนี่คือการต่อสู้จริง แกคงตายไปแล้ว แกควรจะดีใจนะ ที่ข้าไม่เอาจริง ]

 

ถึงที่กล่าวออกมานั้นมันจะฟังดูประชดประชัน แต่สำหรับอิสุกิ สิ่งที่เขาได้ยินนั้นมันเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

ราวกับว่าเขากำลังอดทนต่อความขุ่นเคืองภายในจิตใจ มือขวาของเขาเริ่มที่จะกำแน่นขึ้น แม้ว่ามันจะยังรู้สึกชาเนื่องจากถูกแรงปะทะจนดาบไม้หลุดจากมือของเขา

 

[ . . . .  จริง เป็นอย่างที่นายพูด ชั้นผิดเองที่ประเมิณนายต่ำเกินไป ]

 

ความรู้สึกเสียใจพรั่งพรูออกมาจากภายในจิตใจของอิสุกิ มันไม่ใช่รู้สึกผิดต่อฮาโรลด์ แต่มันเป็นความเสียใจที่เกิดจากความละอายแก่ตัวเองที่โง่เขลากับการดูถูกฮาโรลด์ทั้งๆที่ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะประมาทเลิอเล่อ และที่อิสุกิรู้สึกได้ในเวลานี้นั้น ฮาโรลด์เค้าคงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

 

( เขาเองก็มองหาคู่แข่งที่สามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างเอาจริงเหมือนกันชั้นสินะ ? )

 

อิสุกิได้แต่จินตนาการว่าเขาจะทำอย่างไรถ้าหากตำแหน่งของพวกเขาทั้ง 2 กลับกัน ถ้าหากเป็นฮาโรลด์เป็นฝ่ายแสดงท่าทีเช่นเดียวกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไป อิสุกิเองก็คงไม่สามารถระงับความโกรธได้เช่นกัน

ในการปะทะกันล่าสุดฮาโรลด์ต้องรู้สึกไม่พอใจเป็นแน่ หรือก็คือเขาโกรธที่เขาไม่สามารถเอาจริงได้

ในตอนนั้นอิสุกิเองก็พอมองเห็นการเคลื่อนไหวของดาบของฮาโรลด์อยู่บ้าง ถ้าเขามองไม่ผิด ฮาโรลด์เป็นคนตั้งใจที่จะโจมตีไปยังดาบของเขาที่ยกขึ้นมาตั้งรับด้วยตนเองจนดาบไม้ถูกฟาดหลุดมือไป

หรือก็คือเหตุผลที่ฮาโรลด์ไม่โจมตีเข้ามาที่ลำตัวหรือมือของอิสุกินั้นก็เพราะเขาต้องการจะสื่อว่า “แกก็ควรเอาจริงได้แล้ว” นั้นคือสิ่งที่อิสุกิตีความออกมา

จริงๆมันก็ถูกเพียงครึ่งเดียว ที่ว่าฮาโรลด์นั้นตั้งใจโจมตีไปที่ดาบไม้ของอิสุกิ เพราะจริงๆแล้วฮาโรลด์นั้นไม่มีความกล้าพอที่จะโจมตีไปยังส่วนอื่นของอิสุกิ แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเด็ก 10 ขวบแต่ว่าภายในจิตใจนั้นเขาเป็นหนุ่มมหาลัยวัยใกล้ 20 ด้วยอายุขนาดนี้คงไม่สามารถเรียกว่าเป็นเพียงแค่เด็กได้

ถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับการบาดเจ็บได้ แต่เขาเองก็ลังเลที่จะทำให้อิสุกิบาดเจ็บเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาอย่างดีแค่ไหน แต่สำหรับเขาคู่ต่อสู้นั้นก็ยังเป็นเพียงแค่เด็ก

 

[ ถ้าเช่นนั้น ชั้นเองก็มีเรื่องอยากจะขอร้อง ได้โปรด มาสู้กับชั้นอีกครั้งอย่างเอาจริงด้วย ]

[ แกมันปัญญาอ่อนเรอะ ? นั้นคือสิ่งที่ควรจะทำตั้งแต่เริ่มอยู่แล้ว ]

 

ฮาโรลด์กล่าวออกมาทันทีอย่างไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาตอบกลับมาแทบจะในทันทีจนอิสุกิเองรู้ผิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ถึงแม้ใจจริงฮาโรลด์นั้นไม่อยากให้มันเป็นการต่อสู้จริงเท่าไหร่นัก แต่ว่าการที่จะอยู่รอดในโลกแฟนตาซีเช่นนี้ การต่อสู้นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

[ . . . . .อ่า นั้นสินะ ]

[ ถ้าหากแกยังมีใจที่จะสู้ รีบๆหยิบอาวุธขึ้นมาซะ ]

[ ขอบคุณ ครั้งนี้ชั้นขอเป็นคนบุกก่อนบ้างได้ใช่ไหม ? ]

 

ขณะที่หยิบดาบไม้ขึ้นจากพื้น อิสุกิกล่าวกับฮาโรลด์ด้วยท่าทีที่แตกจากก่อนหน้านี้ และด้วยคำพูดเหล่านั้น มันฟังดูราวกับว่าอิสุกิเองเริ่มที่จะสนุกกับมัน ฮาโรลด์เองก็ตอบกลับพร้อมเผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน

 

[ หึ ก็ลองดู ถ้าหากแกสามารถตามความเร็วของข้าได้นะ ]

[ ชั้นจะแสดงให้นายดู ]

 

และนั้นคือมารยาทที่อิสุกินั้นจะสามารถแสดงออกมาต่อฮาโรลด์ได้ผู้ซึ่งที่ต้องการประสบการณ์การต่อสู้จริง แม้ว่าการดวลนี้จะเป็นเหมือนกันรีแมทอีกรอบ แต่บรรยากาศความตึงเครียดกับเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ทาสุคุเองพยายามจะลดความตึงเครียดนี้ลง กับถูกพวกเขาทั้ง 2 จ้องเขม่งมา

 

[[ พวกเรารู้แล้ว ]]

 

สายตาเหล่านั้นสื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจน พวกเราจะปฎิบัติตามกฎ แต่ว่าพวกเราเองก็จะต่อสู้อย่างเอาจริงเช่นกัน เพราะงั้นห้ามมาหยุดพวกเรา

ทาสุคุเองก็รู้สึกว่าเขาควรจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่หลังจากลังเลอยู่ซักพัก เขาก็ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ที่ด้านหน้า หลังจากยืนยันความพร้อมของทั้ง 2 ก็กล่าวเริ่มการดวลอีกรอบ ในตอนนั้นที่อิสุกิเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา

 

[ ชั้นบุกล่ะนะ !!! ]

 

ด้วยคำพูดนั้นราวกับว่าเป็นการประกาศเริ่มการรีแมท พวกเขาทั้งสองแทบจะเคลื่อนไหวพร้อมๆกัน อย่างที่คาด ฮาโรลด์นั้นยังเร็วว่า แต่ว่าคนที่เริ่มการโจมตีก่อนนั้นคืออิสุกิอย่างที่เขาประกาศไว้

ความเร็วของฮาโรลด์นั้นแน่นอนว่าเหนือกว่าอิสุกิเป็นอย่างมาก แต่ว่าอิสุกินั้นรู้อยู่แล้วและเพ่งสมาธิอย่างเต็มที่ ทำให้เขายังจับการเคลื่อนไหวของฮาโรลด์ได้ทัน และอีกอย่างหลังจากที่ได้ดวลกันมาแล้วรอบก่อน อิสุกิคาดการณ์ไว้แล้วว่าการโจมตีของฮาโรลด์นั้นซื่อตรงเกินไป นั้นเพราะตัวของฮาโรลด์เองต้องการประสบการณ์การต่อสู้จริง หรืออีกความหมายคือ คนที่ไร้ประสบการณ์การต่อสู้อย่างฮาโรลด์ทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปรอบๆและใช้ความเร็วนั้นผสานเข้ามากับการโจมตี

อิสุกิคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ เขาสามารถเดาการเคลื่อนไหวของฮาโรลด์ได้ และฟันไปยังตำแหน่งที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นและถูกโต้กลับมาในทันทีจากฮาโรลด์ที่ปรากฎตัวขึ้นในจุดนั้น

 

「อึก!」

 

ด้วยการโจมตีนั้นคงของอิสุกิมันไม่พูดเกินจริงเลยถ้าหากจะบอกว่ามันสามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ แต่ว่าฮาโรลด์เองนั้นก็ยังสามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้ด้วยปฎิกิริยาตอบสนองที่ดูราวกับซุปเปอร์แมน แต่เพราะเช่นนั้นเอง เท้าของเขาก็ได้หยุดลง

นี่คือสิ่งที่อิสุกิเล็งเอาไว้ และไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาโจมตีไปที่ฮาโรลด์ต่อทันที

แม้ว่าฮาโรลด์เองจะมั่นใจในความเร็วของเขา แต่ด้วยระยะห่างแค่นี้ทำให้เขาไม่สามารถทิ้งระยะห่างออกมาได้ หรือก็คือถ้าหากเขาพยายามที่จะทิ้งระยะห่าง อิสุกิเองก็จะพุ่งเข้ามาเพื่อลดระยะห่างของพวกเขาทั้ง 2 เช่นกัน

ถ้าหากนี่เป็นการต่อสู้ทั่วๆไปที่ใช้เพียงทักษะดาบ อิสุกิย่อมได้เปรียบกว่า โดยพื้นฐานแล้วฮาโรลด์เองยังถือว่าเป็นมือสมัครเล่น ยิ่งกว่านั้นทันทีที่เขานั้นไม่สามารถใช้ความเร็วที่เกิดจากขาทั้ง 2ของเขาได้ ความเร็วดาบของเขาก็ตกลงอย่างไม่น่าเชื่อ และอิสุกิเองก็ไม่มีปัญหาอะไรกับการรับการโจมตีของฮาโรลด์ที่ตอนนี้ดูทื่อๆไม่มีลูกไม้อะไร

ในทางกลับกัน เนื่องจากดวงตาของฮาโรลด์นั้นดีเกินไป ทำให้เขารับรู้ทุกๆอย่างหรือแม้กระทั้งการโจมตีหลอก เนื่องจากเขาก็ไม่เคยได้รับการปลูกฝังอะไรเหมือนกับการ “อ่านการเคลื่อนไหว” ระหว่างการต่อสู้ และจบลงด้วยการถูกบุกกดดันอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ว่าเขาจะพยายามสวนกลับไปด้วยการเล็งไปที่ตัวลำตัวของอิสุกิ แต่มันก็ถูกปัดป้องได้หมด ในที่สุดดาบไม้ของทั้งสองก็ชนกัน ต่างฝ่ายต่างดันเข้าหาอีกฝ่ายและเท้าของฮาโรลด์ก็ได้หยุดยืนเฉยๆโดยสมบูรณ์  

 

[ เป็นอะไรไปฮาโรลด์ ? นายเอาแต่ตั้งรับแล้วนะ ]

[ แกเองก็ดูหายใจหอบแฮ่กๆแล้วเหมือกัน ]

[ นั้นควรเป็นคำพูดที่เอาไว้ใช้กับพวกเราทั้งคู่นั้นแหละ ]

 

ขณะที่กำลังดวลพละกำลัง อิสุกิที่สูงกว่าราวๆ 10 cm ดูได้เปรียบกว่า ขณะที่กำลังดันกลับไป ทันทีที่ฮาโรลด์ทำท่าเหมือนจะเสียหลัก ร่างของอิสุกิพุ่งเข้ามาทันที

ฮาโรลด์นั้นรู้ได้ว่าการโจมตีเขาไม่สามารถหลบพ้น หรือแม้ว่าเขาเองอยากจะป้องกันด้วยดาบไม้ของเขา แต่ด้วยจุดนี้ที่ร่างของเขากำลังเซไปด้านหลัง ทำให้เขาไม่สามารถป้องกันได้ดีเท่าที่ควร 

ดังนั้นสิ่งที่ควรทำที่สุดตอนนี้คือการปล่อยให้อิสุกิเข้ามาในระยะและทันใดนั้น 2 มือของเขาก็ว่างเปล่า ดาบไม้ของเขาถูกซัดลอยออกไป

 

( เสร็จผมล่ะ )

 

ฮาโรลด์พยายามป้องกันการโจมตีนั้นที่เล็งมายังร่างฝั่งซ้ายของตนด้วยดาบไม้ที่ถูกถืออยู่ในมือขวาของเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันการโจมตีนั้นในขณะที่น้ำหนักตัวถูกถ่ายเทไปด้านหลัง การป้องกันจึงเป็นสิ่งที่โง่เขลาและไร้สาระมาก

ด้วยเหตุนี้อิสุกิจึงซัดดาบไม้นั้นปลิวลอยออกไป

 

[ เอ๋ ? ]

 

สำหรับเสียงแปลกๆที่เผลอหลุดออกมาระหว่างการต่อสู้นี้ นั้นเพราะ ไม่ว่าจะดูยังไงฮาโรลด์แทบไม่ได้ออกแรงป้องกันเลย แรงต้านที่เกิดจากการปะทะกันของดาบไม้จนปลิวออกไปนั้นดูน้อยเกินไปจนราวกับว่าเขารู้สึกราวกับว่าฟาดไปโดนอากาศ

และนั้นไม่ใช่เรื่องเซอไพรด์อะไร เพราะทันทีที่ดาบไม้ของทั้งสองปะทะกัน ฮาโรลด์จงใจปล่อยมือออกจากดาบของตัวเอง

ขณะที่ดาบไม้นั้นลอยเคว้งอยู่ในอากาศ อิสุกิรู้ได้ทันทีว่า “มันไม่ดีแน่ๆ” นั้นเพราะมันคือความรู้สึกที่รับรู้ได้ว่าเขาตกหลุมพลางของคู่ต่อสู้แล้ว มันคือช่องว่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆในตอนนั้น และทันใดนั้นไหล่ขวาของก็ถูกกระแทก

 

『Heavy Palm Knock』3

 

มันคือท่าการต่อสู้ที่มีอยู่ในเกมส์นี้ มันคือท่าการโจมตีมือเปล่าที่สร้างดาเมทด้วยการโจมตีด้วยฝ่ามือ 

ซึ่งท่านี้เป็นเทคเนิคการต่อสู้ที่ถูกใช้ร่วมไปกับการโจมตีปกติ ดาเมทของมันมันก็ไม่ถือว่าเป็นการโจมตีที่ใช้เผด็จศึกศัตรูได้หากใช้เพียงท่านี้เพียงท่าเดียว

แต่ว่าสำหรับศัตรูที่ไร้การป้องกัน อย่างน้อยมันก็สามารถใช้ผลักศัตรูให้ล้มลงได้อยู่

 

[ อึกก ! ]

 

เพราะไม่อาจทนต่อแรงที่เกิดจากการโจมตีด้วยฝ่ามือได้ อิสุกิถึงกลับหงายหลังล้มลง แม้ว่าเขาจะล้มลงจนหลังติดพื้น แต่ว่าทันทีที่เขาพยายามจะลุกขึ้น ภาพที่เขาเห็นต่อไปนั้นคือร่างของฮาโรลด์ผู้ที่ได้เก็บดาบไม้ที่กำลังล่วงลงมากในอากาศและชี้ดาบมาที่คอของเขา

 

[ พอแค่นั้น ! ]

 

เสียงของกรรมการตัดสินดังก้องไปทั่วโดโจอีกครั้งราวกับเป็นสัญญาณให้สถานที่แห่งนี้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถได้ยินได้คือเสียงลมหายใจของฮาโรลด์และอิสุกิ

อีกฝั่งกำลังมองขึ้นมา และอีกฝั่งกำลังมองลงมา

มันเป็นภาพที่สามารถเข้าใจได้โดยง่าย ขณะที่กำลังมองมาที่ฮาโรลด์ผู้ที่ยังสีหน้าเข้มขรึมไม่เปลี่ยนแปลง อิสุกิได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้ อย่างที่คาดไว้ มันเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอาย แม้ว่าก่อนการประลองจะเริ่มเขาได้แต่คิดว่าเขาจะแพ้ให้แก่เด็กอายุน้อยกว่าเค้า 3 ปีได้อย่างไร เมื่อมาคิดถึงสิ่งนี้ เขาได้แต่รู้สึกอับอาย 

แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามนั้น เขาเองก็รู้สึกราวกับว่าถูกเติมเต็มในสิ่งที่เค้าไม่เคยได้รับมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่เค้าโหยหามาโดยตลอด 

 

( พวกเราต่างได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างของอีกฝ่าย เฮ้อ เอาเถอะ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคู่แข่ง ถึงแม้ชั้นจะแพ้ แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร )

 

ราวกับทิ้งความรู้สึกแย่ๆทิ้งไป เขากลับมาสดชื่นอีกครั้ง

 

[ อ่า ชั้นเหนื่อยจริงๆ ขอมือของนายได้มั้ย ? ]

[ ข้าไม่เห็นจะจำได้เลยว่าอัดแกน่วมจนแกยืนเองไม่ไหว ไม่มีความอดทนเอาซะเลย ทำตัวอย่างกับเป็นพวกที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหินไปได้ ]

 

แม้ว่าฮาโรลด์จะกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยามเช่นนั้นแต่เขาก็ยังยื่นมือออกไป อิสุกิก็ได้เผยรอยยิ้ม

 

[ ชั้นจะกลับไปฝึกมาใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน นั้นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเราต้องมารีแมทช์กันอีกครั้งนะ ]

[ หึ ข้าไม่มีทางแพ้แกอีกรอบหน้า สัญญาว่าจะทบต้นทบดอกให้เลย ]

[ นี่นายหมายความว่าอะไร . . . . ]

 

ฮาโรลด์กล่าวออกมาราวกับว่าอิสุกิเป็นฝ่ายชนะ และในเมื่อเขาเห็นท่าทีของอิสุกิที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ฮาโรลด์ก็ได้พึมพัมออกมาว่า “ปัญญาอ่อน” และตอบกลับไปอย่างไม่พอใจนัก

 

[ มาคิดๆดูแล้วแกมันก็แค่ไอ้สมองนกผู้ที่ไม่สามาารถจับใจความสำคัญของกฎการดวลนี้ได้ มันก็ระบุไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า “อาวุธคือดาบไม้” แกคิดว่าไอ้การโจมตีครั้งสุดท้ายนั้น ? ฝ่ามือนั้น ? ที่อัดนายจนล่วงคือดาบไม้ ? ]

「………」

 

ขณะที่ฟังฮาโรลด์ ไม่ใช่เพียงแค่อิสุกิ แต่ทุกๆคนที่ชมการดวลครั้งนี้ต่างพูดอะไรไม่ออก อันที่จริง มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น และฮาโรลด์ก็จะถูกปรับแพ้โดยการทำผิดกติกา

แต่มันก็กล่าวได้ว่าสิ่งที่ฮาโรลด์ทำในตอนนั้นมันเป็นการตอบโต้กลับได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างน้อยที่สุดทุกๆคนในที่นี้ก็คิดเช่นนั้น มันจึงทำให้ทุกๆคนต่างคิดกันไปเองว่าฮาโรลด์นั้นเป็นฝ่ายชนะ

นอกเสียจากฮาโรลด์ที่เป็นฝ่ายคัดค้านชัยชนะของเขา

 

[ คุ ฮ่าฮ่าฮ่า . . . . ]

 

และด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ฮาโรลด์กล่าวเหตุผลออกมาอย่างถูๆไถๆ ตรงๆไม่อ้อมค้อมอะไร อิสุกิก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับอดทนต่อไม่ไหว

ด้วยเหตุนี้ อารมณ์ของฮาโรลด์เริ่มที่จะเดือดขึ้นอีกครั้ง

 

[ ตลกอะไรฟะ ? ]

[ ไม่ๆ ชั้นแค่กำลังคิดว่านายแข็งแกร็งดี ]

[ ไอ้เวรนี่ เหยียดหยามกันเรอะ ข้าจะตัดลิ้นของแกออกซะ ]

[ อย่าพูดอะไรน่ากลัวพวกนั้นเลย ]

 

มันช่วยไม่ได้ที่อิสุกิจะรู้สึกเอ็นจอยไปกับการพูดคุยไร้สาระนี้ ในขณะหันไปทางที่เขารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองเขาจนรู้สึกเสียวสันหลัง มันคือสายตาจากน้องสาวของตนที่กำลังอารมณ์บูดบึ้งแสดงออกบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน เขาคงไม่ต้องบอกก็คงคิดกันได้นะว่านั้นหมายถึงอะไร

 

( ดีดี ดูเหมือนว่าตำแหน่งของเราจะสลับกันแล้วนะฮาโรลด์คุง นายเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนสินะ )

 

ถึงเขาจะรู้สึกอิจฉาที่ถูกพรากน้องสาวไปแต่นั้นมันก่อนที่เค้าจะรู้สึกได้ว่า น้องสาวของเขาเองก็รู้สึกอิจฉาตนเช่นกัน ด้วยสถานะการณ์ที่น่าขันเช่นนี้ อิสุกิเริ่มอยากที่จะหัวเราะอีกครั้ง

อย่างที่คาด ถ้าหากเขาหัวเราะหนักขึ้นไปอีก ฮาโรลด์ดูท่าจะโกรธหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาเลยจะพยายามอดทนเอาไว้ และในส่วนหนึ่งภายในหัวเขากลับคิดว่า

 

( ฮาโรลด์คุง คือคู่แข่งและน้องเขยสินะ เหหห . . . อนาคตแบบนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ )

 

———————————–

TL :  ใกล้จบเล่น 1 แล้ว 😀

 

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท