ตอนที่ 46 – เยี่ยมญาติ
การฝึกเริ่มต้นขึ้นอย่างไร้สัญญาณเตือน
เยี่ยหว่านเอากล่องอาหารรักษาอุณหภูมิออกมา
บนกล่องอาหารรักษาอุณหภูมิยังมีหน้าจอ LED ระบุอุณหภูมิข้างในกล่อง รวมทั้งออฟชั่นทำอาหารต่าง ๆ เช่นอุ่นร้อน, เติมความชื้น, ทอดไร้น้ำมัน
ชิ่งเฉินนึกในใจว่านี่ไม่ใช่หม้อหุงข้าวแบบไม่ต้องเสียบสายไฟหรอกเหรอ ดูท่าใกล้ ๆ เรือนจำก็มีเสาไฟคลาวน์
เยี่ยหว่านเปิดกล่องข้าว ภายในเป็นแผ่นเนื้อวัวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเป็นพิเศษเป็นตั้ง ๆ อย่างน่าทึ่ง
“กิน” เยี่ยหว่านกล่าว
“ไม่ใช่ว่าต้องฝึกเหรอ กินตอนนี้จะไม่ดีต่อกระเพาะรึเปล่า” ชิ่งเฉินถาม
“ใช้วิชาหายใจฝึกฝน ถ้าคุณไม่กินร่างกายจะล้มเอา เพราะว่าเผาผลาญมากเกินไป” เยี่ยหว่านอธิบาย
ชิ่งเฉินจู่ ๆ ถามว่า “เดี๋ยวนะ ตอนที่ผมใช้วิชาหายใจ สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีลมปราณที่บรรยายไม่ถูกสายหนึ่งกำลังล่องลอยอยู่ในร่างกาย มันเหมือนกับไม่ได้ช่วยเหลืออะไรต่อร่างกายเลย แล้วก็จับต้องไม่ได้ แต่ผมคล้ายจะสามารถควบคุม”
เยี่ยหว่านส่ายหน้า “นี่ผมก็ไม่รู้แน่ชัด คุณสามารถถามเจ้านายดู”
“ได้” ชิ่งเฉินไม่ถามมากความอีก
เช้าตรู่วันที่สอง นับถอยหลัง 20:20:00
หลินเสี่ยวเสี้ยวนั่งลงข้างโต๊ะถามเยี่ยหว่านว่า “เมื่อคืนเป็นยังไง คนทั่วไปเพิ่งเริ่มต้นฝึกด้วยความเข้มข้นสูงจะต้องทนไม่ได้ปะ เขาทนไปถึงกี่โมง”
“เต็มโหลด จาก 5 ทุ่มถึงตี 3”
“เดี๋ยวนะ เขาดูท่าทางเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยฝึกเลย เขาสามารถฝึกถึงตี 3?” หลินเสี่ยวเสี้ยวอึ้งไป “แม่เยี่ย นายอย่าไปฝึกเขาจนตายนะ!”
“มีวิชาหายใจนิจะกลัวอะไร” เยี่ยหว่านส่ายหน้า “ก่อนฝึกฉันก็ให้เขากินเนื้อวัวไปทั้งกล่อง ตอนฝึกก็เผาผลาญไปจนหมดแล้ว เจ้านายระบุมาอย่างเฉพาะเจาะจงแล้ว วางใจเถอะ ฉันมีการแยกแยะ”
คนปกติวันแรกที่เริ่มฝึกฝนเข้มข้นสูง ใช้วิธีฝึกนี้เกรงว่าจะไม่ไหวตั้งนานแล้ว ฝึกไปจนเป็นโรคภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย* ยังเป็นไปได้
“ถึงจะมีวิชาหายใจ เขาก็จะเหนื่อยนะ” หลินเสี่ยวเสี้ยวพึมพำ
เยี่ยหว่านส่ายหน้าอีกครั้ง “เขาเหมือนจะสามารถตัดขาดร่างกายกับสติสัมปชัญญะออกจากกัน เพียงไล่ตามเป้าหมายการฝึก ไม่แคร์ความอ่อนล้าของร่างกาย สถานการณ์อย่างนี้ฉันก็ไม่เคยเห็น”
เวลานี้ เรือนจำหมายเลข 18 ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว ประตูเลื่อนโลหะส่งเสียงเลื่อนเปิด ชิ่งเฉินยืนอยู่ในแถวอย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ ยังคงเป็นท่าทางที่ไร้อภิสิทธิ์สักนิด
หลินเสี่ยวเสี้ยวมองไปทางชิ่งเฉินทีหนึ่ง ค้นพบอย่างน่าทึ่งว่าอีกฝ่ายมีท่าทางแจ่มใสคึกคัก แม้แต่ผลตกค้างของการอดอาหารสี่วันยังหายไปไม่เห็นแล้ว
เขาหันหน้าไปถามหลี่ซูถงว่า “เจ้านาย วิชาหายใจมหัศจรรย์ขนาดนี้ ทำไมคืนนี้ท่านไม่ให้ผมลองดูอีกครั้งล่ะครับ ผมรู้สึกว่าผมยังสามารถลองสักตั้ง”
หลี่ซูถงจับจ้องกระดานหมากรุกกล่าวโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาว่า “ปีนั้นตอนที่ให้เธอลองอีก เธอไม่กล้า ตอนนี้สายไปแล้ว อายุมากเกินไป”
“ผมแค่ยี่สิบเจ็ดปี……” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว
“อายุคนยิ่งมาก ในใจยิ่งขมขื่น” หลี่ซูถงกล่าว “ผ่านจากอายุยี่สิบปี ความขมขื่นทางโลกที่เธอได้รับยิ่งมายิ่งมาก ใช้วิชาหายใจผ่านด่านถามใจนั่นไม่ได้เลย ในอดีตพวกเรารู้สึกเสมอว่าตอนวัยเยาว์ก็ขมขื่นยิ่งแล้ว แต่หลังเติบโตจึงได้เข้าใจว่าความขมขื่นทั้งสองชนิดไม่ใช่สิ่งเดียวกัน”
ขณะที่กำลังพูด ในเรือนจำหมายเลข 18 จู่ ๆ มีเสียงประกาศดังขึ้นมาว่า “นักโทษรหัส010101 นักโทษรหัส 002199 นักโทษรหัส…… มีญาติมาเยี่ยม โปรดติดตามพัศดีจักรกลไปที่ห้องเยี่ยม”
010101 เป็นรหัสของชิ่งเฉิน
เขาอึ้งไป ตนเองมาถึงโลกภายในนานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่มีคนมาเยี่ยม
จนถึงขนาดที่ว่าเขาลืมไปแล้วว่าในเรือนจำยังมีเรื่องอย่างการเยี่ยมญาติด้วย
ลู่ก่วงอี้ที่อยู่ตรงข้ามเขากล่าวว่า “เจ้านาย วันนี้เป็นวันเยี่ยมญาติ น่าจะเป็นชิ่งเอี๋ยนมานะ”
“อืม” ชิ่งเฉินพยักหน้าลุกขึ้น
เขาติดตามนักโทษแปดสิบกว่าคนไปเข้าแถว จากนั้นผ่านประตูเลื่อนโลหะบานใหญ่ยักษ์ ทะลุทางเดินยาวเหยียด
ผนังของทางเดินก็สร้างมาจากโลหะ บนเพดานยังมีเส้นสีขาวสองเส้น ดูแล้วเหมือนกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์กาลเวลา
ระหว่างทาง มีนักโทษพูดยั่วคนอื่นว่า “หานหลินซาน น้องสาวนายมาดูนายอีกแล้วปะ ขอรูปถ่ายน้องสาวนายมาสักใบสิ คืนนี้ให้ฉันยืมใช้หน่อย!”
นักโทษที่ชื่อหานหลินซานสบถอย่างโมโห ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นเวลาเยี่ยมญาติทั้งสองคนจะต้องสู้กันขึ้นมาแล้ว
เหล่านักโทษจ้อกแจ้กจอแจ มีเพียงชิ่งเฉินที่เงียบ ๆ
ไม่มีนักโทษกล้าพูดล้อเล่นกับเขา แม้แต่นักโทษด้านหลังยังถอยห่างไปหน่อยอย่างจงใจ
มาถึงห้องเยี่ยมที่เป็นห้องเดี่ยว ชิ่งเฉินผลักประตูเปิดออก เห็นด้านในนั่งไว้ด้วยเด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่ง
หน้าตาไม่ถือว่าชวนตะลึงเลย แต่ไม่รู้ทำไมสามารถมอบกลิ่นอายสดใหม่ชนิดหนึ่งให้กับผู้คน
เด็กสาวครึ่งบนสวมชุดทางการ ครึ่งล่างก็เป็นกระโปรงทางการที่ยาวถึงหัวเข่าพอดี ดูแล้วเหมือนจะเป็นการพบหน้าที่เป็นทางการเป็นพิเศษครั้งหนึ่ง
แต่เด็กสาวคล้ายจะไม่ได้สวมชุดประเภทนี้บ่อย ๆ เลย ดังนั้นดูนั่งอยู่ไม่สุขอยู่บ้าง
ชิ่งเฉินสำรวจเด็กสาว อีกฝ่ายข้าง ๆ สันจมูกมีไฝเล็ก ๆ จุดหนึ่ง บนผิวไม่ได้มีร่องรอยของเครื่องสำอางค์ใด ๆ
เด็กสาวหลังจากนั่งลงแล้วไม่ได้สบตากับชิ่งเฉิน แอบสำรวจเงียบ ๆ เป็นระยะ แล้วก็ไม่ได้พูดจา
ทั้งสองฝ่ายเงียบงันกันไปเช่นนี้……
ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างลังเลว่า “คุณ……”
เขากลัวว่าตนเองจะเปิดเผยเรื่องของนักท่องเวลา ดังนั้นไม่รู้ว่าควรจะถามอย่างไรไปชั่วขณะ แต่นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ชิ่งเอี๋ยน ชิ่งเอี๋ยนเป็นผู้ชาย
จินได โซราเนะ “ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ ฉันชื่อจินได โซราเนะ”
ชิ่งเฉิน “……”
เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว
เด็กสาวก็ไม่ได้พูดจา
ชิ่งเฉินไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายสรุปแล้วมาทำอะไร พวกเขาน่าจะเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก
จนกระทั่งเวลาเยี่ยมหมดลง จินได โซราเนะจึงได้พึมพำเสียงค่อย ๆ ออกมาหนึ่งประโยคว่า “こんなに静かに座っているのもよさそうですが、この少年の沈黙ぶりは本当にきれいですね”
“อะไรนะ” ชิ่งเฉินสับสน
เด็กสาวยิ้ม “ไม่มีอะไร”
พัศดีจักรกลพาชิ่งเฉินจากไป ตลอดทางกลับชิ่งเฉินตกอยู่ในห้วงคิด
สัญญาหมั้นหมายที่โผล่ออกมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกนี้มันเป็นเรื่องอะไรอีกล่ะ
…………………………………
*ภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย (rhabdomyolysis) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อลายส่วนที่เสียหายสลายตัวแล้วปล่อยสารที่อยู่ภายในเซลล์เข้าสู่กระแสเลือดจนอาจทำให้ไตวายได้ (ที่มา: https://www.pobpad.com/rhabdomyolysis-ภาวะกล้ามเนื้อลายสลา)
**จินได (神代) บอกตรง ๆ ว่าชื่อญี่ปุ่นนี่มั่วมากค่ะ คนแปลอังกฤษแปลเป็น Kamidai ส่วนเราเลือกจินไดเพราะมันมีวัดจินไดที่ใช้ตัวคันจิเดียวกันนี้ค่ะ เลยคิดว่าคำนี้น่าจะดีกว่า อีกอย่างอนาคตจะมีอีกนามสกุลคือ 神宫寺 ซึ่งอ่านว่า จินกูจิ สังเกตได้ว่าตัวคันจิตัวแรกเป็นตัวเดียวกันนะคะ จากเว็บ https://culturetour.net/japanese-last-names/kumashiro2794 คันจิตัวนี้เป็นนามสกุลที่อ่านได้ว่า Kumashiro, Kojiro, Koshiro, Kakomi, Kajiro, Jindai, Kamiyo, Kakumi, Kamishiro, Kashiro, Kamidai, Koshiro, Kojiro, Shindai
ประโยคภาษาญี่ปุ่นตอนต่อ ๆ ไปจะมีแปลจ้า
ตอนที่ 47 – เมืองไซเบอร์