การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 132

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 132 ร่วมรบ

 

「ทุกคน เตรียมรับมือ!」

 

 

 

นั่นคือเสียงของมอร์แกน สกายชิพที่ดังจนทำให้ต้นไม้โดยรอบสั่นสะเทือนได้ ในฐานะผู้บัญชาการของหน่วยอพยพ เขามีหน้าที่ในการสั่งการนักรบแห่งผืนป่าทั้งหมดในที่แห่งนี้

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มอร์แกนก็ได้นำอาภรณ์วิญญาณของตัวเองออกมารับการโจมตีของโอเค็น

 

 

 

พายุพุ่งมาราวกับใบมีดที่มองไม่เห็น แต่หากได้เอาดาบเข้าไปปะทะกับมันแล้วก็จะสัมผัสได้ทันทีถึงแรงกระทบ หากเป็นนักรบธรรมดา พวกเขาคงจะได้ปลิวไปพร้อมกับอาภรณ์วิญญาณแล้วเป็นแน่

 

 

แต่นี่คือมอร์แกน ผู้ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าหน่วยของธงที่ 6 แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว เทคนิคการใช้ดาบของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย เขาสามารถปัดป้องแล้วเบี่ยงสายลมกระโชกของโอเค็นได้อย่างความชำนาญ

 

 

โอเค็นที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะด้วยจะงอย ออกมาราวกับจะเย้ยหยัน

 

 

เมื่อทั้งสองได้เริ่มเผชิญหน้ากันแล้ว ทางซิดนีย์กับซาอิก็ไม่รอช้า แต่พวกเขาไม่ได้มีเป้าหมายเป็นโอเค็น เป้าหมายที่พวกเขาต้องเผชิญในคราวนี้ก็คือคิจินที่ทำการโจมตีพวกภรรยาและภรรยาน้อยของผู้นำตระกูลซึ่งอยู่ด้านหลัง

 

 

 

 

『อาภรณ์วิญญาณ!』

 

 

 

 

มันคือเสียงของซาอิและซิดนีย์ที่ซ้อนทับกัน ทันใดนั้นเองอาภรณ์วิญญาณของทั้งสองก็ปรากฏขึ้นที่มือพวกเขา

 

 

ทางด้านของซาอินั้นเป็นหอกที่ชวนให้นึกถึงพี่ชายของเขาอย่างชูคุยะ หากจะมีส่วนต่างก็คนจะเป็นที่สีของมัน เพราะหอกของพี่ชายเขานั้นคือหอกสีดำราวกับเงามืด ส่วนของซาอินั้นเป็นหอกสีแดงราวกับเลือด

 

 

 

 

「จงบิดเบือนและขยายออก ลองกินุส (สังหารนักบุญ) !」

 

 

 

 

หอกสีแดงฉานพุ่งไปในอากาศด้วยความเร็วอันมหาศาล ราวกับตอนสนองเสียงของผู้ใช้งาน โดยปลายทางนั้นคือคิจินตนหนึ่ง

 

 

ทางฝั่งคิจินก็ตอบสนองด้วยการใช้ร่างของภรรยาน้อยคนหนึ่งเป็นเกราะกำบังเอาไว้

 

 

 

ทว่าถึงซาอิจะเห็นเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่ได้คิดจะหยุดโจมตีเลยสักนิด ในขณะที่ปลายหอกสีแดงกำลังจะแทงร่างของภรรยาน้อย――ทิศทางของมันก็เปลี่ยนไป

 

ปลายของหอกมันได้บิดตัวออกจากกัน และเคลื่อนไหวผ่านร่างภรรยาน้อยไปราวกับงูแล้วเข้าโจมตีคิจิน

 

 

 

 

「อะไรกัน?!」

 

 

 

 

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของคิจินในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาคาดไว้มาก่อน นั่นจึงทำให้เกิดเสียงแห่งความตกใจออกมาจากปากของเขา แม้ว่าเขาจะพยายามเบี่ยงตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเลี่ยง การโจมตี แต่ปลายของหอกลองกินุสก็ได้ทะลวงเข้าไปยังบริเวณสีข้างของคิจินเสียแล้ว

 

 

 

 

 

「คึก!」

 

 

คิจินส่งเสียงกระอักออกมาก่อนจะเหวี่ยงภรรยาน้อยที่เขาจับเอาไว้อยู่ลงไปที่พื้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนที่ร่างของตนจะร่วงหล่นลงไปด้วย นอกจากนี้นั่นก็คงเป็นการดีกว่าหากจะรับมือกับหอกที่ผิดแปลกนี้จากทางพื้นแทนที่จะเป็นกลางอากาศ

 

 

 

ร่างอันบอบบางของหญิงสาวที่ถูกเหวี่ยงลงมากระแทกพื้นร้องเสียงหลงออกมา แต่ซาอิก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากเธอไม่ได้เป็นภรรยาหลวงอย่างเอ็มมะแม่ของรากุนะ แถมซาอิก็ไม่อยากจะช่วยเหลือภรรยาน้อยที่กระทั่งชื่อตนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าตอนนี้เธอก็หลุดมาจากคิจินได้แล้วที่เหลือก็พยายามเอาตัวรอดเองก็แล้วกัน

 

ตรงกันข้ามกับซาอิ ทางด้านซิดนีย์ สกายชิพได้พยายามหาโอกาสที่จะเอาชนะคิจินและช่วยเหลือตัวประกันไปพร้อมกัน

 

 

 

 

 

「จงร่ำไห้ มุราซาเมะ!」

 

 

มุราซาเมะ อาภรณ์วิญญาณของซิดนีย์นอกจากในเรื่องความสามารถของมันแล้วรูปลักษณ์ที่สวยงามของมันก็เป็นจุดขายอีกอย่างหนึ่ง พอบวกเข้ากับรูปร่างหน้าตาอันสวยงามของเขาด้วยแล้ว ชื่อเสียงของเขาภายในหมู่นักรบแห่งผืนป่าจึงเรียกได้ว่าสวยสุดยอด

 

 

บริเวณตัวดาบนั้นจะมีหยดน้ำจับตัวกันเป็นก้อนอยู่รอบๆ เพียงแค่การแกว่งเพียงครั้งเดียวก็สามารถสร้างสายหมอกขึ้นมารอบๆ ได้ และหากแกว่งมันอีกครั้งก็จะสามารถสร้างพายุฝนที่โหมกระหน่ำได้ นอกจากนี้หมอกดังกล่าวยังช่วยในการสร้างภาพลวงตาอีกด้วย

 

 

ซิดนีย์ก็เลยใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการสร้างภาพลวงตาขึ้นมาที่ด้านหลังของคิจินอีกทีเพื่ออาศัยจังหวะที่คิจินผงะ ร่นระยะห่างแล้วทำการช่วยเหลือตัวประกัน

 

 

 

ด้วยความสามารถของนักรบแห่งผืนป่าทั้งสอง ตัวประกัน 2 ใน 3 จึงสามารถถูกช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว

 

 

และแล้วตัวประกันคนสุดท้ายก็ถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

 

 

 

คิจินที่ทำการอุ้มทารกเอาไว้อยู่ได้ส่งเสี่ยงกรีดร้องและร่วงลงสู้พื้น นั่นคือฝีมือของเซซิล ชิมะ น้องสาวของโกซุ ผู้พุ่งเข้าไปด้านหลังของคิจินอย่างรวดเร็วก่อนที่คิจินจะรู้สึกตัวเสียอีก โดยในมือของเธอนั้นมีดาบยาวสีน้ำเงินแวววาวอยู่

 

 

 

 

 

「ท่านแม่สุดยอด!」

 

 

อิบุกิลูกชายของเซซิล ส่งเสียเชียร์แม่ของเขาที่กำลังร่อนลงมาสู่พื้นพร้อมอาภรณ์วิญญาณในมือซ้ายและทารกในมือขวา

 

 

 

พอมอร์แกนเห็นว่าทุกคนสามารถช่วยเหลือตัวประกันได้แล้ว ก็พูดกับโอเค็นอย่างใจเย็น

 

 

 

「ทีนี้ก็เป็น 4 ต่อ 4 โดยสมบูรณ์แล้วสินะ กับบุตรแห่งไทซานแบบเจ้าน่าจะใช้เวลาสัก 5 นาทีได้ อย่าได้คิดว่าจะใช้อุบายใดๆ ได้อีก เพราะข้าจะทำการท้าทายเจ้าแบบตรง――――คึก!? 」

 

 

 

ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แล่นเข้ามาที่สีข้างของมอร์แกน บริเวณดังกล่าวมันช่างร้อนราวกับถูกเหล็กคมเสียบเอาไว้อยู่

 

 

 

ได้อย่างไรกัน โอเค็นที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหว คิจินที่อยู่ด้านหลังก็มีทางซิดนีย์ ซาอิ เซซิลคุมเชิงเอาไว้

 

 

 

พอมอร์แกนหันกลับไปดูด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ก็พบว่ามีคิจินตนที่ 5 ไม่สิไม่ใช่5 เพราะขณะที่มอร์แกนกำลังถูกโจมตีจากด้านหลัง ทางพวกซิดนีย์ก็ถูกลอบโจมตีไม่ต่างกัน

 

 

 

หรือก็คือ จำนวนของพวกเขาในตอนนี้เป็น 4 ต่อ 8 พอรู้ตัวแบบนั้นแล้วทางโอเค็นก็ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาใส่มอร์แกนที่ประหลาดใจอยู่

 

「 4 ต่อ 4? บอกว่า 5 นาทีงั้นหรือ? ฟุฟุฟุ เหมือนจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยนะ คิดจริงๆ หรือว่าบุตรแห่งไทซานผู้นี้จะมีผู้ติดตามเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น? แล้วทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะแสดงไพ่ในมือตัวเองทั้งหมดแต่แรกกัน? 」

 

 

 

ต่อจากการใช้ตัวประกัน ก็ทำการนำกองกำลังที่ยังซุ่มไว้อยู่ออกมาโจมตี ระหว่างนั้นก็ใช่คำพูดของตัวเองในการหลอกล่ออีกฝ่าย เพื่อให้ตายใจแล้วทำการจัดการซะ นั่นคือแผนของโอเค็น

 

 

 

อันที่จริงหากโอเค็นต้องการจริงเขาก็สามารถโจมตีศัตรูโดยไม่ต้องใช้อุบายใดๆ เลยก็ได้ แต่การกระทำแบบนั้นมันก็มีค่าแลกเปลี่ยนอยู่

 

 

 

เพราะคราวนี้กองกำลังที่โอเค็นนำมาด้วยนั้นคือกองกำลังส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางนากายามะ พวกเขาคือนักรบของไทซานที่ทางโอเค็นใช้ประโยชน์จากการที่ตนเป็นสาวกของลัทธิแห่งแสงยืมสมบัติศักดิ์สิทธิ์มาจากทางลัทธิเพื่อปกปิดตัวตนของเขากับลูกน้อง

 

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดการสูญเสียของผู้ใต้บังคับบัญชาในช่วงสงคราม และก็เพราะแผนการดังกล่าวด้วยจึงทำให้มอร์แกนไม่ได้ตายในทันทีที่โดนลอบโจมตี

 

 

เมื่อเห็นมอร์แกนล้มลงกับพื้นในขณะที่กระอักเลือดออกมา ซิดนีย์ก็กรีดร้อง

 

 

 

 

「ท่านปู่!」

 

 

 

「ซิด อย่าละสายตาจากศัตรูสิ!」

 

 

 

ซิดนีย์ที่ได้ยินเสียงดุของซาอิก็ได้สติขึ้น แต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันก็ไม่ใช่การสู้แบบตัวต่อตัวเสียแล้ว หากแสดงช่องว่างออกมาให้เห็นคงไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก

 

เพราะแบบนั้นเองในจังหวะที่เขาสติหลุดไปเพียงชั่วครู่ ซิดนีย์ก็ถูกพุ่งเข้ามาโจมตีทันที ถึงแม้ว่าจะไม่มีเวลาพอสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้ทัน แต่เขาก็สามารถหลุดพ้นจากการฟันมาจากทั้งทางซ้ายและขวาได้อย่างหวุดหวิด ระหว่างนั้นเองเสียงโอดโอยแห่งความเจ็บปวดจากมอร์แกนก็ไม่ได้หยุดลง

 

 

สิ่งที่ซิดนีย์ทำได้ในตอนนี้มีเพียงกัดฟันทน

 

 

เป้าหมายของศัตรูคือการทรมานมอร์แกนเพื่อดึงความสนใจของซิดนีย์ ถึงตัวซิดนีย์ก็จะรู้ดีอยู่แล้วแต่เขาก็ไม่สามารถสงบสติได้จริงๆ เพราะสำหรับเขาแล้วมอร์แกนคือญาติเพียงคนเดียวของเขาที่ยังเหลืออยู่ หลังจากที่พ่อกับแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เขาอายุยังน้อย ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่ซิดนีย์จะเพิกเฉยต่อเสียงแห่งความเจ็บปวดของปู่ที่เลี้ยงดูเขามาดุจดั่งพ่อแม่

 

 

 

แน่นอนว่าพวกนักรบของไทซานไม่ยอมพลาดโอกาสครั้งที่สอง

 

 

 

「คึก?!」

 

 

คิจินที่อยู่ทางด้านซ้ายได้พุ่งเข้ามาโจมตีแบบเอาตัวเข้าแลก ทางซิดนีย์ที่เห็นแบบนั้นก็รู้ดีว่ารอบนี้คงหลบไม่ทันเลยต้องทำการปะทะตรงๆ

 

 

 

พอเป็นแบบนั้นแล้วด้านหลังของเขาจึงไร้การป้องกัน คิจินที่อยู่ทางด้านขวาก็เลยสบโอกาสในการเข้าโจมตี ปลายดาบของคิจินได้มุ่งไปยังซิดนีย์

 

 

 

การฟันดังกล่าวนั้นรุนแรงถึงชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าก็มีหอกสีแดงพุ่งออกมาขวางดาบที่กำลังจะฟันร่างของซิดนีย์

 

 

หอกนั้นเป็นหอกของซาอิ คุมอน

 

 

ด้วยการช่วยเหลือนี้ซิดนีย์จึงรอดจากการถูกฟันมาได้ แต่กลับเป็นทางซาอิเสียเองที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านหลังและแขนขวาของตน นั่นเป็นฝีมือของคิจิน 2 ตนที่กำลังต่อสู้กับซาอิ

 

 

หยดเลือดได้ไหลออกมาจากบาดแผลของซาอิ ทุกครั้งที่เลือดไหล แรงจับหอกที่มือขวาของซาอิก็จะเริ่มหายไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาต้องมายืนหลังชนกับซิดนีย์ในสภาพที่โรยรินและเปลี่ยนไปจับหอกด้วยมือซ้ายแทน

 

 

 

 

 

「…ซาอิ ฉันขอโทษ…」

 

 

 

「เดี๋ยวเถอะ ในเวลาแบบนี้นายควรจะพูดขอบคุณสิ」

 

 

 

「…นั่นสินะ ขอบคุณนายจริงๆ ซาอิ」

 

 

 

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันช่วงสั้นๆ พวกคิจินก็ได้เริ่มร่นระยะห่างเข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้จาก 1 ต่อ 2 ก็กลายเป็น 2 ต่อ 4 เสียแล้ว นอกจากนี้ซิดนีย์ก็พบว่ามอร์แกนได้ถูกจับเป็นตัวประกันเรียบร้อยแล้ว

 

 

ในสถานการณ์แบบ ผลการต่อสู้คงถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว――นั่นคือสิ่งที่โอเค็นคิด

 

 

 

 

ตอนนี้ก็เหลือแค่จัดการกับภรรยาน้อยที่เป็นนักรบนั่น ทว่ารายนี้ดันเคี้ยวยากกว่าที่คิดเพราะเธอสามารถปัดป้องการโจมตีของพวกคิจินและรับมือกับการโดนรุมได้อย่างอยู่หมัด นอกจากนี้ก็ยังสามารถปกป้องพวกคนที่เหลือซึ่งอยู่รอบๆ เธอได้อีกด้วย

 

 

เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นพวกนักรบแห่งผืนป่าที่ปลอมตัวมาเป็นภรรยาน้อย หรือเป็นภรรยาน้อยที่เคยเป็นนักรบแห่งผืนป่ามาก่อน เอาเป็นว่าเธอคือคู่ต่อสู้ที่รับมือไม่ได้ง่ายๆ

 

 

 

――หากเป็นแบบนี้ก็ต้องใช้จุดอ่อนของศัตรูเข้ามาช่วย นี่คือกลยุทธ์ของโอเค็นและนี่ยังเป็นหลักการของไทซาน จงหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะที่ง่ายดายที่สุด

 

ด้วยเหตุนี้เอง โอเค็นจึงได้จ้องมองไปยังเด็กชายคนหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เขาเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่

 

 

 

「อยากจะรู้จริงๆ ว่าพวกนักรบของตระกูลมิตสึรุกิจะยังรักษากฎเหล็กของตัวเองได้ไหมหากลูกของตัวเองถูกจับเป็นตัวประกัน ฟุฟุ น่าสนใจจริงๆ 」

 

มอร์แกนตอนนี้ก็อยู่ในสภาพคุกเข่าอยู่กับพื้น เท้าทั้งสองถูกตรึงไว้ส่งผลให้ทางซาอิและซิดนีย์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามสะดวกไปด้วย ทางเซซิลเองก็ทำได้เพียงปกป้องคนที่เหลืออย่างสุดความสามารถ

 

โอเค็นที่สบโอกาสก็ได้พุ่งเข้ามาหาอิบุกิโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และคนที่สังเกตเห็นเขาเป็นคนแรกก็คือมิตสึรุกิ เอ็มมะซึ่งกำลังพยายามปกป้องอิบุกิอยู่ด้านหลัง

 

เธอได้เอาตัวมาบังอิบุกิเอาไว้และหยิบกริชที่ซ่อนอยู่ในอกของเธอออกมา

 

เอ็มมะไม่ได้มีความสามารถในด้านการต่อสู้ กริชดังกล่าวก็ไม่ใช่เครื่องมือสำหรับไว้ป้องกันตัว แต่เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงความอัปยศเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู

 

โอเค็นที่เห็นแบบนั้นก็จิกจะงอยปากของตนแล้วเย้ยหยัน

 

「คิดว่าจะทำอะไรข้าได้ด้วยของทื่อๆ แบบนั้นเหรอ ดูจากการแต่งตัวแล้วเจ้าก้ไม่น่าจะใช้ภรรยาน้อยเสียด้วย เจ้ามีชื่อว่าอะไร? 」

 

「…ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยนามกับพวกที่ไร้อารยธรรมและหยาบคายแบบแก」

 

「งั้นเหรอ เอาเถอะไม่ว่าจะเป็นใครจุดจบก็ไม่ต่างกันนักหรอก พวกเด็กและผู้หญิงทุกคนที่นี่จะต้องถูกควักลูกตาเรียงตัวต่อหน้าผู้นำตระกูลมิตสึรุกิ ชักอยากจะเห็นสีหน้าของมันซะแล้วสิ ฟุฟุฟุฟุ!」

 

เอ็มมะไม่ได้พูดอะไรตอบกลับเสียงเย้ยหยันของโอเค็น

 

เธอทำได้เพียงแค่เม้มริมฝีปากและกำกริชในมือไว้แน่น พอโอเค็นเห็นแบบนั้นก็เลยเริ่มพูดต่อ

 

「ไว้จะตั้งตารอชิมดวงตาสีฟ้าสุดสวยคู่นั้นเลย――หือ? 」

 

「ย๊า!」

 

มีร่างเล็กร่างหนึ่งได้กระโดดออกมาจากข้างหลังของเอ็มมะและส่งเสียงร้องออกมา

 

เจ้าของร่างนั้นก็คืออิบุกิที่กำลังถูกเอ็มมะเอาตัวเข้าปกป้อง

 

「อิบุกิ?! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!」

 

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของเอ็มมะ ผู้กำลังอดทนต่อแรงกดดันอันมหาศาลของโอเค็น ทว่าถึงเธอจะพูดออกไป อิบุกิก็ไม่คิดจะรับฟังและเลือกจะออกมาปกป้องเอ็มมะแทน

 

「ตายเสียเถอะ เจ้าคนเลว!」

 

อิบุกิพูดขึ้นและฟาดดาบไม้ที่โกซุลุงของเขาทำขึ้น โดยมีเป้าหมายอยู่บริเวณจุดที่ต่ำกว่าเข่าไปเล็กน้อย――นั่นก็คือหน้าแข้ง จุดสำคัญของร่างกายมนุษย์ที่ไม่อาจจะฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นได้หากอ้างอิงจากที่พี่อายากะบอกกับเขาก็จะเป็น 「ถึงจะเป็นลุงโกซุหากโดนไม้นี้เข้าไปคงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งออกมาแน่」

 

นอกจากนี้ตัวโอเค็นเองก็ไม่ได้สวมเกราะที่ขาด้วย ในทางปฏิบัติแล้วอิบุกิก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เอามาใช้ทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาก็จริง แต่กับพวกคนร้ายแล้วเขาไม่มีความจำเป็นต้องยั้งมือ อิบุกิได้ฟาดดาบไม้ของเขาไปยังหน้าแข้งของโอเค็นสุดแรงเกิด――

 

「โฮ่?!」

 

อิบุกิได้รับแรงปะทะอย่างรุนแรงราวกับเขากำลังฟันเสาเหล็ก ดาบไม้ที่อยู่ในมือก็หล่นลงกับพื้น เพราะสุดท้ายนั่นก็เป็นเพียงแค่ดาบไม้ที่โกซุทำขึ้น มันไม่มีทางจะทะลวงเกราะคิที่แข็งแกร่งได้หรอก

 

อิบุกิพยายามจะคว้าดาบไม้ที่หล่นอยู่ ทว่าก่อนที่มือของเขาจะเอื้อมไปถึงดาบไม้ เท้าของโอเค็นก็กระแทกเข้าไปที่ท้องของอิบุกิเสียก่อน

 

อิบุกิกุมท้องและไอออกมาอย่างรุนแรง นี่เป็นการเตะที่ไม่ได้ยั้งแรงกับเด็กเลยสักนิด ในขณะที่โอเค็นมองอิบุกิด้วยสายตาอันเย่อหยิ่ง เขาก็หยิบเอาดาบไม้ที่ร่วงลงพื้นขึ้นมาแทน

 

「ฟุมุ ฝีมือค่อนข้างดีเลยนี่ แต่ไอ้ดาบไม้ที่ไม่ได้เคลือบพลังอะไรไว้เลยแบบนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกนะ」

 

พอสิ้นเสียงนั้น โอเค็นก็ได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาส่งไปยังกรงเล็บและทำลายดาบไม้ของอิบุกิซึ่งกำลังจ้องมองเขาในสภาพที่กุมท้องอยู่ จากนั้นอิบุกิก็ส่งเสียงโกรธปนเศร้าออกมา

 

「จะ-เจ้าบ้านี่……!」

 

「ฟุฟุ เป็นสายตาที่ดีนี่ หากรออีกสัก 10 ปีเจ้าคงได้กลายเป็นนักรบชั้นยอดแน่」

 

เสียงของโอเค็นช่างดูนุ่มนวลราวกับกำลังเมตตาอิบุกิอยู่

 

ทว่า การกระทำของเขาต่อจากนี้มันตรงกันข้ามกับน้ำเสียงแห่งความเมตตานั้น โอเค็นได้ทำการจับใบหน้าของอิบุกิแล้วยกขึ้นมาจนร่างของเขาลอยอยู่บนอากาศ

 

เมื่อโอเค็นได้ส่งแรงไปยังมือขวาของเขา กะโหลกเล็กๆ ของอิบุกิก็ส่งเสียงออกมา กรงเล็บทั้ง 5 ของเขาก็ได้เจาะเข้าไปในผิวหนังส่วนหัวของอิบุกิ

 

ในตอนแรกอิบุกิจะทำการกัดฟันไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมาอีกทั้งยังพยายามตีไปที่มือขวาของโอเค็นเพื่อพยายามสลัดให้หลุด ทว่าโอเค็นก็ไม่ได้ปราณีอิบุกิเลย เขาได้ทำการส่งแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ

 

ในที่สุดริมฝีปากเล็กๆ ของเด็กชายก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา

 

「อ๊ากกกก! เจ็บ เจ็บ เจ็บบบบ!!」

 

เมื่อได้ยินเสียงนั้นมีหรือแม่ของเขาอย่างเซวิลซึ่งกำลังรับมือกับคิจินตนอื่นจะเสียสมาธิไป แน่นอนว่าทางโอเค็นไม่ได้พูดทำนองว่าให้เธอวางอาวุธลง แต่เขาทำการทรมานอิบุกิต่อไปเรื่อยๆ แทนพอเพราะอาภรณ์วิญญาณของเซซิลมันสร้างปัญหาให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก ในจังหวะที่เซซิลเสียสมาธิไป พวกคิจินก็ไม่พลาดโอกาสเข้าประชิดตัวแล้วกดเซซิลลงกับพื้น

 

พอเห็นแบบนั้นแล้วทางโอเค็นก็ปล่อยอิบุกิออกจากมือขวาของเขา ทางด้านอิบุกิที่หลุดพ้นจากพันธนาการอย่างกะทันหัน ก็ร่วงลงกับพื้นตามแรงโน้มถ่วง

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพอโอเค็นเห็นอิบุกิที่ร่วงลงไปร้องไห้ออกมา เขาก็ทำการยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้อิบุกิและปลดปล่อยพลังคิที่รุนแรงออกมาใส่

 

 

อิบุกิก็ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งและตัวสั่นอย่างรุนแรง เพราะถูกพลังคิอัดในระยะประชิด เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วโอเค็นก็พูดกับอิบุกิด้วยน้ำเสียงที่สบายๆ

 

 

 

「นักรบตัวน้อยเอ๋ย ข้าขอสดุดีในความกล้าหาญของเจ้า ดังนั้นข้าจะไว้ชีวิตเจ้ากับคนอีกสักคนก็แล้วกัน」

 

 

 

「…………หา? 」

 

 

「ข้ากำลังจะบอกว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้ากับคนที่เจ้ารักไง เอาล่ะ ชี้มาสิว่าเจ้าจะเลือกให้ใครรอด」

 

 

 

หลังพูดจบโอเค็นก็คว้าหลังคอของอิบุกิขึ้นมาราวกับเขาเป็นลูกแมวแล้วให้มองไปรอบๆ

 

ในวินาทีนั้นเองอิบุกิถึงได้เห็นว่าแม่ของตนกำลังถูกตรึงอยู่กับพื้นและส่งเสียงร้องออกมา

 

 

 

「แม่!」

 

 

「ฟุฟุ เป็นน้ำเสียงที่ดูเจ็บปวดจริงๆ แล้วเจ้าจะยอมปล่อยให้แม่ของเจ้าถูกตัดแขน ตัดขา และคอทิ้งไปได้ลงหรือ? 」

 

 

 

「ไม่นะ ไม่หยุดเดี๋ยวนี้!!」

 

 

「ถ้าไม่อยากจะให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ชี้นิ้วของเจ้าไปที่แม่เจ้า แล้วพูดสิว่าขอให้ผมกับแม่รอดกันสองคน ส่วนคนอื่น――」

 

 

 

โอเค็นพูดออกมาอย่างมีความสุข

 

 

 

 

 

「คนอื่นยกเว้นสองแม่ลูกนี่จะต้องตายกันหมด」

 

 

 

「…………อึก? 」

 

 

 

「ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงกันว่าข้าจะช่วยแค่เจ้ากับคนที่เจ้ารักแค่คนเดียว หรือก็คือข้าจะได้ฆ่าคนที่เจ้าไม่เห็นว่าสำคัญให้หมดในคราวเดียวเลยไง」

 

 

 

「ดะ เดี๋ยวสิ นั่นมัน…」

 

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ทุกคนที่ตายในที่แห่งนี้ทั้งหมด ก็เป็นเพราะเจ้า พวกเขาคงจะรอดไปแล้วแท้ๆ หากเจ้าเลือกพวกเขา แต่เพราะเจ้าไม่ทำแบบนั้นคนพวกนี้ก็เลยต้องตายไงล่ะ」

 

 

 

อิบุกิส่ายหน้าไปมาเพราะเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่โอเค็นอยากจะสื่อ ไม่สิเขาไม่อยากจะเข้าใจมากกว่า

 

จากนั้นโอเค็นก็พูดกับอิบุกิด้วยหน้าตาที่เย้ยหยัน

 

 

 

 

「แต่ถ้าเจ้าไม่เลือกข้าก็ไม่ว่าอะไร ข้าก็คงต้องฆ่าเจ้ากับแม่ของเจ้าแล้วก็คนที่เหลือทั้งหมด ว่ายังไงล่ะเลือกเสียสินักรบตัวน้อย――」

 

 

 

「หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!」

 

 

 

เอ็มมะเป็นคนพูดขึ้นเพื่อไม่ให้โอเค็นแกล้งอิบุกิไปมากกว่านี้อีก ใบหน้าอันอ่อนโยนของเธอในตอนนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแล้ว เธอกำลังมองโอเค็นด้วยแววตาที่เคียดแค้น

 

 

「ช่างเป็นการกระทำที่หยาบช้าเสียจริง กล้าคุกคามเด็กเล็กได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ฉันมิตสึรุกิ เอ็มมะ ภรรยาของนักบุญดาบรุ่นที่ 17 มิตสึรุกิ ชิกิบุ หากแกต้องการผลงาน แค่ฆ่าฉันคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!」

 

 

「โฮ่ แหม่ๆ ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ที่คนหยาบคายเช่นข้าได้ทราบชื่อของท่านผู้สูงส่ง เอาสิ หากเจ้าเป็นถึงภรรยาของนักบุญดาบ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ」

 

 

「ดังนั้นก็ปล่อยตัวคนอื่นไปซะ ไม่ว่าจะเป็นตัวประกัน เครื่องสังเวย หรือผลงานอะไรก็คงไม่มีของที่ดีกว่าภรรยาของนักบุญดาบอีกแล้ว」

 

 

「ฟุฟุ มันก็จริงนะ ถ้านั่นมันเป็นก่อนที่พวกเราจะต่อสู้กัน ตรงจุดนั้นมันก็มีช่องว่างให้พอเจรจาอยู่หรอก แต่ตอนนี้ชัยชนะมันได้ถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว ยังไงเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือของข้าอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้ต้องต่อรองเลยสักนิด」

 

 

 

พอพูดจบโอเค็นก็มองไปยังกริชของเอ็มมะ

 

 

「บอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเจ้าเลือกจะตายด้วยกริชนั่นก็ตามสบาย เพราะถึงเจ้าตายไปศพของเจ้าก็ไม่ได้หายไปไหน คงสนุกดีเหมือนกันหากคว้านเอาเครื่องในของเจ้ามาทำอาหารให้เด็กนี่กิน」

 

 

โอเค็นทำการพูดเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเอ็มมะ ก่อนจะดึงอิบุกิเข้ามาใกล้ๆ เขาแล้วพูดขึ้น

 

「นั่นสินะ นักรบตัวน้อยเอ๋ย ดูเหมือนว่าเจ้าก็จะสนิทกับผู้หญิงที่ชื่อเอ็มมะนี่ด้วยสินะ ดังนั้นจะเลือกนางแทนแม่ของเจ้าก็ได้นะ ข้าจะได้ช่วยนางแทนแล้วฆ่าคนที่เจ้าไม่ได้เลือก ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้เดี๋ยวข้าจะช่วยนับเวลาให้แล้วกัน เอาแค่ 10 วินาทีคงพอนะ ถึงตอนนั้นหากยังเลือกไม่ได้ข้าก็จะฆ่าทั้งสองคนแล้วเอาลูกตามาฝากเจ้าแทนดีไหม? เริ่มเลยแล้วกัน 1 2――」

 

「ด-เดี๋ยวก่อนสิ……」

 

「3 4 ―― 5 6 7 8!」

 

อิบุกิส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งเมื่ออยู่ดีๆ โอเค็นก็นับเลขเร็วขึ้น

 

「รอเดี๋ยวก่อนสิ!」

 

「ไม่มีเวลาแล้วนะ ข้านับมาถึง 9 แล้วด้วย เลือกมาสิว่าเจ้าจะช่วยคนไหนกัน? เจ้าเลือกที่จะทอดทิ้งใคร หรือเจ้าจะให้ข้าฆ่าทั้งสองแล้วเอาลูกตามาให้แทน เลือกสิ รีบๆ เลือกซะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป ไม่อย่างงั้นข้าจะนับเลขตัวสุดท้ายแล้วนะ……? 」

 

โอเค็นสัมผัสได้ถึงชัยชนะของตนก่อนจะนับเลขตัวสุดท้ายด้วยสีหน้ายินดีปรีดา

 

แต่เสียงนับก็ต้องหยุดลงไปอย่างกะทันหัน

 

――อยู่ดีๆ ก็มีมนุษย์อีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในระยะสายตาของโอเค็น

 

แถมระยะมันยังไม่ไกล จนเรียกได้ว่าแทบจะหายใจรดต้นคอกันได้ มนุษย์ผมสีดำตอนนี้กำลังยืนอยู่จ้องหน้าเขาในระยะที่จมูกแทบจะชนกันดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองไปยังโอเค็น ภายในนั้นมันคือความมืดมิดราวกับเขากำลังจ้องมองไปยังก้นของบ่อน้ำลึก

 

โอเค็นอดไม่ได้ที่จะสับสน เพราะวินาทีก่อนหน้านี้จุดนั้นยังไม่มีใครอยู่เลยแท้ นอกจากนี้หากมีคนเข้ามาใกล้จริงๆ ถึงพวกเขาจะใช้สมบัติบัติศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวเช่นเดียวกับพวกเขา โอเค็นก็น่าจะต้องสังเกตเห็นก่อนแล้วสิ

 

มันไม่ควรจะมีใครอยู่ตรงนี้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่บุตรแห่งไทซานผู้นี้ซึ่งเป็นสาวกแห่งพระผู้เป็นเจ้าจะถูกประชิดตัวโดยไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลยสักนิด ดังนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ไม่น่าจะเป็นของจริงได้เลยแบบนี้นี่เอง โอเค็นนึกขึ้นได้ว่ามีนักรบในกลุ่มนี้สามารถสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้ เจ้านี่จะต้องเป็นฝีมือของนักรบคนนั้นแน่

 

ร่างกายกับหัวใจของเขาที่กำลังสั่นไหวอยู่นี้ล้วนเป็นฝีมือของภาพลวงตานั่น――ระหว่างที่โอเค็นสรุปได้แบบนั้น มนุษย์ตรงหน้าเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

หัวของโอเค็นได้ถูกกระทำแบบเดียวกับที่ทำกับอิบุกิ มือขวาของมนุษย์ได้ยื่นออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าเพื่อจับไปยังใบหน้าของโอเค็น――

 

「อ๊ากกกกกก?!」

 

แรงแบบรุนแรงราวกับกำลังโดนคีมหนีบเอาไว้

 

เสียงร้าวของกะโหลกโอเค็นดังขึ้นมา มันคือการบีบที่ไม่ได้ออมแรงไว้เลยสักนิด แววตาที่ส่งออกมาก็ไร้ซึ่งความเมตตา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของโอเค็นในตอนนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน

 

 

 

โอเค็นได้ปล่อยอิบุกิลงไปในทันที ก่อนจะทำการใช้กรงเล็บทั้งมือซ้ายและขวาของเขากดลงไปยังร่างของมนุษย์นั่น กรงเล็บที่แข็งแกร่งขนาดสามารถตัดเหล็กได้ กะอีแค่แขนข้างหนึ่งของมนุษย์มันจะไปเหลืออะไร มนุษย์คนนี้ได้พลาดไปเสียแล้วเพราะผยองคิดว่าการป้องกันด้วยเกราะคิของตัวเองจะแข็งแกร่งเกินกว่ากรงเล็บของเขา

 

 

พอคิดได้แบบนั้นโอเค็นก็ทำการโจมตีแขนของศัตรูด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทว่าวินาทีต่อมาใบหน้าของเขาก็ต้องบิดเบี้ยวด้วยความประหลาดใจ

 

 

 

เพราะเล็บของเขาไม่สามารถทะลวงแขนนั้นได้ ไม่สิแค่รอยบนผิวหนังยังสร้างให้ไม่ได้เลยสักนิด นับประสาอะไรกับกระดูกที่อยู่ข้างใน เมื่อคิดได้ว่าตัวเองพลาดเสียแล้ว กรงเล็บของเขาที่แทงลงไปยังแขนนั่นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ สาวกแห่งเทพอสูรถึงกับพูดอะไรไม่ออก

 

 

จากนั้นโอเค็นก็ได้ยินเสียงร่ายของท่วงทำนองที่เป็นดั่งลางร้าย และเสียงนั้นคือเสียงของชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา――

 

 

 

 

 

 

「『เลือดที่กำลังเดือด เส้นผมที่ถูกเผาไหม้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความพิโรธ』」

 

 

 

「น่ะ-นี่แกจะทำอะไร?!」

 

 

 

 

มันคือการร่ายเวทไฟ เปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาร่างที่อยู่ในมือของผู้ร่าย

 

 

 

และเพราะนี่เป็นช่วงสะสมพลังจากการร่ายความร้อนในมือของผู้ร่ายเริ่มจับตัวขึ้น จนทำให้โอเค็นได้รับผลกระทบจากมัน ใบหน้าของโอเค็นรวมไปถึงดวงตาของเขาเริ่มถูกความร้อนจากเวทนั้นแผดเผา

 

 

 

 

 

「『ปราสาทอันสูงศักดิ์ เก้าอี้แห่งโครงกระดูก 』」

 

 

 

「หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่เจ้าไม่คิดหรือไงว่าหากทำแบบนี้สหายของเจ้าจะ――อ๊ากกก?!」

 

 

 

 

แรงที่ใช้ในการจับหัวของเขานั้นถูกเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และเสียงกะโหลกของเขาที่แตกออกมาก็ทำให้โอเค็นกรีดร้องออกมาอีกครั้ง

 

 

เมื่อเห็นภาพแบบนั้น เหล่าทหารของไทซานก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันทีเพื่อช่วยโอเค็น

 

 

คนแรกที่เคลื่อนไหวก็คือคิจินที่ทพการแทงมอร์แกน สกายชิพจากด้านหลัง ซึ่งอยู่ใกล้กับโอเค็นที่สุด เมื่อมอร์แกนหมดสภาพไปแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกและเลือกจะกระโจนออกไปหามนุษย์คนนั้น แต่ทว่ามนุษย์คนนั้นก็ไม่ได้ขยับร่างของเขาเลย

 

 

จะมีก็เพียงสายตาที่หันมาจ้องมองคิจินพวกนั้น แค่ครู่เดียวพวกคิจินก็รู้สึกเหมือนกับว่าเท้าของพวกตนถูกตรึงเอาไว้กับพื้น มันคือการปล่อยพลังคิกดดันร่างของอีกฝ่าย

 

 

 

 

「『ธงแห่งการปฏิวัติที่โบกสะบัด ของขวัญแก่เหล่านักฆ่าผู้ร่วงหล่น 』」

 

 

 

「อ๊ากกกกก!!」

 

 

 

ปากของโอเค็นยังคงส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่หยุดหย่อนเพราะมิอาจจะทนกับความเจ็บปวดที่กะโหลกถูกบดขยี้และความร้อนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในทุกขณะ

 

 

ตอนนี้นอกจากแขนโอเค็นยังพยายามใช้ขาของเขาในการดิ้นรนเพื่อให้ตนหลุดจากพันธนาการนี้เสียที แต่ไม่ว่าจะพยายามต่อต้านมากสักเพียงใด เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรร่างกายของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่ปลายนิ้ว และแล้ว――

 

 

 

 

 

「『ดวงตาสีเลือดและมือที่ลุกโชน จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูของข้า – องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง』」

 

 

 

 

เมื่อสิ้นเสียงการร่ายบทสุดท้าย เวทไฟที่แท้จริงระดับ 5 ก็ถูกเปิดใช้งานขึ้น มันทำการเอาพลังภายในร่างของผู้ร่ายเพื่อเพิ่มพูนอานุภาพจนถึงขีดจำกัดกำลังระเบิดขึ้นในระยะที่เป็นศูนย์

 

 

เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโอเค็นได้ดังออกมาจากจะงอยปาดของเขาราวกับไม่มีวันสิ้นสุด

 

——–

Note 1 : พ่อมา!

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท