นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 173 บอสผู้ลึกล้ำสุดจะหยั่ง

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 173 – บอสผู้ลึกล้ำสุดจะหยั่ง

 

“เธอตอนนี้แรงก์อะไร” ชิ่งเฉินถาม   

เขากับยางยางเดินเคียงไหล่กันบนทางเท้าหลังฝนตก บนพื้นล้วนเป็นใบไม้ร่วงที่ถูกพายุฝนซัดร่วง เกาะแน่นกับพื้น 

ชิ่งเฉินจู่ ๆ ค้นพบว่า เด็กสาวสูงมากจริง ๆ ความสูง 1 เมตร 82 เซนติเมตรของเขาตอนที่หันหน้าไประดับสายตาเห็นอีกฝ่ายได้เลย ไม่ต้องก้มศีรษะแม้แต่น้อย 

ยางยางเอาหมวกฮู้ดของเสื้อสเวตเตอร์มาคลุมศีรษะแล้วตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันอยู่แรงก์อะไรอะ”

“ทำไมเธอไม่รู้แรงก์ตัวเอง?!” ชิ่งเฉินประหลาดใจ 

“ฉันอยู่บนรถไฟความเร็วสูงมาเมืองลั่ว จู่ ๆ แขนก็ปรากฏการนับถอยหลัง” ยางยางอธิบาย “รอถึงตอนที่ฉันทะลุไปก็อยู่ที่ป่าคนเดียว ในเป้ข้างตัวมีไอดีการ์ดตัวตนสหพันธรัฐของฉันกับของใช้ในชีวิตประจำวันจำนวนหนึ่ง รอฉันกลับถึงเมืองสหพันธรัฐก็ไม่คุ้นเคยกับอะไรทั้งนั้นเลย แล้วก็ไม่กล้าถามส่งเดช”

ชิ่งเฉินไม่เชื่อคำพูดที่เด็กสาวคนนี้พูดสักนิด

แต่ทว่าพอทะลุมิติก็กลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ที่ร้ายกาจขนาดนี้แล้ว ก็นับเป็นคนที่สวรรค์เลือกสรรแล้วปะ? 

ชิ่งเฉินถามว่า “งั้นเธอรู้ว่าตัวเองต้องฝึกตนยังไงเหรอ”

“ฉันเป็นผู้อเวคนะ ไม่ต้องฝึกตน” ยางยางอึ้งแล้วตอบ “นายไม่รู้เหรอ ผู้อเวคกับผู้ฝึกตนถึงจะเป็นผู้เหนือมนุษย์หมด แล้วก็พัฒนาศักยภาพของมนุษย์หมด แต่ว่าเป็นสองกรณีอย่างสิ้นเชิงนะ”

“อย่างเช่นหลี่ซูถงเป็นผู้ฝึกตน พวกเขาองค์กรอัศวินมีการสืบทอดของตัวเอง ผู้สืบทอดสามารถเดินบนเส้นทางที่พวกรุ่นก่อนเคยเดิน ปลอดปล่อยศักยภาพออกมาทีละขั้น ๆ อย่างมั่นคง”

“อย่างฉันเป็นผู้อเวค ในตอนปกติไม่ต้องฝึกตน ตอนที่ได้รับการกระตุ้นอย่างมากจะสามารถเลื่อนระดับอเวคขึ้นแรงก์ที่สูงขึ้นต่อไป โลกภายในมีสุภาษิตโบราณที่แพร่หลายมานานมากอยู่ว่า เมื่อภัยพิบัติมาเยือน เจตจำนงทางจิตวิญญาณจึงเป็นอาวุธลำดับที่หนึ่งของมนุษย์ในการเผชิญหน้ากับภยันตราย”

ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างทอดถอนว่า “ผู้อเวคเหมือนจะสบายมากเลย ไม่ต้องฝึกตน ไม่ทุกข์ทรมานขนาดนั้น”

“แต่ผู้อเวคดูที่โชคล้วน ๆ เลยนะ” ยางยางอธิบาย “สกิลของผู้ฝึกตนเน้นการต่อสู้มาตลอด แต่ผู้อเวคก็ไม่แน่แล้ว ตอนที่ฉันเช็คโปรไฟล์ค้นพบว่า มีสกิลของผู้อเวคคนหนึ่งถึงกับเป็นการเป่าฟองสบู่……สามารถเป่าฟองสบู่ที่ใหญ่เป็นพิเศษ! ยังมีสกิลของผู้อเวคคนหนึ่งคือ คนที่อยู่ข้างกายเขาขอเพียงยื่นมือไปแตะใต้โต๊ะก็จะต้องแตะโดนขี้มูกหรือหมากฝรั่งแน่นอน! ยังมี ๆ ยังมีสกิลของผู้อเวคคนหนึ่งคือสามารถรักษาคนอื่น”

ตอนนี้ ยางยางสรุปว่า “หลังจากผู้ฝึกตนฝึกสำเร็จจะต้องเป็นเลนกลาง, ADC ทว่าผู้อเวคค่อนข้างดูที่โชคมากกว่า อาจจะเป็นอย่างฉันที่เป็นตัวแกนหลัก แล้วก็อาจจะกลายเป็นซัพพอร์ตหรือว่าตัวป่า…..หรือบางทีจะกลายเป็นครีปป่าครีปรถ”

ชิ่งเฉินพยักหน้า “อืม คำอธิบายนี้เข้าใจง่ายมากเลย……”

ผู้อเวคที่กลายเป็นครีปป่า นั่นมันอนาถเกินไปจริง ๆ 

“จริงสิ เธอที่โลกภายในอยู่เมืองไหนเหรอ” ชิ่งเฉินถามอย่างเสมือนไร้เรื่องราว          

ยางยางมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันบอกหมดแล้ว รอถึงตอนที่นายวางแผนจะแลกเปลี่ยนความลับค่อยมาถามความลับของฉันใหม่เถอะนะ”

ชิ่งเฉินสุดท้ายถามว่า “งั้นเธอบอกฉันได้รึเปล่าว่าทำไมเธอแม้แต่บ้านยังหาไม่เจอ แต่สามารถหาฉันเจอ? ฉันไม่เชื่อว่าเธออยู่บนฟ้าจะบังเอิญเห็นเข้า”

“ทุก ๆ คนล้วนมีสนามพลังเป็นของตัวเองอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะถูกสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไม่หยุด แต่สัญลักษณ์ของคนคนหนึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว” ยางยางกล่าว “ฉันจำสนามพลังของนายได้ เลยสัมผัสเจอ ก็เรียบง่ายขนาดนี้ล่ะ”

ชิ่งเฉินมองดูอีกฝ่ายอย่างลึกล้ำ “ดังนั้น อันที่จริงเธอรู้ว่าเมื่อกี้นี้คนไหนถึงเป็นฉันตัวจริง”

“อ๊าก” ยางยางอุทาน “หลุดปากไปซะงั้น ฉันยังอยากจะแกล้งเป็นไม่รู้นะ!”

ในพายุฝน ชิ่งเฉินกับสู่อีเฉิงล้วนสวมเสื้อกันฝน         

ในสายตาของคนอื่น สู่อีเฉิงรับบทเป็น “ชิ่งเฉิน” แต่ในสายตายางยาง เธอสามารถมองทะลุภาพภายนอกเห็นสิ่งที่เป็นเนื้อแท้ยิ่งกว่านั้น: สนามพลัง 

ไม่ต้องดูเสื้อกันฝน แล้วก็ไม่ต้องดูสไตล์การต่อสู้ เพียงต้องดูสนามพลังของชิ่งเฉินก็ได้แล้ว         

ทีนี้ถึงคราวชิ่งเฉินอิหลักอิเหลื่อบ้างแล้ว เดิมทีตนเองทำเป็นดุร้ายราวพยัคฆ์ แต่หลอกลวงอีกฝ่ายไม่ได้เลย 

ยางยางปลอบว่า “นายวางใจได้ ความลับนี้ฉันจะไม่บอกคนอื่น ทุกคนล้วนอยากจะปิดบังความแข็งแกร่งนิ ฉันเข้าใจ แต่เพื่อนร่วมทีมของนายก็ค่อนข้างให้ความร่วมมือเลยนะ ถึงกับมาแสดงละครร่วมกับนาย”

“เลิกเสแสร้งเหอะ” ชิ่งเฉินถอนหายใจ “เธอสามารถสัมผัสสนามพลังได้โดยตรง งั้นเธอจะต้องสัมผัสได้แน่ถึงการเชื่อมโยงระหว่างพวกเรา”

“อ๊ะ นี่นายก็เดาได้” ยางยางเอ่ยอย่างใคร่รู้ว่า “ฉันอยากรู้นิดหน่อยจริง ๆ นะว่าเส้นที่เชื่อมโยงระหว่างพวกนายนั่นสรุปแล้วเป็นอะไร เป็นนายกำลังควบคุมเขาเหรอ”

“ไม่บอก” ชิ่งเฉินปวดฟันนิดหน่อย ความลับส่วนหนึ่งของตนเองถึงกับถูกเด็กสาวคนนี้รู้ไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว 

แต่ว่า อีกฝ่ายยังคงแค่สามารถทราบว่าตนเองเป็นลูกน้อง ไม่อาจยืนยันว่าตนเองเป็นบอสของหลิวเต๋อจู้

เขาเปลี่ยนหัวเรื่องไปว่า “งั้นในเมื่อเธอสามารถสัมผัสถึงสนามพลัง แล้วยังบินได้ ทำไมหาพิกัดสนามพลังของบ้านตัวเองไม่เจอล่ะ”

“เพราะระยะทางไกลเกินไปน่ะ” ยางยางกล่าว “ถนนสิงสู่มันเกินขอบเขตการรับรู้ของฉันไปแล้ว ขอบเขตการรับรู้ของฉันก็ประมาณ 200 เมตร”

“งั้นเธอสามารถเสาะหาพิกัดสนามแม่เหล็กโลกไปตามถนนได้นะ” ชิ่งเฉินกล่าว   

“เยอะเกินไป ฉันจำไม่ไหว” ยางยางตอบ “อีกอย่าง ฉันยังไม่คุ้นเคยกับการเอา “การมองเห็น” มาแปลงเป็น “สัมผัส” จนเกินไป”

ชิ่งเฉินเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เด็กสาวคนนี้จะบอกว่าเวลาที่กลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ยังสั้นอยู่ ไม่ได้คุ้นเคยกับวิธีการสัมผัสสนามพลังประเภทนี้ 

ก็เหมือนกับคนที่เพิ่งเรียนภาษาอังกฤษ ถึงจะสามารถฟังเข้าใจ แต่แรกเริ่มจิตใต้สำนึกจะเอาภาษาอังกฤษที่ได้ยินมาแปลเป็นภาษาจีน จากนั้นค่อยใช้สมองไปทำความเข้าใจ 

ส่วนสถานการณ์ที่ยางยางเผชิญในตอนนี้คือ มีคนสองคนอยู่ตรงหน้าเธอ คนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษ คนหนึ่งพูดภาษาจีน ดำเนินไปในเวลาเดียวกัน 

นี่ทำให้การรับรู้ของเธอเกิดความสับสน         

นี่ก็คือสาเหตุที่เธอหลงทิศ 

ไม่ใช่ว่ายางยางอยากจะหลงทิศ ทว่าเธอเกิดมาแตกต่าง ถูก “ประสาทสัมผัสสนามพลัง” เจือจาง “ประสาทสัมผัสการมองเห็น” ของคนทั่วไป   

เดี๋ยวนะ ชิ่งเฉินจู่ ๆ ค้นพบปัญหาข้อหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าเธอก่อนจะทะลุมิติก็สามารถสัมผัสสนามพลังได้แล้วเหรอ? เพราะการรับรู้สนามพลังกับการรับรู้ของสัมผัสการมองเห็นขัดแย้งกันไม่หยุด ดังนั้นเลยทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการกำหนดตำแหน่งเชิงพื้นที่และการเชื่อมโยงเชิงพื้นที่”

“ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยสัมผัสถึงสนามพลังนะ” ยางยางเอ่ยอย่างรู้สึกพิลึก “เพียงแต่ว่ารู้สึกอยู่ตลอดว่าตอนเดินถนนเดินหลงง่าย อย่างกับถูกปัจจัยที่ไม่รู้ก่อกวน แต่นายพูดอย่างนี้ก็เหมือนจะเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะ”

ยางยางคนเดิมของโลกภายในมีร่างกายเดียวกัน แล้วก็มีพรสวรรค์เดียวกัน ดังนั้นอีกฝ่ายอเวคสกิลควบคุมสนามพลังขึ้นมา 

ยางยางของโลกภายนอกยังไม่ประสบโอกาสจะอเวค ดังนั้นได้แต่เป็นคนหลงทิศต่อไป 

แต่ว่า รอจนอีกฝ่ายคุ้นเคยกับวิธีการรับรู้ใหม่ โรคหลงทิศก็น่าจะหายขาดไปได้ 

ตัวอย่างเช่น เพื่อนร่วมชาติส่วนใหญ่ตอนนี้ได้ยินคำอย่าง “Sorry”, “Fuck” ก็สามารถเข้าใจว่ามีความหมายอะไรจากจิตใต้สำนึกแล้ว ไม่ต้องแปลเป็นภาษาจีนในสมอง 

……

……

ชิ่งเฉินกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาข้อหนึ่ง อันที่จริงยางยางก็เคยพบกันเรื่องราวความรุนแรงที่ไม่ธรรมดา อย่างเช่นสงครามโจรสลัดในมหาสมุทรอินเดีย   

เขาเชื่อว่าในขณะนั้น ยางยางที่ยังไม่เคยฆ่าคนในใจจะต้องหวาดกลัวอย่างมาก         

แต่เวลานั้น อีกฝ่ายยังไม่อเวคเลย 

นี่จะสามารถเข้าใจได้หรือไม่ว่า : กฎของโลกภายนอกกับโลกภายในไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนหน้านี้โลกภายนอกไม่เคยได้ยินว่ามีผู้อเวค, ผู้เหนือมนุษย์   

ก็เพราะกฎของโลก ดังนั้นยางยางของโลกภายนอกจึงไม่ได้อเวค ส่วนยางยางของโลกภายในกลับอเวคแต่แรกแล้ว 

เป็นไปได้มาก!

“ว้าว สมแล้วที่เป็นนักเรียนเทพ” ยางยางตื่นเต้นดีใจ “ปัญหาหลงทิศที่รบกวนฉันมาตั้งหลายปีขนาดนี้ถึงกับถูกนายอธิบายออกมาได้ งั้นไม่ใช่ว่าภายหลังโรคหลงทิศของฉันจะค่อย ๆ หายดีเหรอ”

“ตามหลักน่าจะเป็นอย่างนี้” ชิ่งเฉินพยักหน้า 

“งั้นเพื่อฉลองให้กับการค้นพบนี้ พรุ่งนี้นายทำของอร่อยเถอะนะ!” ยางยางเอ่ยอย่างมีความสุข 

“นี่มันตรรกะพิลึกอะไรกัน?!” ชิ่งเฉินตกตะลึง “เธอพูดคำพูดประเภทนี้แล้วหน้าไม่แดงจริง ๆ อะ?”

“ไม่นะ” ยางยางกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ 

ชิ่งเฉินมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะดึงผู้เหนือมนุษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้เข้าพวกแล้ว คล้ายกับว่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันนะ? 

เด็กสาวที่สามารถรับรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองผ่านสนามพลังได้ทุก ๆ ครั้งประเภทนี้ มันโหดร้ายเกินไปจริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องคิดหนทางไม่ให้อีกฝ่ายพูดออกไปถึงจะได้ 

ยางยางมองชิ่งเฉินกล่าวว่า “จะว่าไปคืนนี้ฉันค่อนข้างเหนือคาดนะ เดิมทีฉันยังสงสารอยู่บ้างที่นายฉีดยาแปลงพันธุกรรมไปแล้ว ถึงยังไงขีดจำกัดของยาแปลงพันธุกรรมมันต่ำสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูท่า นายยังมีไพ่ลับอื่น นายไม่ใช่ว่าหลังกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์จงใจฉีดยาแปลงพันธุกรรมเพื่อไม่ให้ถูกคนอื่นเทียบ DNA หรอกนะ?”

ชิ่งเฉินหันเหหัวเรื่องไปว่า “ถึงบ้านแล้ว แยกย้ายกลับบ้านเถอะ มีธุระค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

หลังกลับถึงบ้าน ชิ่งเฉินนอนแผ่บนเตียงล้วงอุปกรณ์สื่อสารออกมา ในนั้นเต็มไปด้วยข้อความของหลิวเต๋อจู้แล้ว 

“บอสครับ คุณแม่ผมพ้นจากโคม่าแล้ว หมอบอกว่าท่านแค่สมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย!”

“บอสครับ เรื่องในคืนนี้ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ขอบคุณท่านที่ให้สองคนนั้นลงมือ เวลาอย่างนี้สามารถลุกขึ้นมาช่วยเหลือ ผมหลิวเต๋อจู้จะต้องสำนึกบุญคุณไปทั้งชีวิต!”

ประโยคสิบกว่าประโยคถัดมาล้วนเป็นถ้อยคำซาบซึ้งบุญคุณคล้าย ๆ กัน ชิ่งเฉินถึงขนาดสามารถจินตนาการถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของอีกฝ่าย 

หลิวเต๋อจู้ “ขอบคุณท่านที่ถึงวันนี้ยังเต็มใจช่วยผม จริง ๆ นะครับ”

ชิ่งเฉินอ่านคำพูดซาบซึ้งบุญคุณพวกนี้ นิ่งเงียบเนิ่นนาน

อันที่จริงคืนนี้เขาลงมือต่อหน้าสาธารณะก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมาก แต่ขณะนั้นเขาเห็นหลิวเต๋อจู้แบกมารดา แล้วก็เห็นหลิวโหย่วไฉกล่อมลูกชายให้จากไป สุดท้ายยังไม่สามารถอดกลั้นได้ 

ในจิตใจส่วนลึกของชิ่งเฉินรู้สึกสะเทือนอารมณ์อยู่บ้าง คนอื่นในนิทานเรื่องเล่าล้วนเป็น พอพยัคฆาสะบัดกาย ก็สามสาบานในสวนท้อก้มศีรษะกราบกรานกันทันที ผลคือมาถึงตัวเองนี่ ชนะใจหลิวเต๋อจู้เดี่ยว ๆ คนเดียวก็ทำให้เขากินแรงมากแล้ว

แต่เขาคิดดูแล้ว นี่เป็นเพียงเพราะว่าหลิวเต๋อจู้เป็นคนจริง ๆ ไม่ได้เป็นเครื่องมือสินะ 

ชิ่งเฉินตอบข้อความกลับไปอย่างนิ่งเฉยว่า “พักผ่อนดี ๆ”

ถัดจากนั้น ข้อความของหลิวเต๋อจู้ส่งออกมาอีกว่า “บอสครับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองร้อนไปทั้งตัวเลย ตั้งแต่ที่เริ่มการต่อสู้ในพายุฝนแล้วอะ รู้สึกตลอดเลยว่าในจิตใจมีกองไฟหนึ่งกองอยากจะปล่อยออกมา แต่ถูกกฎสักอย่างกดเอาไว้ในร่างกาย ท่านรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรไหมครับ?”

ขณะนี้ชิ่งเฉินกำลังคาดเดาว่า: เกรงว่ากฎของโลกใบนี้ไม่อนุญาตให้อเวค 

ดังนั้นหลิวเต๋อจู้ไม่อาจอเวค ยางยางก็ไม่อาจอเวค! 

แต่ว่า ตนเองจะสามารถไขเปิดยีนล็อคหลังจากที่ท้าทายสำเร็จที่โลกนี้ไหมนะ? ชิ่งเฉินไม่มั่นใจ ได้แต่ลองดูถึงจะรู้ 

ชิ่งเฉินย่อมไม่สามารถพูดว่าไม่รู้ ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์อันสูงส่งลึกล้ำสุดจะหยั่งของ “บอส” ไม่พังทลายไปเลยเหรอ 

เขาใช้น้ำเสียงที่มั่นใจและสูงส่งลึกล้ำสุดจะหยั่ง พูดข้อสรุปของการคาดเดาของตนเองว่า “คุณไปถึงขอบเขตของผูู้อเวคแล้ว ถ้าคุณสามารถรักษาไฟกองนี้ในใจตัวเองไปถึงการทะลุมิติครั้งหน้าก็จะอเวคกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ที่โลกภายในโดยตรงเลย”

หลิวเต๋อจู้คิดในใจว่า บอสนี่เป็นบอสจริง ๆ สิ่งที่รู้เยอะกว่าตัวเอง   

ความปีติยินดีปะทุขึ้นในใจขึ้น ตนเองจะกลายเป็นผู้อเวคแล้วเหรอ 

“บอสครับ ผมควรทำยังไงถึงสามารถรักษาไฟกองนี้ในใจได้อะครับ” หลิวเต๋อจู้ขอคำชี้แนะอย่างถ่อมตัว 

ชิ่งเฉินใคร่ครวญชั่วขณะ “นึกย้อนถึงอารมณ์ตอนที่คุณมีไฟกองนี้ปรากฏขึ้น”

“ตอนนั้นผมเห็นคลื่นยักษ์ที่ผู้เหนือมนุษย์ซัดกวาด ในจิตใจมีความโกรธแค้นอันไม่อาจเทียบได้พลุ่งพล่านขึ้นมา” หลิวเต๋อจู้ไม่แน่ใจ 

“รักษาอารมณ์ชนิดนี้เอาไว้” ชิ่งเฉินกล่าว 

ถ้าครั้งหน้าอีกฝ่ายตอนที่ทะลุมิติกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์สำเร็จจะดีที่สุด ถ้าไม่สำเร็จ งั้นก็คือคุณรักษาไม่อยู่ 

ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนที่เคยประสบกับเหตุการณ์ประเภทนี้ 

“โอเคครับ บอสพักผ่อนแต่เนิ่น ๆ เถอะ!” หลิวเต๋อจู้ส่งข่าวจบก็ผลักประตูห้องส้วมของห้องน้ำสาธารณะโรงพยาบาลออกมาอย่างโมโหโทโส 

ถัดจากนั้น ลูกหลานล้างผลาญคนหนึ่งส่งข้อความเสียงวีแชตมาให้หลิวเต๋อจู้ว่า “พี่จู้ ได้ยินว่าบ้านพี่เกิดเรื่องอะ สรุปว่ามันยังไง?”

หลิวเต๋อจู้กดปุ่มข้อความเสียงคำรามว่า “ฉันก็ไม่รู้!”

ลูกหลานล้างผลาญที่ได้ยินเสียงล้วนอึ้งไป พี่ไม่รู้ก็ไม่รู้ดิ คำรามเพื่อ……

ยังไม่ทันที่เขาจะได้มีปฏิกิริยา หลิวเต๋อจู้ก็ส่งเสียงคำรามมาอีกอันว่า “ขอโทษ!”

ลูกหลานล้างผลาญ “???”

บอสใหญ่โมโหแล้วยังมีมารยาทขนาดนี้อีกเหรอ!? 

……………………………..

 

ตอนที่ 174 – พาฉันกลับบ้าน  

 

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท