ตอนที่ 138 วิเศษ
「――อิบุกิ หลับไปแล้วเหรอ เซซิล? 」
「ค่ะ ท่านพี่」
หลังจากพยักหน้าให้กับโกซุที่ถาม เซซิลก็ยิ้มให้กับพี่ชายของเขา
「ก่อนเด็กคนนี้จะหลับไปก็เอาแต่พูดเรื่องการต่อสู้ก่อนหน้านี้ด้วยตาที่เป็นประกายไม่หยุดเลยด้วย」
「คงจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นจริงๆ นั่นแหละ」
โกซุยิ้มออกมาก่อนจะเอามือลูบปลายคางของตน
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ อิบุกิถูกคิจินลอบโจมตีและก็ทรมาน หากนึกอายุที่เขาเป็นเพียงแค่เด็ก 4 ขวบ คงไม่แปลกเลยหากเขาจะกลัวจนตัวสั่นแล้วพูดอะไรไม่ออกหลังผ่านเรื่องนั้นมาได้
ทว่าความกังวลของคนรอบข้างคงจะมากเกินไป เพราะอิบุกิยังร่าเริงได้เหมือนเดิม แถมแรงยังเหลือไปกระโดดโลดเต้นไปมา แม้จะเข้าช่วงกลางคืนแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับ จนทำให้แม่ของเขาต้องปวดหัว
สมแล้วจริงๆ ที่เป็นสายเลือดของนักบุญดาบ――โกซุแอบยกหางหลานชายของตัวเองในเรื่องความกล้าหาญ
แล้วข่าวดีอีกอย่างก็คงจะเป็นเรื่องที่อิบุกิมองโซระในมุมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จนถึงตอนนี้อิบุกินั้นมองว่าโซระเป็นคนร้ายที่รังแกลุงของเขาและโกรธจนต้องไปท้าดวลกับโซระที่กลับมาถึงเกาะ แต่หลังจากเรื่องนี้ดูเหมือนโซระจะกลายเป็นตัวตนที่อิบุกิจะต้องไปถึงให้ได้ในสักวันหนึ่ง ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี.
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของโซระที่เอาชนะพวกคิจินซึ่งซุ่มโจมตีกลุ่มอพยพ ก่อนจะใช้วิชามายาดาบเดียวในการโค่นพวกมันจะได้ใจเด็กคนนี้ไปเต็มๆ จากคำบอกเล่าของเซซิล ดูเหมือนว่าโซระตั้งใจจะมาช่วยอิบุกิเองด้วย
โกซุอยากจะขอบคุณโซระจริงๆ แต่ว่าเขาก็ออกจากเกาะไปแล้ว ก็คงตามที่บอกตอนแรกว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่นาน ทางอิบุกิที่ได้ยินก็ผิดหวังกับเรื่องนี้พอสมควร
นอกจากนี้ลักษณะการเรียกชื่อโซระของอิบุกิก็เปลี่ยนไปจากคุณลุงกลายเป็นพี่แทนแล้ว แต่นั่นมันก็ทำให้เกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่งตามมา
เพราะเมื่อเรื่องราวกับกลายเป็นแบบนี้ไป อิบุกิก็เลยถามพวกเขาว่าทำไมพี่โซระถึงต้องรีบออกจากเกาะไปด้วยเอย ทำไมพี่โซระถึงต้องรังแกลุงโกซุเอย
เด็ก 4 ขวบก็คงจะไม่เข้าใจเหตุผลการกระทำหรอก เพราะขนาดพวกเขาเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเลยเหมือนกัน ตั้งแต่ที่โซระปรากฏตัวออกมาจัดการเรื่องต่างๆ ภายในเกาะ ทุกสิ่งมันก็ตรงกันข้ามกับที่พวกพี่น้องชิมะคิดไปเสียหมด
เซซิลที่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในอดีตก็ก้มหน้าลง
「….ท่านพี่ พวกเราคงจะทำอะไรผิดพลาดไปจริงๆ สินะ? 」
「หากจะพูดถึงความผิดพลาดก็คงจะเป็นการที่ข้าไม่สามารถช่วยเหลือท่านโซระให้เข้าถึงอาภรณ์วิญญาณได้ ทางเจ้าเองไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรหรอก」
โกซุพูดปลอบน้องสาวของเขาด้วยเสียงที่อ่อนโยน
แต่ถึงจะเรียกว่าการปลอบ แต่โกซุก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
เซซิลรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากและกลับมาย้อนคิดว่าเธอควรจะเลือกทางอื่นในตอนที่โซระถูกเนรเทศออกไป
แต่ทางโกซุกลับมองว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำแบบนั้นจริงๆ
นอกจากนี้โกซุก็ไม่ได้คิดว่าการเนรเทศโซระออกจะเกาะจะเป็นเรื่องที่แย่
เมื่อพิจารณาจากประวัติของตระกูลมิตสึรุกิแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่โซระซึ่งไม่สามารถผ่านพิธีทดสอบจะสามารถดำรงตำแหน่งทายาทสืบทอดตระกูลคนถัดไป นอกจากนี้หากเขายังอยู่ที่เกาะก็เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างหลังจากนี้――โซระในตอนนั้นคงไม่สามารถรับมือกับมันได้แน่
อีกทั้งหากเขาไม่สามารถอาศัยอยู่ภายในตระกูลได้จนต้องออกไปอยู่นอกคฤหาสน์ แต่เมืองชูโตะนั้นก็ใช่ว่าจะใหญ่โตอะไร ผู้คนที่ผ่านไปมาก็ต้องรู้จักโซระกันบ้างอยู่แล้ว เขาคงไม่สามารถทนกับสายตาพวกนั้นได้หรอก โกซุเลยมองว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้โซระออกจากเกาะไป
ดังนั้นการพูดว่าเนรเทศก็คงจะดูรุนแรงเกินไป เพราะหากมองในอีกมุมหนึ่งนี่มันก็เหมือนกับความเมตตาของชิกิบุ ที่ให้โซระได้ออกไปอยู่นอกเกาะซึ่งมีความสงบสุขมากกว่าที่จะให้มาเผชิญกับมอนสเตอร์บนเกาะแสนทรงพลัง อย่างน้อยๆ นั่นก็คือสิ่งที่โกซุเห็นว่าเป็นเรื่องดี
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับโซระ โกซุรู้ดีว่าโซระจะต้องเจ็บปวดและเดียวดายมากแน่ๆ ในการอยู่ตัวคนเดียวนอกเกาะที่โตมา
แต่ทั้งหมดก็เพื่อการเติบโตของโซระ หากโกซุและเซซิลเลือกจะอยู่เคียงข้างเขาจนถึงตอนนั้น โซระก็คงพึ่งพาพวกเขาไม่เลิก นอกจากนี้หากโกซุและคนอื่นๆ เลือกจะตามโซระไปจริง ก็เท่ากับว่าพวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของผู้นำตระกูลมิตสึรุกิ แถมหากเลือกจะแอบหนีตามไป ก็คงไม่พ้นการถูกมองว่าเป็นคนทรยศต่อธงแห่งผืนป่า สำนักมายาดาบเดียว――สุดท้ายพวกเขาก็จะถูกหน่วยไล่ล่าตามไปเก็บแน่
ดังนั้นตัวเลือกที่เขาจะติดตามโซระไปจึงต้องปัดตก ประการแรกเลยคือโซระจะตกอยู่ในอันตรายได้ ประการที่สองคือเขาไม่อยากจะเหยียบย่ำสิ่งที่ชิกิบุคิดมาแล้วเป็นอย่างดี
เซซิลเองก็คงจะคิดไม่ต่างจากเขานัก แต่หากจะให้พูดถึงความต่างของเขากับเซซิลก็คงจะเป็นโกซุนั้นไม่สามารถขัดต่อความต้องการของชิกิบุได้ เพราะครั้งหนึ่งในอดีตตัวโกซุเองเคยหันดาบไปทางชิกิบุแล้วท้าทายเขา สุดท้ายตนก็พ่ายแพ้ ทว่ามิตสึรุกิ ชิกิบุกลับยกโทษให้เขาและนำพี่น้องชิมะเข้ามาในการดูแล ด้วยสำนึกในบุญคุณโกซุเลยไม่สามารถขัดคำสั่งชิกิบุได้เลย
พวกโกซุก็เลยไม่ได้พาใครมากับพวกตนในวันที่จะส่งโซระตอนออกจากเกาะ เพราะพวกเขาไม่อยากจะให้โซระเสียใจไปมากกว่านี้ แล้วก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อโซระเติบโตขึ้น ผ่านโลกมามากขึ้น เขาจะเข้าใจถึงความตั้งใจและความรู้สึกของพ่อเขา――สองพี่น้องชิมะหวังไว้เช่นนั้นจริงๆ ในวันที่โซระออกจากเกาะไป
ทว่า 5 ปีผ่านไป โซระก็ได้กลับมายังเกาะ ด้วยพลังที่แสนน่าสะพรึงกลัวพร้อมกับสายตาที่เย็นยะเยือก
เซซิลยังจำภาพที่โซระมองมายังเธอได้อยู่เลย พอนึกถึงทีไรไหล่ของเธอก็สั่นทุกที
เธอก็พอจะสามารถเข้าใจได้ เพราะตั้งแต่ที่พี่ชายของเธอได้ตัดขาดกับโซระไป เธอก็คิดไว้แล้วว่าความเกลียดชังของโซระจะต้องมาลงที่เธอด้วยเหมือนกัน แล้วเธอก็พร้อมจะรับมันไว้
――ทว่า สายตาที่โซระมองมาในตอนนั้นมันไม่ใช่สายตาที่เคียดแค้นหรือชิงชังเธอ
โซระไม่ได้มีความสนใจอะไรในตัวเซซิลเลยสักนิด ไม่มีแม้กระทั่งความแค้นหรือความเกลียดชัง ราวกับพวกเธอเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ตัวตน ไม่ควรค่าแก่การให้ต้องมาใส่ใจ
เมื่อเธอเห็นแบบนั้น――เธอก็เลยไม่สามารถพูดคุยอะไรกับโซระได้อีกตั้งแต่เขากลับมาที่เกาะ….โซระที่เคยรักเธอเหมือนพี่สาว ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอเสียใจจนรู้สึกทนแทบไม่ไหวจริงๆ ที่เขามองดูไม่ต่างอะไรกับก้อนหินข้างทาง
เมื่อเห็นใบหน้าของน้องสาวเขาซีดไป โกซุก็พยายามเรียกสติน้องสาวเขา
「เซซิล เจ้าอย่าคิดอะไรไปมากกว่านี้เลย」
「……แต่ว่าท่านพี่คะ」
「ใบหน้าของเจ้าตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแล้ว หากอิบุกิมาเห็นเข้าจะเท่าอย่างไรเล่า ทางที่ดีเจ้าควรไปพักผ่อนเสียเถอะ」
แม้ว่าจะกังวลไปสิ่งที่ได้มาก็มีแค่ความเสียใจและเสียใจเปล่า เซซิลที่เข้าใจถึงเจตนาของพี่ชายเธอ จึงพยักหน้าให้กับเขา
ก่อนที่เธอจะหันไปที่มือของโกซุ แล้วพบว่ามีดาบไม้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการสร้าง คงไม่ต้องบอกว่านั่นจะเป็นดาบไม้อันใหม่ของอิบุกิผู้สูญเสียดาบของตนไปในการต่อสู้ครั้งก่อน
「ท่านพี่ก็ดูยุ่งๆ นะ จะไม่เป็นไรเหรอ? 」
「อ้อ ทางข้าเองก็พอมีเวลาทำอยู่บ้างไม่เป็นไรหรอก」
โกซุพูดแล้วหัวเราะออกมา แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่มีหลายๆ อย่างยังไม่ได้รับการสะสาง ทั้งเรื่องกำแพงเมืองที่พังไป ทั้งเรื่องของพวกคิจินที่เริ่มเคลื่อนไหว นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้พวกธงแห่งผืนป่าหนักใจ อย่างการที่รากุนะซึ่งเป็นทายาทคนถัดไปของตระกูลพ่ายแพ้ให้กับเทพปีศาจ ก่อนที่เทพปีศาจตนนั้นจะถูกโซระซึ่งเป็นอดีตทายาทจัดการ
พายุลูกใหญ่กำลังจะก่อตัวขึ้นมาแล้ว มันคือสิ่งที่โกซุเชื่อว่าจะเกิดขึ้นอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องรีบจัดการกับดาบของหลานชายตัวเองก่อนที่พายุลูกนั้นจะมาถึง
◆◆◆
ขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิ กิลมอร์ เบิร์ชกำลังได้เข้ามาพบกับผู้นำตระกูล แล้วนำเรื่องที่ตนต้องการพูดมาบอกเขาชิกิบุ
นั่นก็คือเขาต้องการให้จัดการกับโซระ
มันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเลย หากจะปล่อยให้คนแบบนั้นต่อต้านไม่เชื่อฟังตระกูลต่อไปแบบนี้
เพราะเขาอาจจะกลายเป็นพลังของประเทศอื่น ไม่ก็พวกชนชั้นสูงจากจักรวรรดิซึ่งรู้ถึงเรื่องภายในตระกูลมิตสึรุกิอาจจะเข้ามาติดต่อโซระ ก่อนที่เรื่องพวกนั้นจะเกิดขึ้น ทางตระกูลควรจะหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อให้โซระมาอยู่ภายใต้ตระกูลเสีย
ก็จริงว่าตอนแรกกิลมอร์อยากจะทำตามเจตจำนงของชิกิบุที่ปล่อยให้โซระทำอะไรตามใจไป แต่หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แล้ว ท่าทีของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป
เพราะสิ่งที่กิลมอร์คิดคือ ทางมอร์แกน สกายชิพผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนโซระเอาชนะเทพปีศาจลงอาจจะกำลังเคลื่อนไหว
มอร์แกน สกายชิพคือศัตรูทางการเมืองของกิลมอร์ ถึงแม้เขาจะสูญเสียอำนาจภายในเกมการเมืองไปแล้ว แต่อิทธิพลของเขาก็ใช่ว่าจะหายไปเสียหมด เห็นได้จากการที่ชิกิบุยอมให้เขาเป็นผู้นำในการพาเหล่าภรรยาและภรรยาน้อยอพยพไป
หากมอร์แกนใช้เรื่องนี้ในการผลักดันโซระ ชื่อเสียงของรากุนะที่ตกต่ำลงจากการพ่ายแพ้ให้กับเทพปีศาจก็คงดิ่งลงไปอีก ความเป็นไปได้ที่โซระจะกลับมาเป็นทายาทสืบทอดตระกูลเหมือนเดิมก็คงไม่ไกลนัก ทางกิลมอร์ที่เลือกสานสัมพันธ์กับรากุนะก็คงจะถูกลากลงเหวไปด้วยแน่
ถ้ากิลมอร์เป็นมอร์แกนละก็ เขาไม่มีทางพลาดโอกาสแบบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นกิลมอร์ก็เลยต้องชิงลงมือเสียก่อนเพื่อสกัดขาโซระเอาไว้ ซึ่งเป้าหมายของเขาก็คือการเบี่ยงเบนให้เห็นถึงเบื้องหลังความสำเร็จในคราวนี้
โดยเนื้อหาที่เขาเตรียมไว้ก็จะเป็น รากุนะได้ต่อสู้กับเทพปีศาจที่คฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าเขาก็ได้สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ให้กับมันเช่นเดียวกัน ก่อนที่มันจะถอยหนีรากุนะไปทางหุบเขา โซระที่ได้เผชิญหน้ากับเทพปีศาจซึ่งไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วก็ย่อมเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเรื่องราวทั้งหมดนี้สมควรจะบอกว่ามิตสึรุกิ รากุนะเป็นคนเอาชนะเทพปีศาจได้จะเหมาะสมกว่า――กิลมอร์อยากจะให้ชิกิบุ ประกาศต่อสาธารณชนเช่นนั้น
ทว่า
「ไม่จำเป็น」
「….แต่ว่าท่านผู้นำ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะเกิดข้อพิพาทในเรื่องตำแหน่งทายาทสืบทอดตระกูลก็ได้นะครับ ยิ่งพวกคิจินเริ่มเคลื่อนไหวแบบนี้แล้ว ข้าคิดว่าพวกเราควรจะจัดการปัจจัยที่ไม่จำเป็นออกไป ก่อนจะเกิดพายุขึ้นภายในตระกูล….」
「ไม่จำเป็น….สำหรับพวกนักรบแห่งผืนป่าแล้ว ความพ่ายแพ้คือสิ่งที่ยากจะทนรับก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย ความพ่ายแพ้ไม่ใช่ความอัปยศ แต่การที่ปกปิดความพ่ายแพ้ของตนต่างหากถึงจะเรียกว่าความอัปยศที่แท้จริง มันก็แค่นั้นเอง เมื่อมีคนเสียชื่อเสียงไปเพราะความพ่ายแพ้ ก็ย่อมมีคนที่ได้รับชื่อเสียงจากชัยชนะ เรื่องในคราวนี้ไม่ต่างอะไรกับใครบางคนที่ต้องสูญเสียชื่อไปจากการพ่ายแพ้นักรบเขี้ยวมังกร แต่ได้รับชัยจากการสังหารเทพปีศาจ」
หากผู้นำตระกูลพูดมาขนาดนี้ ถึงจะเป็นกิลมอร์ก็คงต้องยอมถอย แต่อย่างน้อยเขาก็พอมั่นใจได้แล้วว่า ชิกิบุยังไม่ได้คิดจะตัดรากุนะออกจากตำแหน่งทายาทอะไร หรืออย่างน้อยก็ในตอนนี้
ขณะเดียวกันเขาก็ทำการชื่นชมโซระด้วย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในตระกูลในอนาคตก็อาจจะไม่อะไรที่คาดไม่ถึงได้
เอาเถอะ อย่างน้อยการมาในครั้งนี้ก็พอคุ้มค่าอยู่บ้าง เมื่อกิลมอร์คิดได้เช่นนั้นก็ทำการก้มศีรษะแล้วบอกลาผู้นำตระกูลก่อนจะจากไป
พอชิกิบุถูกทิ้งเอาไว้ภายในห้องตามลำพัง เขาก็เริ่มพูดกับตัวเองขึ้น
「คนที่เอาชนะเทพปีศาจ ซึ่งในอดีตเคยพ่ายแพ้ให้กับนักรบเขี้ยวมังกรงั้นหรือ….」
ในขณะที่ชิกิบุพูดพึมพำออกมา ภาพของการต่อสู้นั้นก็ฉายเข้ามาภายในจิตใจของเขา สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือภาพของชายหนุ่มผมสีดำกำลังหันหลังกลับแล้วพุ่งตัวออกจากเกาะแห่งนี้ไป
ริมฝีปากของชิกิบุถูกยกสูงขึ้น จนไม่รู้ว่าเขาต้องการจะหัวเราะ ชื่นชม หรือเยาะเย้ยให้กับภาพที่เห็นตรงหน้ากันแน่
「――วิเศษมาก… โซระ」
——–
Note 1 : สรุปคนที่ส่องโซระก็คือพ่อนี่เอง
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code