การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 113 เรื่องราวลับๆของ ไคลอา เบิร์ช

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 113 เรื่องที่ไม่มีใครรู้จาก ไคลอา เบิร์ช

ซ่า….

 

เสียงของน้ำที่กระจายตัวออกมาจากในห้องอาบน้ำ ซึ่งเกิดมาจากตัวของไคลอา เบิร์ช ที่กำลังลงไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำแล้วหลับตาลง

 

อ่างอาบน้ำไม้ฮิโนกิขาดใหญ่ ทำให้เธอสามารถทำให้เธอยืดแขนและขาได้อย่างสบายตัว สำหรับคนที่ถูกบังคับให้อยู่แต่ในถ้ำมุมหนึ่งของป่าทีทิสแล้ว การได้แช่ตัวในอ่างอาบน้ำแบบนี้คือความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้

 

 

 

「ฟุฟุฟุ นี่สินะถึงจะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นแต่ก็ยังได้ประสบการณ์ดีๆ」

 

ไคลอาหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะตักน้ำในอ่างมาเทลงบ่นไหล่ของตัวเอง

 

แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดเพราะต้องการประชดอะไร เอาจริงๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างถ้ำที่เธออยู่นั้นมีของใช้จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอยู่อย่างครบถ้วน เต็นท์ส่วนตัวก็ถูกจัดหาเอาไว้ให้เพื่อพักผ่อนอย่างสบายตัว ถึงแม้หากคิดดูดีๆ แล้วมันก็แค่อยู่ในระดับดีกว่านอนกลางแจ้งเฉยๆ ไปหน่อยหนึ่ง แต่สำหรับไคลอาที่ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไรเลย

 

นอกจากนี้ถึงในทางเทคนิคแล้วเธอจะกลายมาเป็นตัวประกัน แต่เธอก็ได้รับเสรีภาพในการเคลื่อนไหวไปมาอย่างสะดวกสบาย ซึ่งว่ากันตามตรงเธอรู้สึกสบายตัวกว่าอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเบิร์ชเสียอีก

 

หากจะให้อธิบาย ตระกูลเบิร์ชซึ่งเป็นตระกูลที่รับไคลอามาเลี้ยงนั้น พวกเขามักจะรับเด็กเข้ามาเลี้ยงดูเพื่อแข่งขันพัฒนาศักยภาพกันอยู่เสมอ

 

พวกที่ไร้ประโยชน์ไม่สามารถทำอะไรให้ตระกูลได้ก็จะถูกทิ้งให้เหมือนหมาเหมือนแมว หากอยากจะอยู่สบายก็ต้องเอาชนะเด็กคนอื่นให้ได้ ถึงแม้มันจะเป็นการทำร้ายพวกพ้องที่อยู่ด้วยกันมาก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก

 

ไคลอาและคลิมเติบโตมาโดยมีภาพแวดล้อมเช่นนั้น

 

เหล่าเด็กๆ ที่อยู่ในตระกูลเบิร์ชจะได้รับการดูแลโดยอาจารย์ส่วนตัวเฉพาะที่มักจะเป็นคนประเมินว่า เด็กคนไหนมีประโยชน์ต่อตระกูลเบิร์ชหรือไม่ อยู่ตลอดเวลา จนทำให้พวกตนไม่สามารถพักผ่อนได้สบายๆ ทั้งทางกายและจิตใจ จนบางครั้งเด็กที่ถูกต้อนด้วยสถานการณ์แบบนั้นก็กลายเป็นบ้าไป

 

ต้องขอบคุณน้องชายของเธอจริงๆ ที่ทำให้ไคลอาไม่กดดันจนกลายเป็นบ้าไปเหมือนกัน แต่สภาพแวดล้อมที่ต้องคอยระมัดระวังสายตาของคนภายในบ้านอยู่ตลอดเวลามันก็สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอจริงๆ

 

ด้วยความเจ็บปวดเช่นนั้นแหละจึงทำให้การใช้ชีวิตภายในถ้ำแห่งนี้เป็นเหมือนการปลอบประโลมใจเธอ จนโซระต้องคาดไม่ถึงแน่ๆ ว่ามันช่วยเธอได้มากแค่ไหน

 

บอกกันตามตรงว่าไคลอาเองก็ยังแปลกใจด้วยซ้ำที่เธอชอบมันมากกว่าการใช้ชีวิตในคฤหาสน์

 

 

「มันจะสะดวกเกินไปเสียด้วยซ้ำ….แต่ก็นั่นสิเนอะยังไงสุดท้ายการใช้ชีวิตในถ้ำมันก็มีปัญหาของมันอยู่เหมือนกัน」

 

ไคลอาพูด ก่อนที่แก้มของเธอจะแดงขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เพราะน้ำร้อนหรอกนะ

 

คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำนี้ไม่ได้มีแค่ไคลอา แต่บางครั้งก็มีโซระมาพักด้วย และบางทีเขาก็พาเอลฟ์สาวเดินทางมาพร้อมกันด้วย

 

เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเอลฟ์ที่มีชื่อว่าลูนามาเรีย ไคลอาเองก็เคยคุยกับเธอมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ท่าทางการพูดของเธอสามารถบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนฉลาด ถึงแม้เธอจะยังระวังตัวไคลอาอยู่บ้างก็เถอะ ลูนามาเรียนั้นจะรับหน้าที่ในการดูแลเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของฝั่งผู้หญิง ซึ่งโซระอาจจะไม่รู้และไคลอาก็ลำบากใจที่จะบอก

 

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้หากมิตรภาพของพวกเธอจะเกิดขึ้นก็คงไม่แปลกอะไร แต่ก็เพราะไคลอาเคยพยายามจะฆ่าลูนามาเรียและพวกพ้องของเธอ หนทางที่จะเกิดอะไรแบบนั้นได้ก็คงยาวไกล

 

 

แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ปัญหาหรอก ด้วยนิสัยส่วนตัวของลูนามาเรียแล้วเธอไม่ติดอะไร ส่วนปัญหาจริงๆ มันก็อยู่ที่เสียงซึ่งเล็ดลอดออกมาจากเต็นท์ที่พวกเขาทั้งสองนอนด้วยกันในถ้ำช่วงกลางคืนต่างหาก

 

ไคลอาที่ต้องทนฟังก็ทำได้เพียงเอาแค่มือทั้งสองปิดใบหน้าเธอเอาไว้ เพราะทนไม่ไหว

 

ตอนแรกไคลอาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเธออาจจะต้องกลายเป็นแบบนั้นในท้ายที่สุด

 

แต่พอผ่านไปได้สักพัก เธอก็ต้องตระหนักได้ว่าโซระไม่ได้สนใจที่จะทำอะไรแบบนั้นกับเธอ นอกจากนี้ดูเหมือนบางทีลูนามาเรียก็เหมือนจะตั้งใจแกล้งเธอที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก่อนด้วย

 

 

「เราไม่ควรจะคิดถึงเรื่องพวกนี้อีกๆ ….」

 

ไคลอาส่ายหัวไปมาในอ่างอาบน้ำ เส้นผมของเธอที่ถูกมัดเอาไว้เมื่อไม่ให้เปียก ก็ส่ายไปมาอย่างพริ้วไหว

 

สำหรับไคลอาผู้ที่ใช้เวลาทั้งวันไปกับการฝึกและทำภารกิจ การใช้ชีวิตในถ้ำแบบนี้ช่างสะดวกสบายจริงๆ

 

แต่ในวันนี้เธอได้ย้ายออกจากถ้ำไปอาศัยอยู่ที่บ้านของโซระแทน แน่นอนว่านั่นคือคำสั่งของโซระ แต่ไคลอากลับมีความรู้สึกแปลกๆ ที่ทั้งเสียดายและก็ดีใจในเวลาเดียวกัน

 

 

「อย่างน้อย การมาที่นี่มันก็ทำให้เราได้อาบน้ำในอ่างอย่างสบายตัว..…」

 

เธอพึมพำออกมา และคิดว่าทำไมอยู่ดีๆ โซระถึงพาเธอมาที่บ้านของเขา

 

จนกระทั่งถึงเมื่อวานนี้ โซระไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเมืองอิชกะให้ไคลอาฟังเลย แต่วันนี้อยู่ดีๆ เขาก็บอกให้เธอย้ายออกจากถ้ำ

 

มันคงไม่ใช่เพราะโซระเป็นห่วงเธอแน่ๆ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับเธอเลยยกเว้นแค่ช่วงฝึกซ้อม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยกโทษให้กับสิ่งที่เธอทำในเมืองอิชกะได้เสียหน่อย หลักฐานก็คือคำพูดและการกระทำของเขา

 

หากไคลอาต่อต้านโซระ เขาก็ไม่ลังเลที่จะโจมตีเธอ

 

ตอนแรกไคลอาก็คิดเหมือนกันว่าโซระพยายามลองใจเธอ โดยการให้เธอไปอยู่ใกล้กับคิจิน แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็เหมือนการเอาคิจินที่เขาดูแลมาเสี่ยงด้วย

 

พอตัดสินจากท่าทีที่โซระมีต่อคิจินสาวนั่น คงจะเป็นไปไม่ได้

 

นอกจากนี้ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำอยู่ ไคลอาก็แอบคิดๆ บ้างว่าโซระอาจจะเข้ามาในห้องอาบน้ำนี้ด้วยไหม แต่พอเธอเหลือบมองไปยังประตู ประตูดังกล่าวก็ไม่มีท่าทีจะขยับเลย ดังนั้นคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด

 

 

「เปล่าประโยชน์จริงๆ นี่เราคิดมากไปคนเดียวเองเหรอ…」

 

ไคลอายิ้มออกมา และปล่อยตัวปล่อยใจ

 

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอเข้าห้องอาบน้ำมาแล้วเริ่มผ่อนคลายร่างกายของงเธอจริงๆ พร้อมกับหายใจออกด้วยความโล่งอก

 

เธอเริ่มแหงนมองบนเพดานและหลับตาลง

 

 

「…คลิมจะโกรธไหมนะ ที่เรามาอยู่ในบ้านของศัตรูแล้วผ่อนคลายสบายตัวแบบนี้?’」

 

ไคลอาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา

 

—หลังจากวันนั้นไม่นาน—-

 

「ท่านเบิร์ช ทางนี้ครับ」

 

ระหว่างที่เธอเดินไปตามท้องถนนของเมืองอิชกะ เสียงแหลมโทนต่ำได้ดังขึ้นมากระทบหูของไคลอา

 

ไคลอานั้นมีชื่อเสียงในหมู่ทหารและนักผจญภัยเพราะความสำเร็จในการรับมือกับพวกมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่งคราวก่อน นอกจากนี้ด้วยเส้นผมสีขาวและดวงตาสีแดงซึ่งสวมฮากามะเอาไว้ก็เป็นของหายากในเมืองอิชกะด้วย

 

ดังนั้นมันจึงไม่จบแค่พวกทหารกับนักผจญภัย แต่ครอบครัวของพวกเขาและชาวบ้านธรรมดาที่ได้ยินข่าวลือของเธอก็เข้ามาทักทายเธอเหมือนกัน

 

แต่ไม่มีใครในนั้นเลยที่เรียกเธอว่าท่านเบิร์ช เพราะไคลอาไม่เคยบอกชื่อตระกูลของเธอให้คนในเมืองอิชกะฟังมาก่อน

 

คนที่รู้นามสกุลของไคลอาก็มีแค่โซระ แต่โซระก็เรียกเธอว่าไคลอา นอกจากนี้เสียงเรียกนั้นยังมีคำว่า ท่าน อยู่ด้วย

 

――ไคลอารู้สึกตีงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังต้นเสียง

 

เสียงนั้นมาจากชายคนหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนช่างฝีมือซึ่งมองไคลอามาจากในมุมมืด อายุของเขาน่าจะราวๆ 40 ใบหน้าของเขาแดงก่ำจนคิดว่ากำลังดื่มมา

 

มีคนมากมายในเมืองอิชกะที่เสียงานของตนไปจากเหตุวุ่นวายครั้งก่อน ก็คงไม่แปลกอะไรนักหากพวกเขาจะเลือกแอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้ลืมเรื่องร้ายๆ แถมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วยที่จะเห็นคนประมาณเขาเดินไปมาในเมือง

 

ทว่าความแตกต่างของชายคนนี้มันไม่เหมือนกับพวกเขา ดวงตาของชายคนนั้นที่ไคลอาเห็นเป็นประกายและไม่มีทีท่าว่าจะเมาอยู่เลย

 

 

「――คุณเป็นใครกัน?」

 

 

「ได้โปรดมาทางนี้ก่อนครับ」

 

หลังจากเขาพูดในเรื่องที่จำเป็นจบ ชายคนนั้นก็ตรงไปยังตรอกด้วยท่าทางที่โซเซเหมือนคนเมา

 

ไคลอาลังเลเล็กน้อยที่จะตามไป แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธเขา เธอจึงเดินตามเขาเข้าไปในตรอก

 

จากนั้นพอถึงที่หมาย ชายคนนั้นก็คุกเข่าทำความเคารพไคลอา ไม่สิเขาน่าจะทำความเคารพกับตระกูลเบิร์ชมากกว่า

 

พอไคลอากำลังจะถามอะไรเพิ่ม ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาก่อน

 

「ผมมีชื่อว่าเฮจิน เป็นนักรบของธงที่ 4 ซึ่งได้รับคำสั่งมาจากท่านผู้นำให้พาท่านไคลอาออกไปจากที่นี่ครับ」

 

「ท่านผู้นำ…?」

 

เสียงของไคลอาเต็มไปด้วยความสงสัย

 

เหตุผลก็คือ ไคลอามองว่าความเป็นไปได้ที่จะมีคนมาช่วยเธอนั้น มันเท่ากับศูนย์นั่นเอง

 

โซระจับเธอเป็นตัวประกันก็เพราะเรื่องคิจินก็จริง แต่ไม่มีทางเลยที่นักบุญดาบอย่างมิตซึรุกิ ชิกิบุจะตอบรับความต้องการของโซระ นอกจากนี้เขาก็ไม่ใช่คนที่จะต้องมาแหกกฎของตระกูลตัวเองที่ต้องสังหารปีศาจผนึกเทพมารเพื่อช่วยไคลอาด้วย

 

ความเป็นไปได้ที่ไคลอาซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันไว้จะถูกฆ่าไปพร้อมกับโซระยังสูงกว่าอีก

 

แถมเธอก็ไม่ได้หวังความช่วยเหลือจากตระกูลเบิร์ชด้วย เธอจะไม่แปลกใจเลยหากทางตระกูลส่งคนมาเก็บเธอเพื่อล้างความอับอายที่เธอสร้างให้ตระกูล

 

นั่นคือสิ่งที่ไคลอาคิดตลอดช่วงที่ผ่านมา เธอจะทำยังไงดีหากถูกทางตระกูลเข้ามาโจมตี เธอไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือ

 

ทว่า ชายคนที่อ้างตนว่ามาจากธงที่ 4 กลับบอกว่าเขามาเพื่อช่วยไคลอา เธอเลยสงสัยว่ามันจะเป็นกับดักหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีเหตุผลเลยที่ทางตระกูลจะวางกับดักเธอ

 

หากจะมีใครที่วางกับดักเธอก็คงจะเป็นโซระมากกว่า หากไคลอาตามเฮจินไปแต่โดยดี บางทีโซระที่รอจังหวะนี้อยู่อาจจะเข้ามาลงโทษเธอที่คิดหนีก็ได้ พอเธอคิดดูแล้วนี่น่าจะสมเหตุสมผลอยู่

 

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวเฮจินั้นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือผู้ใช้มายาดาบเดียว ตราที่เขาหยิบออกมาจากกระเป๋าก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเขามาจากธงที่ 4 ความจริงจังในสายตาเขาก็สื่อมาได้ชัดเจน

 

หรือคลิมกับชิบะอย่างโกซุจะเกลี้ยกล่อมท่านผู้นำได้สำเร็จ?

 

ไคลอาเริ่มมีความคิดแบบนั้นและเธอก็รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย แน่นอนว่าเธอเชื่อใจทั้งสองคนซึ่งจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเธอ แต่คนอย่างชิกิบุน่ะหรือจะรับฟังคำขอร้องของพวกเขา

 

 

ทางเฮจินที่เห็นความลังเลของไคลอาก็เริ่มลดเสียงลงและพูดกับไคลอา

 

「วางใจพวกเราได้เลย ท่านเบิร์ช ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของซึ่งผูกมัดท่านเอาไว้ ธงที่ 4 ของเราจะเป็นคนจัดการเอง」

 

「หมายความว่ายังไงกันกันคะ?」

 

 

「จากที่ผมเห็นดูเหมือนว่าท่านเบิร์ชจะได้รับเสรีภาพในการเคลื่อนไหว และไม่มีวี่แววของคนที่จับตามองท่านอยู่ แต่ท่านก็ยังยอมจำนนต่อการเป็นตัวประกัน นั่นก็หมายความว่าท่านกำลังถูกกุมจุดอ่อนบางอย่างเอาไว้อยู่สินะครับ?」

 

「…อ๋อ! แบบนี้เองเหรอคะ?」

 

ไคลอายิ้มอ่อนออกมาให้กับความเข้าใจผิดของเฮจิน ก็จริงนะหากเป็นเห็นตัวประกันเดินเล่นไปมาในเมืองได้อย่างสบายใจ เป็นใครก็ต้องคิดแบบนั้น

 

ความจริงก็คือ โซระนั้นสร้างสถานการณ์ให้เธอหนีไปได้ต่างหาก นอกจากนี้เขาคงจะหวังให้เธอหนีไปด้วยซ้ำ เพราะหากเป็นแบบนั้นเขาก็จะสามารถลงโทษเธอได้โดยไม่ลังเล

 

นี่คงจะเป็นคำตอบที่เธอได้รับ ว่าทำไมเธอต้องย้ายจากป่าทีทิสมายังเมืองอิชกะด้วย

 

เพราะเธอไม่สามารถติดต่อกับธงที่ 4 ได้แน่หากเธอยังอยู่ในป่าทีทิส เขาก็เลยพาไคลอามาที่เมืองอิชกะ

 

 

「ท่านผู้นำได้พูดอะไรเกี่ยวกับคุณโซระไหม?」

 

 

「ฮ่ะ..แต่ว่านั่น…」

 

เฮจินมองไปยังไคลอาที่ถามออกมา ราวกับจะบอกว่าทำไมถึงมาถามเรื่องแบบนี้เอาตอนนี้กัน?

 

ไคลอาก็รู้ว่าเขาอยากจะสื่ออะไร แต่เธอก็ต้องการคำตอบอยู่ดี จนได้ความว่าชิกิบุเรียกตัวโซระให้เขาไปพบที่เกาะในหนึ่งเดือนข้างหน้า

 

 

 

「ท่านผู้นำเรียกตัวคุณโซระเพื่อทดสอบความสามารถสินะคะ? แล้วทำไมหน่วยที่ 4 ถึงต้องมาช่วยฉันด้วยคะ?」

 

ทางเฮจินที่ได้ยินก็เลี่ยงสายตาของเธอ

 

เนื่องจากผมได้รับคำสั่งมาให้ทำภารกิจนอกเกาะเท่านั้น รายละเอียดทั้งหมดผมจึงไม่ทราบ แต่เท่าที่ได้ยินมาคือท่านรากุนะเป็นคนเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เองครับ

 

 

「รากุนะงั้นเหรอ?」

 

ไคลอาขมวดคิ้วเล็กน้อย คลิมไปขอร้องกับรากุนะ แล้วรากุนะก็ไปขอกับชิกิบุงั้นเหรอ? ก็จริงว่าหากเป็นแบบนั้นชิกิบุก็น่าจะพอมีเหตุผลปล่อยให้ธงที่ 4 เคลื่อนไหวอยู่ แต่จากนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องอะไรขึ้นมาได้

 

 

เธอนึกถึงเรื่องที่เธอเกือบลืมไปแล้วในตอนที่เดินทางมาได้ แล้วถามมันกับเฮจิน

 

 

「ธงที่ 4 …..จะว่าไปท่านจินโบซึ่งถูกคุณโซระฆ่าไปก็มาจากธงที่ 4 สินะคะ?」

 

 

「ฮ่ะ…เขาคือสหายของผมแล้วก็เป็นผู้มีพระคุณของผมด้วยครับ」

 

ไคลอาถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและเธอรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

ก็จริงว่าซึ่งธงที่ 4 คือหน่วยที่ทำงานนอกเกาะอยู่แล้ว ได้ส่งจินโบไปรับภารกิจมาจากจักรพรรดิ ส่วนที่เขาถูกโซระฆ่าไปก็เพราะตอนนี้บังเอิญว่าโซระอยู่กับดยุกดรากูนอทพอดี ดังนั้นพวกเขาก็น่าจะต้องมาตามเก็บงานที่ค้างคาเอาไว้ด้วยแน่

 

และพอเห็นการกระทำของรากุนะที่เลือกจะใช้ธงที่ 4 ในการช่วยไคลอาแบบนี้อีก เธอก็รู้เป้าหมายของเขาได้ทันทีว่าเขาต้องการให้ธงที่ 4 ฆ่าโซระ

 

ไม่รู้ว่าชิกิบุไม่ทันสังเกตหรือเขาแค่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ

 

แต่จากมุมของเธอ เธอคิดว่านี่คือบททดสอบแรกที่เขาอยากจะให้โซระพิสูจน์มากกว่า

 

 

「ท่านเฮจิน」

 

「ฮ่ะ」

 

「ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่ท่านมาช่วยฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถออกจากเมืองอิชกะไปได้ค่ะ ส่วนเรื่องที่คุณโซระโค่นสิ่งมีชีวิตในตำนานลงได้นั่นเป็นเรื่องจริง แถมพอคุณโซระไปยังเกาะยังไงเดี๋ยวทุกคนก็คงได้ทราบความจริงนี้เป็นแน่ นอกจากนี้หากอ้างอิงจากคำของท่านผู้นำแล้วเมื่อคุณโซระแสดงพลังที่คู่ควรแล้ว เขาก็จะปล่อยคิจินให้คุณโซระดูแล หากเรื่องทั้งหมดดำเนินไปได้ด้วยดี สุดท้ายเดี๋ยวฉันก็จะถูกปล่อยตัวเองค่ะ ฉันจึงมองว่าการหนีไปตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไร」

 

「…เข้าใจแล้วครับ」

 

「ขอพูดย้ำอีกครั้งนะคะ ว่าคุณโซระสามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตในตำนานได้จริง เพราะจากท่าทางแล้วเหมือนท่านจะได้รับคำสั่งอื่นมาด้วย แต่ท่านไม่ควรยุ่งกับคุณโซระและคนรอบตัวของเขาจะดีกว่า นี่คือเตือนในฐานะของคนที่พ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับคุณโซระค่ะ」

 

 

 

「ผมจะจำคำพูดของท่านเอาไว้ครับ」

 

เฮจินก้มศีรษะของเขาและเดินจากไปด้วยเสียงฝีเท้าที่ดูสั่นเทา

 

ทางไคลอาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

 

เพราะสิ่งที่เฮจินพูดก็มีเพียงแค่จำ แต่ไม่ได้บอกสักหน่อยที่เขาจะทำตามที่เธอบอก นั่นก็คงจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว

 

สำหรับธงที่ 4 โซระก็เป็นเหมือนกับศัตรูที่ต้องสังหารเพราะภารกิจที่ได้มามันเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิ เธอก็เข้าใจดีแต่ว่า…..

 

ธงที่ 4 ปกติแล้วก็ได้รับการปฏิบัติจากธงอื่นๆ ด้วยความเย็นชาราวกับไม่มีตัวตน หากเขาไม่สามารถทำภารกิจที่ได้มาจากฝั่งจักรพรรดิให้สมบูรณ์อีก คุณค่าของพวกเขาที่ผู้นำตระกูลเห็นคงร่วงลงกว่าเดิม ดังนั้นโซระกับธงที่ 4 จึงเลี่ยงปะทะกันไม่ได้แน่

 

เธอควรจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับโซระดีหรือเปล่านะ?

 

แต่ถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปบอก ก็หมายความว่าเธอทรยศเกาะ

 

 

แล้วหากว่าเธอไม่บอกกับเขา มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ?

 

เพราะมันก็เป็นตัวโซระเองที่เห็นความเคลื่อนไหวของธงที่ 4 แล้วพาเธอมาที่เมืองอิชกะ ดังนั้นหากไคลอาเอาแต่นิ่งเงียบมันก็น่าจะเป็นสัญญาณบอกแล้วว่าเธอกำลังร่วมมือกับธงที่ 4 อยู่

 

สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้มันมีแค่ทางตัน พอเธอมานึกย้อนดูแล้ว เธอน่าจะอยู่ที่ถ้ำต่อไปคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าจริงๆ

 

เธอได้แต่ถามตัวเองว่า เธอควรจะทำเช่นไรต่อไปดี

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท