การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 79 สิ่งที่กัดกิน

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 79 สิ่งที่กัดกิน

 

「อ๊ะ…คุณโซระ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ」

 

 

ตอนที่ผมได้เจอกับนักบวชซาร่านี่ก็ผ่านมาประมาณเดือนกว่าๆ แล้ว ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวมาก จากความเหนื่อยล้าและความไม่สบายใจ

 

ุถึงตอนนี้เธอจะยังยิ้มให้ผมตอนที่เจอกันแต่ลึกๆ เธอต้องรู้สึกเจ็บปวดมากแน่ๆ เดาจากอาการของเจ้าเด็กพวกนั้นก็น่าจะชัดแล้ว สงสัยว่าอิเรียจะเจอของแข็งเข้าจริงๆ

 

 

นักบวชซาร่าอธิบายสถานการณ์ให้ผมฟังด้วยท่าทางที่เศร้าสร้อย

 

 

「ถึงยารักษากับเวทมนตร์จะได้ผลในช่วงแรก แต่ไม่นานอาการก็กลับมาค่ะ นอกจากนี้พอเราพยายามใช้ยารักษากับเวทมนตร์ก่อนหน้านี้ผลมันก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ด้วยจนท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้ผลอีกแล้ว」

 

 

เธอพูดออกมาถึงการพัฒนาความรุนแรงของอาการผู้ป่วย

 

ตอนที่ผมมาหมู่บ้านนี้ครั้งก่อน ผมไม่ได้ทิ้งยารักษาที่สหภาพทำไว้แต่อย่างน้อยก็มีผลจิไรอาโอคุสเอาไว้ให้นะ หากเป็นตามที่นักบวชซาร่าบอกก็แปลว่ามันไม่ได้ผลเหมือนกัน

 

นี่คือพิษที่เกิดจากปรากฏการณ์ของไฮดราแน่นอน พอผมรู้แบบนี้ก็คิดว่าจะลองบอกเธอถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงสองสามวันมานี้――แต่แล้วผมก็ดันรู้สึกลังเล

 

ผมไม่มีความกล้าพอที่จะบอกเธอว่าลูกสาวของเธอติดพิษที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้

 

 

หากผมทำแบบนั้นมันก็เหมือนกับหมอที่ต้องบอกไปครอบครัวของผู้ป่วยว่า ลูกสาวของพวกเขาไม่มีทางรอดแล้ว แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ผมก็ดันไม่ใช่หมอ ความรู้หรือคุณสมบัติที่จะเป็นหมอก็ไม่มี นอกจากนี้เรื่องที่บอกว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้ก็เป็นแค่การคาดเดาของผม

 

 

สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับนักต้มตุ๋น

 

 

 

หากอยู่ดีๆ มีคนมาบอกว่า พิษที่ได้รับอาจจะไม่มีทางรักษาก็ได้นะ ใครมันจะไปอยากเชื่อโดยไม่มีหลักฐานกัน นอกจากนี้อาจจะต่อว่าว่าพูดอะไรไร้สาระด้วยซ้ำ

 

ถ้าผมเป็นนักบวชซาร่าผมก็คงจะตะโกนด่าไอ้คนที่มาบอกแบบนั้นแน่ ไม่สิจะต่อยแถมให้อีกสักหมัดด้วยซ้ำ

 

ดังนั้นผมคงต้องเก็บเรื่องนี้ให้เงียบเอาไว้ก่อน แล้วลองพยายามใช้ยารักษา (เวอร์ชันปรับปรุง) ที่มิโรสลาฟพยายามสร้างขึ้นมาอย่างสุดตัว

 

 

แต่ตรงจุดนี้ก็ดันมีปัญหาเหมือนกันนี่สิ

 

 

 

มิโรสลาฟบอกว่าเลือดของผมมันก็เหมือนกับยาแรง ผมจะเอายานี้ไปรักษาอิเรียโดยไม่อธิบายที่มาที่ไปให้ชัดเจนก็ไม่ได้อีก หากใช้ไปอย่างเลวร้ายสุดเธออาจจะตายเพราะร่างกายที่อ่อนแอของเธอไม่สามารถรับพลังของยาได้

 

 

แล้วถ้าผมไปอธิบายที่มาของมาจนหมดเปลือกให้กับนักบวชซาร่า ผมก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอธิบายถึงเรื่องพิษที่ไม่มีทางรักษาได้ด้วยวิธีทั่วไปด้วย สุดท้ายก็จะลามไปถึงเรื่องความลับของตัวผม

 

 

เรื่องทั้งสองที่ผมว่ามา ถึงจะเป็นเธอก็คงเชื่อไม่ค่อยลงหรอก

 

 

ในช่วงวิกฤติแบบนี้ทำไมถึงยังมาพูดอะไรไร้สาระแบบนี้อีกกัน――ผมนึกหน้านักบวชซาร่าที่แสดงความไม่พอใจออกมาได้ชัดเลย ให้ตายสิแค่คิดยังเจ็บปวดได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

 

 

 

「…คุณโซระ เป็นอะไรไปเหรอคะ? 」

 

 

 

「เอ่อ..?! ทะ-ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะครับ…? 」

 

 

「ก็คุณทำสีหน้าเหมือนทรมารเลยนี่…อ้อจริงสิ ฉันยังไม่ได้ถามถึงเรื่องเหตุผลที่คุณมาเยี่ยมเยือนพวกเราในครั้งนี้เลยนะคะ หากมีอะไรที่ต้องการก็สามารถบอกมาได้เลยค่ะ」

 

 

พอเธอพูดแบบนั้นจบก็เกาแก้มที่ซูบผอมของเธอ บางทีเธออาจจะพอรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้บ้างแล้ว

 

「เอ่อ..คือคุณอาจจะคิดว่าฉันดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่ในอดีตฉันก็เป็นนักบวชสายบู้เหมือนกับอิเรีย เห็นแบบนี้ฉันก็แข็งแกร่งพอตัวเลยนะคะ!」

 

 

จากนั้นนักบวชซาร่าก็ทำท่าเหมือนเบ่งกล้ามให้ผมดู

 

 

 

――พอเห็นแบบนั้นผมก็แทบจะคุกเข่าตรงหน้าเธอเลย

 

ขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ส่งนักบวชสาวผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งพร้อมมอบความรักให้กับผู้อื่นคนนี้มาบนโลกใบนี้ ถึงแม้ลูกสาวของเธอจะยังเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วยอยู่ก็ตาม

 

 

 

แต่ผมซึ่งเป็นคนที่พยายามปิดบังข้อมูลสำคัญเพียงเพราะไม่อยากจะถูกเธอดุและต่อว่า…ตอนนี้สภาพของผมช่างไม่ต่างจากก็อบลินที่ต่ำต้อยเลยจริงๆ

 

สิ่งที่ผมต้องทำก็มีเพียงแค่รักษาอิเรีย แล้วทำไมถึงต้องมาลังเลอีกล่ะ

 

 

ก็จริงว่าเรื่องไฮดราเป็นเพียงการคาดเดาที่ไม่มีข้อพิสูจน์ แต่สิ่งที่พูดไปก็ไม่ได้ดีเจตนามุ่งร้ายต่อนักบวชซาร่า นอกจากนี้นักบวชซาร่าผู้ยืนอยู่ตรงหน้าผมก็ไม่มีทางจะคิดร้ายแบบนั้นแน่

 

 

 

「คือว่าอันที่จริง――」

 

 

ผมรวบรวมความกล้าและอธิบายนักบวชซาร่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยละเอียด

 

 

เธอฟังผมด้วยสีหน้าที่จริงจังตลอดการสนทนา

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

หลังจากนั้นผมก็ถูกพาไปยังห้องพักผู้ป่วยและเจอกับอิเรียตามลำพัง

 

 

ดูเหมือนเธอมีอะไรอยากจะพูดกับผมสองต่อสองหลังจากได้ฟังเรื่องที่แม่ของเธอมาเล่า จากนั้นนักบวชซาร่าก็ออกจากห้องนี้ไป

 

 

แล้วอิเรียก็พยายามลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง

 

 

สายตาของเธอไม่ได้มองมาที่ผม แต่เป็นนอกหน้าต่าง จากมุมของผมจึงทำให้ผมเห็นเพียงแค่ใบหน้าครึ่งซ้ายของเธอ ในขณะที่เธออยู่ในท่านั้นเธอก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 

 

 

 

「แล้ว ครั้งนี้นายอยากจะทำอะไรกันแน่? 」

 

 

 

「บอกตามตรงก็ไม่รู้จะตอบเธอยังไงดีเหมือนกัน」

 

 

ผมจึงได้แค่เพียงยักไหล่ให้กับเธอ

 

 

พูดกันตามตรงว่า รู้สึกเหมือนเอาหินออกจากบ่าไปเลยแฮะ

 

 

เพราะก่อนที่ผมจะเข้ามาในห้องนี้ ความคิดในหัวของผมคือภาพที่อิเรียจะมีสภาพเหมือนกับผู้ป่วยที่ผมเห็นในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ แต่พอผมได้เห็นเธอ ทั้งท่าทางและน้ำเสียงไม่ได้ต่างจากอิเรียที่ผมรู้สึก คำพูดแรกที่เธอพูดกับผมนั้นมันทำให้ผมสบายใจเป็นอย่างมากอีกทั้งยังช่วยทำลายภาพลวงตาที่หลอกหลอนผมในคราวก่อนไปจนหมด

 

 

 

อิเรียคงไม่มีทางรู้หรอกว่าผมคิดอะไรอยู่ในใจ จากนั้นเธอก็กล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ต่อ

 

 

 

「นายก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันอยากจะบอกอะไร นายจะพยายามมาช่วยฉันทำไมในเมื่อนายเกลียดฉันขนาดนั้น ถึงจะรู้ว่านายคงจะไม่ออกไปฉลองกับการตายของฉันแต่อย่างน้อยถ้าฉันตายไปนายก็คงไม่รู้สึกเสียใจอะไรนี่」

 

 

 

「ประเมินกันได้โหดร้ายจังเลยนะ เอาเถอะก็ไม่คิดปฏิเสธหรอก」

 

 

 

「หึ ถ้างั้นแล้วทำไมกันล่ะ? 」

 

 

「Iว่ากันตามตรงตอนนี้มันก็มาหลายๆ อารมณ์อยู่ล่ะนะ แต่นักบวชซาร่ากับพวกเด็กๆ คงเสียใจแย่ถ้าเธอตายไป และฉันก็ไม่อยากเห็นพวกเขาเสียใจด้วย」

 

 

 

「……หาาา」

 

 

แม้ว่าเธอจะยังจ้องมองไปยังวิวนอกหน้าต่าง แต่อิเรียก็แสดงท่าทางเหมือนอยากจะเย้ยเหตุผลที่ผมบอก แน่นอนว่าเธอไม่คิดจะเชื่อมันแน่ๆ

 

 

จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง โดยเปลี่ยนประเด็นไปจุดอื่นแทน

 

 

「จริงสิฉันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากราสแล้วนะ สรุปคือมิโรเข้าร่วมแคลนของนายแล้วสินะ? 」

 

 

 

「อื้อ ก็ตามนั้น」

 

「สรุปเป็นเธอจริงๆ สินะ หึ ถึงนายจะช่วยเธอมาได้จากเขาสกิมก็เถอะ ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นคนที่ซื่อตรงกับราสแท้ๆ แต่ดันไปเข้าแคลนกับนายได้ ทั้งเรื่องที่ยุยงให้ราสสู้กับนาย ทั้งเรื่องที่พยายามปั่นหัวราสและกีดกันไม่ให้ฉันเข้าใกล้ได้ก็ดี….」

 

 

 

「……นี่เธออยากจะบอกอะไรกันแน่? 」

 

「ฉันก็คิดมาหลายรอบตั้งแต่ออกมาจากเมืองอิชกะแล้ว พอดูจากผลลัพธ์การกระทำทุกอย่างที่มิโรทำ สุดท้ายแล้วก็เป็นนายที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด เธอกับลูน่าก็ออกไปแล้ว ราสก็กลับมาเชื่องสนิท ดูเหมือนดาบฮายาบูสะจะล่มสลายไปตามแผนที่ใครบางคนวางเอาไว้แล้วนะ คิดว่าที่ฉันพูดมาทั้งหมดฉันคิดมากไปเองไหมล่ะ? 」

 

 

 

「ถึงเธอถามฉันไป ฉันก็ไม่มีคำตอบเรื่องนี้ให้กับเธอหรอกนะ」

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังตอบกลับไปอย่างใจเย็นให้มากที่สุด ผมก็ต้องข่มความรู้สึกตึงเครียดภายในใจไปด้วย ดูท่าอิเรียจะสังเกตเห็นความสัมพันของผมกับมิโรสลาฟเข้าจริงๆ แล้ว

 

 

แน่นอนว่าเธอคงรู้ตัวเหมือนกันว่าตนเป็นหนึ่งในเป้าหมายของผม

 

 

นอกจากนี้เธอก็ยังแสดงความสงสัยต่อไปอีก

 

 

 

「ชักเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วสิว่าพิษพวกนี้อาจจะเป็นฝีมือของใครบางคนด้วยไหม」

 

 

ทำเอาผมเผลอขมวดคิ้วเลยแฮะ

 

 

ก็คงช่วยไม่ได้หรอกเนอะถ้าผมจะถูกสงสัยในเรื่องตอนนี้ คนที่หลอกล่อราสและเอาตัวลูนามาเรียกับมิโรสลาฟไปจากเขา แถมยังเกือบจะทำลายปาร์ตี้ของเขาได้จนสิ้นซาก ไม่นานนักอิเรียซึ่งเป็นสมาชิกปาร์ตี้คนสุดท้ายก็ดันมาติดพิษที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนอีก แล้วก็ดันบังเอิญสุดๆ ที่ผมมียารักษาอาการของพิษตัวนี้ ไม่ว่าจะโง่สักแค่ไหนก็น่าจะพอรู้สึกได้ถึงความบังเอิญที่แปลกประหลาดนี้ หากผมเป็นอิเรีย ผมก็คงจะสงสัยไม่ต่างจากเธอหรอก

 

 

 

แต่แค่เรื่องนี้ที่ไม่เป็นความจริง ผมปฏิเสธของด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

 

 

 

 

「ไม่ใช่ฝีมือฉันหรอก แล้วเรื่องที่ฉันบอกว่าไม่อยากให้พวกเด็กๆ กับนักบวชผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นเสียใจก็เรื่องจริงนะ」

 

 

ผมคิดว่าเธอจะทำท่าเหมือนเยาะเย้ยฉันอีกรอบ แต่คราวนี้ดันตรงข้ามซะงั้น เพราะเธอทำแค่เพียงพยักหน้าให้

 

 

 

 

「ฉันก็ว่างั้น」

 

 

 

「……เดี๋ยวหมายความว่าไง? 」

 

 

 

ผมรู้สึกตกใจมากที่อยู่ดีๆ เธอก็ยอมรับมันได้โดยง่ายซะงั้น

 

 

 

แล้วอิเรียก็ยักไหล่ตัวเองอย่างเหนื่อยล้า

 

 

「ฉันรู้อยู่แล้วว่า พิษที่ขนาดแม่ของฉันยังจัดการไม่ได้ มันไม่ได้สร้างขึ้นโดยง่ายหรอก นอกจากนี้การที่เคลพีไปโจมตีพวกเด็กๆ โดยหวังจะล่อให้ฉันออกไป มันก็ดูมีองค์ประกอบที่คาดเดาไม่ได้อยู่เยอะเกินไป หากนายอยากจะใช้แผนแบบนี้ฉันว่า นายคงคิดได้ดีกว่านี้เยอะ」

 

 

 

เพราะงั้นเธอก็เลยรู้ว่าเรื่องคราวนี้มันไม่เกี่ยวกับผมแน่ๆ

 

 

 

ดังนั้นเหตุผลที่เธอแสดงท่าทางสงสัยผมออกมาในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วก็คือ――

 

 

 

「ก็แค่อยากจะลองแกล้งนายดูนิดหน่อย นายน่ะ…ไม่สิพวกนายก็เล่นฉันไว้ซะเยอะเลยนี่ ขอเอาคืนสักหน่อยคงไม่ว่าอะไรกันนะ? 」

 

 

 

「ฉันไม่ขอออกความเห็นแล้วกัน」

 

 

 

「ก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบจากนายอยู่แล้วย่ะ」

 

 

 

พอพูดจบอิเรียก็ถอนหายใจออกมา

 

 

ผมชักเริ่มสงสัยในท่าทีและการกระทำของเธอแล้วสิ ทั้งที่เธอควรจะโกรธหลังจากรู้ความจริงทั้งหมดและกล่าวโทษผมอย่างหนักแท้ๆ

 

ถึงตอนนี้เธอจะไม่สบายเพราะพิษที่ได้รับ แต่อย่างน้อยเธอก็น่าจะลองพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ตนจะทำได้ก่อนที่พิษจะออกฤทธิ์มากกว่านี้สิ เช่นบอกกับราสและนักบวชซาร่าเรื่องที่ผมพยายามจะทำ หากเป็นเรื่องแค่นี้เธอย่อมทำได้โดยง่ายอยู่แล้ว เพราะขนาดตอนนี้เธอยังมีแรงคุยกับผมเลยนี่

 

 

พอผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เธอก็ตอบกลับผมมาตามตรงอย่างง่ายๆ

 

 

 

「 แล้วถ้าฉันบอกเรื่องพวกนี้ไปมันจะเกิดประโยชน์อะไรล่ะ? 」

 

 

 

「…เธอก็จะได้โต้กลับไง」

 

 

「เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันไม่มีหลักฐานอะไรเลยนะ ถึงฉันจะบอกว่านายแย่ขนาดไหนแต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็เปล่าประโยชน์ ถึงฉันจะสามารถใช้อิทธิพลของปาร์ตี้และหลักฐานแวดล้อมเพื่อกดดันนายในอดีตได้ แต่กับนายตอนนี้น่ะไม่ไหวหรอก นอกจากนั้นหากนายเกิดจนมุมขึ้นมา ก็คงสามารถฆ่าพวกฉันได้ทั้งหมดสบายๆ เลยนี่ น่ากลัวออก」

 

 

 

คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูนามาเรีย

 

 

ลูนามาเรียยอมรับการเป็นทาสของผมถึงจะรู้อยู่แล้วว่าผมกับมิโรสลาฟมีความเกี่ยวข้องกัน แต่เธอก็รู้ดีว่าหากเธอปฏิเสธไปสุดท้ายเธอก็จะทำให้ผมไม่มีทางเลือกและหาวิธีการที่รุนแรงขึ้น ดังนั้นเธอจึงยอมตกเป็นของผมแต่โดยดี

 

 

 

สำหรับอิเรียตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากลูนามาเรียตอนนั้น ถึงอิเรียจะไม่รู้ว่าผมมีโซลอีทเตอร์เหมือนลูนามาเรีย แต่เธอก็คงสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเหมือนกับลูนามาเรีย ยิ่งเธอรู้ว่าในอดีตผมเป็นคนแบบไหนมีพลังเท่าไหร่ ตัวตนของผมในตอนนี้ก็ยิ่งผิดปกติไปมากเท่านั้น

 

 

สุดท้ายก็เลยกลายเป็นความกลัว จนทำให้เธอไม่คิดจะตอบโต้อะไรผมอีกแล้ว

 

 

ระหว่างที่ผมคิดอยู่ อิเรียก็มีอาการไอออกมากะทันหัน

 

 

ถึงตอนแรกจะยังเป็นการไอเบาๆ แต่พอเธอยิ่งไอไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มหนักขึ้นและไม่มีท่าทีจะหยุดลง

 

 

 

เธอเริ่มงอตัวด้วยความเจ็บปวด ผมพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือเธอ แต่แล้วผมก็หยุดมือเอาไว้ ทางเธอเองก็คงไม่อยากจะให้ผมจับเธอเหมือนกัน

 

 

ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดก็คงเป็นการเรียกนักบวชซาร่ามา แล้วผมก็ออกจากห้องไป

 

 

แต่ระหว่างที่จะออกไป เสียงไอของอิเรียก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม พอผมหันไปดูก็พบว่ามีของเหลวสีแดงติดอยู่บนมือและปากของเธอ

 

 

นอกจากนี้ ผมรู้สึกเหมือนว่าร่างกายท่อนบนของเธอเริ่มมีลักษณะบิดเบี้ยว จนทำให้เธอล้มลงไป พอเห็นแบบนี้ผมก็คงจะปล่อยเธอไปไม่ได้แล้วสิ จึงได้แต่วิ่งกลับไปหาเธอ

 

พอเธอเห็นว่าผมวิ่งเข้ามาใกล้เธอ เธอก็มองมาที่ใบหน้าของผมด้วยอาการตื่นตระหนก

 

 

 

 

――ในวินาทีนั้นมันทำให้ผมอึ้งไปพักหนึ่งแล้ว

 

 

เพราะใบหน้าซีกขวาที่หันไปมองทางหน้าต่างตลอดเวลา จากตำแหน่งของผมนั้นย่อมเห็นเพียงแค่ส่วนซ้าย แต่พอเธอหันมามองผมทั้งใบหน้า นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นใบหน้าซีกขวาของเธอ

 

 

 

ผมไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายลักษณะใบหน้าของเธอในตอนนี้ยังไงดี

 

 

ใบหน้าซีกขวาของเธอ….มันเละไปหมดแล้ว

 

 

ใบหน้าซักซ้ายของเธอยังคงเป็นอิเรียที่ โครงหน้าคม สวยงามและได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี

 

 

แต่ซีกขวากลับเป็นเหมือนคนละคน ผิวตรงแก้มของเธอเหี่ยวย่น เนื้อช่วงบริเวณตาและคิ้วก็โป่งพองออกมา โดยมันทำลายองค์ประกอบที่งดงามบนใบหน้าของเธอไปเสียหมด

 

 

สภาพของเธอมันเหมือนกับผู้ป่วยที่ผมเจอในหมู่บ้านก่อนหน้านี้

 

———

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท