My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 98 พลังที่แท้จริงของดาบ และ สมมุติฐานของลีฟา

My Death Flags Show No Sign of Ending

ในเกมส์ < Brave Hearts > นั้น จริงๆแล้ว ฮาโรลด์ สโตร์กไม่ได้เป็นผู้ใช้ดาบคู่แต่อย่างใด เขามีเพียงดาบสีดำเล่มเดียวเท่านั้น ส่วนดาบที่มีคริสตัลถูกฝังอยู่ในตัวดาบที่ฮาโรลด์ใช้อยู่อันนี้ไม่ได้มีอยู่ในเกมส์ มันเป็นดาบที่เขาถูกมอบให้โดยยูสทัส 

แน่นอนว่า การมอบสิ่งของโดยยูสทัสไม่ได้เป็นเพราะความเมตตาหรือสงสารแต่อย่างใด ยูสทัสเพียงใช้ดาบเล่มนี้เป็นข้ออ้างที่จะนำฮาโรลด์มาใช้งานในฐานะเบี้ยของเขา อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียวที่บ่งบอกถึงความเจ้าเล่ห์ของยูสทัส

ดาบเล่มนี้มีความสามารถพิเศษในการดูดซับพลังเวทมนตร์ของผู้ใช้เพื่อเปลี่ยนมันเป็นพลังต่อสู้ แต่ถ้าดาบเล่มนี้ไม่สามารถตวบคุมได้หรือถูกบังคับเปิดการใช้งานเพื่อดูดซับพลังเวทมนตร์ทันทีที่ถือมัน ฮาโรลด์คงปฎิเสธที่จะรับดาบเล่มนี้เอาไว้

นั้นก็เพราะ ทันทีที่ดาบเริ่มดูดซับพลังเวทมนตร์ของผู้ใช้ มันยังดูดกลืนอายุไขของผู้ใช้ไปพร้อมๆกันอีกด้วย นี่เป็นกลอุบายที่สมกับเป็นยูสทัสมาก สิ่งที่เขาเล่ามามีความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียวเสมอ

ด้วยเหตุนี้ ฮาโรลด์จึงแทบจะไม่ใช้พลังของดาบเล่มนี้เลย ตลอดระยะเวลาที่ได้รับดาบมา เขาเคยใช้พลังของมันเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกคือตอนที่เขาไปพบกับหน่วยอัศวินโดยบังเอิญที่กำลังจะถูกฝูงมอนเตอร์จัดการ( ตอนได้รับฉายานักฆ่าอัศวิน ) ดังนั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเขา ฮาโรลด์จำเป็นที่จะต้องฆ่ามอนเตอร์เหล่านั้นให้เร็วที่สุด ครั้งที่ 2 คือตอนที่เขาสังหารมังกรไฮดร้าที่ยอดเขากีรัน

ในทั้ง 2 ครั้งนั้น ฮาโรลด์ใช้พลังของดาบไปเพียงไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยอายุไขของเขาลดลงจริง มันจึงปฎิเสธไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกกลัวว่าสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เขาตายได้แม้ว่าจะใช้งานมันไม่กี่นาทีก็ตาม เพราะการที่ไม่รู้ว่าอายุไขของตนลดลงไปเท่าไหร่นั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างอธิบายไม่ได้สำหรับเขา

ดังนั้นฮาโรลด์จึงพยายามที่จะใช้พลังของดาบให้น้อยที่สุด เขาไม่อยากที่จะตายดังนั้นเขาจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนรอดไปได้ แต่เพื่อที่จะรอดไปให้ได้ในครั้งนี้ เขาต้องใช้พลังของดาบ แต่ผลที่ได้มันก็ทำให้อายุไขของเขาสั้นลง มันเหมือนกับการหนีเสือปะจรเข้

แต่เขาคงจะมัวพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะวินเซนต์เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมาก

และนั้น เพื่อที่จะใช้ข้อได้เปรียบในด้านความเร็วที่เหนือกว่า ฮาโรลด์จึงเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดพร้อมกับโจมตีด้วยเวทมนตร์ไปด้วยเพื่อที่วินเซนต์จะยกดาบมาป้องกันและเกิดช่องว่างให้เขาเข้าไปโจมตี และในขณะที่เข้าพุ่งเข้าไปโจมตี ณ ช่องว่างเหล่านั้น หากเขาเสียสมาธิเพียงชั่วแว็บเดียว เขาอาจถูกบดขยี้ด้วยการโจมตีอันทรงพลังของวินเซนต์ ดังนั้น ฮาโรลด์จึงต้องโจมตีหลบโจมตีหลบโจมตีหลบไปเรื่อยๆ

และในที่สุด โอกาสก็มาถึง ในที่สุดวินเซนต์ก็เผยช่องว่างใหญ่ขึ้นมา มันอยู่เพียงไม่ถึงวินาทีแน่นอนว่าฮาโรลด์ไม่พลาดโอกาสนั้น เขาจึงรวบรวมประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขา

เนื่องจากขนาดร่างกายและอาวุธของวินเซนต์ ทำให้ระยะโจมตีของเขากว้างกว่าของฮาโรลด์เป็นอย่างมาก นี่เป็นอีก 1 สาเหตุที่ฮาโรลด์หาช่องบุกไม่ได้เสียที กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การใช้โอกาสจากช่องว่างนั้นมันไม่พอ แม้ว่าเขาจะใช้ความเร็วของเขาผสมผสานเข้าไปในรูปแบบการโจมตี แต่นั้นมันเสี่ยงเกินไปที่จะเข้าใกล้ตัวของวินเซนต์เพราะวินเซนต์นั้นมีทั้งพละกำลังที่เหนือกว่าและปฎิกิริยาตอบสนองได้ในแทบจะทันทีทั้งการรุกและรับ และถ้าหากฮาโรลด์เป็นฝ่ายเผลอเปิดช่องว่างเพียงเล็กน้อย มันจะกลับกลายเป็นเขาเองที่ตเองเป็นฝ่ายตั้งรับ ที่แย่กว่านั้นก็คือเขาจะต้องรับมือการโจมตีในระยะการโจมตีของวินเซนต์

เหนือสิ่งอื่นใด ฮาโรลด์ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการวินเซนต์ลงได้ในดาบเดียว และการเล็งโจมตีไปยังจุดสำคัญต่างๆของวินเซนต์ก็ยากเกินไปสำหรับฮาโรลด์

แล้วเขาต้องทำยังไง?

คำตอบของฮาโรลด์นั้นแสนเรียบง่าย

เขาจะไม่ปะทะตรงๆ เน้นเบี่ยงเบนการฟันและหลบหลีก และจะโจมตีเมื่อเห็นช่องว่างจริงๆเท่านั้น จากนั้นจะทิ้งระยะห่างออกมาจากวินเซนต์ทันที นั้นคือกลยุทธ์ที่เรียกว่าตีแล้วหนี

ทันทีที่วินเซนต์ยกดาบขึ้นเหนือหัว ในจังหวะนั้นเอง ฮาโรลด์ก็พุ่งเข้าหาช่องว่างนั้นด้วยความเร็วปานสายฟ้า ซึ่งทำให้วินเซนต์กลับถอยหลังไปครึ่งก้าวเพื่อสร้างระยะห่างและเหวี่ยงดาบขนาดยักลงมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวของวินเซนต์เองจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ด้วยการโจมตีในลักษณะนี้ฮาโรลด์แทบไม่รู้สึกถึงพลังทำลายของมันเหมือนการโจมตีก่อนหน้านี้

ฮาโรลด์เล็งไปที่แขนขวาของวินเซนต์ที่ซึ่งกำลังถือดาบอยู่ และเพื่อทำให้ช่วงหัวไหล่ขยับได้อย่างสะดวก ชุดป้องกันจึงมีช่องว่างบริเวณใต้รักแร้ ฮาโรลด์จึงใช้ดาบดำของเขาเฉือนเข้าไปบริเวณนั้นของวินเซนต์

จากนั้น เขาก็ทิ้งระยะออกจากวินเซนต์ในทันทีก่อนทีวินเซนต์จะโจมตีสวนกลับมา เขาถอยออกมาอยู่ในระยะที่พวกเขายืนเผชิญหน้ากันอีกก่อนจะเริ่มการต่อสู้

บางทีวิธีนี้อาจจะรับประกันได้ว่าการโจมตีของเขาจะเข้าเป้าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมันก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง นั้นคือการที่จะลดระยะห่างระหว่างเขากับวินเซนต์ได้ ฮาโรลด์จำเป็นจะต้องใช้ท่าเร่งความเร็วทะลุขีดจำกัด ซึ่งจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเปิดใช้พลังของดาบ ซึ่งดาบก็จะดูดกลืนอายุไขของเขาไปด้วย ซึ่งวิธีการต่อสู้นี้ถึงแม้มันจะรับประกันที่จะเป็นฝ่ายที่ได้โจมตีอยู่คนเดียว แต่มันทำให้การต่อสู้นี้ถูกยืดเยื้อออกไป และเขาก็ไม่รู้ว่าอายุไขของเขาจะต้องถูกดูดไปอีกมากขนาดไหนเช่นกันกว่าการต่อสู้นี้จะจบลง

แถมที่บริเวณใต้รักแร้ของวินเซนต์ที่ฮาโรลด์พึ่งโจมตีเข้าไปนั้นถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าสีดำ แต่ในจังหวะที่ฟันฮาโรลด์กลับไม่ได้รู้สึกราวกับกำลังฟันเนื้อมนุษย์อย่างไรอย่างงั้น มันรู้สึกเหมือนฟันไปโดนอะไรบางอย่างที่แข็งๆ 

ฮาโรลด์คิดว่า บางทีใต้ผ้าคลุมสีดำนั้นอาจมีเสื้อถักที่ทำจากโซ่อยู่ภายใต้ชุดเกราะของวินเซนต์อีกชั้นหนึ่ง ฮาโรลด์คงจะต้องโจมตีซ้ำไปอีกหลายครั้งกว่าจะเจาะทะลุเสื้อถักโซ่นี้เข้าไปได้ เว้นเสียว่าเขาจะใช้โจมตีโดนมันจังๆ

และถ้าไม่ได้อยู่ภายในถ้ำ เขาก็คงทิ้งระยะห่างและใช้เวทมนตร์โจมตีระดับสูงเพื่อทำลายเครื่องป้องกันเหล่านั้น แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นที่นี่ ก็คงเป็นตัวของฮาโรลด์ที่จะโดนลูกหลงจากเวทมนตร์ของตนเอง หรือบางทีเวทเหล่านั้นอาจทำให้ถ้ำถล่มและทับเขาตาย

 

[ แกกำลังทำให้ชั้นเสียเวลา … ] – ฮาโรลด์

 

สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเลวร้ายมากสำหรับฮาโรลด์

บางทีเขาอาจจะจบลงด้วยการถูกวินเซนต์สังหาร หรือบางทีอายุไขของเขาอาจเป็นฝ่ายที่หมดก่อน แต่ถึงกระนั้น เพื่อที่จะเอาตัวรอดไปได้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้ต่อไปสถานเดียว

 

 

 

———————————-

 

 

 

กิ่งไม้ที่ใช้เป็นฝืนนั้นกำลังแตกออกส่งเสียงดัง เปาะแป๊ะ พร้อมกับให้แสงสว่างราวกับพยายามที่จะขับไล่ความมืดไปให้พ้น และ ลีฟา ผู้ที่กำลังนั่งกอดเข่าและมองดูเปลวไฟเหล่านั้นที่เริ่มจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ พร้อมความคิดหนึ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว

เอริกะ เธอเป็นลูกสาวของตระกูลสุเมรากิ และตอนนี้เธอก็ยังเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกับลีฟาอีกด้วย เอริกะนั้นมีบุคลิกที่อ่อนโยนและสง่างาม แถมจิตใจของเธอช่างมั่นคงและกล้าที่จะแสดงออกทางความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่ได้ไร้เดียงสาเฉกเช่นเด็กสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่กำบังมาครึ่งค่อนชีวิต เธอสามารถมองดูภาพรวมในมุมกว้าง และยิ่งกว่านั้น ความสามารถทางเวทมนตร์และฝีมือการยิงธนูของเธอนั้น แม้แต่อัศวินหรือนักผจญภัยยังแทบจะหาคนที่มีฝีมือทัดเทียมได้

เธอมาจากครอบครัวที่ดี เพียบพร้อม บุคลิกดี มีความสามารถรอบด้าน ยิ่งลีฟาใช้เวลาเดินทางรว่มกับเธอนานขึ้นเท่าใด เธอยิ่งเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆในความสมบูรณ์แบบของเอริกะ

นอกจากนี้ เธอยังเป็นคนที่สวยที่สุดที่ลีฟาเคยพบมาทั้งหมด นั้นไม่แปลกใจเลยที่คลอเล็ตจะชื่นชมเอริกะอย่างไม่หยุดปาก ซึ่งตัวของลีฟาเองก็เห็นด้วย เธอคิดว่าบางทีตัวตนของเอริกะนั้นคือผู้หญิงในอุดมคติของเหล่าชายหนุ่มทุกๆคน

และผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบคนนั้นคือคู่หมั้นของฮาโรลด์ ….. หรืออย่างน้อยก็เคยเป็นเช่นนั้น แม้ว่าทั้งตัวของฮาโรลด์และเอริกะจะปฎิเสธออกมาอย่างหนักแน่น แต่ทั้งพี่ชายของเอริกะและฟรานซิสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นคู่หมั้นกันจริงๆ ดังนั้นจึงไม่มาทางเป็นเรื่องโกหกได้

แล้ว ทำไมเอริกะถึงปฎิเสธออกมาอย่างโจ่งแจ้งเหมือนกับฮาโรลด์ด้วยล่ะ ? ถ้าคำตอบง่ายๆนั้นคือเธอแค่เกลียดฮาโรลด์จริงๆ แต่มันก็ยังยากที่จะเชื่อว่าคนอย่างเธอจะแสดงความเกลียดชังต่อคนอื่นออกมาอย่างเปิดเผยได้

นั้นเพราะมันขัดกับบุคลิกของเธอจนเกินไป ซึ่งมันทำให้ลีฟานึกถึงบางสิ่ง นั้นคือความเย็นชาที่ฮาโรลด์มีต่อเอริกะจนมากเกินไป ซึ่งขัดกับบุคลิกของฮาโรลด์เช่นกัน 

จากมุมมองของลีฟา เธอมองว่าพอเป็นเรื่องของทั้ง 2 ทีไรพฤติกรรมของทั้ง 2 คนนี้จะดูไม่เป็นตัวของตัวเอง

นี่คือสมมุติฐานของเธอ บางที ที่ฮาโรลด์เย็นชาใส่เอริกะก็เพื่อพยายามกันเธอให้ออกห่างจากเขา ด้วยวิธีนี้ตัวของเอริกะจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดจากการตายของเขา … ไม่สิ บางทีที่เขาเย็นชาใส่เอริกะอาจเพราะเขาไม่ต้องการให้เธอได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเข้าใจความใจดีของชายคนนี้ผู้มีบุคลิกอันแสนบิดเบี้ยว แต่ลีฟาก็เชื่อว่าสมมุติฐานนี้ของเธอมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง

สำหรับตัวของเอริกะ เธอรู้จักกับฮาโรลด์ตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว หรือบางทีอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาเลยก็ว่าได้ ซึ่งตัวของเอริกะอาจจะทราบถึงความตั้งใจจริงๆของฮาโรลด์ที่เขาต้องการให้เธอเกลียดเขา และนั้นทำให้เธอต้องแสดงบทบาทนี้ให้กับทุกคนได้เห็นว่าตัวของเธอนั้นเกลียดชังฮาโรลด์มากขนาดไหน 

ซึ่งลีฟาก็ไม่รู้ว่าฮาโรลด์นั้นมีท่าทีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงแม้การวางตัวหรือบรรยากาศรอบๆตัวที่เขาสร้างขึ้นมันจะออกมาสมบูรณ์แบบมาก แต่ว่ายิ่งเธอใช้เวลาร่วมกับเขามากขึ้นเท่าใด เธอก็พบว่าในความสมบูรณ์นั้นมันยังมีอะไรขาดไปอีกอยู่ ยิ่งใช้เวลาร่วมเท่าใดยิ่งมีโอกาสที่จะสังเกตเห็นความใจดีของฮาโรลด์ที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายใต้ฉากหน้าของเขา

โดยเฉพาะคนที่ฉลาดอย่างเอริกะ เธอไม่มีทางที่จะมองข้ามแน่ๆ

ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันในสมมุติฐานของลีฟา ความคิดนี้ เธอเพียงเชื่อมโยงเรื่องต่างๆที่มีจุดเริ่มต้นมาจากพฤติกรรมของทั้ง 2 ที่ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง แม้ว่าโดยปกติแล้วเวลามีลีฟาคิดถึงสมมุติฐานหรือเรื่องที่สุดโต่งขึ้นมาได้ เธอก็คงทำแค่หัวเราะและไม่ได้กังวลอะไรกับมันมากนัก

แต่ว่า สมมุติฐานในครั้งนี้เธอไม่สามารถปล่อยวางมันไปได้ นั้นเพราะถ้าหากสมมุติฐานเหล่านี้เป็นจริงหรือใกล้เคียงขึ้นมา เอริกะอาจจะได้รับบาดแผลใหญ่ทางใจติดตัวไปจนตาย

จุดสำคัญของเรื่องนี้ก็คือ เอริกะนั้นทราบถึงสถานการณ์ของฮาโรลด์มากแค่ไหน ? เมื่อพิจารณาจากการกระทำของฮาโรลด์ที่พยายามกันเอริกะออกไปจากตัวเขา และตัวของเอริกะก็ไม่ขัดต่อความต้องการของฮาโรลด์ มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวของเอริกะนั้นไม่รู้ว่าเวลาของฮาโรลด์เหลืออีกไม่มากแล้ว และเหตุผลที่สนับสนุนความคิดนี้ของเธอคือ ตอนที่เธอกับฮาโรลด์เดินทางมาถึงที่ดินแดนสุเมรากิ ตอนนั้นฮาโรลด์สั่งห้ามไม่ให้เธอพูดเรื่องอายุไขของเขา

และไม่ว่าจะมองเอริกะยังไง เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะแสดงความเกลียดชังออกมาโต้งๆได้ ใช่อยู่ที่เธอเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ดังนั้นจะมีความโกรธหรือเกลียดบ้าง จะต้องมีคนที่เธอรู้สึกไม่ชอบจริงๆบ้าง แต่มันจะไม่แปลกเลยถ้าหากเธอจะซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นไว้ภายใต้รอยยิ้มและบุคลิกของเธอ

แล้วทำไมพอเป็นเรื่องของฮาโรลด์เธอกลับไม่เคยทำเช่นนั้นเลยซักครั้ง ? ที่เธอทำแบบนี้ก็เพราะเป็นสิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการรึไง ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นั้นก็หมายความว่าพวกเขาทั้ง 2 ต่างยอมทำทุกอย่างแม้ว่าจะต้องบีบหัวใจของตนเองเพื่อตัวของอีกฝ่าย

และเหตุผลที่เธอคิดเช่นนั้น นั้นเพราะเธอยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกับเอริกะมากเท่าใดเธอยิ่งเข้าใจนิสัยของเอริกะ และไม่มีทางที่เอริกะจะเกลียดฮาโรลด์ได้

5 ใน 6 ของสมาชิกเดินทางสุดแทนไม่ธรรมดาในครั้งนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชื่นชอบในตัวของฮาโรลด์ ยกเว้นเสียแต่เอริกะคนเดียว ซึ่งตามปกติแล้วหากเป็นเรื่องพูดคุยแสดงความคิดเห็น เอริกะจะเป็นผู้ฟังที่ดีและใช้เหตุผลในการแสดงความคิดเห็นต่างๆ แต่เวลาพอเป็นเรื่องของฮาโรลด์ทีไรเธอจะค้านหัวชนว่าและบอกกับทุกคนว่าฮาโรลด์นั้นเป็นคนไม่ดีและทำสิ่งไม่ดีต่างๆนาๆ ซึ่งลีฟารู้สึกแปลกใจมาก เพราะมันขัดกับบุคลิกของเธอจนเกินไป แม้ว่าไลเนอร์และคลอเล็ตจะพยายามโน้มน้าวเธอว่าจริงๆแล้วฮาโรลด์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนในข่าวลือพวกนั้น แต่เธอก็ยืนยันเสียงแข็งว่า “พวกคุณไม่เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของชายคนนั้นหรอกค่ะ”

มันดูราวกับเธอพยายามโฆษณาตัวเองกับทุกคนว่า “เอริกะ แห่ง ตระกูลสะเมรากิ เกลียด ฮาโรลด์ สโตร์ก” ลีฟารู้สึกว่าไม่มีทางที่เอริกะจะใช้คำพูดไร้สาระเหล่านั้นออกมาเพียงเพราะเธอเกลียดตัวของคนๆนั้นจริงๆ

มันเมคเซนต์กว่าที่จะคิดว่าที่เธอแสดงออกเช่นนั้นเพราะมีบางอย่างแอบแฝง และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากบางอย่างที่แอบแฝงนั้น เป็นสิ่งที่ตัวของฮาโรลด์ต้องการให้เธอเป็น

หากเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าฮาโรลด์ตาย หัวใจของเอริกะจะรับไหวรึปล่าว ? เพราะขนาดตัวของลีฟาเอง แม้ว่าเธอจะยังสงบใจอยู่ได้แม้จะรู้อยู่แล้วว่าอายุไขของฮาโรลด์นั้นเหลือไม่มาก แต่เธอก็แน่ใจถ้าหากวันนั้นมาถึงจริงๆ หัวใจของเธอเองก็คงแหลกสลายแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเธอเล่าความจริงเกี่ยวกับตัวของฮาโรลด์ให้เอริกะรับรู้ทั้งหมดตอนนี้ นั้นมันก็เท่ากับเธอได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับฮาโรลด์……

 

[ เฮ้อออ… ฉันทำแบบนั้นไม่ด้ายยยย—– . ..  ] – ลีฟา

 

ลีฟาปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นลอยออกไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจของเธอ

และทันใดนั้นในจังหวะที่เธอกำลังใจลอยก็มีเสียงเรียกเธอจากทางด้านหลัง

 

[ ทำอะไรไม่ได้หรือคะ ? ] – ???

[ อ่าาาาา ! ] – ลีฟา

 

ลีฟาเกือบร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ แต่ยังดีที่เธอสามารถห้ามตัวเองได้ทัน อย่างไรก็ตามอาการตกใจเหล่านั้นไม่ได้มาจากการถูกเรียกอย่างกะทันหัน แต่เป็นเพราะเจ้าของเสียงที่ร้องเรียกเธอต่างหาก

 

[ มะมะ- มีอะไรหรอ เอริกะ ? ] – ลีฟา

[ ถึงเวลาเปลี่ยนผลัดเฝ้ายามกะดึกแล้วค่ะ ] – เอริกะ

[ เอ๊ะ์ จริงหรอ ? ไม่ใช่มันเร็วไปหรอ ? ] – ลีฟา

[ ไม่ค่ะ ตอนนี้ถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้วค่ะ … ] – เอริกะ

 

จากคำกล่าวของเอริกะ ลีฟาจึงหันไปดูนาฬิกาของเธอ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เอริกะบอกจริงๆ มันเหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่เธอจะต้องเปลี่ยนกะกับเอริกะ

ดูเหมือนว่าลีฟาจะใจลอยไปกับความความคิดของเธอจนลืมเวลา และยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเธอจะใจลอยจนไม่สังเกตเห็นไลเนอร์ที่ทำหน้าที่เฝ้ายามพร้อมกับเธอนั้นหลับไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอหมกมุ่นกับความคิดเหล่านั้นขนาดไหน

 

[ อ๊ะ จริงด้วย ฉันขอโทษนะ ฉันลืมไปปลุกเธอซะสนิทเลย ] – ลีฟา

[ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ เอ่อคือ .. ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอื่นที่ทำให้คุณกังวลเสียมากกว่า …. ] – เอริกะ

[ อ๊ะ .. ] – ลีฟา

 

มันยากมากที่ลีฟาจะพูดอย่างตรงไปตรงมาได้ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่าเธอนั้นกำลังกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฮาโรลด์และเอริกะ ลีฟารู้สึกว่าถ้าพูดออกมาไปมันคงดูราวเหมือนกับกำลังเดินเข้าไปยังทุ่งระเบิด

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังสัญญากับฮาโรลด์ว่าเธอจะไม่บอกเรื่องอายุไขของเขากับใครเป็นอันเด็ดขาด และถึงแม้เธอจะคาดคั้นเอริกะขนาดไหนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้ง 2 แต่ลีฟาก็คิดว่าเธอคงไม่ได้รับคำตอบจริงๆแน่ แต่ถึงกระนั้น ด้วยนิสัยของลีฟา เธอก็ไม่อาจปล่อยให้มันเลยตามเลยไปได้

ขณะที่ลีฟากำลังคิดว่า “แม้ว่านี่จะไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ว่าฉันจะต้องทำ” พร้อมกับมองดูรอบๆเพื่อยืนยันว่าคนอื่นๆนอกจากเธอและเอริกะกำลังหลับอยู่ เธอจึงเริ่มต้นการสนทนา

 

[ … เอริกะ เธอมีคนที่ชอบอยู่รึปล่าว ? ] – ลีฟา

 

——————————-

 

ตอนหน้ายาว แบบ ยาวมากๆๆๆ  บางทีอาจจะตัดมาลงทีละครึ่งนะ

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท