ตอนที่ 38 – ความลับของชิ่งเฉิน
ในเรือนจำหมายเลข 18 เหล่านักโทษถูกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับทำให้กลัวจนไม่กล้าส่งเสียง
กัวหู่ฉานมาแล้ว ตระกูลชิ่งก็มาแล้ว พายุฝนกำลังจะมา
ที่โต๊ะกินข้าว กัวหู่ฉานก็กินเนื้อจริง เขากัดกินอย่างดุร้าย ตรงกันข้ามชิ่งเฉินกินช้าหน่อย
เยี่ยหว่านยืนอยู่ข้างหลังหลี่ซูถง จู่ ๆ ถามกัวหู่ฉานว่า “อย่าเอาแต่กินเลย คนเมื่อกี้เป็นคนของพวกคุณไหม ได้ยินว่าในป่ายังมีสถานที่น้อยแห่งที่พูดภาษาแปลกประหลาด”
“ไม่ใช่คนของพวกเรา เด็กนั้นก็ไม่เหมือนคนในป่า” กัวหู่ฉานลูบปากที่เปื้อนน้ำมันจนขึ้นเงา “คุณเคยเห็นชาวป่าที่ผิวบางเนื้อนุ่มขนาดนี้เมื่อไหร่กัน”
“ก็ใช่” เยี่ยหว่านขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“คนของพวกเราถูกพี่น้องน้อยชิ่งเฉินหาออกมาหมดแล้ว อย่ากังวลเลย ตอนนี้ผมนับว่าเป็นดาบเดี่ยวในดงศัตรูแล้ว!” กัวหู่ฉานกล่าวอย่างร่าเริง “ให้พี่น้องห้าคนนั้นของผมกินเนื้อจริงบ้างได้รึเปล่า”
“ในป่ายังจะขาดเนื้อจริง?” เยี่ยหว่านดูแคลน
กัวหู่ฉานเอ่ยอย่างทอดถอนว่า “ต้องเผชิญกับการจู่โจมกะหันทันของกลุ่มการเงินแทบทุกวัน จะมีเวลามาเลี้ยงปศุสัตว์ได้ที่ไหนล่ะ แถมในป่ามีสถานที่ต้องห้ามเพิ่มอีกสองแห่งที่แทบจะเอาชีวิตคนแล้ว ขอบเขตในการใช้ชีวิตไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่พวกคุณจินตนาการหรอก แน่นอนว่าพี่น้องน้อยชิ่งเฉินไปแล้ว ของกินล้วนยกให้คุณ”
ชิ่งเฉินอึ้งไป สถานที่ต้องห้าม เป็นคำศัพท์ใหม่อีกแล้ว
ชื่อนี้ฟังดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับวัตถุต้องห้าม
เวลานี้ กัวหู่ฉานหันหน้าไปโอบไหล่ของชิ่งเฉินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “พี่น้องน้อยชิ่งเฉิน ไม่งั้นคุณตามผมไปในป่าเถอะ อย่างอื่นไม่กล้าพูด คนประเภทคุณมันจะต้องอยากได้อะไรมีอันนั้น อยากกินอะไรก็กินอันนั้น”
หลี่ซูถงขำ “ในป่าของเธอมีอะไรล่ะ อาศัยอะไรใหคนอื่นตามเธอไป”
ชิ่งเฉินที่ด้านข้างกล่าวว่า “มีขนมปังที่เขาวาดขึ้นมา*”
กัวหู่ฉาน “……”
ขณะนี้ชิ่งเฉินใบหน้าสงบนิ่ง แต่อันที่จริงตัวเขาจึงทราบชัดที่สุด
หลินเสี่ยวเสี้ยวจะกลับมาโดยเร็ว และเขาจะได้รับการทดสอบที่อันตรายที่สุดในชีวิต
ชิ่งเฉินทะลุมิติมาถึงจะครอบครองชีวิตสองช่วง แต่เขายังคงไม่มีไพ่ตายอะไร
เขารู้ว่าตนเองต้องเผชิญหน้ากับอะไร แต่เขาไม่สามารถหลบซ่อน
แล้วก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อน
……
ในมุมมุมหนึ่งของเรือนจำหมายเลข 18 หลินเสี่ยวเสี้ยวกำลังนั่งอยู่ในห้องสอบสวนแห่งหนึ่ง มองดูเจี่ยนเซิงผู้ทะลุมิติชวนโจวที่อยู่ตรงข้ามเงียบ ๆ
ห้องสอบสวนมืดอึมครึม ฝุ่นละอองใต้แสงสว่างของหลอดไฟ LED เหนือศีรษะล่องลอยช้า ๆ อยู่ในลำแสงสีขาว
เจี่ยนเซิงกำลังหลับ หลินเสี่ยวเสี้ยวเพิ่งจะใช้สกิลฝันร้ายเข้าไปในความฝันของอีกฝ่าย จากนั้นโดนอีกฝ่ายด่าเสียจนต้องฝืนยุติฝันร้าย
พูดตามสัตย์เขาอยากรู้อยู่นิดหน่อยจริง ๆ ว่าสรุปอีกฝ่ายเป็นยอดคนที่โผล่มาจากที่ไหน ถึงกับสามารถด่าคนไม่ซ้ำคำได้ถึงครึ่งชั่วโมง
เจี่ยนเซิงค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เขาเห็นหลินเสี่ยวเสี้ยวที่อยู่ตรงหน้าก็อ้าปากด่าเลย “เหล่าจื่อ……”
“หยุด” หลินเสี่ยวเสี้ยวพูดขัดด้วยใบหน้าดำทะมึน “คุณอย่าเพิ่งพูด ผมแค่ได้ยินคุณพูดตอนนี้ก็ปวดหัวแล้ว เราสองคนจะคุยกันดี ๆ ได้รึเปล่า”
“เหล่าจื่อให้ก้อนขี้หูเอ็งไอ้หนู……”
หลินเสี่ยวเสี้ยว “……”
ตอนที่เจี่ยนเซิงอยากจะด่าคนต่อ หลินเสี่ยวเสี้ยวรีบเปิดสกิลฝันร้าย เจี่ยนเซิงรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาอีกรอบ หลับลงไป
“ซวยแท้!” หลินเสี่ยวเสี้ยวถอนหายใจแล้วหมุนตัวไปยังห้องสอบสวนข้าง ๆ ส่วนหลิวเต๋อจู้กำลังนั่งตัวสั่นเทาอยู่ข้างใน
ครั้งนี้หลินเสี่ยวเสี้ยวไม่ได้พุดไร้สาระอะไรมาก เขาจับตัวหลิวเต๋อจู้ไปดูสถานการณ์ปัจจุบันของหวงจี้เซียนตรง ๆ เลย
เห็นแค่ว่าสองมือสองเท้าของหวงจี้เซียนถูกมัดติดเตียงผู้ป่วยด้วยตัวล็อกโลหะ เดี๋ยวก็พึมพำกับตัวเอง เดี๋ยวก็ดิ้นรนขัดขืน
หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวกับหลิวเต๋อจู้ว่า “เห็นแล้วรึยัง ผมถามอะไรคุณก็ตอบ พูดโกหกก็จะเป็นอย่างเขานี่ เข้าใจไหม”
หลิวเต๋อจู้ก็ไม่ได้มีความกล้าหาญอะไร “ผมพูด ๆๆ! ผมทะลุมิติมาจากจักรวาลคู่ขนานอีกแห่งหนึ่ง ผมเป็นนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง……”
หลินเสี่ยวเสี้ยวเห็นอีกฝ่ายพรั่งพรูออกมาหมดเหมือนเทถั่วออกจากกระบอกไม้ไผ่ก็โล่งอกขึ้นมาทันที
รู้แต่แรกว่าหมอนี่สอบง่ายขนาดนี้ ตัวเองจะไปก่อกวนเจี่ยนเซิงนั่นทำเพื่อ!
“เมืองลั่วอยู่ที่ไหน” หลินเสี่ยวเสี้ยวยิงตรงเข้าประเด็น
“เมืองลั่วเป็นเมืองเมืองหนึ่งที่พวกเราอาศัยอยู่” หลิวเต๋อจู้กล่าว
“มีคนมากน้อยเท่าไหร่ที่ทะลุมิติมา”
“ไม่รู้สิครับ มีคนพูดว่าหลายพันคน แล้วก็มีคนพูดว่าเป็นหมื่นแล้ว”
เสียงของหลิวเสี่ยวเสี้ยวเข้มงวดขึ้นมา “พวกคุณทะลุมิติมามีจุดประสงค์อะไร เพราะอะไรถึงอยากเข้าใกล้เจ้านายหลี่ซูถงของผม”
หลิวเต๋อจู้แทบจะร้องไห้แล้ว “พวกผมล้วนทะลุมิติมาแบบสุ่มนะ ก่อนทะลุมิติไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าจะทะลุมิติไปถึงที่ไหน จะกลายเป็นมีสถานะอะไร ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรจริง ๆ นะ ผมเข้าใกล้หลี่ซูถงก็เพราะว่ามีคนพูดว่าหาพบหลี่ซูถงในเรือนจำหมายเลข 18 จะสามารถได้รับเควสอาชีพ……”
ครั้งนี้เขาสอบสวนหลิวเต๋อจู้เป็นเวลาสามชั่วโมงเต็ม ๆ ระหว่างนี้เจี่ยนเซิงที่ห้องข้าง ๆ ตื่นขึ้นมาสามครั้ง ด่าคนยี่สิบเจ็ดคำ แล้วก็ถูกทำให้สลบไปอีกสามครั้ง
เริ่มแรกหลินเสี่ยวเสี้ยวไม่เชื่อเรื่องทะลุมิติ แต่ทุกคำพูดก่อนและหลังของหลิวเต๋อจู้ล้วนผ่านเกณฑ์ด้านตรรกะ
เขาเชื่อว่าไอ้โง่อย่างหลิวเต๋อจู้ที่นึกว่าเจ้านายเป็น NPC คิดโครงสร้างโลกภายนอกที่มีตรรกะแน่นหนาขนาดนี้ไม่ออกหรอก
ดังนั้นถึงตอนนี้เขาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสิ่งที่หลิวเต๋อจู้พูดเป็นความจริงจริง ๆ
เรื่องราวที่เหลือเชื่อที่สุดบนโลกใบนี้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
ในห้องสอบสวนคล้ายจะตกลงไปในความเงียบงันชั่วนิรันดร์ หลิวเต๋อจู้ตัวสั่นเทาไม่กล้าพูด
เนิ่นนานให้หลัง จู่ ๆ หลิวเสี่ยวเสี้ยวถามว่า “คุณเคยได้ฟังเพลงเพลงหนึ่งที่ชื่อว่าอำลาไหม”
หลิวเต๋อจู้ก็อึ้งไป “รู้จักครับ”
“ในนั้นมีเนื้อเพลงประโยคหนึ่งร้องว่าสหายรู้ใจพลัดพรากจากจรรึเปล่า”
“ใช่ครับ คุณรู้ได้ยังไง” หลิวเต๋อจู้สงสัย
คิ้วของหลิวเสี่ยวเสี้ยวในที่สุดก็คลายออกแล้ว
เขารู้แล้ว
ณ ขณะนี้กำลังมีผู้ทะลุมิติหลายพันคนมาถึงโลกภายในที่ตนเองอยู่ แทนที่ตัวตนของร่างเดิมแล้วใช้ชีวิตต่อไป
คนเหล่านั้นมีตัวตนหลากหลายไม่เหมือนกัน ชะตาชีวิตก็เป็นเพราะเหตุการณ์อันแปลกประหลาดอย่างหนึ่งจึงได้สอดประสานเข้าด้วยกัน
แต่นี่ไม่ใช่กุญแจสำคัญที่สุด
กุญแจสำคัญที่สุดคือ เขารู้ความลับของชิ่งเฉินแล้ว
………………………….
*วาดขนมปัง (画大饼) เป็นสแลงอินเตอร์เน็ตจีน หมายถึงการโม้สัญญาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วพอถึงเวลาก็ชิ่ง
ตอนที่ 39 – เส้นทางที่ยาวไกลที่สุดในหมู่ทางลัดทั้งหมด