ตอนที่ 58 ชายชราแห่งสุสาน
「ทำไมถึงมาเล่นดนตรีในสถานที่แปลกๆ แบบนี้งั้นหรือ? ฮิฮิฮิ เจ้านี่ก็ชอบถามอะไรแปลกๆ จังนะ」
ชายชราที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นบิวะของตนอยู่กลางสุสานพูดขึ้นขณะแสดงฟันสีเหลืองของเขาให้เห็น
ดวงตาของเขามีลักษณะสีขาวขุ่นมัว บางทีเขาน่าจะตาบอด
「แต่ไม่ว่าชายชราตาบอดผู้นี้จะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเลยนี่」
ชายชราพูดขึ้นโดยไม่ได้หยุดเล่นบิวะ
เสื้อผ้าของเขาเติมไปด้วยรูโหว่ที่เห็นได้ชัดเจน แขนขาก็บอบบางเหมือนต้นไม้ที่แห้งเหี่ยว
หากเขาไม่ได้เล่นบิวะอยู่ ผมก็คงจะคิดไปว่าเขาเป็นขอทานไม่ก็พวกคนเร่ร่อน
จากคำบอกเล่าของผู้ดูแลสุสานแห่งนี้ ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้จะมาเล่นเพลงที่ไม่มีใครรู้จักที่สุสานแห่งนี้มาเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วในฐานะเพลงส่งศพ
「เอาเถอะ มันก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษหรอก แต่ถ้าจะให้บอกก็คงต้องเป็นเพราะปล่อยไปไม่ได้ละทั้ง」
「ปล่อยไปไม่ได้งั้นเหรอ? 」
「สยบเทพแห่งความบ้าคลั่งด้วยเสียงดนตรีและชำระล้างวิญญาณที่ชั่วร้ายซึ่งเป็นศัตรูต่อมนุษย์มันคือหน้าที่ของข้าในการดำรงอยู่น่ะ เพราะแบบนั้นจึงเลือกมาเล่นบิวะที่แห่งนี้」
「…จะบอกว่า ที่สุสานแห่งนี้มีพวกวิญญาณร้ายอยู่งั้นเหรอ? 」
「ฮิฮิฮิ ไม่เชิงหรอก ก็แค่เพราะที่แห่งนี้ยังมีผู้คนอีกมากมายที่จากไปอย่างสงบไม่ได้ ข้าก็เลยต้องบอกหนทางสู่นิพพานให้พวกเขา เพราะหากดวงวิญญาณของพวกเขาอยู่บนโลกนี้นานเกินไปมันก็จะกลายเป็นวิญญาณร้ายได้นี่นา」
พอพูดจบชายชราก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงแหลมสูง
「ฮิฮิฮิ! แต่ด้วยการกระทำของข้าก็คงจะพิสูจน์ถึงสิ่งที่ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แถมยังดูเหมือนคนบ้าเสียอีก เฮ้อครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับคนมันเมื่อไหร่กันนะ」
ชายชราพูดต่อไปขณะเล่นบิวะอย่างชำนาญด้วยมือทั้งสองของเขา
ทักษะการเคลื่อนไหวของมือเขาช่างพลิ้วไหวไม่เข้ากับสภาพร่างกายและอายุของเขา ทำให้รู้ได้เลยว่าการฝึกฝนดังกล่าวไม่ได้ผ่านมาแค่ปีสองปีเป็นแน่
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่า ไหนจะเรื่องสยบเทพหรือชำระล้างวิญญาณ แต่อย่างน้อยเรื่องที่เขาสามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยการเล่นดนตรีน่าจะของจริง
ผมยังคงพยายามพูดคุยกับเขาเพราะตอนนี้เขาก็อยู่ใกล้กับหลุมศพของตระกูลดรากูนอท มาดูกันหน่อยซิว่าที่ผมคิดมันถูกไหม
「นี่ท่านผู้เฒ่า หากไม่ว่าอะไร มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะถามอยู่」
「โฮ่ ไหนลองว่ามาสิ」
「เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนก่อน ท่านได้ยินเสียงคนหรือวิญญาณที่ดูน่าสงสัยบ้างไหม? 」
ผมถามเขาเพื่อรวบรวมข้อมูลอาจจะเกี่ยวข้องกับคลอเดีย
จากนั้นชายชราก็เอียงศีรษะไปด้านข้างเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง
「ข้าก็จำไม่ได้เลยนะว่ามีอะไรทำนองนั้นนไหม….เดี๋ยวก่อน จะว่าไปก็เหมือนจะมีคนที่น่าสงสัยผ่านมาเหมือนกันนะ」
「ลักษณะคนคนนั้นเป็นยังไงเหรอ? 」
「ก็เป็นคนที่อยู่ตรงหน้าเจ้านี่ไง」
ชายชรายิ้มออกมา
「ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่เล่นเพลงอยู่ในสุสานนี้ หากจะให้สงสัย ข้าคิดว่าก็คงจะไม่มีใครน่าสงสัยไปกว่าข้าแล้วใช่ไหมล่ะ ฮิฮิฮิฮิ!」
หลังจากได้ยินเสียงของเขาหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง หน้าของผมก็เปลี่ยนสีไปทันที
ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังพยายามยั่วยุผมอยู่ และในระหว่างที่ผมถอดใจแล้วกำลังจะกลับไปเพราะเหมือนจะไม่ได้ข้อมูลที่สำคัญอะไร ชายชราก็-
「…ใครบางคนที่เจ้ารู้จักกำลังถูกสาปอยู่สินะ? 」
เสียงของชายชราดังเข้ามาในหูผมอีกครั้ง
ผมรู้สึกเหมือนเขาอ่านใจผมได้จนทำให้ผมต้องระวังตัวมากขึ้น
「…ทำไมถึงคิดงั้นล่ะ? 」
「เพราะอะไรเหรอ เจ้านี่ก็ถามแปลกๆ มันจะมีคนปกติที่ไหนเดินทางมาสุสานหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แถมยังมาถามเรื่องวิญญาณอีก ข้านึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคนที่ถามเรื่องพวกนี้จะมีจุดประสงค์อื่นนอกจากเรื่องของคำสาป แถมด้วยอาการและท่าทีของเจ้าซึ่งแสดงออกมาดูสงบเกินกว่าที่จะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนของเจ้า ดังนั้นข้าก็เลยมองว่าน่าจะเป็นเรื่องของคนรู้จักเฉยๆ 」
「น่าประทับใจนะเนี่ย」
「ฮิฮิฮิ เป็นเกียรติที่ได้รับคำชม เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ เดี๋ยวชายชราผู้นี้จะให้เจ้ายืมสติปัญญาหน่อยก็แล้วกัน นี่ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่ข้ามายังเมืองหลวง ยังไงชายชราเขาก็มีภูมิปัญญาแบบชายชรา แถมยังเป็นชายชราที่ตาบอดด้วยนะเออ」
「เอาเป็นว่า ไหนลองบอกคำแนะนำมาหน่อยสิ」
หลังจากที่ผมบอกชายชราผู้นั้นเกี่ยวกับเรื่องของคลอเดีย ดรากูนอทที่ถูกสาป
ก็เป็นเรื่องที่รู้กันไปทั่วอยู่แล้วว่าบุตรสาวของเขาถูกสาป แล้วทางตระกูลก็เหมือนจะพยายามหาทางออก แต่จนแล้วจดรอดก็ไม่พบหนทางที่ถูกต้อง
พอชายชราได้ยินเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา เป็นครั้งแรก
「..โอ๊ะโอ โชคชะตาช่างน่าประหลาด ที่มันทำให้เจ้าได้รู้จักกับนาง…」
「หืม ท่านรู้จักท่านคลอเดียด้วยเหรอ? 」
「จำเรื่องที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ได้ไหมล่ะ เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าพูดถึงการคุยกับคนครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันน่ะ หรือก็คือคนที่ข้าได้คุยเป็นคนสุดท้ายก่อนจะเป็นเจ้า ก็คือหญิงสาวที่ชื่อคลอเดียนั่นแหละ แถมเธอยังดูไม่ถือสาอะไรกับข้าที่สกปรกและดูยากจนอีกด้วย จากนั้นพอข้าบอกถึงหน้าที่ที่ตนทำ ในที่แห่งนี้เธอก็ไม่ได้สงสัยในการกระทำของข้าแล้วขอบคุณข้าที่ช่วยดูแลที่พักแม่ของเธอ」
ชายชราเงยหน้าขึ้นไปข้างบนราวกับกำลังจ้องมองท้องฟ้าอยู่
「ข้าน่ะเดินทางไปทั่วทุกทวีปมาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เจอกับหญิงสาวเช่นนั้น เธอช่างเป็นเด็กที่น่าประทับใจ แถมยังไม่ไล่ข้าออกไปจากที่แห่งนี้ด้วย กระทั่งสัตว์ก็ยังรู้จักบุญคุณนี่เนอะ ดังนั้นข้าก็คงจะต้องตอบแทนนางในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเสียแล้วสิ」
เสียงของบิวะที่ถูกหยุดเล่นไปได้เริ่มถูกบรรเลงเร่งจังหวะขึ้นอีกครั้ง
「ความน่ากลัวที่แท้จริงน่ะไม่ใช่พวกวิญญาณหรอก แต่เป็นมนุษย์ต่างหาก หากเจ้าต้องการปลดเปลื้องคำสาปของหญิงสาว เจ้าก็ควรจะมุ่งสนใจไปที่มนุษย์หาใช่วิญญาณ」
「ท่านจะบอกว่า ฉันไม่ควรมองไปที่คำสาปของเธอ แต่ให้มองหาว่าใครคือผู้สาปเธอแทนงั้นเหรอ? 」
「ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ เมื่อมีผู้คนมารวมตัวกัน เงามืดก็ย่อมเกินขึ้น ความริษยาความเกลียดชังก็จะเกิดจากเงามืดนั้น ไม่มีจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมเพียงใด ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากเงามืดนั้นได้ มันไม่สำคัญหรอกว่าคนผู้นั้นจะเป็นเพื่อนสนิทหรือญาติพี่น้องของเธอเพราะไม่ว่าที่ใดก็ย่อมมีเงาอยู่」
「…อย่าบอกนะว่าคนที่สาปท่านคลอเดียอยู่ก็คือคนสนิทของเธอน่ะ? 」
「ฮิฮิฮิ เจ้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้งั้นหรือ? นี่แหละคือมนุษย์ เจ้าก็คงเคยได้ยินถึงเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับ พ่อแม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่อยู่ทุกหนแห่งนี่ ยิ่งเป็นตระกูลยิ่งใหญ่อย่างดรากูนอทแล้ว ความมืดมิดที่ซ่อนอยู่ภายในตระกูลนั้นน่ะก็ย่อมยิ่งใหญ่ตามไปด้วยเป็นแน่」
「หืม……」
「นี่อาจจะเป็นแค่ความคิดที่แสนโง่เขลาของข้าเองก็ได้ แต่ดยุกดรากูนอทก็มีบุตรสาวถึงสองคน คนโตมีนามว่าแอสทริด คนเล็กมีนามว่าคลอเดีย คนโตนั้นก็คงจะต้องรับหน้าที่สืบทอดตระกูลต่อไป ในขณะที่คนเล็กจำเป็นต้องแต่งกับมกุฎราชกุมารและขึ้นเป็นราชินีในอนาคต ดังนั้นหากนึกถึงเรื่องการสืบทอดภายในตระกูลแล้ว ลูกสาวคนเล็กจะมีอยู่หรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่หากคลอเดียต้องกลายเป็นว่าที่ราชินีในอนาคต มันก็จะหมายความว่าพี่สาวของเธอก็จะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของน้องสาวตนแทน เจ้าคิดว่าเงามืดตรงนี้มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันเล่า? 」
「….ที่ท่านพูดมาก็คือพี่สาวของนางคือผู้ที่สาปนางเองงั้นสินะ」
「เนื่องจากเธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกันมากที่สุดนี่ เธอจึงสามารถเป็นผู้ที่สาปแช่งน้องสาวตนได้ง่ายกว่าใคร เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมอาการเจ็บปวดของเธอถึงเกิดขึ้นมาได้ง่ายดายเช่นนี้ นอกจากนี้ข้ายังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่ามีคำสาปที่กระทั่งโพชั่นหรือปาฏิหาริย์ไม่สามารถรักษาได้มาก่อน หากคิดถึงหลักเหตุและผลแล้วข้ามองว่าหญิงสาวน่าจะถูกสาปจากความมืดมิดที่อยู่ในตัวของพี่สาวเธอนั่นแหละ」
ชายชราพูดถึงข้อสงสัยของเขาขณะเล่นบิวะ
หลังจากที่ผมได้ยินข้อสงสัยของเขาผมก็พยักหน้า
รู้สึกเหมือนได้รับคำแนะนำที่ดีเกินคาดเลยแฮะ ทั้งที่การเดินทางมายังสุสานในรอบนี้คิดว่าจะลองมาตรวจสอบอะไรเผื่อไว้เฉยๆ แท้ๆ
———
Note 1 : ตาแก่นี่น่าสงสัยอยู่ดี จนคิดว่าแกปั่นหรือเปล่า
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code