ตอนที่ 132 ร่วมรบ
「ทุกคน เตรียมรับมือ!」
นั่นคือเสียงของมอร์แกน สกายชิพที่ดังจนทำให้ต้นไม้โดยรอบสั่นสะเทือนได้ ในฐานะผู้บัญชาการของหน่วยอพยพ เขามีหน้าที่ในการสั่งการนักรบแห่งผืนป่าทั้งหมดในที่แห่งนี้
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มอร์แกนก็ได้นำอาภรณ์วิญญาณของตัวเองออกมารับการโจมตีของโอเค็น
พายุพุ่งมาราวกับใบมีดที่มองไม่เห็น แต่หากได้เอาดาบเข้าไปปะทะกับมันแล้วก็จะสัมผัสได้ทันทีถึงแรงกระทบ หากเป็นนักรบธรรมดา พวกเขาคงจะได้ปลิวไปพร้อมกับอาภรณ์วิญญาณแล้วเป็นแน่
แต่นี่คือมอร์แกน ผู้ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าหน่วยของธงที่ 6 แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว เทคนิคการใช้ดาบของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย เขาสามารถปัดป้องแล้วเบี่ยงสายลมกระโชกของโอเค็นได้อย่างความชำนาญ
โอเค็นที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะด้วยจะงอย ออกมาราวกับจะเย้ยหยัน
เมื่อทั้งสองได้เริ่มเผชิญหน้ากันแล้ว ทางซิดนีย์กับซาอิก็ไม่รอช้า แต่พวกเขาไม่ได้มีเป้าหมายเป็นโอเค็น เป้าหมายที่พวกเขาต้องเผชิญในคราวนี้ก็คือคิจินที่ทำการโจมตีพวกภรรยาและภรรยาน้อยของผู้นำตระกูลซึ่งอยู่ด้านหลัง
『อาภรณ์วิญญาณ!』
มันคือเสียงของซาอิและซิดนีย์ที่ซ้อนทับกัน ทันใดนั้นเองอาภรณ์วิญญาณของทั้งสองก็ปรากฏขึ้นที่มือพวกเขา
ทางด้านของซาอินั้นเป็นหอกที่ชวนให้นึกถึงพี่ชายของเขาอย่างชูคุยะ หากจะมีส่วนต่างก็คนจะเป็นที่สีของมัน เพราะหอกของพี่ชายเขานั้นคือหอกสีดำราวกับเงามืด ส่วนของซาอินั้นเป็นหอกสีแดงราวกับเลือด
「จงบิดเบือนและขยายออก ลองกินุส (สังหารนักบุญ) !」
หอกสีแดงฉานพุ่งไปในอากาศด้วยความเร็วอันมหาศาล ราวกับตอนสนองเสียงของผู้ใช้งาน โดยปลายทางนั้นคือคิจินตนหนึ่ง
ทางฝั่งคิจินก็ตอบสนองด้วยการใช้ร่างของภรรยาน้อยคนหนึ่งเป็นเกราะกำบังเอาไว้
ทว่าถึงซาอิจะเห็นเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่ได้คิดจะหยุดโจมตีเลยสักนิด ในขณะที่ปลายหอกสีแดงกำลังจะแทงร่างของภรรยาน้อย――ทิศทางของมันก็เปลี่ยนไป
ปลายของหอกมันได้บิดตัวออกจากกัน และเคลื่อนไหวผ่านร่างภรรยาน้อยไปราวกับงูแล้วเข้าโจมตีคิจิน
「อะไรกัน?!」
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของคิจินในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาคาดไว้มาก่อน นั่นจึงทำให้เกิดเสียงแห่งความตกใจออกมาจากปากของเขา แม้ว่าเขาจะพยายามเบี่ยงตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเลี่ยง การโจมตี แต่ปลายของหอกลองกินุสก็ได้ทะลวงเข้าไปยังบริเวณสีข้างของคิจินเสียแล้ว
「คึก!」
คิจินส่งเสียงกระอักออกมาก่อนจะเหวี่ยงภรรยาน้อยที่เขาจับเอาไว้อยู่ลงไปที่พื้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนที่ร่างของตนจะร่วงหล่นลงไปด้วย นอกจากนี้นั่นก็คงเป็นการดีกว่าหากจะรับมือกับหอกที่ผิดแปลกนี้จากทางพื้นแทนที่จะเป็นกลางอากาศ
ร่างอันบอบบางของหญิงสาวที่ถูกเหวี่ยงลงมากระแทกพื้นร้องเสียงหลงออกมา แต่ซาอิก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากเธอไม่ได้เป็นภรรยาหลวงอย่างเอ็มมะแม่ของรากุนะ แถมซาอิก็ไม่อยากจะช่วยเหลือภรรยาน้อยที่กระทั่งชื่อตนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าตอนนี้เธอก็หลุดมาจากคิจินได้แล้วที่เหลือก็พยายามเอาตัวรอดเองก็แล้วกัน
ตรงกันข้ามกับซาอิ ทางด้านซิดนีย์ สกายชิพได้พยายามหาโอกาสที่จะเอาชนะคิจินและช่วยเหลือตัวประกันไปพร้อมกัน
「จงร่ำไห้ มุราซาเมะ!」
มุราซาเมะ อาภรณ์วิญญาณของซิดนีย์นอกจากในเรื่องความสามารถของมันแล้วรูปลักษณ์ที่สวยงามของมันก็เป็นจุดขายอีกอย่างหนึ่ง พอบวกเข้ากับรูปร่างหน้าตาอันสวยงามของเขาด้วยแล้ว ชื่อเสียงของเขาภายในหมู่นักรบแห่งผืนป่าจึงเรียกได้ว่าสวยสุดยอด
บริเวณตัวดาบนั้นจะมีหยดน้ำจับตัวกันเป็นก้อนอยู่รอบๆ เพียงแค่การแกว่งเพียงครั้งเดียวก็สามารถสร้างสายหมอกขึ้นมารอบๆ ได้ และหากแกว่งมันอีกครั้งก็จะสามารถสร้างพายุฝนที่โหมกระหน่ำได้ นอกจากนี้หมอกดังกล่าวยังช่วยในการสร้างภาพลวงตาอีกด้วย
ซิดนีย์ก็เลยใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการสร้างภาพลวงตาขึ้นมาที่ด้านหลังของคิจินอีกทีเพื่ออาศัยจังหวะที่คิจินผงะ ร่นระยะห่างแล้วทำการช่วยเหลือตัวประกัน
ด้วยความสามารถของนักรบแห่งผืนป่าทั้งสอง ตัวประกัน 2 ใน 3 จึงสามารถถูกช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว
และแล้วตัวประกันคนสุดท้ายก็ถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
คิจินที่ทำการอุ้มทารกเอาไว้อยู่ได้ส่งเสี่ยงกรีดร้องและร่วงลงสู้พื้น นั่นคือฝีมือของเซซิล ชิมะ น้องสาวของโกซุ ผู้พุ่งเข้าไปด้านหลังของคิจินอย่างรวดเร็วก่อนที่คิจินจะรู้สึกตัวเสียอีก โดยในมือของเธอนั้นมีดาบยาวสีน้ำเงินแวววาวอยู่
「ท่านแม่สุดยอด!」
อิบุกิลูกชายของเซซิล ส่งเสียเชียร์แม่ของเขาที่กำลังร่อนลงมาสู่พื้นพร้อมอาภรณ์วิญญาณในมือซ้ายและทารกในมือขวา
พอมอร์แกนเห็นว่าทุกคนสามารถช่วยเหลือตัวประกันได้แล้ว ก็พูดกับโอเค็นอย่างใจเย็น
「ทีนี้ก็เป็น 4 ต่อ 4 โดยสมบูรณ์แล้วสินะ กับบุตรแห่งไทซานแบบเจ้าน่าจะใช้เวลาสัก 5 นาทีได้ อย่าได้คิดว่าจะใช้อุบายใดๆ ได้อีก เพราะข้าจะทำการท้าทายเจ้าแบบตรง――――คึก!? 」
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แล่นเข้ามาที่สีข้างของมอร์แกน บริเวณดังกล่าวมันช่างร้อนราวกับถูกเหล็กคมเสียบเอาไว้อยู่
ได้อย่างไรกัน โอเค็นที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหว คิจินที่อยู่ด้านหลังก็มีทางซิดนีย์ ซาอิ เซซิลคุมเชิงเอาไว้
พอมอร์แกนหันกลับไปดูด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ก็พบว่ามีคิจินตนที่ 5 ไม่สิไม่ใช่5 เพราะขณะที่มอร์แกนกำลังถูกโจมตีจากด้านหลัง ทางพวกซิดนีย์ก็ถูกลอบโจมตีไม่ต่างกัน
หรือก็คือ จำนวนของพวกเขาในตอนนี้เป็น 4 ต่อ 8 พอรู้ตัวแบบนั้นแล้วทางโอเค็นก็ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาใส่มอร์แกนที่ประหลาดใจอยู่
「 4 ต่อ 4? บอกว่า 5 นาทีงั้นหรือ? ฟุฟุฟุ เหมือนจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยนะ คิดจริงๆ หรือว่าบุตรแห่งไทซานผู้นี้จะมีผู้ติดตามเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น? แล้วทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะแสดงไพ่ในมือตัวเองทั้งหมดแต่แรกกัน? 」
ต่อจากการใช้ตัวประกัน ก็ทำการนำกองกำลังที่ยังซุ่มไว้อยู่ออกมาโจมตี ระหว่างนั้นก็ใช่คำพูดของตัวเองในการหลอกล่ออีกฝ่าย เพื่อให้ตายใจแล้วทำการจัดการซะ นั่นคือแผนของโอเค็น
อันที่จริงหากโอเค็นต้องการจริงเขาก็สามารถโจมตีศัตรูโดยไม่ต้องใช้อุบายใดๆ เลยก็ได้ แต่การกระทำแบบนั้นมันก็มีค่าแลกเปลี่ยนอยู่
เพราะคราวนี้กองกำลังที่โอเค็นนำมาด้วยนั้นคือกองกำลังส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางนากายามะ พวกเขาคือนักรบของไทซานที่ทางโอเค็นใช้ประโยชน์จากการที่ตนเป็นสาวกของลัทธิแห่งแสงยืมสมบัติศักดิ์สิทธิ์มาจากทางลัทธิเพื่อปกปิดตัวตนของเขากับลูกน้อง
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดการสูญเสียของผู้ใต้บังคับบัญชาในช่วงสงคราม และก็เพราะแผนการดังกล่าวด้วยจึงทำให้มอร์แกนไม่ได้ตายในทันทีที่โดนลอบโจมตี
เมื่อเห็นมอร์แกนล้มลงกับพื้นในขณะที่กระอักเลือดออกมา ซิดนีย์ก็กรีดร้อง
「ท่านปู่!」
「ซิด อย่าละสายตาจากศัตรูสิ!」
ซิดนีย์ที่ได้ยินเสียงดุของซาอิก็ได้สติขึ้น แต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันก็ไม่ใช่การสู้แบบตัวต่อตัวเสียแล้ว หากแสดงช่องว่างออกมาให้เห็นคงไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก
เพราะแบบนั้นเองในจังหวะที่เขาสติหลุดไปเพียงชั่วครู่ ซิดนีย์ก็ถูกพุ่งเข้ามาโจมตีทันที ถึงแม้ว่าจะไม่มีเวลาพอสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้ทัน แต่เขาก็สามารถหลุดพ้นจากการฟันมาจากทั้งทางซ้ายและขวาได้อย่างหวุดหวิด ระหว่างนั้นเองเสียงโอดโอยแห่งความเจ็บปวดจากมอร์แกนก็ไม่ได้หยุดลง
สิ่งที่ซิดนีย์ทำได้ในตอนนี้มีเพียงกัดฟันทน
เป้าหมายของศัตรูคือการทรมานมอร์แกนเพื่อดึงความสนใจของซิดนีย์ ถึงตัวซิดนีย์ก็จะรู้ดีอยู่แล้วแต่เขาก็ไม่สามารถสงบสติได้จริงๆ เพราะสำหรับเขาแล้วมอร์แกนคือญาติเพียงคนเดียวของเขาที่ยังเหลืออยู่ หลังจากที่พ่อกับแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เขาอายุยังน้อย ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่ซิดนีย์จะเพิกเฉยต่อเสียงแห่งความเจ็บปวดของปู่ที่เลี้ยงดูเขามาดุจดั่งพ่อแม่
แน่นอนว่าพวกนักรบของไทซานไม่ยอมพลาดโอกาสครั้งที่สอง
「คึก?!」
คิจินที่อยู่ทางด้านซ้ายได้พุ่งเข้ามาโจมตีแบบเอาตัวเข้าแลก ทางซิดนีย์ที่เห็นแบบนั้นก็รู้ดีว่ารอบนี้คงหลบไม่ทันเลยต้องทำการปะทะตรงๆ
พอเป็นแบบนั้นแล้วด้านหลังของเขาจึงไร้การป้องกัน คิจินที่อยู่ทางด้านขวาก็เลยสบโอกาสในการเข้าโจมตี ปลายดาบของคิจินได้มุ่งไปยังซิดนีย์
การฟันดังกล่าวนั้นรุนแรงถึงชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าก็มีหอกสีแดงพุ่งออกมาขวางดาบที่กำลังจะฟันร่างของซิดนีย์
หอกนั้นเป็นหอกของซาอิ คุมอน
ด้วยการช่วยเหลือนี้ซิดนีย์จึงรอดจากการถูกฟันมาได้ แต่กลับเป็นทางซาอิเสียเองที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านหลังและแขนขวาของตน นั่นเป็นฝีมือของคิจิน 2 ตนที่กำลังต่อสู้กับซาอิ
หยดเลือดได้ไหลออกมาจากบาดแผลของซาอิ ทุกครั้งที่เลือดไหล แรงจับหอกที่มือขวาของซาอิก็จะเริ่มหายไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาต้องมายืนหลังชนกับซิดนีย์ในสภาพที่โรยรินและเปลี่ยนไปจับหอกด้วยมือซ้ายแทน
「…ซาอิ ฉันขอโทษ…」
「เดี๋ยวเถอะ ในเวลาแบบนี้นายควรจะพูดขอบคุณสิ」
「…นั่นสินะ ขอบคุณนายจริงๆ ซาอิ」
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันช่วงสั้นๆ พวกคิจินก็ได้เริ่มร่นระยะห่างเข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้จาก 1 ต่อ 2 ก็กลายเป็น 2 ต่อ 4 เสียแล้ว นอกจากนี้ซิดนีย์ก็พบว่ามอร์แกนได้ถูกจับเป็นตัวประกันเรียบร้อยแล้ว
ในสถานการณ์แบบ ผลการต่อสู้คงถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว――นั่นคือสิ่งที่โอเค็นคิด
ตอนนี้ก็เหลือแค่จัดการกับภรรยาน้อยที่เป็นนักรบนั่น ทว่ารายนี้ดันเคี้ยวยากกว่าที่คิดเพราะเธอสามารถปัดป้องการโจมตีของพวกคิจินและรับมือกับการโดนรุมได้อย่างอยู่หมัด นอกจากนี้ก็ยังสามารถปกป้องพวกคนที่เหลือซึ่งอยู่รอบๆ เธอได้อีกด้วย
เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นพวกนักรบแห่งผืนป่าที่ปลอมตัวมาเป็นภรรยาน้อย หรือเป็นภรรยาน้อยที่เคยเป็นนักรบแห่งผืนป่ามาก่อน เอาเป็นว่าเธอคือคู่ต่อสู้ที่รับมือไม่ได้ง่ายๆ
――หากเป็นแบบนี้ก็ต้องใช้จุดอ่อนของศัตรูเข้ามาช่วย นี่คือกลยุทธ์ของโอเค็นและนี่ยังเป็นหลักการของไทซาน จงหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะที่ง่ายดายที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง โอเค็นจึงได้จ้องมองไปยังเด็กชายคนหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เขาเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่
「อยากจะรู้จริงๆ ว่าพวกนักรบของตระกูลมิตสึรุกิจะยังรักษากฎเหล็กของตัวเองได้ไหมหากลูกของตัวเองถูกจับเป็นตัวประกัน ฟุฟุ น่าสนใจจริงๆ 」
มอร์แกนตอนนี้ก็อยู่ในสภาพคุกเข่าอยู่กับพื้น เท้าทั้งสองถูกตรึงไว้ส่งผลให้ทางซาอิและซิดนีย์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามสะดวกไปด้วย ทางเซซิลเองก็ทำได้เพียงปกป้องคนที่เหลืออย่างสุดความสามารถ
โอเค็นที่สบโอกาสก็ได้พุ่งเข้ามาหาอิบุกิโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และคนที่สังเกตเห็นเขาเป็นคนแรกก็คือมิตสึรุกิ เอ็มมะซึ่งกำลังพยายามปกป้องอิบุกิอยู่ด้านหลัง
เธอได้เอาตัวมาบังอิบุกิเอาไว้และหยิบกริชที่ซ่อนอยู่ในอกของเธอออกมา
เอ็มมะไม่ได้มีความสามารถในด้านการต่อสู้ กริชดังกล่าวก็ไม่ใช่เครื่องมือสำหรับไว้ป้องกันตัว แต่เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงความอัปยศเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
โอเค็นที่เห็นแบบนั้นก็จิกจะงอยปากของตนแล้วเย้ยหยัน
「คิดว่าจะทำอะไรข้าได้ด้วยของทื่อๆ แบบนั้นเหรอ ดูจากการแต่งตัวแล้วเจ้าก้ไม่น่าจะใช้ภรรยาน้อยเสียด้วย เจ้ามีชื่อว่าอะไร? 」
「…ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยนามกับพวกที่ไร้อารยธรรมและหยาบคายแบบแก」
「งั้นเหรอ เอาเถอะไม่ว่าจะเป็นใครจุดจบก็ไม่ต่างกันนักหรอก พวกเด็กและผู้หญิงทุกคนที่นี่จะต้องถูกควักลูกตาเรียงตัวต่อหน้าผู้นำตระกูลมิตสึรุกิ ชักอยากจะเห็นสีหน้าของมันซะแล้วสิ ฟุฟุฟุฟุ!」
เอ็มมะไม่ได้พูดอะไรตอบกลับเสียงเย้ยหยันของโอเค็น
เธอทำได้เพียงแค่เม้มริมฝีปากและกำกริชในมือไว้แน่น พอโอเค็นเห็นแบบนั้นก็เลยเริ่มพูดต่อ
「ไว้จะตั้งตารอชิมดวงตาสีฟ้าสุดสวยคู่นั้นเลย――หือ? 」
「ย๊า!」
มีร่างเล็กร่างหนึ่งได้กระโดดออกมาจากข้างหลังของเอ็มมะและส่งเสียงร้องออกมา
เจ้าของร่างนั้นก็คืออิบุกิที่กำลังถูกเอ็มมะเอาตัวเข้าปกป้อง
「อิบุกิ?! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!」
เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของเอ็มมะ ผู้กำลังอดทนต่อแรงกดดันอันมหาศาลของโอเค็น ทว่าถึงเธอจะพูดออกไป อิบุกิก็ไม่คิดจะรับฟังและเลือกจะออกมาปกป้องเอ็มมะแทน
「ตายเสียเถอะ เจ้าคนเลว!」
อิบุกิพูดขึ้นและฟาดดาบไม้ที่โกซุลุงของเขาทำขึ้น โดยมีเป้าหมายอยู่บริเวณจุดที่ต่ำกว่าเข่าไปเล็กน้อย――นั่นก็คือหน้าแข้ง จุดสำคัญของร่างกายมนุษย์ที่ไม่อาจจะฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นได้หากอ้างอิงจากที่พี่อายากะบอกกับเขาก็จะเป็น 「ถึงจะเป็นลุงโกซุหากโดนไม้นี้เข้าไปคงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งออกมาแน่」
นอกจากนี้ตัวโอเค็นเองก็ไม่ได้สวมเกราะที่ขาด้วย ในทางปฏิบัติแล้วอิบุกิก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เอามาใช้ทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาก็จริง แต่กับพวกคนร้ายแล้วเขาไม่มีความจำเป็นต้องยั้งมือ อิบุกิได้ฟาดดาบไม้ของเขาไปยังหน้าแข้งของโอเค็นสุดแรงเกิด――
「โฮ่?!」
อิบุกิได้รับแรงปะทะอย่างรุนแรงราวกับเขากำลังฟันเสาเหล็ก ดาบไม้ที่อยู่ในมือก็หล่นลงกับพื้น เพราะสุดท้ายนั่นก็เป็นเพียงแค่ดาบไม้ที่โกซุทำขึ้น มันไม่มีทางจะทะลวงเกราะคิที่แข็งแกร่งได้หรอก
อิบุกิพยายามจะคว้าดาบไม้ที่หล่นอยู่ ทว่าก่อนที่มือของเขาจะเอื้อมไปถึงดาบไม้ เท้าของโอเค็นก็กระแทกเข้าไปที่ท้องของอิบุกิเสียก่อน
อิบุกิกุมท้องและไอออกมาอย่างรุนแรง นี่เป็นการเตะที่ไม่ได้ยั้งแรงกับเด็กเลยสักนิด ในขณะที่โอเค็นมองอิบุกิด้วยสายตาอันเย่อหยิ่ง เขาก็หยิบเอาดาบไม้ที่ร่วงลงพื้นขึ้นมาแทน
「ฟุมุ ฝีมือค่อนข้างดีเลยนี่ แต่ไอ้ดาบไม้ที่ไม่ได้เคลือบพลังอะไรไว้เลยแบบนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกนะ」
พอสิ้นเสียงนั้น โอเค็นก็ได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาส่งไปยังกรงเล็บและทำลายดาบไม้ของอิบุกิซึ่งกำลังจ้องมองเขาในสภาพที่กุมท้องอยู่ จากนั้นอิบุกิก็ส่งเสียงโกรธปนเศร้าออกมา
「จะ-เจ้าบ้านี่……!」
「ฟุฟุ เป็นสายตาที่ดีนี่ หากรออีกสัก 10 ปีเจ้าคงได้กลายเป็นนักรบชั้นยอดแน่」
เสียงของโอเค็นช่างดูนุ่มนวลราวกับกำลังเมตตาอิบุกิอยู่
ทว่า การกระทำของเขาต่อจากนี้มันตรงกันข้ามกับน้ำเสียงแห่งความเมตตานั้น โอเค็นได้ทำการจับใบหน้าของอิบุกิแล้วยกขึ้นมาจนร่างของเขาลอยอยู่บนอากาศ
เมื่อโอเค็นได้ส่งแรงไปยังมือขวาของเขา กะโหลกเล็กๆ ของอิบุกิก็ส่งเสียงออกมา กรงเล็บทั้ง 5 ของเขาก็ได้เจาะเข้าไปในผิวหนังส่วนหัวของอิบุกิ
ในตอนแรกอิบุกิจะทำการกัดฟันไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมาอีกทั้งยังพยายามตีไปที่มือขวาของโอเค็นเพื่อพยายามสลัดให้หลุด ทว่าโอเค็นก็ไม่ได้ปราณีอิบุกิเลย เขาได้ทำการส่งแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ในที่สุดริมฝีปากเล็กๆ ของเด็กชายก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
「อ๊ากกกก! เจ็บ เจ็บ เจ็บบบบ!!」
เมื่อได้ยินเสียงนั้นมีหรือแม่ของเขาอย่างเซวิลซึ่งกำลังรับมือกับคิจินตนอื่นจะเสียสมาธิไป แน่นอนว่าทางโอเค็นไม่ได้พูดทำนองว่าให้เธอวางอาวุธลง แต่เขาทำการทรมานอิบุกิต่อไปเรื่อยๆ แทนพอเพราะอาภรณ์วิญญาณของเซซิลมันสร้างปัญหาให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก ในจังหวะที่เซซิลเสียสมาธิไป พวกคิจินก็ไม่พลาดโอกาสเข้าประชิดตัวแล้วกดเซซิลลงกับพื้น
พอเห็นแบบนั้นแล้วทางโอเค็นก็ปล่อยอิบุกิออกจากมือขวาของเขา ทางด้านอิบุกิที่หลุดพ้นจากพันธนาการอย่างกะทันหัน ก็ร่วงลงกับพื้นตามแรงโน้มถ่วง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพอโอเค็นเห็นอิบุกิที่ร่วงลงไปร้องไห้ออกมา เขาก็ทำการยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้อิบุกิและปลดปล่อยพลังคิที่รุนแรงออกมาใส่
อิบุกิก็ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งและตัวสั่นอย่างรุนแรง เพราะถูกพลังคิอัดในระยะประชิด เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วโอเค็นก็พูดกับอิบุกิด้วยน้ำเสียงที่สบายๆ
「นักรบตัวน้อยเอ๋ย ข้าขอสดุดีในความกล้าหาญของเจ้า ดังนั้นข้าจะไว้ชีวิตเจ้ากับคนอีกสักคนก็แล้วกัน」
「…………หา? 」
「ข้ากำลังจะบอกว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้ากับคนที่เจ้ารักไง เอาล่ะ ชี้มาสิว่าเจ้าจะเลือกให้ใครรอด」
หลังพูดจบโอเค็นก็คว้าหลังคอของอิบุกิขึ้นมาราวกับเขาเป็นลูกแมวแล้วให้มองไปรอบๆ
ในวินาทีนั้นเองอิบุกิถึงได้เห็นว่าแม่ของตนกำลังถูกตรึงอยู่กับพื้นและส่งเสียงร้องออกมา
「แม่!」
「ฟุฟุ เป็นน้ำเสียงที่ดูเจ็บปวดจริงๆ แล้วเจ้าจะยอมปล่อยให้แม่ของเจ้าถูกตัดแขน ตัดขา และคอทิ้งไปได้ลงหรือ? 」
「ไม่นะ ไม่หยุดเดี๋ยวนี้!!」
「ถ้าไม่อยากจะให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ชี้นิ้วของเจ้าไปที่แม่เจ้า แล้วพูดสิว่าขอให้ผมกับแม่รอดกันสองคน ส่วนคนอื่น――」
โอเค็นพูดออกมาอย่างมีความสุข
「คนอื่นยกเว้นสองแม่ลูกนี่จะต้องตายกันหมด」
「…………อึก? 」
「ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงกันว่าข้าจะช่วยแค่เจ้ากับคนที่เจ้ารักแค่คนเดียว หรือก็คือข้าจะได้ฆ่าคนที่เจ้าไม่เห็นว่าสำคัญให้หมดในคราวเดียวเลยไง」
「ดะ เดี๋ยวสิ นั่นมัน…」
「กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ทุกคนที่ตายในที่แห่งนี้ทั้งหมด ก็เป็นเพราะเจ้า พวกเขาคงจะรอดไปแล้วแท้ๆ หากเจ้าเลือกพวกเขา แต่เพราะเจ้าไม่ทำแบบนั้นคนพวกนี้ก็เลยต้องตายไงล่ะ」
อิบุกิส่ายหน้าไปมาเพราะเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่โอเค็นอยากจะสื่อ ไม่สิเขาไม่อยากจะเข้าใจมากกว่า
จากนั้นโอเค็นก็พูดกับอิบุกิด้วยหน้าตาที่เย้ยหยัน
「แต่ถ้าเจ้าไม่เลือกข้าก็ไม่ว่าอะไร ข้าก็คงต้องฆ่าเจ้ากับแม่ของเจ้าแล้วก็คนที่เหลือทั้งหมด ว่ายังไงล่ะเลือกเสียสินักรบตัวน้อย――」
「หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!」
เอ็มมะเป็นคนพูดขึ้นเพื่อไม่ให้โอเค็นแกล้งอิบุกิไปมากกว่านี้อีก ใบหน้าอันอ่อนโยนของเธอในตอนนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแล้ว เธอกำลังมองโอเค็นด้วยแววตาที่เคียดแค้น
「ช่างเป็นการกระทำที่หยาบช้าเสียจริง กล้าคุกคามเด็กเล็กได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ฉันมิตสึรุกิ เอ็มมะ ภรรยาของนักบุญดาบรุ่นที่ 17 มิตสึรุกิ ชิกิบุ หากแกต้องการผลงาน แค่ฆ่าฉันคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!」
「โฮ่ แหม่ๆ ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ที่คนหยาบคายเช่นข้าได้ทราบชื่อของท่านผู้สูงส่ง เอาสิ หากเจ้าเป็นถึงภรรยาของนักบุญดาบ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ」
「ดังนั้นก็ปล่อยตัวคนอื่นไปซะ ไม่ว่าจะเป็นตัวประกัน เครื่องสังเวย หรือผลงานอะไรก็คงไม่มีของที่ดีกว่าภรรยาของนักบุญดาบอีกแล้ว」
「ฟุฟุ มันก็จริงนะ ถ้านั่นมันเป็นก่อนที่พวกเราจะต่อสู้กัน ตรงจุดนั้นมันก็มีช่องว่างให้พอเจรจาอยู่หรอก แต่ตอนนี้ชัยชนะมันได้ถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว ยังไงเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือของข้าอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้ต้องต่อรองเลยสักนิด」
พอพูดจบโอเค็นก็มองไปยังกริชของเอ็มมะ
「บอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเจ้าเลือกจะตายด้วยกริชนั่นก็ตามสบาย เพราะถึงเจ้าตายไปศพของเจ้าก็ไม่ได้หายไปไหน คงสนุกดีเหมือนกันหากคว้านเอาเครื่องในของเจ้ามาทำอาหารให้เด็กนี่กิน」
โอเค็นทำการพูดเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเอ็มมะ ก่อนจะดึงอิบุกิเข้ามาใกล้ๆ เขาแล้วพูดขึ้น
「นั่นสินะ นักรบตัวน้อยเอ๋ย ดูเหมือนว่าเจ้าก็จะสนิทกับผู้หญิงที่ชื่อเอ็มมะนี่ด้วยสินะ ดังนั้นจะเลือกนางแทนแม่ของเจ้าก็ได้นะ ข้าจะได้ช่วยนางแทนแล้วฆ่าคนที่เจ้าไม่ได้เลือก ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้เดี๋ยวข้าจะช่วยนับเวลาให้แล้วกัน เอาแค่ 10 วินาทีคงพอนะ ถึงตอนนั้นหากยังเลือกไม่ได้ข้าก็จะฆ่าทั้งสองคนแล้วเอาลูกตามาฝากเจ้าแทนดีไหม? เริ่มเลยแล้วกัน 1 2――」
「ด-เดี๋ยวก่อนสิ……」
「3 4 ―― 5 6 7 8!」
อิบุกิส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งเมื่ออยู่ดีๆ โอเค็นก็นับเลขเร็วขึ้น
「รอเดี๋ยวก่อนสิ!」
「ไม่มีเวลาแล้วนะ ข้านับมาถึง 9 แล้วด้วย เลือกมาสิว่าเจ้าจะช่วยคนไหนกัน? เจ้าเลือกที่จะทอดทิ้งใคร หรือเจ้าจะให้ข้าฆ่าทั้งสองแล้วเอาลูกตามาให้แทน เลือกสิ รีบๆ เลือกซะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป ไม่อย่างงั้นข้าจะนับเลขตัวสุดท้ายแล้วนะ……? 」
โอเค็นสัมผัสได้ถึงชัยชนะของตนก่อนจะนับเลขตัวสุดท้ายด้วยสีหน้ายินดีปรีดา
แต่เสียงนับก็ต้องหยุดลงไปอย่างกะทันหัน
――อยู่ดีๆ ก็มีมนุษย์อีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในระยะสายตาของโอเค็น
แถมระยะมันยังไม่ไกล จนเรียกได้ว่าแทบจะหายใจรดต้นคอกันได้ มนุษย์ผมสีดำตอนนี้กำลังยืนอยู่จ้องหน้าเขาในระยะที่จมูกแทบจะชนกันดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองไปยังโอเค็น ภายในนั้นมันคือความมืดมิดราวกับเขากำลังจ้องมองไปยังก้นของบ่อน้ำลึก
โอเค็นอดไม่ได้ที่จะสับสน เพราะวินาทีก่อนหน้านี้จุดนั้นยังไม่มีใครอยู่เลยแท้ นอกจากนี้หากมีคนเข้ามาใกล้จริงๆ ถึงพวกเขาจะใช้สมบัติบัติศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวเช่นเดียวกับพวกเขา โอเค็นก็น่าจะต้องสังเกตเห็นก่อนแล้วสิ
มันไม่ควรจะมีใครอยู่ตรงนี้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่บุตรแห่งไทซานผู้นี้ซึ่งเป็นสาวกแห่งพระผู้เป็นเจ้าจะถูกประชิดตัวโดยไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลยสักนิด ดังนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ไม่น่าจะเป็นของจริงได้เลยแบบนี้นี่เอง โอเค็นนึกขึ้นได้ว่ามีนักรบในกลุ่มนี้สามารถสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้ เจ้านี่จะต้องเป็นฝีมือของนักรบคนนั้นแน่
ร่างกายกับหัวใจของเขาที่กำลังสั่นไหวอยู่นี้ล้วนเป็นฝีมือของภาพลวงตานั่น――ระหว่างที่โอเค็นสรุปได้แบบนั้น มนุษย์ตรงหน้าเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว
หัวของโอเค็นได้ถูกกระทำแบบเดียวกับที่ทำกับอิบุกิ มือขวาของมนุษย์ได้ยื่นออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าเพื่อจับไปยังใบหน้าของโอเค็น――
「อ๊ากกกกกก?!」
แรงแบบรุนแรงราวกับกำลังโดนคีมหนีบเอาไว้
เสียงร้าวของกะโหลกโอเค็นดังขึ้นมา มันคือการบีบที่ไม่ได้ออมแรงไว้เลยสักนิด แววตาที่ส่งออกมาก็ไร้ซึ่งความเมตตา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของโอเค็นในตอนนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน
โอเค็นได้ปล่อยอิบุกิลงไปในทันที ก่อนจะทำการใช้กรงเล็บทั้งมือซ้ายและขวาของเขากดลงไปยังร่างของมนุษย์นั่น กรงเล็บที่แข็งแกร่งขนาดสามารถตัดเหล็กได้ กะอีแค่แขนข้างหนึ่งของมนุษย์มันจะไปเหลืออะไร มนุษย์คนนี้ได้พลาดไปเสียแล้วเพราะผยองคิดว่าการป้องกันด้วยเกราะคิของตัวเองจะแข็งแกร่งเกินกว่ากรงเล็บของเขา
พอคิดได้แบบนั้นโอเค็นก็ทำการโจมตีแขนของศัตรูด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทว่าวินาทีต่อมาใบหน้าของเขาก็ต้องบิดเบี้ยวด้วยความประหลาดใจ
เพราะเล็บของเขาไม่สามารถทะลวงแขนนั้นได้ ไม่สิแค่รอยบนผิวหนังยังสร้างให้ไม่ได้เลยสักนิด นับประสาอะไรกับกระดูกที่อยู่ข้างใน เมื่อคิดได้ว่าตัวเองพลาดเสียแล้ว กรงเล็บของเขาที่แทงลงไปยังแขนนั่นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ สาวกแห่งเทพอสูรถึงกับพูดอะไรไม่ออก
จากนั้นโอเค็นก็ได้ยินเสียงร่ายของท่วงทำนองที่เป็นดั่งลางร้าย และเสียงนั้นคือเสียงของชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา――
「『เลือดที่กำลังเดือด เส้นผมที่ถูกเผาไหม้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความพิโรธ』」
「น่ะ-นี่แกจะทำอะไร?!」
มันคือการร่ายเวทไฟ เปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาร่างที่อยู่ในมือของผู้ร่าย
และเพราะนี่เป็นช่วงสะสมพลังจากการร่ายความร้อนในมือของผู้ร่ายเริ่มจับตัวขึ้น จนทำให้โอเค็นได้รับผลกระทบจากมัน ใบหน้าของโอเค็นรวมไปถึงดวงตาของเขาเริ่มถูกความร้อนจากเวทนั้นแผดเผา
「『ปราสาทอันสูงศักดิ์ เก้าอี้แห่งโครงกระดูก 』」
「หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่เจ้าไม่คิดหรือไงว่าหากทำแบบนี้สหายของเจ้าจะ――อ๊ากกก?!」
แรงที่ใช้ในการจับหัวของเขานั้นถูกเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และเสียงกะโหลกของเขาที่แตกออกมาก็ทำให้โอเค็นกรีดร้องออกมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นภาพแบบนั้น เหล่าทหารของไทซานก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันทีเพื่อช่วยโอเค็น
คนแรกที่เคลื่อนไหวก็คือคิจินที่ทพการแทงมอร์แกน สกายชิพจากด้านหลัง ซึ่งอยู่ใกล้กับโอเค็นที่สุด เมื่อมอร์แกนหมดสภาพไปแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกและเลือกจะกระโจนออกไปหามนุษย์คนนั้น แต่ทว่ามนุษย์คนนั้นก็ไม่ได้ขยับร่างของเขาเลย
จะมีก็เพียงสายตาที่หันมาจ้องมองคิจินพวกนั้น แค่ครู่เดียวพวกคิจินก็รู้สึกเหมือนกับว่าเท้าของพวกตนถูกตรึงเอาไว้กับพื้น มันคือการปล่อยพลังคิกดดันร่างของอีกฝ่าย
「『ธงแห่งการปฏิวัติที่โบกสะบัด ของขวัญแก่เหล่านักฆ่าผู้ร่วงหล่น 』」
「อ๊ากกกกก!!」
ปากของโอเค็นยังคงส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่หยุดหย่อนเพราะมิอาจจะทนกับความเจ็บปวดที่กะโหลกถูกบดขยี้และความร้อนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในทุกขณะ
ตอนนี้นอกจากแขนโอเค็นยังพยายามใช้ขาของเขาในการดิ้นรนเพื่อให้ตนหลุดจากพันธนาการนี้เสียที แต่ไม่ว่าจะพยายามต่อต้านมากสักเพียงใด เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรร่างกายของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่ปลายนิ้ว และแล้ว――
「『ดวงตาสีเลือดและมือที่ลุกโชน จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูของข้า – องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง』」
เมื่อสิ้นเสียงการร่ายบทสุดท้าย เวทไฟที่แท้จริงระดับ 5 ก็ถูกเปิดใช้งานขึ้น มันทำการเอาพลังภายในร่างของผู้ร่ายเพื่อเพิ่มพูนอานุภาพจนถึงขีดจำกัดกำลังระเบิดขึ้นในระยะที่เป็นศูนย์
เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโอเค็นได้ดังออกมาจากจะงอยปาดของเขาราวกับไม่มีวันสิ้นสุด
——–
Note 1 : พ่อมา!
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code