นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 83 ต่อสู้กับการรับรู้

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 83 – ต่อสู้กับการรับรู้

 

ถ้าความแข็งแกร่งของคุณไม่สู้คนอื่น งั้นวิธีการเข้าโจมตีที่ดีที่สุดก็คือลอบจู่โจม

แต่เยี่ยหว่านพูดว่าคนไม่อาจให้ตนเองอยู่ในตำแหน่งที่ตื่นตัวอยู่ตลอดกาล การลอบจู่โจมจริงอยู่ว่าสำคัญ แต่การเอาแต่ไล่หาว่าจะลอบจู่โจมอย่างไรอย่างมืดบอด นั่นได้แต่นับว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

ชิ่งเฉินพยายามเคลื่อนไหวเข้าโจมตีไม่หยุดหย่อน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยโดยสิ้นเชิง

ในมือเขากำมีดพกของแท้ คู่มือก็ไม่ใช่อากาศว่างเปล่า ทว่าเป็นเยี่ยหว่านที่มีเลือดมีเนื้อ

เยี่ยหว่านก็เหมือนกับขุนเขาลูกหนึ่ง ไม่ว่าชิ่งเฉินจะเข้าโจมตีอย่างเผ็ดร้อนอย่างไร เขาล้วนสามารถสกัดกั้นได้อย่างสบาย ๆ

หากพูดว่าขั้นที่หนึ่งคือระบุจุดชีวิต

อย่างนั้นตอนนี้ก็คือขั้นที่สอง : กระบวนท่า

พูดตามเหตุผลแล้วมุมที่สามารถแทงถึงม้ามไม่ได้มากเลย มันก็มีแค่ไม่กี่ประเภทนั้น

แต่สิ่งที่เยี่ยหว่านสอนเขาคือ จะปลอมเจตนาของตนเองอย่างไรให้คู่ต่อสู้ประเมินตำแหน่งที่คุณอยากโจมตีผิด จากนั้นเปิดประตูใหญ่สู่ม้ามให้คุณ

“ถ้าคุณเปิดเผยเจตนาของตัวเองตรง ๆ งั้นคุณจะเสียเปรียบในการต่อสู้ตลอดกาล” เยี่ยหว่านกล่าว “ตอนที่คุณแข็งแกร่งไม่พอจะบดขยี้ใครเขา งั้นความเคลื่อนไหวหลอกก็คือเทคนิคฆ่าคนที่มีประสิทธิภาพที่สุดของคุณ”

ชิ่งเฉินสีหน้าครุ่นคิด

ก่อนหน้านี้เขาคิดเรื่องนี้เรียบง่ายไปบ้าง นึกว่าเป็นการฝึกซ้อมแทงตรง แทงเฉียงอะไรพวกนี้

ผลคือคิดไม่ถึงว่า สิ่งที่เยี่ยหว่านสอนคือกระบวนท่า

ยกตัวอย่างเช่นทำอย่างไรจะจะออกแรงฟันมีดไปที่ลำคอของคู่ต่อสู้อย่างชำนาญแล้วในพริบตาที่คู่ต่อสู้ทำท่าต่อต้านก็ดึงเอวกับศอกของตนเองส่งแรงออกไปด้วยกัน เปลี่ยนทิศทางของมีดในมือตนเองแทงเข้าม้ามของคู่ต่อสู้

กระบวนท่าที่คล้าย ๆ กันอย่างนี้ เยี่ยหว่านสอนไปหนึ่งร้อยหกสิบกว่าประเภทเต็ม ๆ

เยี่ยหว่านกล่าวว่า “คุณต้องจำจุดหนึ่ง การต่อสู้มันประหลาดและแปรผันมากตลอดกาล คุณเห็นปรมาจารย์วิชามีดมากมายในหนึ่งวินาทีสามารถออกท่าไปได้ตั้งหลายครั้ง แต่อันที่จริงมีแค่หนึ่งครั้งจึงเป็นการเข้าโจมตีที่แท้จริง”

การต่อสู้ระยะประชิดเป็นเกมจิตวิทยาที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่ง

สิ่งที่เยี่ยหว่านสามารถทำก็คือเอากระบวนท่าที่ใช้ได้จริงพวกนี้มาสอนให้ชิ่งเฉิน ให้ภายในสองวันเขาครอบครองความสามารถฆ่าคนที่พื้นฐานที่สุด

ส่วนสิ่งที่ชิ่งเฉินต้องทำก็คือ เอาสิ่งของพวกนี้ทั้งหมดจำใส่สมอง

ขั้นที่สามก็คือขั้นสุดท้าย : สู้จริง

แค่สมองรู้เฉย ๆ ยังไม่ได้ เยี่ยหว่านเชื่อว่าชิ่งเฉินยังต้องทราบให้ชัดมาก ๆ ว่าร่างกายของตนเองสามารถทำไปถึงขั้นไหน

ตนเองมีแรงมากเท่าไหร่ ความเร็วเร็วเท่าไหร่ นี่จะต้องมีการรับรู้อย่างชัดแจ้ง

รู้เขาเฉย ๆ ยังไม่ได้ ยังต้องรู้เรา

วิธีฝึกที่ใช้แรงทุ่มสุดตัวทุกครั้งประเภทนี้แค่ 3 ชั่วโมงก็ทำให้ชิ่งเฉินเหนื่อยจนหมดแรงแล้ว

บวกกับที่เมื่อคืนเขายืนอยู่หน้าหน้าต่างในครึ่งคืนแรก ถึงตอน 9 โมงเช้า เขาก็มีปฏิกิริยาเชื่องช้าไปบ้างแล้ว

ขณะนี้เลยจากเวลากินข้าวมา 2 ชั่วโมง 40 นาทีแล้ว

เหล่านักโทษในเรือนจำค่อย ๆ ค้นพบว่าไม่ถูกต้อง ทุกคนทุบประตูอัลลอยอย่างบ้าคลั่ง

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทุบอย่างไรล้วนไม่มีคนตอบรับ

คล้ายกับว่าประตูของทุก ๆ คนล้วนพังแล้ว

ในนี้ กัวหู่ฉานทุบประตูดุดันที่สุด คล้ายกับอยากจะฝืนเปิดประตู

ยังคงเป็นหลี่ซูถงที่ออกปากเตือนเขาถึงหน้าประตูจึงทำให้บุรุษศีรษะโล้นคนนี้หยุดลงไปได้

อย่างช้า ๆ นักโทษทุกคนเงียบสงบกันขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาหวนรำลึกถึงความน่าสะพรึงกลัวเมื่อคืน จู่ ๆ รู้สึกว่าเรือนจำนี้เหมือนกับจะไม่เหมือนเดิมอยู่บ้าง

ที่นี่ล้วนเป็นอาชญากรอุกฉกรรจ์ มีคนเกินกว่าครึ่งที่อยู่ที่นี่มากว่าห้าปีแล้ว

ก่อนหน้านี้ พวกเขายังไม่เคยประสบกับเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างนี้เลย

ทุกสิ่งนี้ อันที่จริงก็แค่เพราะว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ ครูของเขาอยากจะช่วงชิงเวลาเล็กน้อยเพื่อเขา ก็แค่นี้เอง

ตอนที่เยี่ยหว่านพูดว่าสามารถพักผ่อน ชิ่งเฉินถึงกับเอียงศีรษะลงบนพื้นตรง ๆ แล้วหลับสนิทเลย

……

นักโทษไม่ได้กินข้าวเช้า ไม่ได้กินข้าวเที่ยง

ถึงเวลามื้อเย็น หลังจากชิ่งเฉินลุกจากเตียง ประตูเลื่อนอัลลอยของห้องขังทุกห้องจึงได้เปิดขึ้นพร้อมกัน

ตอนกินข้าว เหล่านักโทษล้วนไม่กล้าส่งเสียงอย่างระแวดระวัง กลัวว่าตนเองจะไปตอแยปัญหาอะไรออกมา กลางดึกจะถูกคนใช้ซ้อมมืออีก

ถ้าเผื่อ…… ครั้งนี้ไม่ได้แค่พูดปากเปล่าล่ะ?!

หลังกินข้าวเสร็จ เสียงตามสายในเรือนจำแจ้งให้ทุกคนกลับห้องขัง เหล่านักโทษล้วนปฏิบัติตามโดยพร้อมเพรียง

หลี่ซูถงมองชิ่งเฉินอย่างเต็มไปด้วยความสนใจ “เป็นยังไง เกาะกุมขั้นแรกได้ไหม”

ชิ่งเฉินคิด ๆ ดู “ยังไหวครับ พลังการจดจำกับความสามารถในการครุ่นคิดมีบทบาทในการต่อสู้มากกว่าในจินตนาการของผมอยู่บ้าง”

หลินเสี่ยวเสี้ยวมองไปทางเยี่ยหว่าน “เอามาตรฐานของนายมาประเมิน พัฒนาการฝึกฝนของเขาเป็นยังไง”

เยี่ยหว่านคิดแล้วกล่าวว่า “คนธรรมดาเทียบกับเขาแล้วจะต้องแย่กว่าเยอะเลย อย่างเช่นตอนฉันเรียนกระบวนท่ามีดกลยุทธ์ ใช้เวลาสามเดือนจึงมาถึงระดับนี้ของเขา สภาวะสุดยอดความจำมันน่ากลัวจริง ๆ คืนนี้ฝึกอีก กลางวันพรุ่งนี้ฝึกอีก จะฆ่าคนไม่ใช่ปัญหาแล้ว”

“จุดด้อยล่ะ” หลินเสี่ยวเสี้ยวถาม

เยี่ยหว่านตอบว่า “จุดด้อยก็คือการต่อสู้จริงยังคงน้อยเกินไป การใช้งานตายตัวเกินไป เจอกับคนธรรมดายังได้ เจอกับยอดฝีมือที่แท้จริงจะแพ้หนักมาก จุดนี้จะต้องอาศัยการรับรู้”

หลินเสี่ยวเสี้ยวยิ้มเยาะเอ่ยว่า “ชิ่งเฉินคุณอย่าไปถูกเขาหลอกนะ คนร้ายหนีตายกลุ่มหนึ่งจะไปมียอดฝีมืออะไรได้ คนที่สามารถถูกเยี่ยหว่านนับว่าเป็นยอดฝีมือ ที่โลกภายในล้วนเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงเรียงนาม”

เยี่ยหว่านมองชิ่งเฉิน ยิ้มเอ่ยว่า “หลับดีไหม”

“หลับดีแล้ว สามารถฝึกต่อ” ชิ่งเฉินพยักหน้า วิชาหายใจทำให้เขาฟื้นฟูเลือดขึ้นมาเต็มอีกครั้งแล้ว

“มา ฉันซ้อมกับนายหน่อย” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวอย่างร่าเริง

พูดจบ เขาเป็นตัวตั้งตัวตีลุกขึ้นมาโบกมือใส่ชิ่งเฉินในสนามซ้อม

ชิ่งเฉินคิดดู ทันใดนั้นช่วงขาส่งกำลังเหยียบออกไป มีดพับในมือเขาแทงใส่น่องหลินเสี่ยวเสี้ยวอย่างว่องไว

หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “ท่าหลอกประเภทนี้ก็อ่อนหัดเกินไป……ชิ! เกือบตายน้ำตื้นแล้วไหมล่ะ!”

เห็นเพียงมีดของชิ่งเฉินแทงใส่ขาของเขา ยังดีที่เขาปฏิกิริยาว่องไว ใช้สองนิ้วยึดปลายมีดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็จะเลือดออกแล้ว

ชิ่งเฉินอึ้งไป ก่อนหน้านี้หลินเสี่ยวเสี้ยวก็เคยพูดว่าตนเองไม่ใช่อัจฉริยะด้านการต่อสู้เลย แต่เป็นประเภทใช้สกิล

แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ ความสามารถที่อีกฝ่ายใช้สองนิ้วรับคมมีดก็โอเว่อร์เกินไปแล้ว

ระหว่างผู้เหนือมนุษย์กับคนธรรมดาเป็นหุบเหวที่ยากจะข้ามผ่าน ผู้ที่สามารถต่อสู้ระยะประชิดกับผู้เหนือมนุษย์มีเพียงผู้เหนือมนุษย์

หรือว่าปรมาจารย์ต่อสู้ที่ติดตั้งอวัยวะจักรกลขั้นสุดยอดที่สุดพวกนั้น

เวลานี้ หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยอย่างโกรธ ๆ ว่า “ไม่ได้บอกว่าโจมตีม้ามโดยเฉพาะเหรอ เมื่อกี้คุณออกแรงที่เอวมาแล้ว ทำให้ไม่ยกคมมีดขึ้นล่ะ ไหนบอกว่าจะแกล้งโจมตีกับท่าหลอกไง!”

ทุกคนล้วนรู้สึกว่าชิ่งเฉินต้องการแทงม้าม แต่เขาดันไม่ได้ทำอย่างนี้ นี่ก็คือการทหารไม่หน่ายอุบาย

หลี่ซูถงหัวเราะขำมองไปทางเยี่ยหว่าน “การรับรู้เป็นไง”

เยี่ยหว่านตอบว่า “ตอนนั้นผมสู้เขาไม่ได้”

“ฝึกต่อเถอะ อย่าอู้” หลี่ซูถงหัวเราะฮา ๆ ดังลั่นแล้วเดินไปเขตอ่านหนังสือ

“อืม ขณะนี้ดูเหมือนผลการฝึกพอใช้งานแล้ว ควรจะสอนเขาว่าลอบจู่โจมยังไงแล้ว” เยี่ยหว่านตอบ

………….

 

 

 

ตอนที่ 84 – ลอบโจมตีและการเยี่ยม

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท