ตอนที่ 112 ตาต่อตา
เอาเป็นว่าพอรู้แล้วก็อย่าเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ต่อเลยแล้วกัน
ด้วยเหตุนี้เองผมก็เลยตัดสินใจพบกับลิดเดลหลังวันที่มิโรสลาฟบอกเรื่องนี้กับผม แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ไปคุยกับเธอที่กิลด์แน่นอน หากเธอมีเรื่องอยากจะคุยกับผมเธอก็ต้องเป็นคนมาหาทางนี้เองสิ
พอถึงเวลาที่นัดหมายกันไว้ ลิดเดลก็เข้ามาพบผมด้วยชุดพนักงานของกิลด์ ดูเหมือนว่าเธอจะทำงานที่กิลด์ให้เสร็จก่อนมาพบผม
มิโรสลาฟนำทางเธอมายังห้องของผม และปล่อยให้ลิดเดลเข้าไปข้างในคนเดียว ส่วนเธอจะยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเพื่อไม่ให้ใครในบ้านแอบฟังพวกผมได้ แต่เอาจริงๆ ถึงจะมีใครบังเอิญมาได้ยินหรือพวกเด็กๆ บุกเข้ามาในห้องผมมันก็ไม่ทำให้เกิดความตึงเครียดอะไรขนาดนั้นหรอก
ลิดเดลที่มาพบผมสองต่อสองภายในห้องส่วนตัวที่มีเตียงนอนตั้งอยู่ หาใช่ห้องรับแขกก็ต้องหน้าซีดลงขนาดที่มองจากข้างๆ ก็ยังรู้ได้เลย
ในตอนแรกผมก็คิดว่าเธอกลัวหนักกว่านี้หรอก แต่พอได้มองใกล้ๆ ผมก็เห็นถึงแสงที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอ มันคือดวงตาของผู้ที่ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นมาแล้ว
ส่วนใบหน้าที่ซีดของเธอจริงๆ มันก็คือความเหนื่อยล้าจากการทำงาน มันคือความภูมิใจของเธอที่ได้ทำให้กับเมืองอิชกะแม้จะไม่ได้กินได้นอน
พอผมเป็นคนนำเธอเข้ามาในห้องนี้ตอนแรกผมก็กะจะเชิญให้นั่งหรอก แต่พอผมจะเปิดปากพูด ลิดเดลกลับเป็นคนแรกที่แสดงท่าทีออกมาก่อน
เธอก้มศีรษะของเธอลง มันไม่ใช่การพยักหน้าเฉยๆ แต่มันเป็นการก้มลงแบบทำมุม 90 องศาเลยทีเดียว
จากนั้นลิดเดลก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่น
“อย่างแรกคือฉันอยากจะขอบคุณที่ ท่านตอบรับคำขอของฉันค่ะ ดราก้อนสเลเยอร์”
“โฮ้ ไม่ใช่ว่าที่กิลด์นั่นเขาเรียกกันว่าดราก้อนสเลเยอร์จอมปลอมเหรอ”
พอเจอผมพูดประชดใส่ตั้งแต่เริ่มแบบนี้ ไหล่ของลิดเดลก็กระตุกสั่นเล็กน้อย
ผมไม่เห็นใบหน้าของเธอเนื่องจากเธอก้มหน้าอยู่ แต่ผมก็พอจะจินตนาการใบหน้าที่เม้มริมฝีปากของเธอเอาไว้ได้อยู่หรอก
“คือว่า…เรื่องนั้นฉันก็ต้องขออภัยด้วยเช่นเดียวกันค่ะ”
“หึ เอาเถอะฉันก็ไม่ได้สนหรอกว่ามันจะเป็นตัวจริงตัวปลอมอะไร หากเธออยากจะขอโทษฉันก็จะรับฟังไว้ละกัน”
ระหว่างที่ผมพูดแบบนั้นผมก็บอกให้เธอนั่งลงได้ จากนั้นลิดเดลก็นั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความระมัดระวังตัวของเธอที่มีต่อผม ไม่สิไม่น่าจะใช่ความระวัง น่าจะเรียกว่าความกลัวมากกว่า
ยัยพนักงานต้อนรับนี่เห็นผมเป็นมนุษย์กินคนหรือไงกันนะ
หยาบคายชะมัดยัยนี่ ผมก็อยากจะบ่นหรอกนะแต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน
เพราะพอคิดดูดีๆแล้ว ลิดเดลที่ได้เห็นพลังของโกซุกับพวกที่เหลือมาแล้ว รวมไปถึงพลังของผมที่เอาชนะพวกนั้นได้ ด้วยประสบการณ์และข้อมูลของพนักงานต้อนรับกิลด์แล้วก็คงได้คำตอบไม่ยากว่าผมอยู่ในระดับไหน
ผมควรจะชมเธอที่เริ่มมีสายตาในการมองคนแล้วหรือหัวเราะเยาะเธอต่อดีนะ แต่ในระหว่างที่ผมคิดอยู่นี้ สีหน้าของเธอก็เริ่มซีดหนักกว่าเดิม แก้มของเธอเริ่มจะซีดเข้าไปทุกทีแล้วจนผมคิดว่าเธอจะเป็นลมเอาหรือเปล่า
แต่สำหรับลิดเดลแล้ว การเป็นลมไปเสียตอนนี้เลยคงจะสบายกว่าการเผชิญหน้ากับผมตรงๆ ละมั้ง
แถมลิดเดลก็รู้ดีแล้วด้วยว่าผมทำอะไรบ้างกับดาบฮายาบูสะ ตัวอย่างก็มีให้เห็นทั้งมิโรสลาฟกับลูนามาเรีย
หากเธอต้องการให้ผมหยุดตอบโต้กิลด์ แน่นอนว่าผมก็ต้องได้อะไรกลับเป็นการตอบแทน เพื่อมาสเตอร์สุดที่รักของเธอแล้ว เธออาจจะต้องถึงขั้นอุทิศตนให้กับคนที่เธอเกลียดเข้าไส้ ถึงจะเป็นพนักงานต้อนรับของกิลด์ผู้กล้าหาญ แต่สถานการณ์แบบนี้ก็ใช่จะสงบสติอารมณ์ได้ง่ายเสียหน่อย
ผมมองไปที่ลิดเดลทั้งอย่างนั้นก่อนจะเม้มริมฝีปาก
หากเป็นคนอื่น ผมก็คงจะเล่นมุกตลกอะไรเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้บรรยากาศดีขึ้น แต่กับลิดเดลผมไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนั้น
พอได้เผชิญหน้ากันตรงๆ แบบนี้ ทำผมจำวันที่ตัวเองถูกไล่ออกจากกิลด์ได้เลยแฮะ พนักงานต้อนรับที่มองผมด้วยสายตาที่รังเกียจนี่กำลังหน้าซีด ตัวสั่นและพยายามขอให้ผมให้อภัยพวกเธอ
ไอ้แบบนี้เองสินะที่เขาเรียกกันว่าการคลายปมที่คาใจอยู่ ผมหัวเราะเบาๆ ออกมาในลำคอ
หลังจากนั้นสิ่งที่ลิดเดลบอกกับผมมันก็เหมือนกับที่มิโรสลาฟบอกกับผมเมื่อวันก่อน
แต่ที่แตกต่างออกไปหน่อยก็จะเป็นลิดเดลไม่ใช่คนที่เริ่มแพร่กระจายเรื่อง ดราก้อนสเลเยอร์จอมปลอม
ลิดเดลเป็นคนที่รายงานเรื่องของไฮดราให้กับเอลการ์ดฟังอย่างตรงไปตรงมา แถมเธอยังเป็นคนที่ออกความเห็นว่าผมสามารถเอาชนะไฮดราลงได้แน่จากความแข็งแกร่งของผมที่เธอเห็น
ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเป็นตัวของลิดเดลเองนี่แหละที่พยายามอย่างหนักในการหยุดข่าวลือเสียๆ หายๆ ของผม เพราะหากชื่อเสียงแย่ๆ ของผมมันแพร่กระจายไปในหมู่กิลด์นักผจญภัยมากขึ้น ความเป็นปรปักษ์ที่ผมมีต่อกิลด์ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยนี่เนอะ
ลิดเดลที่รู้ตัวอยู่แล้วก็ย่อมต้องพยายามเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวสุดความสามารถ เธอพยายามจัดการกับข่าวลือพวกนั้นทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายมันก็ไม่สำเร็จ ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นเพราะความริษยา อิจฉาของมนุษย์มันมากกว่าความพยายามของลิดเดลละมั้ง
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นักผจญภัยระดับต่ำคนนั้นยังเป็นแค่ปรสิตในหมู่นักผจญภัยอยู่แล้วนี่นา พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์ซะงั้น ดังนั้นผมก็เข้าใจได้อยู่หรอกว่าทำไมเรื่องมันถึงไม่จบง่ายๆ
นอกจากนี้เบื้องหลังของความพยายามของลิดเดลที่ล้มเหลวไปนั้น มันก็มีจอมเวทคนหนึ่งที่พยายามสร้างเชื่อเสียนั่นอยู่ด้วย
สาเหตุที่จอมเวทคนนั้นทำไป ก็คงจะเป็นการหาข้ออ้างให้ผมสามารถกล่าวโทษกิลด์ได้ง่ายขึ้น ก็จริงว่ามันจะสร้างชื่อเสียให้กับผม แต่ของแบบนั้นมันก็แค่ชั่วคราว หากคิดถึงผลตอบแทนที่ได้หลังจากนั้นย่อมคุ้มค่ามากกว่าเป็นไหนๆ
ส่วนผลลัพธ์ที่ทำให้รู้ว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นเรื่องที่ผิดก็คือการที่ลิดเดลแบกหน้ามาพบกับผมในวันนี้ หรือก็คือจอมเวทคนนั้นวางแผนทั้งหมดไว้เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ
เธอได้แพร่ข่าวลือเสียๆ หายๆ ก่อนจะต้อนเป้าหมายของตนและกิดล์ให้ไปในทิศทางที่เธอต้องการ ก็นับว่าเป็นอุบายที่ชั่วช้าพอสมควรเลยนะในฐานะจอมเวทแล้ว จะว่าไปมันก็คล้ายๆ กับตอนที่ชื่อปรสิตของผมถูกแพร่เลยนี่เนอะ หื้ม เรื่องบังเอิญหรือเปล่านะ…หึหึหึ
…อุ่ย เผลอเผยด้านมืดตัวเองออกมาซะแล้วสิ
ผมทำการส่ายหัวไปมาเบาๆ เพื่อสลัดความคิดพวกนี้ออกไปก่อน แล้วกลับไปมองลิดเดลอีกครั้ง สภาพของเธอตอนนี้เหมือนกับนักโทษที่กำลังรอคำตัดสิน ไม่สิเหมือนรอรับโทษประหารชีวิตมากกว่า ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเธอมันลีบเล็กมากกว่าตอนที่อยู่เคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับมากขนาดนี้กันนะ
“ว่ากันตามตรงเลยนะ ฉันไม่คิดจะหยุดเรื่องนี้หรอก ก็จริงว่าถ้าเธอขอร้องฉันสุดตัวฉันก็อาจจะเก็บไปคิดดู แต่คงรู้สินะว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง?”
ผมใช้ใบหน้าของตัวเองชี้ไปยังเตียงนอน ส่วนทางลิดเดลที่เห็นแล้วก็หลับตาแน่นและพยักหน้าลงช้าๆ
“…ฉันเตรียมใจเอาไว้แล้วค่ะ”
“เพื่อมาสเตอร์ที่เคารพรักสิเน้อ น่าชื่นชมจริงๆ”
แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะสาดโคลนลงไปบนความมุ่งมั่นขอเธอหรอกนะ
พอคิดได้แบบนั้นผมก็เริ่มหันไปมองยังหน้าอกและเอวของเธอ ชุดพนักงานกิลด์ของเธอนั้นเป็นแบบเรียบร้อย ซึ่งต่างกับเพื่อนร่วมงานของเธออย่างพาร์เฟตที่จะเผยหน้าอกและเปิดเผยส่วนแขนออกมาให้เห็นได้ชัดกว่าเพื่อดึงดูดสายตาของนักผจญภัย
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เนินอกคู่ทั้งสองที่อยู่ใต้ชุดนั้นมันก็น่าดึงดูดพอสมควร เอวของเธอก็บางจนผมสามารถโอบได้ง่ายๆ ด้วยแขนของผม แขนขาของเธอก็ให้ความรู้สึกนุ่มนวลสมหญิง โดยเฉพาะตรงบริเวณนิ้วที่บางยาวของเธอทำให้นึกเลยว่าน่าจะใช้ประโยชน์ได้อีกมาก
หากได้ยัยนี่มา ผมจะยอมยกเลิกเรื่องที่จะแก้แค้นกิลด์ก็ได้ ความคิดดังกล่าวมันเข้ามาในหัวผมจริงๆ
ทว่าทุกอย่างมันก็ต้องมีขั้นตอนของมัน ผมตัดสินใจพูดบางสิ่งออกมา
“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เธอเคยได้ยินกฎของจักรวรรดินี้บ้างไหม?”
พอผมถามไปแบบนั้น ลิดเดลที่ปิดตาและพยายามทนสายตาที่เต็มไปด้วยตัณหาของผมก็ลืมตาขึ้นด้วยความงงงวย
“ค่ะ ก็พอทราบอยู่หรอกแต่ว่า…”
“มันคือกฎในการแก้แค้นต่อผู้กระทำ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นกฎที่มีไว้เพื่อจำกัดความรุนแรงของการแก้แค้นด้วย ก็ปกตินี่เนอะหากโดนควักลูกตาออกมา วิธีแก้แค้นก็คือควักลูกตาของอีกฝ่ายเหมือนกัน ส่วนเรื่องอย่างการตัดแขนหรือประหารชีวิตคนที่แก้แค้นไม่สามารถทำได้ ถึงฉันจะไม่ใช่นักกฎหมายอะไรก็เถอะ แต่ฉันค่อนข้างเห็นด้วยกับเรื่องนี้เลยนะ”
แถมผมก็ไม่คิดหรอกว่าโทษของพวกเขาที่ปกปิดอาชญากรรมของดาบฮายาบูสะจะหนักเท่ากับดาบฮายาบูสะที่พยายามฆ่าผม
เพราะหากเป็นแบบนั้นจริงผมคงฆ่าเอลการ์ดและลักพาตัวลิดเดลไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ผมไม่ทำแบบนั้นแล้วเลือกการต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติแทนก็เพราะโทษของพวกเขามันไม่ได้หนักขนาดนั้น
การตอบโต้ดังกล่าวก็คือการทำลายอิทธิพลของพวกเขาในฐานะองค์กร และไม่ว่ากิลด์มาสเตอร์นับจากนี้จะเป็นใคร ผมก็จะทำให้พวกเขาไม่สามารถแตะต้องผมได้อีก
ถึงระหว่างทางจะมีหลายเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่สุดท้ายสถานการณ์ในตอนนี้มันก็เกือบจะตรงกับที่ผมคิดเอาไว้แล้ว ทางกิลด์ไม่สามารถแตะต้องผมที่เป็นทั้งอัศวินมังกร คนที่มีเส้นสายกับดยุกดรากูนอทและสหภาพได้อีกต่อไป หรือก็คือทั้งหมดเป็นความผิดของกิลด์ที่ปล่อยผมหลุดมือไปจนทำให้อิทธิพลของพวกเขาต้องลดลง
เอลการ์ดกับลิดเดล ผู้ที่คิดว่าตัวเองทำไปทั้งหมดก็เพื่อกิลด์และเตะผมออกมา จนสุดท้ายการกระทำดังกล่าวก็ย้อนกลับมาทำลายความเชื่อถือของกิลด์ด้วยมือพวกเขาเองทั้งหมดคือความผิดพลาดของพวกเขา ผมมองว่าแค่นี้มันก็มากเพียงพอแล้วสำหรับการแก้แค้นของผมสำหรับทั้งสองคนที่พยายามเพื่อเมืองอิชกะและกิล
ผมก็เริ่มพูดต่อด้วยความคิดแบบนั้นแหละ
ทางลิดเดลที่ฟังอย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาราวกับทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“หรือก็คือ ท่านตั้งใจจะทรมานฉันจนกว่าจะพอใจสินะคะ…”
“ก็ทำนองนั้นแหละเธอไม่จำเป็นต้องออกนอกแผนฉันโดยการเอาร่างกายเข้าแลกก็ได้ ยังไงเดี๋ยวการแก้แค้นของฉันมันก็จบลงแล้ว แถมฉันก็ไม่มีความคิดจะไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิลด์มาสเตอร์สาขาเมืองหลวงอย่างเซอร์เกรหรืออะไรสักอย่างเพื่อเตะตัดขาเอลการ์ดหรอก”
“เรื่องนั้น…จริงเหรอคะ?”
“ก็เออสิ เธอจะยอมมอบร่างกายของเธอให้ฉันจริงๆ งั้นเหรอ ทั้งที่สุดท้ายฉันต้องการเพียงแค่คำขอโทษจากดาบฮายาบูสะ”
หากการแก้แค้นมันคือการฆ่าเอลการ์ด การที่ลิดเดลจะยอมมอบร่างกายตัวเองให้กับผมมันก็คงคุ้มอยู่หรอก แต่เป้าหมายของผมมันไม่ใช่แบบนั้น ดังนั้นการกระทำของลิดเดลก็เลือกที่สิ้นเปลืองไปหน่อย ขอเพียงแค่เธอปล่อยให้ผมทำในสิ่งที่ต้องการอีกครั้งเดียว การแก้แค้นของผมที่มีต่อกิลด์ก็จะเสร็จสิ้น นอกจากนี้ผมก็ไม่มีเจตนาอะไรจะทำร้ายกิลด์อีกต่อไปแล้วด้วย
พอผมคิดแบบนั้นอยู่ ลิดเดลก็ถามกับผมด้วยสีหน้าที่ดูงุนงง
“แล้วทำไม ท่านต้องบอกเรื่องนี้กับฉันด้วยทั้งที่ ท่านสามารถเลือกจะนอนกับฉันโดยไม่พูดอะไรเลยก็ได้แท้ๆ”
“ก็จริงว่าทำแบบนั้นมันฉลาดกว่า แต่ฉันอยากจะทำให้มันเท่าเทียมน่ะ”
“เหมือนกับที่ ท่านบอกว่า ตาต่อตาสินะคะ? แล้วท่านได้ทำเรื่องแบบนี้กับโคโรน่าด้วยหรือเปล่า?”
ลิดเดลเอ่ยชื่อของเด็กสาวที่ดูแล”บ้านนกน้อยสีเงิน” ออกมา
ผมที่ได้ยินก็ยักไหล่
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องไปแก้แค้นหรอก เพราะตอนที่ฉันโดนเตะออกมาจากโรงแรม ก็เหมือนถูกบอกว่าวันหลังถ้ากลับมาพักก็จ่ายทิปให้ด้วย ไอ้ฉันก็เลยทำตามที่บอกกลับมาพักแล้วจ่ายทิปให้ นอกจากนี้ก็ยังแถมเงินค่ารบกวนตลอดหลายปีที่ผ่านมาด้วยอ่ะนะ”
มันไม่ใช่เรื่องเลยที่ผมต้องไปทำให้ 2 พ่อลูกนั้นหวาดกลัว เพราะอันที่จริงหากมองดูในภาพรวมการให้ทิปมันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว นอกจากนี้พอผมมีชื่อเสียงมากขึ้นมาขนาดนี้ ถึงผมจะอยู่เฉยๆ คนพวกนั้นก็คงจะกลัวกันไปเองแล้วมั้งว่าจะโดนผมเล่นอะไรคืนบ้าง แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่มีหน้าที่ที่จะต้องไปบรรเทาความกังวลของพวกเขาสักหน่อย ดังนั้นก็ปล่อยไว้แบบนี้แล้วกัน
ลิดเดลที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นก็ถามอีกครั้งราวกับต้องการยืนยัน
“ก็แปลว่าถึงฉันจะขอถอนข้อเสนอก่อนหน้าไป ท่านก็จะยอมปล่อยฉันกลับไปเฉยๆ สินะคะ?”
“ก็เหมือนที่ฉันบอกไป แต่ฉันก็ไม่ขัดนะหากเธอจะแก้ผ้าแล้วไปรอฉันตรงนั้นเลย ว่าไงล่ะ?”
ผมถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วกับลิดเดลไป
หลังจากนั้นไม่นานนัก
มิโรสลาฟที่ส่งลิดเดลกลับไปก็เข้ามาในห้องของผมและเปิดปากพูด
“….มาสเตอร์แบบนี้ดีแล้วเหรอคะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก ยิ่งไปกว่านั้นหากกิลด์มาล่มเอาป่านนี้เดี๋ยวเมืองได้วุ่นวายกันกว่าเดิมพอดี แล้วปัญหามันจะมาตกที่พวกเราต่อด้วย ฉันไม่ได้พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับทุกคนแล้วบอกว่า มาพึ่งพาฉันกันได้เลย หรอกนะ”
ผมจ้องมองไปยังมิโรสลาฟที่กำลังตัวสั่นและก้มศีรษะตัวเองลง ภาพช่างทับซ้อนกับลิดเดลก่อนหน้านี้จริงๆ
“ขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ ที่ฉันทำเกินหน้าที่ไป!!”
“การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดมากนะ ดังนั้นก็แสดงความจริงใจของเธอให้ฉันเห็นผ่านการกระทำซะสิ น่าเสียดายจริงๆ ทั้งที่อุตส่าห์เตรียมของไว้เล่นกับลิดเดลแล้วแท้ๆ เชียว”
ผมก็ไม่ได้บอกกับเธอว่าต้องทำอะไรเป็นพิเศษหรอกนะ แต่ดูเหมือนมิโรสลาฟจะเข้าไว้ว่าผมต้องการอะไร
แก้มของเธอตอนนี้ได้ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงเหมือนกับสีผมของเธอ จากนั้นเธอก็เอื้อมมือของตัวเองไปปลดเสื้อผ้าของเธอออก…
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code