การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 127 ผู้บุกรุก

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 127 ผู้บุกรุก

 

ผู้คุ้มกันประตูคฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิคือคนแรกที่สังเกตเห็นได้ว่ากำลังมีใครบางคนเข้ามาใกล้คฤหาสน์

 

โดยชายคนนั้นค่อยๆ เดินขึ้นบันไดยาวที่เชื่อมระหว่างตัวคฤหาสน์กับเมืองชูโตะเอาไว้ ทีละขั้นๆ ราวกับกำลังนับจังหวะเท้าตน

 

 

รูปร่างของเขานั้นสูงใหญ่ราวกับจะทะลุขึ้นไปเหนือกลุ่มเมฆได้ ซึ่งมาพร้อมกับผ้าพันรอบศีรษะจำนวนมากและรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ เหล่าผู้คุ้มกันจึงได้บอกคู่หูของตนและแสดงความระมัดระวังออกมา

 

 

ผู้ที่จะได้รับหน้าที่ในการปกป้องคฤหาสน์ที่นักบุญดาบและครอบครัวของเขาอาศัยอยู่นั้นย่อมไม่ใช่หน้าที่ที่กระจอกงอกง่อย พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นคนของธงที่ 1

 

 

โดยข้อกำหนดขั้นต่ำของผู้ใช้มายาดาบเดียวที่จะเป็นธงที่ 1 ได้อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเข้าถึงศาสตร์ลับของมายาดาบเดียว หรือก็คือพวกเขาสามารถใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าได้

 

 

 

อย่างไรก็ตามนั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่งเพราะในตอนนี้ทั้งสองรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจำนวนมากจากชายที่กำลังเดินเข้ามา เขี้ยวที่แหลมคมได้โผล่ออกมาจากปากของชายที่กำลังยิ้มอยู่ พลังคิอันแกร่งกล้าก็แผ่ออกมาจากร่างของเขาราวกับภูเขาไฟปะทุ

 

 

แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างมากหากธงที่ 1 จะต้องมากลัวกับคู่ต่อสู้ที่ไม่ทราบนามผู้นี้ ในฐานะผู้คุ้มกันประตูแล้วพวกเขาก็เลยเค้นพลังพูดออกมาอย่างสุดเสียง

 

 

 

 

「หยุดอยู่ตรงนั้น! เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดต้องมาที่แห่งนี้ในเวลานี้ด้วย? 」

 

 

 

「เหตุผล งั้นเหรอ? 」

 

 

 

ชายคนนั้นไม่ได้หยุดเดินและหัวเราะลั่นขึ้น

 

 

 

 

「ฮ่าๆๆๆ! ถามได้สบายใจกันจริงๆ เลยนะเจ้าพวกผู้ทรยศเอ๋ย! ในสถานการณ์เช่นนี้ที่ศัตรูแทบจะหายใจรดต้นคอพวกเจ้า พวกเจ้าก็ยังจะมาถามคำถามโง่เง่าพวกนี้อีก มันจะไปมีประโยชน์อันใดเล่า เอาล่ะเตรียมรับมือ!!!」

 

 

 

「คึก! อาภรณ์――」

 

 

 

「ช้าเกินไปแล้วว้อย!」

 

 

 

 

ด้วยเสียงคำรามอันดังลั่น ความเร็วของชายคนนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันจนทำให้พื้นที่โดยรอบระเบิดกระจุยกระจาย ร่างขนาดยักษ์ที่ทำให้นึกถึงหมีตอนนี้ได้กลายเป็นวายุคลั่งเข้าโจมตีผู้คุ้มกันประตูเสียแล้ว

 

 

ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัว กำปั้นของชายคนนั้นก็ได้ชกทะลุท้องของพวกเขาไปแล้ว แน่นอนว่ามันไม่ใช่กำปั้นธรรมดา――แต่มันคือกำปั้นที่เคลือบด้วยพลังคิทะลวง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดแรงระเบิดขึ้นภายในร่างของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะชุดเกราะหรือเกราะคิก็ไม่อาจจะป้องกันการโจมตีดังกล่าวได้เลย

 

แม้จะเป็นนักรบระดับสูงแห่งธงทั้ง 8 ซึ่งสวมฮาโอริสีน้ำเงินซึ่งหลายๆ คนหมายปองว่าจะได้สวมในสักวันหนึ่งก็มิอาจจะป้องกันการโจมตีของชายผู้นี้ได้

 

 

 

 

 

「อึ.คึก?!」

 

 

 

 

ผู้คุ้มกันรู้สึกได้ถึงแรงกระทบมหาศาลที่เกิดขึ้นในร่างของตน ก่อนที่วินาทีต่อมาเลือดจำนวนมากจะพุ่งออกมาจากปากของผู้คุ้มกัน ไส้ของของเขาถูกบีบเอาไว้ก่อนจะถูกชักออกมาแล้วฉีกเป็นชิ้นๆ ด้วยแรงเพียวๆ เลือด เครื่องใน และชิ้นส่วนต่างๆ ของร่างกายได้กระจายอยู่ทั่วบันไดหิน

 

 

 

คงไม่ต้องบอกว่าสภาพของเขาตอนนี้จะเรียกว่าปลอดภัยได้อีกหรือไม่ พอผู้คุ้มกันคนแรกล้มลงไปจมกองเลือดของตน มันก็คือวินาทีเดียวกับที่เขาได้ลาโลกใบนี้ไป

 

 

แน่นอนว่าชายคนนั้นไม่ได้รอยืนยันว่าคนที่เขาโจมตีไปจะอยู่หรือตาย ทันทีที่เขาชกหมัดแรกใส่ผู้คุ้มกันคนที่หนึ่งเสร็จ เขาก็พุ่งเข้าไปหาอีกคนทันที

 

 

 

ความเร็วของเขามันมากพอที่จะทำให้พวกคุ้มกันอีกคนซึ่งสามารถเอาอาภรณ์วิญญาณของตนออกมาได้แล้วก็ยังถูกมือขวาของเขาจับไปที่ใบหน้าของผู้คุ้มกัน แล้วยกร่างนั้นขึ้นด้วยแรงกายของเขาเอง

 

「คุ อึก……!」

 

 

เสียงกะโหลกของผู้คุ้มกันได้ส่งเสียงร้าวออกมา ราวกับจะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของชายคนนั้นที่กระทำกับร่างของผู้คุ้มกัน

 

 

 

ผู้คุ้มกันที่รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากได้พยายามแกว่งอาภรณ์วิญญาณของตนไปมาอย่างสิ้นหวัง จนในที่สุดมันก็ได้พุ่งไปโดนร่างของชายคนนั้น ทว่าอาวุธที่น่าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของอนิม่ากลับถูกกล้ามเนื้อที่เปลือยเปล่าของชายคนนั้นสะท้อนกลับมา

 

 

 

「อ่อนแอ อ่อนแอ อ่อนแอจริงๆ! ช่างเปราะบางเสียนี่กระไร! พวกเจ้าจะอยู่กันอย่างสงบสุขเกินไปแล้ว! นี่น่ะหรือผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณ แค่ชักดาบฟันใส่ศัตรูของตนก็ยังทำได้ไม่ดีเลยสักนิด!」

 

 

 

「คึก…น่ะ-!? 」

 

 

「ถึงแม้จะเป็นพวกผู้ทรยศเหมือนกัน แต่ถ้าฝีมือยังไม่เท่าไหร่….ก็หมายความว่าข้าต้องเข้าไปให้ลึกกว่านี้สินะถึงจะเจอของจริง」

 

 

พอเขาพูดจบ ท้องของชายคนนั้นก็สั่นและส่งเสียงหัวเราะออกมา

 

 

 

「ฮ่าๆๆๆ! แค่รู้ว่ายังเหลืออีกเยอะเลยก็เกินพอแล้ว! เอาละมาดูกันหน่อยซิว่าข้าจะพาพวกผู้ทรยศลงหลุมไปด้วยได้อีกสักกี่คน แต่ถ้าเป็นไปได้ข้าก็หวังว่าจะพาไปด้วยได้หมดเกาะเลยนะ!!」

 

 

ชายคนนั้นได้ทำการส่งพลังไปยังแขนขวามากขึ้น กล้ามเนื้อของเขาเริ่มขยายตัวราวกับเป็นคลื่นยืดหดไปมา ก่อนจะรวบรวมเอาพลังทั้งหมดนั้นไว้ตรงนิ้วมือของเขา

 

 

ในตอนนี้ผู้คุ้มกันไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้อีกแล้ว ร่างกายของเขาก็ห้อยต่องแต่งไปมาอยู่บนมือขวาของชายคนนั้น

 

 

แน่นอนว่าหากชายคนนั้นเพิ่มแรงอีกสักนิด กะโหลกศีรษะของผู้คุ้มกันก็น่าจะแหลกละเอียด….ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ทำนี่――

 

 

 

「ช่วยเป็นผู้บุกเบิกยมโลกไปกับเพื่อนของเจ้าก่อนแล้วกัน แล้วก็ฝากบอกยมบาลด้วยนะว่าข้าจะส่งไปเพิ่มอีกเยอะเลย!!」

 

 

 

 

เขาหมายจะบดขยี้ส่วนหัวของผู้คุ้มกันพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นเขาก็ทำการปล่อยมือและกระโดดถอยด้วยความรวดเร็ว

 

 

เพราะเพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นเองประกายแสงบางอย่างก็ได้พุ่งผ่านบริเวณจุดที่แขนขวาของชายคนนั้นเคยยืนอยู่

 

 

ร่างของผู้คุ้มกันได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นก่อนจะเกิดเสียงโครมครามขึ้น แต่ชายคนนั้นก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไร แล้วจ้องมองไปยังศัตรูคนใหม่ที่ปรากฏแทน

 

 

 

เขาคือชายหนุ่มผู้ถือดาบสองมือสีทอง ซึ่งเดินเข้ามาโดยไม่ได้เกรงกลัวต่อสายตาของชายคนนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

「ฉันมิตสึรุกิ รากุนะ หากแกมีชื่อก็จงเอ่ยมันออกมาซะ เพราะฉันจะต้องเอาไปติดไว้กับคอของแกที่ถูกตัด」

 

 

「ฮ่าๆๆๆ! ช่างเป็นเด็กน้อยที่ดูร่าเริงจังเลยนะ ก็จริงอยู่ว่าข้าไม่อยากให้พวกผู้ทรยศเอ่ยนามของข้าออกมา แต่ไหนๆ เจ้าก็ทำถึงขั้นนี้แล้ว…ได้สิ ข้าอิซากิ 1 ใน 16 หอก นักรบแห่งกษัตริย์คาซาน!」

 

 

 

ทันทีที่พูดจบ ชายคนนั้น――อิซากิก็ได้ถอยผ้าพันศีรษะออก เผยให้เห็นเขาสีดำที่เป็นประกายบนหัว

 

 

 

ดวงตาของรากุนะสั่นไหวทันทีที่ได้เห็นมัน

 

 

 

 

 

 

「คิจิน เป็นพวกแกเองสินะที่สร้างความวุ่นวายตรงกำแพงเมือง? 」

 

 

 

「ของมันแน่อยู่แล้ว งั้นข้าของถามเจ้าบ้างแล้วกัน เจ้าที่เรียกตัวเองว่ามิตสึรุกิ――ก็แปลว่าเป็นหนึ่งในพวกมิตสึรุกินั่นสินะ? 」

 

 

 

จากน้ำเสียงที่ดูสบายๆ กลับกลายเป็นน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเกลียดชังและความเคียดแค้น

 

 

 

ดวงตาของเขาเบิกโพลงออกมาราวกับจะระเบิดได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

 

 

 

เพียงพริบตาเดียว ข้างๆ อิซากิก็มีอายากะ อาซึระอิโผล่มาราวกับสายลม แล้วเข้าไปยกร่างของผู้คุ้มกันที่หมดสติไปอยู่ แต่ทางอิซากิก็ไม่ได้สนใจอะไรและจ้องมองไปยังรากุนะเพียงผู้เดียว

 

 

ตอนนี้รากุนะเป็นเพียงคนเดียวที่ตกเป็นเป้าหมายของการจ้องมองที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นนี้

 

 

 

 

「ระวังปากของแกให้ดีด้วย พวกฉันคือผู้พิทักษ์แห่งประตูปีศาจที่สืบทอดปณิธานของนักบุญดาบรุ่นแรก ศัตรูของเหล่าคิจิน ฉันคือลูกชายของนักบุญดาบรุ่นที่ 17 มิตสึรุกิ ชิกิบุ มิตสึรุกิ รากุนะ ฝากบอกยมบาลด้วยแล้วกันนะ ว่าเดี๋ยวจะมีคิจินอีกจำนวนมากถูกฆ่าโดยทายาทของตระกูลมิตสึรุกิ」

 

 

 

ทันทีที่รากุนะเผยตัวตนทั้งหมดของเขาเสร็จ ดวงตาของอิซากิก็เปลี่ยนไป มันไม่ใช่สายตาแห่งความเกลียดชังอีกแล้ว

 

 

หากจะให้อธิบายมันก็คงจะเป็นดวงตาที่รู้สึกถึงความปีติยินดี จนทำให้อิซากิต้องขอขอบพระคุณสวรรค์และพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานโชคนี้มาให้กับตัวเขา

 

 

「ฮ่าๆๆๆๆ!! น่าประหลาดใจยิ่งนัก ข้าคิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าจะได้พบกับหัวหน้าของพวกผู้ทรยศเร็วขนาดนี้! นี่แหละคือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ของพวกข้า ได้โปรดดูไว้เถิดท่านกิเอน จากนี้ไปหอกของท่านจะเป็นคนส่งลูกหลานของพวกผู้ทรยศที่แสนขี้ขลาดและน่ารังเกียจไปสู่ยมโลกเอง」

 

 

อิซากิผู้ได้สาบานตนกับเจ้านายผู้ล่วงลับของเขาเสร็จ ก็เริ่มนำอาภรณ์วิญญาณของตนออกมาใช้ในทันที

 

 

 

 

「เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ (อาภรณ์แห่งจิต) ――จงล่าสังหารดวงตะวัน โคโฮ!!」

 

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

มีคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเมืองชูโตะ ซึ่งใกล้กับคฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิ

 

พื้นที่ของมันมีขนาดใหญ่ และการออกแบบก่อสร้างก็ดูแข็งแรง การป้องกันรอบนอกก็แข็งแกร่ง เพราะมันถูกออกแบบมาให้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและป้อมปราการนั่นเอง เผื่อในกรณีที่มีศัตรูสามารถบุกเขามาภายในเมืองชูโตะได้

 

 

หากสังเกตถึงที่ตั้งดูแล้ว ก็คงเดาไม่ยากว่าผู้สร้างคฤหาสน์แห่งนี้ต้องการจะใช้มันในการปกป้องตระกูลมิตสึรุกิที่อยู่ใกล้เคียง

 

 

โดยในอดีตนั้นคฤหาสน์แห่งนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลอันทรงเกียรติแห่งเกาะอสูรยักษ์อย่างสกายชิพ แต่ทว่าเมื่อมาถึงรุ่นปัจจุบันตระกูลดังกล่าวกลับตกต่ำลงเป็นอย่างมาก กลับกันทางตระกูลได้ขึ้นมามีอำนาจแทนพวกเขา

 

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลสกายชิพต้องโอนกรรมสิทธิ์ของคฤหาสน์แห่งนี้ไปยังตระกูลเบิร์ชแทน แน่นอนว่าทางสกายชิพก็ต่อต้านการกระทำของกิลมอร์อย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเหลวไปเมื่อแผนของกิลมอร์ได้ดึงเอามิตสึรุกิ ชิกิบุเข้ามาปิดท้าย

 

 

และเมื่อคฤหาสน์ถูกออกแบบมาให้รับมือกับภัยสงคราม สถานที่แห่งนี้จึงได้มีคุกใต้ดินอยู่ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะพวกเขาสามารถจับข้าศึกหรือพวกคนทรยศมาขังไว้ได้ทันที

 

 

เอาเป็นว่าทุกอย่างที่กล่าวมามันก็เป็นประโยชน์ต่อกิลมอร์ทั้งสิ้น แม้จะไม่ใช่ช่วงสงคราม แต่คุกใต้ดินนี้กิลมอร์ก็มักจะใช้เป็นสถานที่ในการกักขัง ลงโทษ และกำจัดผู้ที่ไร้ความสามารถหรือผู้ทรยศเขาในบางครั้ง

 

 

――เสียงหยุดน้ำค้างที่อยู่เหนือเพดานได้ย้อยลงมาเป็นจังหวะ

 

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคุกใต้ดินแห่งนี้ แต่ในวันนี้มันดันมีเสียงอื่นเข้ามาแทรกด้วยนั่นเอง

 

 

 

มันคือเสียงสั่นสะเทือนของพื้นดินอย่างรุนแรงที่ดังมาแล้วสักพักหนึ่ง แถมแรงของมันก็มากพอจะทำให้รู้สึกว่าคุกใต้ดินแห่งนี้อาจจะถล่มลงไปเลยก็ได้

 

 

ไคลอา เบิร์ชได้พยายามมองไปรอบๆ ที่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนจะควบคุมสติอันเลือนรางของตนไม่ให้จมลงไปในความมืด

 

 

 

เนื่องจากว่าคุกดังกล่าวออกแบบมาไม่ให้สามารถมองเห็นว่ามีนักโทษคนอื่นนอกจากตนหรือเปล่า นอกจากนี้หากมีการส่งเสียงผู้กระทำการดังกล่าวก็จะถูกเฆี่ยนด้วยแส้ แน่นอนว่าไคลอา เบิร์ชที่เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลเบิร์ชและยังเป็นนักรบธงแห่งผืนป่าก็ไม่ยกเว้น

 

 

อันที่จริงไคลอาก็สามารถเอาอาภรณ์วิญญาณของตัวเองออกมาใช้ได้ แต่หากเธอเลือกทำแบบนั้น ลิ่มที่ตอกเข้าไปในร่างของเธอก็จะฉีกกระชากร่างของเธอออกมาด้วยรุนแรง นั่นทำให้ไคลอาตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีตวัยเด็กของเธอ

 

 

สภาพของเธอในตอนนี้คือถูกล็อกมือทั้งสองไว้ด้านหลังและขาของเธอก็ถูกล็อกให้เหมือนกับอยู่ในสภาพคุกเข่าอยู่กับพื้นแม้ว่ามือเท้าของเธอจะยังพอสามารถขยับได้อยู่ แต่เธอก็ไม่มีความคิดจะหลบหนีเลยสักนิด

 

 

 

อันที่จริงแม้จะไม่มีปลอกคอ โซ่ตรวนอะไรมากักขังเธอไว้ เธอก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเธอคือนักโทษที่ไม่มีทางหนีรอดพ้นจากตระกูลไปได้ตั้งแต่อดีต….นั่นคือสิ่งที่เธอถูกสั่งสอนมาในวัยเด็ก

 

 

 

 

 

「…แรงสั่นสะเทือนนี่…มันอะไรกันนะ」

 

 

ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นแผ่นดินไหว พอมันเกิดนานๆ เข้าเธอก็มองว่ามันน่าจะเป็นมอนสเตอร์ขนาดยักษ์เข้ามาโจมตีเกาะ แต่มันต้องเป็นมอนสเตอร์ตัวไหนกันล่ะที่จะสามารถทำให้คุกใต้ดินที่อยู่ใจกลางของเมืองชูโตะสั่นสะเทือนได้ขนาดนี้

 

 

 

ไม่นานมานี้ เธอได้เห็นเผ่าพันธุ์ในตำนานปรากฏขึ้นมาที่เมืองอิชกะ หากให้เทียบระดับการสั่นสะเทือนแล้ว――พอเธอนึกได้แบบนี้ เธอก็ส่งเสียงคร่ำครวญออกมา

 

 

 

 

「……จะ..ต้อง……!」

 

 

 

ชุดที่เธอสวมตอนนี้คือกิโมโน――ไม่สิถ้าจะให้พูดมันคือซากของกิโมโนมากกว่า ลำคอ ต้นแขน ต้นขา ของเธอเปลือยเปล่าไปหมดแล้วอีกทั้งยังเต็มไปด้วยรอยแผลที่เกิดจากการเฆี่ยน แถมยังมีหลายจุดที่มีสีแดงเลือดออกมาให้เห็น แสดงว่ามันไม่ใช่แผลเก่า

 

 

 

――ถ้าคลิมได้มาเห็นสภาพตอนนี้ของเธอเขาคงอยู่ไม่สุขแน่

 

 

 

สติที่พร่ามัวของเธอเริ่มทำให้นึกเตลิดไปทั่ว เธอก็เลยอดยิ้มออกมาไม่ได้ แถมดูเหมือนว่าเพราะสติของเธอในตอนนี้มันยังทำให้เธอนึกถึงเรื่องอะไรที่ไม่จำเป็นอีก

 

 

 

นี่อาจจะเป็นสัญชาตญาณที่ช่วยทำให้ร่างกายของตัวเองบรรเทาความเจ็บปวดลงด้วยก็ได้

 

 

ทันใดนั้นเอง พื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง พื้น ผนัง เพดานคุกใต้ดินได้เกิดเสียงดังขึ้น

 

 

ไคลอาที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มคิดบ้างแล้วว่าบางทีตนอาจจะต้องถูกฝังทั้งเป็นอยู่ภายในคุกใต้ดิน

 

 

แต่แล้ววินาทีต่อมาเธอก็ได้ยินเสียง ปัง ปัง ปัง มันคือเสียงที่ใช้เท้าในการกระแทกอะไรบางอย่างด้วยความรุนแรง

 

 

เสียงนั้นมันค่อยๆ ไล่มาตามห้องขังแต่ละห้องเรื่อยๆ ไคลอารู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานมันก็น่าจะมาถึงห้องที่เธออยู่ และแล้ว――

 

 

 

 

「สภาพดูไม่จืดเลยนะ โฮ่ย」

 

 

 

 

เมื่อได้เห็น มิตสึรุกิ โซระโผล่เข้ามาในสายตาของเธอ ดวงตาของสีแดงของไคลอา เบิร์ชก็เบิกกว้างขึ้นทันที

 

——–

Note 1 : มาช่วยเมียละจ้า รอดูรากุนะโดนตบหน้าสั่น

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท