การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 88 สองพี่น้องปะทะดาบควันโลหิต (บทปลาย)

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 88 สองพี่น้องปะทะดาบควันโลหิต (บทปลาย)

 

มันเป็นเปลวเพลิงสีขาว

 

เปลวเพลิงดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากร่างของมิโรสลาฟซึ่งมันพร้อมจะกลืนกินไคลอาเข้าไปทั้งตัว

 

ด้วยผลกระทบดังกล่าว ทำให้บาเรียคิที่ปกคลุมร่างของไคลอาถูกหลอมละลายลงพร้อมเสียงที่แตกกระจายของมัน

 

 

เมื่อผู้ใช้วิชามายาดาบเดียวแข็งแกร่งมากพอ พลังคิที่เอ่อล้นอยู่ภายในร่างกายก็จะแผ่ออกมาภายนอกจนสร้างเป็นบาเรียคิขึ้นมาปกคลุมร่างผู้ใช้เอาไว้

 

 

และเพราะบาเรียดังกล่าวนั้นจะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อเวลาของผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณสูงพอเท่านั้น บาเรียดังกล่าวจึงไม่ใช่ของที่จะทำลายได้โดยง่าย

 

 

 

ด้วยเหตุนี้เอง หากเป็นจอมเวทนอกเกาะที่สามารถใช้เวทที่แท้จริงได้เพียง ระดับ 5 ย่อมไม่มีทางทำลายมันลงได้

 

 

ก็หมายความว่าการที่บาเรียมันถูกหลอมละลายลงได้ เปลวเพลิงสีขาวที่มิโรสลาฟใช้ย่อมเป็นเวทที่แท้จริงระดับ 6 หรือสูงกว่าเท่านั้น

 

 

 

「…?!」

 

 

ผิวหนังของไคลอาถูกแผดเผาด้วยอุณหภูมิสูงมากหลังจากเห็นแสงสีขาวเข้ามากระทบกับดวงตา เธอไม่รอช้ารีบกระโดดถอยออกมาในทันที

 

 

ทว่า ผลกระทบของเปลวเพลิงนั้นก็ใช่ว่าจะหมดไปเพราะระยะของมันไม่ใช่สิ่งที่จะหนีพ้นได้จากการกระโดดถอยไปเพียงก้าวเดียว

 

 

พอเธอรู้สึกตัว เธอก็เริ่มกระโดดถอยไปเรื่อยๆ จนหลุดพ้นระยะของเวทในที่สุด จากที่เธอนับก็ประมาณ 5 ก้าวได้

 

 

 

 

「………นี่เธอเสียสติไปแล้วหรือไงกัน? 」

 

 

 

ไคลอาถามด้วยความสงสัยกับการกระทำของมิโรสลาฟ

 

 

 

บนร่างกายของเธอจะมีจุดสีดำปะปนอยู่บนผิวที่ขาวราวกับหิมะ ผิวหนังของเธอก็ถูกเปลวเพลิงดังกล่าวเผาไหม้อย่างเจ็บปวด

 

 

 

เสื้อผ้าที่เธอเสริมพลังในการป้องกันเวทไฟเอาไว้ ก็เกิดกลิ่นไหม้ขึ้นในอากาศ เห็นได้ชัดเลยว่าเวทที่มิโรสลาฟใช้อยู่นั้นมันทำลายการป้องกันของไคลอาได้จริงๆ

 

 

 

ทว่าสุดท้ายมันก็ไม่ใช่บาดแผลที่ทำให้เกิดความได้เปรียบอะไรเลย――

 

 

 

「เลือกที่จะระเบิดมานาในร่างของตัวเองออกมาแบบนั้น….นี่เธอคิดจะฆ่าตัวตายเหรอ? 」

 

 

 

สิ่งที่มิโรสลาฟใช้เมื่อครู่นี้ก็คือเทคนิคในการปลดปล่อยมานาที่สะสมเอาไว้ภายในร่างออกมา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำยากอะไรนัก ลักษณะของมันก็ไม่ได้ต่างกับการที่คลิมระเบิดพลังคิเพื่อใช้จัดการสปิริตดินของลูนามาเรียเมื่อครู่

 

 

ทว่า ความแตกต่างของมันอยู่ที่ระดับการปรับพลังให้เหมาะสม คลิมใช้มันออกมาโดยมั่นใจแล้วว่าตนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรไปด้วยจากการกระทำดังกล่าว เขาใช้มันในปริมาณที่คิดว่าเพียงพอต่อการปลดพันธนาการสปิริตดินเท่านั้น

 

 

 

แต่ทางมิโรสลาฟกลับไม่ได้สนใจที่จะปรับแต่งระดับพลังให้เหมาะสมเลยสักนิด เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่าจากการกระทำนี้ เพราะนั่นอาจจะทำให้เธอหมดสภาพไปเลยก็ได้ นอกจากนี้เธอยังได้ฝืนใช้หินเวทเพื่อเป็นตัวเร่งการระเบิดมานาอีกด้วย

 

 

 

แทนที่จะเรียกว่า 『ปลดปล่อยเวทมนตร์』 ควรจะบอกว่าเป็น 『ระเบิดมานาเกินพิกัด 』จะเหมาะสมกว่า ――นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ไคลอาถามมิโรสลาฟว่าตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรืออย่างไรกัน

 

 

 

「…ก็เพราะ…คิดมาดีแล้วน่ะสิ…ถ้าไม่ทำถึงขนาดนั้น…จะโค่นคู่ต่อสู้ระดับเธอได้ยังไงกัน」

 

 

 

ลักษณะการพูดของมิโรสลาฟดูขาดตอนไปมากทำให้รู้ถึงสภาพของเธอว่าแย่ขนาดไหนเมื่อเทียบกับไคลอา

 

 

เสื้อผ้าของเธอถูกเผาไม้จนไม่เหลือร่องรอยเดิม ผิวหนังของเธอก็ถูกเปลวเพลิงกลืนกินไปจนกลายเป็นสีแดง ไม่ก็ขาวในบางจุด อาการของเธอเรียกได้ว่าสาหัสสุดๆ

 

 

เส้นผมสีแดงของเธอก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นสีดำ ไม่เหลือร่องรอยของจอมเวทผมแดงที่ใช้เวทใส่ไคลอาก่อนหน้านี้เลย

 

 

 

มันคือทางเลือกสุดท้ายที่แสนสิ้นคิด ใช้มานาของตัวเองกับหินเวทเพื่อเร่งการระเบิดพลังออกมาจนไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง

 

 

แต่ถึงเธอจะพยายามมากขนาดนี้ สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงแค่สร้างบาดแผลไฟไหม้เล็กน้อยบนร่างของไคลอา

 

 

ก็จริงว่าการกระทำทั้งหมดนี้เพื่อซื้อเวลาให้ชีลกับซูซูเมะ แต่ดูท่ามันจะยังไม่พอให้พวกเธอหนีพ้นแน่ ศัตรูคงจะจัดการกับเธอก่อนจะตามพวกนั้นเข้าไปข้างใน

 

ถึงมาสเตอร์ของเธอจะเป็นคนฝากฝังให้เธอคอยดูแลบ้านแห่งนี้แทนเขา แต่สุดท้ายเธอก็ต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช

 

 

นอกจากนี้เธอก็ยังไม่สามารถทำยารักษาได้สำเร็จเลย

 

 

 

 

「…ขอโทษนะคะ มาสเตอร์…」

 

 

 

เธอขอโทษมาสเตอร์ของเธอที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนนี้ สุดท้ายเธอก็คงต้องตายลงไปโดยที่ยังไม่ได้ชดใช้บาปของตนและแสดงความภักดีต่อเขามากกว่านี้

 

 

จากนั้นไคลอาก็เหมือนจะเข้ามาพูดอะไรบางอย่างกับมิโรสลาฟ ทว่า

 

 

 

 

「――ท่านพี่!」

 

คลิมวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก เขาคงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่สัมผัสได้ว่าเกิดการระเบิดมานาขึ้นแถมนั่นไม่ใช่ฝีมือของพี่สาวเขาด้วย

 

 

 

พอคลิมเข้ามาถึงก็เห็นสภาพที่เกิดขึ้นและเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

 

 

 

「แก! นี่แกทำร้ายพี่สาวของฉันถึงขนาดนี้!!!」

 

 

คลิมรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากขณะที่จ้องมองไปยังมิโรสลาฟที่หมดสภาพไปแล้ว เขาไม่รอช้าที่จะลงทัณฑ์คนผู้นั้น

 

 

 

 

 

「เสริมแกร่ง อาภรณ์วิญญาณ――」

 

 

 

เขารู้ดีว่าถึงจะปล่อยไว้แบบนี้ เดี๋ยวมิโรสลาฟก็คงจะตายไปเอง เขารู้ดีอยู่แล้ว

 

 

บาดแผลไฟไหม้แค่นี้ หากพี่สาวเขารักษาตัวสักพักเดี๋ยวมันก็หายดี เขาเข้าใจดี

 

ทว่า

 

 

เขาไม่ได้สนใจเรื่องอะไรแบบนั้นเลย เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าบาดแผลมันจะเล็กหรือใหญ่

 

 

 

สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงแค่ฆ่าคนที่มันบังอาจทำร้ายพี่สาวของเขาด้วยมือตัวเอง ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นมนุษย์ มอนสเตอร์ หรือเทพปีศาจ

 

 

นั่นคือคำสาบานที่คลิมเคยให้ไว้กับตัวเอง

 

 

ใบดาบสีแดงฉานปรากฏขึ้นมาบนมือของคลิม จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยเจตนาที่ต้องการจะฆ่าศัตรู

 

 

 

 

「――จงแผดเผา คุริคาระ!」

 

 

 

ในวินาทีนั้นเอง มันก็ได้เกิดเปลวไฟพุ่งขึ้นไปบนเหนือฟ้าของเมืองอิชกะ

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

「คลิม หยุดเดี๋ยวนี้!」

 

 

ไคลอาตะโกนออกมาเพื่อหยุดน้องชายของเธอที่กำลังแสดงอาภรณ์วิญญาณออกมาให้คนอื่นเห็น

 

ทว่าเสียงของเธอก็ส่งไปไม่ถึงหูของเขาที่กำลังคลั่งเพราะเห็นพี่สาวตนบาดเจ็บ

 

พอตระหนักได้แบบนี้ ไคลอาก็ยืนมือขวาออกมา

 

 

 

อาภรณ์วิญญาณของคลิมจะสร้างเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ซึ่งมีความสามารถในการทำลายล้างสูง ไม่ใช่แค่มิโรสลาฟที่อยู่ตรงหน้า แต่ทั้งมนุษย์สัตว์และคิจินที่อยู่ข้างในก็คงจะถูกเผาจนเหลือแค่เถ้า

 

 

 

นอกจากนี้คฤหาสน์ของโซระ บ้านเรือนที่อยู่ติดกันนับจากนี้ไปก็คงได้รับผลกระทบด้วย สุดท้ายมันอาจจะทำลายเมืองอิชกะไปหมดเลยก็ได้

 

ถึงจะทำไปเพื่อการสังหารคิจิน แต่พวกเขาก็ไม่ควรจะทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้ข้างหลังมากมายขนาดนี้

 

「เสริมพลัง อาภรณ์วิญญาณ――」

 

 

อาภรณ์วิญญาณของไคลอาปรากฏขึ้นมาบนมือของเธอ

 

 

 

จากที่เห็นทำให้ทราบว่าอาภรณ์วิญญาณของคลิมนั้นเป็นดาบสีแดงฉาน ส่วนทางไคลอาเป็นดาบยาวสีหยก

 

 

ไคลอากำดาบมรกตของเธอเอาไว้แน่น ก่อนจะเริ่มฟาดฟันออกไป

 

 

แต่ก็มีใครบางคนที่เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าไคลอาตัดหน้าเธอไป

 

 

 

 

――กึก

 

 

สิ่งที่จับข้อมือของคลิมซึ่งกำลังจะพยายามเหวี่ยงอาภรณ์วิญญาณของตนก็คือมือที่ใหญ่โตของโกซุ

 

 

คลิมจ้องมองไปยังผู้นำกลุ่มตอนนี้ของพวกเขาด้วยความโกรธที่มาขวางตน หากโกซุเป็นแค่คนธรรมดา หากได้เห็นแสงจ้าดังกล่าวอาจจะกลัวจนหมดสติไปแล้วก็ได้ แต่โกซุก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เขาจ้องมองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ

 

 

 

 

「ปล่อยฉัน ชิบะ!」

 

 

 

「ใจเย็นหน่อยสิ」

 

 

 

「นี่ก็ใจเย็นมากแล้วเว้ย!!」

 

 

 

「งั้นก็ดูพี่สาวของเจ้าให้ดีๆ สิ」

 

 

 

「……หา? 」

 

 

คลิมจ้องมองไปยังพี่สาวของเขาด้วยความตระหนกตามที่โกซุบอก จากนั้นเขาก็ต้องเม้มริมฝีปากของตนเมื่อเห็นว่าพี่สาวของเขากำลังถืออาภรณ์วิญญาณเอาไว้ในมือ

 

 

ทำไมพี่สาวของเขาต้องเอาอาภรณ์วิญญาณออกมากัน….เรารู้ตัวได้ในทันที

 

 

 

「…ขอโทษทีชิบะ ตอนนี้ฉันหัวเย็นลงบ้างแล้ว」

 

 

 

「ดีมาก」

 

 

พอคลิมตอบสนองออกมาแบบนี้ก็ทำให้โกซุเบาใจจนยอมปล่อยมือจากเขา

 

 

ถึงแม้สุดท้ายมันจะมีรอยช้ำเป็นรูปมือติดอยู่กับข้อมือของเขาจนทำให้แอบสาปแช่งโกซุอยู่ในใจก็ตาม

 

 

 

เหตุผลที่เขาไม่บ่นออกมา ก็เพราะเขาเข้าใจดีว่าการที่โกซุเข้ามาหยุดเขาแบบนี้มันคือการปรานีเขามากพอแล้ว

 

 

 

แม้ว่าจะเป็นการปราบปรามพวกคิจิน แต่หากเขาสังหารคนบริสุทธิ์ของประเทศอื่นไปด้วยอาภรณ์วิญญาณเพียงเพราะพี่สาวของตนบาดเจ็บ ทั้งตระกูลมิตสึรุกิและตระกูลเบิร์ชคงไม่ยอมนิ่งเฉยกับการกระทำนี้แน่

 

 

 

เขาคงจะถูกลงโทษอย่างหนักหลังกลับไปที่เกาะ แถมมีโอกาสสูงที่ไคลอาจะถูกลงโทษตามไปด้วยเนื่องจากเธอไม่สามารถห้ามน้องชายเธอได้

 

 

 

ที่โกซุทำเช่นนี้เพื่อหยุดเขา ก็เหมือนกับเป็นการบอกว่าตนจะยอมมองข้ามเรื่องในครั้งนี้ไป ดังนั้นจงรีบหยุดการกระทำนี้เสีย

 

 

ไคลอาก็รีบก้าวมาหาเขาอย่างรวดเร็วหลังจากที่รู้สึกตัวว่าตนก็ต้องรับผิดชอบเรื่องที่น้องชายทำ จากนั้นเธอก็ก้มหัวให้โกซุ

 

 

 

「ชิบะ ฉันขอบคุณกับความปรานีของคุณจริงๆ ค่ะ」

 

 

「ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ที่สำคัญ เตรียมอาภรณ์วิญญาณของเจ้าให้พร้อมซะ」

 

 

 

「ทราบแล้วค่ะ จะระ――คุณว่ายังไงนะคะ? 」

 

 

ไคลอาส่งเสียตกใจออกมาก่อนจะกะพริบตาด้วยความสงสัย เพราะเธอตั้งใจจะเก็บอาภรณ์วิญญาณของเธอเข้าไปแล้วแท้ๆ

 

 

 

แต่ทางโกซุกลับบอกให้เธอเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อใช้งานมัน

 

 

 

ทางคลิมเองก็ดูจะสับสนเหมือนกันกับสิ่งที่เขาได้ยิน

 

 

 

เธอชักไม่แน่ใจว่าเขาออกคำสั่งผิดไปหรือเปล่า ไคลอาจึงได้ถามกับโกซุอีกครั้ง

 

 

 

「ชิบะ คุณบอกพวกเราให้เตรียมอาภรณ์วิญญาณให้พร้อมเหรอคะ? 」

 

 

 

「ใช่แล้ว」

 

 

โกซุไม่ได้มองไปยังเธอขณะตอบ แน่นอนว่าเขาไม่ได้มองไปทางคลิมด้วย และก็ไม่ได้มองไปยังจอมเวทที่ร่วงลงไปกับพื้นเช่นกัน

 

 

นักรบผู้เก่งกาจคนนี้กำลังมองไปยังบนท้องฟ้าทางใต้

 

 

 

 

 

และจากนั้นเอง

 

 

 

 

「――มันกำลังมาแล้ว」

 

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา

 

มันก็เกิดเสียงคำรามขึ้นมาจากบนท้องฟ้าของเมืองอิชกะที่ดังพอจะแหวกห้วงอากาศทั้งหมด

 

 

 

พอสองพี่น้องเบิร์ชได้ยินเสียงนั้น พวกเขาก็มองไปยังทิศทางของเสียงทันที

 

 

สิ่งที่ทั้งสามคนเห็นก็คือร่างของไวเวิร์นซึ่งปรากฏขึ้นมา ด้วยท่าทางที่ดุดัน

 

 

ร่างของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีครามสดใส

 

———

Note 1 : ไม่หยุดไม่พักกันเล้ย แล้วมันจะหยุดอ่านได้เหรอพ่อคุณ // พรี่โซระคงไม่คุยแล้วมั้งมาขนาดนี้

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท