นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 64 คนสองคนที่สงบนิ่ง

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 64 – คนสองคนที่สงบนิ่ง

 

นับถอยหลัง 44:30:00 ตี 3 ครึ่ง

เมืองหมายเลข 2 เขตที่เก้า

ในซอยเล็ก ๆ ระดับพื้นดินแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีเทาคนหนึ่งกำลังเดินอย่างสบายใจ

แอ่งน้ำบนพื้นเหมือนกับกระจก สะท้อนท่าทางอันสงบนิ่งของเขา

ที่นี่ไม่มีภาพฉากรุ่งเรืองอย่างในจินตนาการ ทุกหนแห่งบนซอยล้วนสามารถมองเห็นน้ำครำและขยะ บนกำแพงถูกคนเขียนคำหยาบทุกรูปแบบและสโลแกนการประท้วง

นี่ไม่เหมือนเมืองเทคโนโลยีในจินตนาการ แต่กลับเหมือนสลัมยิ่งกว่า

เพียงแต่ตอนที่ชายหนุ่มเดินอยู่ที่นี่กลับเหมือนกำลังเดินบนตรอกประเทศอังกฤษ ผ่อนคลายและเป็นสุภาพบุรุษ

เขาเดินไปถึงหน้าร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง

เถ้าแก่เนี้ยอายุสามสิบกว่าปีในร้านกำลังนั่งไขว่ห้าง ใช้โทรศัพท์มือถือแบบใสอ่านข่าวโลกภายในอย่างเพลิดเพลิน

อันที่จริงโลกภายนอกก็มีร้ายขายเสื้อผ้าเล็ก ๆ ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามประเภทนี้มากมาย ขายเสื้อผ้าล้าสมัยตลอด แล้วก็ไม่มีลูกค้าอะไรเลย

คุณไม่รู้เลยว่าร้านประเภทนี้อาศัยรายได้อะไรถึงคงอยู่ได้ แต่มันกลับไม่เคยเจ๊ง

เถ้าแก่เนี้ยก็คล้ายกับจะไม่ใส่ใจเลยว่ามีลูกค้าหรือไม่

แต่เกรงว่าไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าร้านค้าเล็ก ๆ ประเภทนี้ถึงกับมีความลับอื่น

และโหมดปฏิบัติการของพวกมันในตอนนี้ได้ถูกคนนำมาที่โลกภายในอีกด้วย

ชายหนุ่มย่างเข้าประตูร้าน เถ้าแก่เนี้ยยังคงไม่มีปฏิกิริยา คล้ายกับไม่รู้ว่ามีใครมาแล้ว

เขายืนอยู่ข้างหน้าเคาน์เตอร์ร้าน ใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เบื้องหลังรอยยิ้มซ่อนความแหลมคม

เถ้าแก่เนี้ยเงยหน้าขึ้นแล้วรีบลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างปั่นป่วนอยู่บ้างว่า “บอส ขอโทษด้วยค่ะที่ฉันไม่ทันสังเกตว่าคุณเข้ามา”

เหอจินชิงแห่งจิ่วโจวกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “อย่าเพิ่งเกร็งไป ผมมาที่นี่มีข่าวสองอย่างที่ต้องการให้คุณถ่ายทอดออกไปโดยเร็วที่สุด หนึ่งคือต่งซูเยว่, เถียนเสี่ยวเหมียวถูกกลุ่มการเงินค้นพบสถานะนักท่องเวลาแล้ว ให้เสี่ยวเสี่ยวตัดการติดต่อกับพวกเขาชั่วคราว ทุกอย่างให้รอจนกลับคืนค่อยว่ากันใหม่”

“เข้าใจแล้วค่ะ” เถ้าแก่เนี้ยท่องเรื่องที่เหอจินชิวอธิบายอย่างรวดเร็ว

“ธุระที่สองคือ แจ้งเสี่ยวเสี่ยวให้เก็บข้อมูลของหลี่ซูถงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมพบว่าความสามารถของเขายังแข็งแกร่งกว่าที่สืบมาก่อนหน้านี้เสียอีก ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ยังถึงกับสามารถถอนตัวไปอย่างไร้รอยขีดข่วน สุดจะคาดคิดเลย”

“เข้าใจแล้วค่ะ” เถ้าแก่เนี้ยรับคำอีกครั้ง

เหอจินชิวเอ่ยเหมือนพึมพำกับตัวเองว่า “ดูท่าพวกเราต้องดึงตัวหลิวเต๋อจู้ก่อนที่คุนหลุนจะลงมือนะ พวกเราต้องการเขา”

เวลานี้ เหอจินชิวยิ้มแฉ่งหันหน้ามากล่าวว่า “หวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจนะว่าพวกเราตอนนี้แบกรับภารกิจอะไรอยู่ ถ้าหากครั้งหน้ามีเหตุการณ์ที่ขาดความตื่นตัวอย่างนี้เกิดขึ้นอีก องค์กรจะทำการลงโทษคุณ รอให้หาตัวเลือกที่เหมาะสมเจอ ผมจะให้คนมาแทนที่คุณ หลังกลับคืน คุณไปหาครูฝึกจางจงอวี่เพิ่มวิชาฝึก มีความเห็นหรือไม่”

เถ้าแก่เนี้ยก้มหน้าเอ่ยว่า “ไม่มีความเห็นค่ะ”

“ดี งั้นก็ตกลงกันด้วยดีอย่างนี้นะ!”

พูดจบ เหอจินชิวหมุนตัวจากไป

เถ้าแก่เนี้ยมุดเข้าห้องเก็บของ ไม่รู้ว่าใช้วิธีการอะไรถ่ายทอดข่าวสารออกไป

สลัมเป็นสถานที่ซึ่งไม่มีวงจรปิดอันน้อยนิดในเมืองไซเบอร์ ไม่มีคนสังเกตว่าที่นี่เคยมีแขกพิเศษหนึ่งคนมา

……

เรือนจำหมายเลข 18

ตอนเช้าตรู่ เสียงตบประตูอันคุ้นเคยดังขึ้น

ประตูเลื่อนโลหะถูกเหล่านักโทษตบโครม ๆ เหมือนกับต้องการให้เกิดเสียงสั่นพ้อง

คนเหล่านี้กำลังวังชาเหลือล้นอย่างนี้เสมอ แถมไม่มีที่ให้ระบายออก

ชิ่งเฉินไม่ได้ออกจากประตู เขารอให้ลู่ก่วงอี้ไปหานักท่องเวลาในคนใหม่ชุดนี้

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ เมื่อคืนถึงกับไม่มีนักโทษที่ถูกคุมตัวมายังเรือนจำหมายเลข 18 ชุดใหม่

เขาพลิกตัวนอนต่อ ไม่สนใจความจอแจข้างนอกอย่างสิ้นเชิง

ขณะนี้หลี่ซูถงยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวโดยสงบ มองดูเกมหมากรุกท้ายเกมที่เพิ่งจะได้รับมา ไม่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยสักเศษเสี้ยว

ชั่วขณะหนึ่งแม้แต่หลินเสี่ยวเสี้ยวยังทอดถอนใจ ตอนนี้ข้างนอกเพราะเรื่องเมื่อคืนปั่นป่วนวุ่นวายไปแล้ว ผลคือบอสบ้านตัวเองถึงกับไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเสียบ้างเลย

กัวหู่ฉานที่ศีรษะล้านเลี่ยนสะท้อนแสงย่องมาเงียบ ๆ เขาลดเสียงลงถามหลินเสี่ยวเสี้ยวว่า “บอสบ้านคุณเมื่อคืนสรุปว่าออกไปทำอะไรเหรอ มีอะไรสนุก ๆ ก็พาผมไปด้วยสิ”

“เฮ้ย คุณรู้ได้ไง” หลินเสี่ยวเสี้ยวมองอีกฝ่ายอย่างอยากรู้

ถึงเรื่องนี้จะฮือฮาที่ภายนอก แต่กัวหู่ฉานอยู่ในนี้แม้แต่วิธีการสื่อสารยังไม่มีเลย อาศัยอะไรถึงรู้สถานการณ์ภายนอก?

เขาเหล่ตามองหัวล้านถามว่า “ผู้เหนือมนุษย์ประเภทพลังจิตในโพธิ์ดำก็มาแล้วเหรอ พวกคุณสรุปว่ามากันกี่คนน่ะ ไม่กลัวกลุ่มการเงินกวาดล้างพวกคุณเลยนะ”

“คนที่มามีผมคนเดียว” กัวหู่ฉานถามอย่างซุบซิบ “พูดเรื่องซีเรียสนะ หลี่ซูถงออกไปทำอะไร”

หลินเสี่ยวเสี้ยวมองเขาแวบหนึ่ง “ถ้าผมบอกคุณว่าเขาแค่อยากกินหมูน้ำแดงคุณจะเชื่อไม่เชื่อ”

“ไม่เชื่อ ก่อเรื่องครึกโครมใหญ่โตขนาดนั้นจะไม่มีธุระได้เหรอ” กัวหู่ฉานมีสีหน้าว่าคุณเห็นผมเป็นคนโง่เหรอ 

หลินเสี่ยวเสี้ยวถอนหายใจ เขารู้ว่าทั้งโลกล้วนจะไม่เชื่อว่าเมื่อคืนบอสออกไปไม่ได้มีธุระอะไรจริง ๆ

อีกฝ่ายแค่อยากพาชิ่งเฉินออกไปเล่นเท่านั้น

คนพวกนั้นเพียงจดจำว่าบอสเป็นครึ่งเทพแห่งยุคที่อันตรายมากคนหนึ่ง แต่ลืมไปแล้วว่าอันที่จริงเขายังเป็นคนที่เอาแต่ใจมากและไม่สะทกสะท้านมากคนหนึ่ง

แน่นอนว่าสิ่งที่หลินเสี่ยวเสี้ยวยังต้องทอดถอนใจอีกคือตัวเอกอีกคนในเรื่องนี้ สหายชิ่งเฉินถึงกับถึงเที่ยงแล้วยังหลับสนิทอย่างกับไม่มีเรื่องอะไรอีกคน

บอสสงบนิ่งขนาดนั้นน่ะช่างเถอะ คุณที่เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดคนหนึ่งสงบนิ่งขนาดนี้มันเรื่องอะไรกัน

……

ตอนที่ชิ่งเฉินกำลังหลับอย่างง่วงงุน จู่ ๆ ได้ยินเสียงตามสายในเรือนจำดังขึ้นมาว่า “นักโทษหมายเลข 010101 มีญาติมาเยี่ยม”

เขาลุกขึ้นนั่งข้า ๆ งุนงงอยู่บ้าง

ส่วนกัวหู่ฉานที่ลานส่วนรวมกำลังถามหลินเสี่ยวเสี้ยวว่า “เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าปกติแล้วเยี่ยมสามเดือนครั้งเหรอ ผมจำได้ว่าเมื่อวานเพิ่งมีคนมาเยี่ยมเด็กนี่นะ”

หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวด้วยท่าทีไม่อินังขังขอบว่า “บอสพวกเราไม่ชอบเขา ดังนั้นขอแนะนำว่าคุณอย่าไปใกล้ชิดเขาจนเกินไป แล้วก็อย่าสอบถาม”

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ชิ่งเฉินภายใต้การคุมตัวของพัศดีจักรกลค่อย ๆ ผลักเปิดประตูห้องเยี่ยม ข้างในยังคงไม่ใช่ชิ่งเอี๋ยน

ยังคงเป็นจินได โซราเนะ

…………………………………….

 

ตอนที่ 65 – สายใยที่เชื่อมต่อโลกภายนอก

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท